Home / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 34 ข้างในของนายยังเหมือนเดิม

Share

ตอนที่ 34 ข้างในของนายยังเหมือนเดิม

Author: Glita
last update Last Updated: 2025-01-11 19:18:22

          “ตื่นได้แล้ว?”

          ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เสียงอบอุ่นดังมาคู่กับการสะกิดแสนนุ่มนวล คอยกระเซ้าเย้าแหย่อยู่ข้างแก้ม

          เมื่อรู้สึกตัว… เด็กหนุ่มค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งอย่างเชื่องช้า สงสัยครางในลำคอเหมือนแมวแสนขี้เกียจ ยืดเหยียดแขนไปสุดเท่าที่พอจะทำได้

          เมื่อหันไปสบตากับชายอีกคนฝั่งคนขับ ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในความคิดเลือนรางของอาร์เต้ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

          แดดรำไรจากภายนอกที่ลอดเล็ดผ่านช่องกว้างของตัวอาคาร แยงจนดวงตาอาร์เต้จนแสบ เด็กหนุ่มพยายามกะพริบตาอยู่หลายครั้งกว่าจะง้างเปิดตาได้จนสุด

          “ถึงคอนโดแล้วฯ เจ้าชายขี้เมา”

          “หือ!?”เด็กหนุ่มพยายามงัดตัวให้ลุกขึ้นนั่ง สำรวจรอบตัวด้วยความมึนงง “นี่ผมเผลอหลับไปเมื่อไหร่?”

          “ขับออกจากร้านมาได้ครึ่งทางก็โดนทิ้งให้พูดคนเดียวอยู่ตั้งนาน”

          “อ้าวเหรอ!” อาร์เต้ส่ายหัวสลัดความเกียจคร้าน “สงสัยดื่มมากไปจริงๆ”

          “ไหวไหม?” เป็นเอกเอื้อมตัวปลดเข็มขัดนิรภัยของเด็กหนุ่ม “ให้พี่ขึ้นไปที่ห้องหรือเปล่า”

          “อือ… ครับ” อาร์เต้พยักหน้า 

          ความหงุดหงิดเล็กๆก่อตัวเป็นก้อนกลมๆในใจของอาร์เต้ เขาเบื่อตัวเองที่ช่วงหลังมานี้ความจำเริ่มเลอะเลือน ไม่ก็ตัดสลับกันไปมาไม่เป็นเส้นตรง และด้วยสาเหตุเหล่านี้… ช่วงหลังเด็กหนุ่มเลยเริ่มคิดจริงจังเรื่องการหางานใหม่ เขาโทษว่ามันเป็นเพราะการดื่มที่มากเกินไปในแต่ละวัน

          การได้งีบหลับครู่หนึ่งทำให้การเดินของอาร์เต้เป็นเส้นตรงมากขึ้น ภาพตรงหน้าไม่ได้ยึกยือเหมือนอยู่ในมิติพิศวงอีกต่อไปแล้ว ทว่าก็ยังมีอาการวิ้งๆอยู่ในหูทั้งสองข้าง

          “พักหลังมานี่ผมเริ่มจำอะไรได้แย่ลง พี่เอกว่าผมจะเป็นอัลไซเมอร์ไหม?” อาร์เต้ครุ่นคิดอย่างสงสัย ในขณะที่เดินเข้าสู่ล็อบบี้ของคอนโด “แบบวันหนึ่งถ้าผมจำพี่ไม่ได้ จำตัวเองไม่ได้จะทำยังไง”

          “คิดมากน่าอาร์ต… นายไม่เป็นโรคคนแก่แบบนั้นหรอก”

          “ผมไม่อยากหลงๆลืมๆแบบนี้เลย ผมอยากจดจำในแต่ละช่วงเวลาให้ได้มากที่สุด” อาร์เต้ยังคงหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง

          “นายจะดีขึ้น” เป็นเอกยิ้มให้อย่างอบอุ่น “นายก็แค่โดนสิ่งไม่ดีรบกวน ถ้าของพวกนั้นเลิกยุ่งเกี่ยวกับนาย… นายก็จะไม่เป็นอะไร”

          “ผมขนลุกแล้วนะเนี่ย” อาร์เต้ถูต้นแขนทั้งสองข้าง “ทักอะไรแบบนี้เหมือนพี่เจษเลย สงสัยผมต้องไปทำบุญเหมือนที่พี่เจษว่าแล้วมั้ง”

          “ฮ่า! ฮ่า! ไม่ต้องหรอก เชื่อฉัน นายไม่เป็นอะไรแล้ว”

          ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเอกเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหน ทว่าน้ำเสียงและใบหน้าแสนอบอุ่นนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มใสซื่ออย่างอาร์เต้เชื่อจนสนิทใจ

          ตลอดระยะทางไปยังห้อง… เป็นเอกคอยเดินประกบอาร์เต้จนหัวไหล่ของทั้งคู่แนบชิดสนิทกัน สายตาพลางสอดส่องอาการที่อาจผิดปกติอย่างใกล้ชิด

          มีเพียงผู้จัดการหนุ่มและชายผมบลอนด์หยักศกเล็กน้อยเท่านั้น ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงอาร์เต้หมดสติอยู่ในร้านสัก

          “ถึงสักที… Home sweet home… บ้านแสนจุก”

          เป็นเอกขำคิกคักกับท่าทางทางล้นๆของอาร์เต้ เด็กน้อยในสายตาเขาดูร่าเริงเมื่อเท้าทั้งคู่สัมผัสถึงพื้นห้อง “นายนี่นะ… ไม่รู้จักโตบ้างเลย”

          “โตแล้วมันเจ็บปวด” อาร์เต้วางข้าวของทิ้งลงบนโซฟา “ยกเว้นเรื่องจุก… ผมพอทนไหว”

          “ทะลึ่งไม่เคยเปลี่ยนด้วย”

          “จะดื่มอะไรก็หยิบเองได้เลยนะครับ” อาร์เต้ตะโกนบอกเป็นเอกในขณะที่ตัวเองพุ่งเข้าห้องนอน

          “นี่จะนอนต่อเลยเหรอ” เป็นเอกเดินดิ่งไปยังตู้เย็น หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย “ไม่อาบน้ำก่อนเหรอ ตัวเหม็นกลิ่นเหล้าฉึ่ง”

          “คนโสดอย่าผมจะตัวหอมให้ใครดมล่ะ” อาร์เต้ม้วนตัวเข้าไปในผ้าผม เขารู้สึกร่างกายร้อนวูบวานและเวียนหัวเล็กน้อย “คนโสดแปลว่าอิสระ ผมไม่ยอมเป็นทาสของใครทั้งนั้นแหละ”

          “อย่างน้อยก็ดื่มน้ำสักหน่อย จะได้ช่วยขับแอลกอฮอล์ในร่างได้บ้าง” เป็นเอกตามเข้ามาในห้องนอน ยื่นน้ำเย็นให้เด็กหนุ่มผู้เกียจคร้าน

          “ขอบคุณครับ”

          ความสดชื่นช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้าได้บางส่วน อาร์เต้รู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อดื่มน้ำเข้าไปครึ่งขวด ส่วนเป็นเอกก็เฝ้าดูแทบไม่วางตา

          ในความทรงจำของผู้ใหญ่ที่เฝ้าดูการเติบโตของอาร์เต้มาโดยตลอด เป็นเอกรู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเท่าไหร่ มีเพียงขนาดตัวสูงใหญ่เท่านั้นที่ไม่เหมือนเดิม ทว่าข้างในที่ซุกซนความซุกซนเหมือนเด็กผู้ชายยังหลบซ่อนอยู่ในนั้น

          เป็นเอกรับขวดน้ำดื่มแล้วจากมือของอาร์เต้วางมันไว้บนโต๊ะเตี้ยใกล้กัน สายตาพลันมองเห็นกรอบรูปที่คุนเคยตั้งอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอน

          ความทรงจำบางส่วนถูกเรียกคืนจากภาพนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…

          ภาพเก่าๆ ความคมชัดไม่อาจเทียบกับรูปในสมัยนี้ได้ ข้างในมีผู้ชายสองคนที่อายุอานามห่างกันพอสมควร คนที่ดูอายุมากว่าใช้มือข้างหนึ่งกอดคอเด็กชายอีกคนเอาไว้ รอยยิ้มกว้างเปื้อนบนใบหน้าของทั้งคู่

          “ยังเก็บเอาไว้อีกเหรอ?” เป็นเอกเอียงหน้าหันไปถามเด็กหนุ่มหน้าตาบ้องแบ๊ว

          “ตลอดไป… ย้ายที่แก้เบื่อบ้างแต่ก็อยู่กับผมตลอด ” อาร์เต้ขยับร่างวางหัวลงบนตักของเป็นเอก “กี่ปีแล้วนะภาพนี้… ถึงสิบปีหรือยัง?”

          “ไม่ถึง” เป็นเอกลูบหัวเด็กหนุ่มพลางรื้อฟื้นความทรงจำจากภาพนั้น “รูปนี้ถ่ายตอนงานวันเกิดครบของนาย ตอนนั้นนายเพิ่งสิบหกส่วนตอนนี้ยี่สิบสามแล้ว… ก็ประมาณเจ็ดปี”

          “ใช่ๆ! แล้วพี่ก็เอารูปนี้ใส่กรอบให้ผมเป็นของขวัญ จำได้ว่างอนไม่คุยกับพี่ไปหลายวันเพราะผมนึกว่าพี่จะซื้อมือถือใหม่ให้” อาร์เต้หลับตาพริ้ม “พอกลับมาย้อนคิดตอนนี้… ดีละที่ไม่ได้มือถือ”

          “นายคงลืมไปว่าที่กลับมาคุยกับฉัน เพราะฉันซื้อมือถือให้”

          “เหรอ?” อาร์เต้จ้องดวงตาของเป็นเอก สีหน้าเลิ่กลั่กราวกับนึกถึงบางอย่างที่เคยทำหล่นหาย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ตอนนั้นพี่ใช้กล้องอะไรถ่ายนะ ที่ต้องใส่ม้วนอะไรสักอย่างเข้าไปก่อนถึงจะถ่ายได้”

          “กล้องฟิล์ม!”

          “อ๊ะ… ใช่! ตอนพี่จะกดถ่ายผมทำตัวไม่ถูกเลย ไม่รู้ต้องมองไปตรงไหนเพราะไม่มีหน้าจอให้ดู”

          เสียงหัวเราะดังสดใสเช่นเดียวกันกับดวงอาทิตย์ภายนอก ถึงจะไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้เด่นชัด ทว่าความรู้สึกในตอนนั้นเป็นสิ่งที่รูปถ่ายเก่าๆใบเดียวมอบให้

          “ไวเหมือนกันเนอะ” อาร์เต้ถูหัวลงบนต้นขาเนียนนุ่มของเป็นเอก “ผ่านมาตั้งเจ็ดปีหน้าตาพี่เหมือนเดิมเป๊ะ มีผมคนเดียวที่เปลี่ยนจนจำไม่เหลือเค้าเดิม”

          ดวงตาหม่นหมองของอาร์เต้มองไปยังรูปถ่ายในมือ ชายอีกคนคือเป็นเอกโดยไม่ต้องสงสัย ความหล่อและอ่อนเยาว์ของเขาในตอนนี้แทบจะคัดลอกมาจากในช่วงเวลานั้นไม่ผิดเพี้ยน ราวกับภาพนี้เพิ่งถูกถ่ายมาเมื่อวานก็ไม่ปาน เว้นก็แต่เด็กน้อยตาใสที่อยู่ในอ้อมแขน ไม่ว่าจะมองมุมกลับหรือปรับมุมมองอย่างไรก็ไม่หลงเหลือเศษเสี้ยวอะไรให้เชื่อมโยงกับอาร์เต้ได้เลย

          สีผิวที่หยาบกร้าน ริมฝีปากเบอะบาน จมูกแหมบและรูกว้าง คางสั้นทู่ ดวงตาห้อยตกดูน่าสังเวช ทุกอย่างตรงกันข้ามกับอาร์เต้โดยสิ้นเชิง

          “ไอ้หนูนาโสโครกเอ้ย!” อาร์เต้โพล่งออกมา

          “ทำไมพูดแบบนั้น”

          “ผมเปล่าพูด” อาร์เต้วางรูปในมือแนบอก “เด็กที่โรงเรียนเรียกผมแบบนั้น”

          “เรื่องมันผ่านมาแล้ว นายอย่าคิดมากเลย… อาร์ต!”

          “...ไม่มีใครเรียกผมด้วยชื่อนี้แล้ว” อาร์เต้นิ่งเงียบ เขาย้อนนึกถึงความหลังที่ผ่านมาหลายปี มันนานมากแล้วแต่เรื่องราวแย่ๆมักจดจำได้แม่นยำกว่าเรื่องดีๆ

          “ถ้านายไม่ชอบฉันจะไม่เรียกชื่อนี้อีก”

          “เปล่าครับ… ผมโอเค ก็ดีที่ทำให้ผมไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร”

          “นายจะเป็นใครได้อีก นอกจากเด็กน้อยที่ชอบคิดว่าโลกใบนี้โหดร้ายกับตัวเองเสมอ”

          “ก็มันจริง”

          “จะอาร์ต อาร์ หรืออาร์เต้นายก็ยังเป็นคนเดิมที่ฉันเคยเจอครั้งแรก”

          “ไม่เลย… ผมเปลี่ยนไปแล้ว” อาร์เต้ยิ้มอ่อน “ตั้งแต่ผมทำศัลยกรรมมา ผมก็รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป”

          “อาร์ต” เป็นเอกอยากปลอบใจเพราะรู้ปูมหลังของอาร์เต้ดี แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เด็กหนุ่มสบายใจ

          “ไม่หล่อก็เหนื่อยหน่อย… แม่งโคตรจะจริง” อาร์เต้หัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนไม่หล่ออย่างอาร์ตไม่มีสิทธิ์เป็นตัวของตัวเองหรอก ฮ่าๆ… ดูตอนนี้สิ! พอผมกลายเป็นอาร์เต้แค่กระซิบเบาๆยังมีคนอยากฟังเลย”

          “ฉันยังคงเห็นนายแบบที่นายเป็นเสมอ ไม่ว่าจะอาร์ตหรืออาร์เต้ก็ล้วนเป็นเด็กน่ารักในสายตาฉัน”

          “แต่คนอื่นไม่! ตอนผมไม่หล่อแค่ถามคนที่ชอบว่า ‘กินข้าวหรือยัง?’ ผมยังโดนถีบจนหน้าครูดกับพื้นเลย” อาร์เต้ทอดถอนหายใจ “แต่ก็นะ… ผมโชคดีที่พี่เอกให้โอกาสผมหลายอย่าง”

          เมื่อลองตรึกตรองอย่างรอบคอบอีกครั้ง เด็กหนุ่มผู้เคยมีปมเรื่องหน้าตาก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง หากไม่ได้เป็นเอกผู้เป็นหลายอย่างให้กับชีวิตของเขา ป่านนี้ความมืดมนคงฉุดเขาดิ่งลงไปใต้ผืนดิน นอนคุยกับร่างมะม่วงและไส้เดือน

          ความสงบเป็นสิ่งที่เป็นเอกใช้ปลอบประโลมเด็กหนุ่มผู้น้อยอกน้อยใจในโชคชะตา เขาเคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นเลือดร้อนที่คอยถ่มถุยโชคชะตาฟ้าดินมาแล้ว ชายผู้อายุมากกว่าเชื่อมั่นว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งสีสันขอชีวิตจะขับไล่ความน่าเบื่อในอดีต และโอบอุ้มอาร์เต้ขึ้นมาได้เอง

          กำลังใจเรียบง่ายถูกส่งผ่านบรรยากาศผ่อนคลาย อาร์เต้รับรู้สึกถึงความเบาบางเพียงแค่สัมผัสดวงตาอบอุ่นตรงหน้า “พี่เอกอยู่ต่อกับผมอีกหน่อยได้ไหม?”

          “ได้สิ! ฉันไม่รีบอยู่แล้ว”

          รอยยิ้มของอาร์เต้เปลี่ยนความหมายไปโดยสิ้นเชิง เด็กหนุ่มคว่ำหน้าถูแก้มเข้ากับเป้ากางเกงของชายผู้มีอายุมากกว่า

          “ดะ… เดี๋ยว” ถึงจะตกใจเล็กน้อย แต่เป็นเอกก็โต้ต้อบด้วยการประคองแก้มอีกข้างของเด็กหนุ่มไว้ในฝ่ามือ

          “บอกสิครับว่าพี่คิดถึงผม”

          “อื้อ… ฉันคิดถึงนาย”

          “เรียกชื่อผมด้วยสิครับ” อาร์เต้ยกมือขึ้นมาประกบหลังมือของเป็นเอกอีกที

          “อาร์เต้”

          เด็กหนุ่มจูบหลังมือของเป็นเอก “เรียกชื่อจริงๆผมสิครับ เหมือนเมื่อก่อน”

          “อาร์ต!!!”

          เพียงการขานชื่อสั้นๆ อาร์เต้ก็ใจสั่นจนยากจะควบคุม เขาจับสองนิ้วของเป็นเอกเข้าปาก พลางดูดมันยั่วยวน

          ลิ้นไต่ไล่ไปตามนิ้วแต่ละข้อด้วยความเร่าร้อน ริมฝีปากที่ผ่านการตบแต่งมาอย่างสวยงามครอบลงบนนิ้วชี้แล้วนิ้วกลาง

          แรงดูดจากภายในโพรงปากทำเอาเป็นเอกหน้าแดงสู้แสงตะวัน ข้างในทั้งอุ่นและชื้น “ไม่ว่าข้างนอกของนายจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ข้างในของนายยังเหมือนเดิมเสมอ… สำหรับฉัน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status