[ริสา คือฉัน…จะโทรมาบอกให้แกกลับบ้านไปก่อน แผนเลดี้ไนต์ของเราคงต้องยกเลิกแล้วละ]
“เอ๋…เกิดอะไรขึ้น”
[คือ…เดี๋ยวสิ ฉันกำลังคุยกับเพื่อน นายรอก่อนไม่ได้หรือไง…]
“ว่ายังไงนะ ยายกุ๊กกิ๊ก แกกำลังคุยกับใคร” คาริสามั่นใจว่าประโยคเมื่อครู่ เพื่อนสาวไม่ได้คุยกับตัวเองแน่นอน
[พอดี...ฉันมีธุระด่วนน่ะ ต้องขอโทษจริง ๆ นะแก…รู้แล้ว ๆ กำลังจะวางนี่ไง เออ! ไว้ฉันจะเลี้ยงโอมากาเสะไถ่โทษนะยะ]
ตรู๊ด ๆ ๆ
คาริสายังไม่ทันตอบ กีรติกานต์ก็วางสายไปแล้ว แต่จากบทสนทนาเมื่อครู่ หญิงสาวที่เพิ่งถูกเพื่อนลอยแพ ก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่ได้หัวเสียนัก
ในเมื่อทุกอย่างออกมารูปนี้ ก็มีแต่ต้องหาทางกลับบ้านเองเท่านั้น
เนื่องจากไม่อยากตอบคำถามของพัดชา คาริสาจึงเลือกที่จะส่งข้อความไปบอก แล้วเดินตรงออกจากร้านไป แต่ว่าคนบางคนกลับยังตามเธอไม่เลิก
“ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้แผนเก่าเธอล่มแล้ว ทีนี้ให้กฤษณ์ไปส่งได้หรือยัง”
“เรากลับแท็กซี่ได้” คาริสาตอบเสียงเรียบ ไม่มีท่าทีจะหันกลับไปมองคนที่เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ อยู่ด้านหลัง
“มืดค่ำดึกดื่น เป็นผู้หญิงกลับแท็กซี่คนเดียวอันตรายออก ให้กฤษณ์ไปส่งดีกว่านะ”
“...อย่าดีกว่า เราเกรงใจ” ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขา แต่ความหงุดหงิดอันไร้ที่มา ทำให้ตอบปฏิเสธออกไป ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจว่า ทำไมถึงได้หัวเสียกับการกระทำของเขานัก
“ริสา ยกโทษให้กฤษณ์เถอะนะ” เขาปราดเข้าไปขวางหญิงสาวไว้ เพราะอีกไม่กี่ก้าวเธอก็จะเดินไปถึงหน้าถนนแล้ว
“เราบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรไง” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้ากลับบอกว่าเธอถือสาสุด ๆ
“ถ้าอย่างงั้น ก็ต้องยอมให้กฤษณ์ไปส่งสิ” พอเห็นหญิงสาวทำท่าลังเล เขาก็รีบยกเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธไม่ลงออกมา “กฤษณ์จะได้สบายใจไง ว่าริสาไม่โกรธแล้วจริง ๆ”
“แต่ว่า...” แต่กฤษณ์หรือจะรอให้เธอพูดจบ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ริสาไม่มีทางเคืองเราขนาดนี้นะ หรือว่า...มีเหตุผลอะไรนอกเหนือจากนี้” เขาจดจ้องเธอด้วยแววตาที่เหมือนมองทะลุได้ทุกสิ่ง
ทันใดนั้นคาริสาก็เก็บสีหน้าไม่พอใจลง แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าธรรมดาเป็นที่สุด “แล้วรถนายจอดอยู่ตรงไหนล่ะ”
“เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง” กฤษณ์ส่งยิ้มให้คาริสา แล้วเดินนำไปทางลานจอดรถ
หญิงสาวเดินตามพลางมองแผ่นหลังกว้างอย่างครุ่นคิด
เหตุผลนอกเหนือจากนี้งั้นเหรอ นั่นสินะ
ชั่วขณะนั้นเหมือนคาริสาจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมตนเองถึงได้เคืองกฤษณ์นัก ก็ใครใช้ให้พ่อคุณล้อเล่นกับเธอเหมือนที่ทำกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ของเขากันเล่า
แต่การที่เธอออกอาการแบบนี้ อาจจะทำให้อดีตเพื่อนชายคนสนิทคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาได้ ดังนั้นเธอไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย และทำตัวให้เหมือนปกติดีกว่า
ต้องโทษที่ช่วงนี้ฝันอะไรบ้า ๆ ทุกวัน
เธอสรุปอยู่ในใจเงียบ ๆ ในขณะก้าวขึ้นรถ...
แม้จะเป็นคืนวันศุกร์ แต่ก็เลยช่วงการจราจรคับคั่งไปแล้ว ถึงอย่างนั้นกฤษณ์กลับไม่ได้เร่งร้อน เขาขับรถไปตามเส้นทางอย่างช้า ๆ พร้อมเปิดเพลงสากลคลอเบา ๆ ทำให้บรรยากาศระหว่างคนสองคนไม่เงียบเกินไปนัก
หลังจากบอกจุดหมายปลายทางเสร็จ คาริสาก็เอาแต่ทอดสายตาไปบนถนน ไม่กล้าหันไปมองชายหนุ่มสุดเท่ที่กำลังขับรถอยู่ตรง ๆ ได้แต่เหลือบสายตาพิจารณาคนคุ้นหน้า แต่ไม่คุ้นเคยอยู่เงียบ ๆ
แสงไฟวูบวาบจากภายนอกเคลื่อนไปตามเนื้อตัวของชายหนุ่ม คาริสายิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนสนิทสมัยเรียนคนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นผู้ชายเต็มตัว และเป็นผู้ชายเต็มตัวที่เซ็กซี่เป็นบ้า คิดแล้วก็ชวนให้เลือดในกายร้อนผะผ่าว ดีที่ภายในรถไม่สว่างนัก ทำให้กฤษณ์สังเกตใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอไม่ชัด
ชั่วขณะนั้นเอง หญิงสาวที่กำลังเหม่อมองชายหนุ่มสุดฮอตก็มีอันต้องตกใจ
“ฟัค!” กฤษณ์สบถอย่างหัวเสีย เมื่อรถคันหนึ่งพุ่งออกมาจากซอย แล้วปาดเข้าเลนขวาสุดอย่างกะทันหัน โชคดีที่เขาไม่ได้ใช้ความเร็วมาก จึงควบคุมรถไว้ได้
“กฤษณ์ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” คาริสาคิดว่าควรพูดอะไรสักอย่าง เพราะดูจากคิ้วที่ขมวดกันยุ่ง เขาคงโมโหมากทีเดียว และการหัวร้อนระหว่างขับรถไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ชินเส้นทาง
“ริสาเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” เขาหันไปถามเธอด้วยความห่วงใย
“เราโอเค ว่าแต่กฤษณ์เถอะ หายหัวร้อนหรือยัง”
“อะ...ขอโทษที กฤษณ์ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายเลยนะ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก เวลาเรานั่งแท็กซี่ ลุงคนขับก็อัญเชิญสารพัดสัตว์ขึ้นมาบนรถออกจะบ่อย กฤษณ์แค่บ่นคำเดียวเอง จิ๊บ ๆ” คาริสากลั้วหัวเราะ พอได้พูดอะไรออกมาบ้าง ก็ทำให้ความน่าอึดอัดที่รายล้อมพวกเขาอยู่ทุเลาเบาบางลงไปมาก
พอเห็นว่าเธอเลิกกางบาเรียใส่เขาแล้ว กฤษณ์ก็ไม่คิดจะปล่อยให้การสนทนานี้จบลงง่าย ๆ อีก
“ริสานั่งแท็กซี่ประจำเหรอ”
“ปกติเวลาไปทำงานเรานั่งรถไฟฟ้า แล้วต่อแท็กซี่เอาน่ะ”
“กฤษณ์ว่าริสาน่าจะซื้อรถสักคันดีกว่านะ”
“ไม่เอาอะ อย่าลืมสิว่ากรุงเทพรถติดจะตายไป” คาริสาคิดภาพตนเองต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพื่อที่จะขับรถไปให้ทันเวลางาน ก็ส่ายหัวดิก
“ถ้าจำไม่ผิด มันมีอาคารฝากรถไม่ใช่เหรอ แค่ขับมาจอดตรงนั้น แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานก็ได้นี่”
“เราแค่ไม่ชอบขับรถน่ะ อีกอย่างการได้นั่งเชิด ๆ ให้คนอื่นขับให้แบบนี้ก็สะดวกดีอยู่แล้ว”
“อย่างงั้นเองเหรอ”
“แล้วจะมีเหตุผลอะไรอื่นอีกล่ะ แต่ถ้าคุณโชเฟอร์ไม่เชื่อ ก็ตามใจ” คาริสายักไหล่ไม่นำพา
“เชื่อแล้วครับคุณผู้หญิง” กฤษณ์เหลือบไปมองคาริสาที่ทำเป็นยืดคอตั้งตรงคล้ายไฮโซสาว ก็อดสัพยอกไม่ได้
“หันมาทางนี้ทำไม มองทางสิ ขับแบบนี้เดี๋ยวไม่ให้ทิปเลยนะ” คาริสาหันไปดุเขาที่เริ่มมองมาทางเธอมากกว่ามองถนนแล้ว
“ขับดีมีรางวัลเหรอ เยี่ยม!” กฤษณ์ส่งยิ้มให้เธอ เวลานั้น คาริสาไม่รู้เลยว่า เขาถือเอาคำพูดล้อเล่นของตนเองไปคิดเป็นจริงเป็นจังเสียแล้ว
หลังผ่านความวุ่นวายย่านกลางใจเมือง ในที่สุดชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาถึงบ้านพักย่านชานเมืองอย่างปลอดภัย
“ขอบคุณที่มาส่งนะ เอ๊ะ!?” คาริสาพูดในขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยไปด้วย แต่ดูเหมือนตัวล็อกจะค้าง “ขอเวลาริสาแป๊บนึงนะกฤษณ์”
“จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ครับ ว่าแต่ว่า...เมื่อกี้ผมขับรถดีหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง” กฤษณ์ไม่ได้สนใจท่าทางลนลานของเธอ แต่กลับถามคำถามที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ขึ้นมาดื้อ ๆ
“ตอนแรกก็พากันใจหายทั้งกอง ไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนการเปิดกล้องออกไปจนกว่าจะหาคิวดาราคนอื่นได้หรือเปล่า แต่บังเอิญพี่เคนเขา...พอจะเลือกหา ‘ผู้หญิงในสังกัด’ มาแทนได้” ช่างแต่งหน้าของภีรดาว่า“ว้าย! หล่อนอย่าได้พูดแบบนี้ให้คุณเคนได้ยินเลยนะยะ” ช่างแต่งหน้าอาวุโสที่ทนฟังอยู่สักพักแล้วร้องปรามขึ้นมา“ทำไมล่ะ ก็คนนี้เด็กพี่เคนไม่ใช่เหรอ” ช่างแต่งหน้าของภีรดาเลิกคิ้วถาม“เรียกอย่างนั้นไม่ได้ คนนี้ไม่เหมือนที่ผ่าน ๆ มา”“อ้าว! แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ” ช่างแต่งหน้าของอธิปชิงถาม“คนนี้ตัวจริง”“หมายความว่ายังไงอะ” คราวนี้ช่างแต่งหน้าขาเมาท์ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน“ความจริงฉันก็ไม่อยากพูดมาก แต่จะปล่อยให้พวกแกปากเสียใส่คุณกุ๊กกิ๊กเขาไม่ได้ เพราะคนนี้น่ะผ่านการดูตัวแบบเป็นทางการกับคุณเคนเขา ไม่ใช่แค่กิ๊กกั๊กชั่วครั้งชั่วคราว”“อูย...พี่พูดแบบนี้หนูนี่อยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้พี่เคนยอมถอดเขี้ยวเล็บได้จังเลย”“นี่แกไม่รู้จักกุ๊กกิ๊ก กีรติกานต์ นางร้ายดาวรุ่งพุ่งแรงของช่องสี่สิบเหรอ” ช่างแต่งหน้าอาวุโสขมวดคิ้วมอง“หา...คนนั้นน่ะเหรอ ไม่เห็นเท่าไหร่เลย พี่เคนเขาหลงอะไรของเขากัน” ช่างแต่งหน้าของอธิปทำหน้า
อธิปมองดูจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ หลายวันที่ผ่านมา นอกจากข้อความตอบกลับแสนธรรมดา กับคำว่าขอโทษนะคะกุ๊กกิ๊กติดงาน ก็ไม่มีสัญญาณที่ดีจากหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงเลยสักนิด หากเป็นผู้หญิงคนอื่น ลองเขาได้ส่งข้อความไปชวนให้ออกไปเที่ยวด้วยกัน สาว ๆ เหล่านั้นก็จะรีบตอบตกลงทันทีที่ผ่านมาเขาเคยตกลงคบหากับหญิงสาวแบบไม่เปิดเผยสถานะอยู่สองสามคน ระหว่างที่ศึกษาดูใจกัน เขากับเธอคนนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น เรียกได้ว่าทำทุกอย่างเหมือนคนรัก แต่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ แน่นอนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสมัครใจ แต่ผู้หญิงเหล่านั้นมักอดทนได้เพียงไม่นาน หลังจากความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไม่เท่าไร ก็ร่ำร้องว่านี่คือรักแท้ อยากให้เขาประกาศเปิดตัวเจ้าหล่อนในฐานะคนรักของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังอย่างเป็นทางการทว่านอกจากจะไม่สมหวังแล้ว กระทั่งสถานะคนในความลับก็ยังไม่มีเหลืออธิปตัดความสัมพันธ์กับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างไม่เคยอ่อนข้อเนื่องจากไม่เคยทำเรื่องฉาวอย่างข่มขืน หรือล่อลวงแฟนคลับ การออกเดตกับหญิงสาวมากหน้าหลายตาจึงไม่ทำให้ชื่อของพระเอกหนุ่มอย่าง ธรรม์ อธิป ด่างพร้อย อย่างมากก็ถูกนักข่าวเขียนแซวโดยใช
หลังจากมารดาที่หย่าขาดจากบิดาพบรักใหม่กับชาวต่างชาติ แล้วตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างประเทศ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่จึงเหลือเพียงคาริสากับแม่บ้านที่บิดาของเธอส่งมาอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน พอวันนี้มีคนอื่นมานอนค้างเจ้าตัวจึงค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะไม่ต้องนอนเหงาเพียงลำพังกีรติกานต์เดินไปยังกรอบรูปที่ผนังด้านหนึ่งในห้องนอนสีหวานของคาริสา ดวงตากลมโตกวาดมองภาพถ่าย เสื้อที่เขียนคำอวยพรไว้จนเต็ม ดอกไม้ซึ่งแห้งไปแล้ว และกระดาษเอสี่ที่จั่วหัวว่า ‘สัญญาแต่งงาน’แม้กระดาษแผ่นนั้นจะเป็นได้แค่สัญญาเด็กเล่น แต่กีรติกานต์รู้ดีว่ามันมีอิทธิพลต่อคาริสาอย่างมาก แม้เพื่อนรักจะปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้รอลูกชายท่านเอกอัครราชทูตอย่าง กฤษณ์ กลับมาสานต่อความสัมพันธ์ในวันวาน แต่ผู้ชายที่พอจะทำให้เธอยอมออกเดตด้วยได้ ก็มักจะมีอะไรคล้ายกับกฤษณ์อยู่อย่างสองอย่างเสมอแต่ถึงจะคิดแบบนั้น กีรติกานต์ก็ไม่เคยย้ำหัวตะปูให้เพื่อนรักรู้สึกแย่ที่ตนเองรอผู้ชายที่ไม่รู้จะกลับมาหรือเปล่าอยู่แบบนี้ เธอได้แต่หวังว่า ศรุต ลูกติดมารดาเลี้ยงของคาริสาจะเลิกปอดแหกแล้วใส่เกียร์เดินหน้าจีบน้องสาวร่วมโลกแบบจริงจังเสียที ไม่รู้ว่าเขาติดอะไร
“ขอบคุณนะคะที่ยังจำได้ แต่พี่เคนไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เพราะพอคุณพ่อรู้ว่าริสาจะมาดูคอนโดฯ ท่านเลยให้คุณมาตามาดูแลริสาค่ะ”“จะไปยากอะไร ก็ให้เขากลับบ้านไปคนเดียวสิครับ”“ริสาทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าคุณพ่อรู้เข้าคุณมาตาจะต้องโดนตำหนิ”คนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นโอกาสดีจึงรีบผสมโรง “จริงค่ะ พ่อยายริสาดุมาก ดีไม่ดีถ้าท่านสงสัยว่าพี่เคนมาจีบลูกสาวคนเดียวของท่าน อาจจะเกิดปัญหาอะไรก็ได้นะคะ”“อ่า...งั้น ก็ได้ครับ” จีรนนท์ไม่คิดจะมีปัญหากับสปอนเซอร์รายใหญ่ ถ้าเกิดถูกถอดโฆษณาขึ้นมาคงจะแย่ ยังไงกีรติกานต์ก็ไปกับคาริสา ไม่ได้ไปกับผู้ชายคนอื่นเสียหน่อย“ริสาขอตัวก่อนนะคะพี่เคน”“ไว้เจอกันนะคะ” กีรติกานต์บอกลาผู้กำกับหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าข้อมือเพื่อนสาวแล้วพาเธอตรงดิ่งไปทางลานจอดรถของคอนโด“เดี๋ยว นี่แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย” คาริสาที่ถูกลากออกมาทางลานจอดรถเอ่ยถาม“ก็ไปขึ้นรถไง” กีรติกานต์ตอบพลางชะเง้อชะแง้หารถของมาตาเลขาของบิดาเพื่อน“แล้วแกรู้เหรอว่ารถพี่มาตาจอดอยู่ตรงไหน”“เอ่อ...ไม่รู้หรอก” กีรติกานต์หยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมามองเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ“แหม แล้วก็เดินเหมือนรู้เลย” คาริสาหัวเ
ชายหนุ่มได้ฟังก็หลับตาลงทันที ลุ้นว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจะทะยานไปได้ถึงขั้นไหนหลังจากได้รับจูบเป็นรางวัล กีรติกานต์มองใบหน้าคร้ามคมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเขาแล้วถอนหายใจ ก่อนประทับริมฝีปากลงตรงแก้มของเขาซ้ายทีขวาที“ขอบคุณนะคะ”“พี่ก็ขอบคุณน้องกุ๊กกิ๊กเหมือนกันครับ” แม้จะเสียดาย แต่สายตาของจีรนนท์ก็ยังเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง เขาไม่เคยจริงจังกับใครเท่านี้มาก่อน เพื่อเธอเขาถึงกับเลิกรากับหญิงสาวทุกคนในสังกัด และพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “หวังว่าคราวหน้าจะไม่ใช่แค่หอมแก้มนะ”ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มบางเบา ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธออกจากริมฝีปากอิ่มจีรนนท์เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเพื่อนรักบิดา เขากับเธอพบกันครั้งแรกหลังจากตกลงดูตัว แน่นอนว่าชายหนุ่มดีกรีผู้กำกับฝีมือเยี่ยมมีเสน่ห์ร้อนแรงมากจริง ๆ ส่วนเธอเองก็สวยเซ็กซี่จนเขาตะลึง และเพื่อไม่ให้บิดามารดาจับพวกเขาไปดูตัวกับใครอีก จีรนนท์ที่ถูกใจกีรติกานต์ตั้งแต่แรกเห็น จึงเสนอให้พวกเขาลองบอกกับทางครอบครัวว่าจะลองศึกษานิสัยใจคอกันดูก่อน ตอนนั้นกีรติกานต์เห็นด้วยกับเขายิ่งเวลาผ่านไปผู้กำกับหนุ่มชักจะรุกหนักขึ้นเ
[ช่วงบ่ายนางจะแถลงข่าวแล้ว พี่เคนผู้กำกับต้องหาคนมาแทน เห็นบอกจะประกาศเปิดตัวดาราที่มารับบทแทนวันฟิตติ้งเลยน่ะ ตอนนี้ทีมงานคงวุ่นวายไปหมด ในเมื่อเรื่องมันสุดวิสัยจริง ๆ ธรรม์อย่าหัวเสียเลยนะ]“วันไหนครับ” อธิปพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ทีมงานเองก็คงเซ็งไม่แพ้กัน[อีกห้าวัน ส่วนสถานที่ก็โรงถ่ายเดิมนั่นแหละ]“โอเคครับ” พอรู้ว่าวันพักผ่อนของตนเองถูกเบียดเบียนเพียงวันเดียว เขาเลยไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไร[พี่รู้อยู่แล้วว่าธรรม์เป็นคนมีเหตุผล เจอกันหกโมงเช้านะ เดี๋ยวพี่ไปรับ บายจ้ะ]“บายครับพี่เมนี่”พูดจบอธิปก็โยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะหัวเตียง ขณะนั้นเองเขาถึงเห็นว่ามีกระดาษโน้ตที่เกือบถูกกองซองถุงยางอนามัยกลบวางอยู่ด้วยมือหนารีบคว้ากระดาษแผ่นน้อยมาอ่านอย่างรวดเร็วฉันมีธุระต้องขอตัวกลับก่อน เห็นคุณหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก มีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกันนะคะ KookKik01อธิปคว้าโทรศัพท์กลับมาอีกครั้ง แล้วจัดการแสกนหาไอดีไลน์ของเธอ ฉับพลันรอยยิ้มบางเบาสลักลงบนใบหน้าคม ความมั่นใจในเสน่ห์เหลือร้ายของตนเองถูกกู้กลับมาอีกครั้ง ดาราหนุ่มไม่เชื่อว่าเธอไม่อยากสานต่อเรื่องเมื่อคืน เพียงแต่เ