“อ้าว! แล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้” ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
“กฤษณ์มาดูว่าริสาหนีกลับไปแล้วหรือยังต่างหาก” เขาก้าวเข้ามาประชิดเธอ แล้วก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหู ท่าทางไม่ต่างจากคนรักที่มายืนปลีกวิเวกคุยกันตรงทางเดินเหมือนในซีรีส์
“กะ...ก็ต้องเปล่าอยู่แล้ว ไม่เห็นมีเหตุผลที่เราต้องหนีกลับสักหน่อย” คาริสายืนนิ่งราวกับหุ่น การได้มองเขาในระยะที่ใกล้ชิดขนาดนี้ทำให้เห็นรอยยิ้มยียวนแบบคนขี้เล่นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วแทบจะกระดอนออกมา
“ก็ดี เพราะถ้าเธอคิดหนี เราคงเสียใจแย่”
“เสียใจ? เรื่องอะไร”
“นั่นสิ เรื่องอะไรนะ...” นัยน์ตาสีดำสนิทคล้ายมีประกายวาบผ่าน ใบหน้าคมเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ไม่คล้ายว่าจะเป็นการหยอกเย้า
“นี่ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คาริสาเกิดรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
“ยังแตกตื่นง่ายเหมือนเดิมเลยนะ แต่รู้อะไรไหม นั่นน่ะ มันทำให้ริสาดูน่ารักมากในสายตากฤษณ์” เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปาก พลางยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะของคนตัวเล็กตรงหน้าเบา ๆ ไม่เหลือท่าทางของเสือที่กำลังจดจ้องเหยื่ออย่างเมื่อครู่เลยสักนิด
น่ารักมากในสายตาเขา น่ารักมาก…
คาริสาอยากจะกรี๊ด แต่ทำเป็นขึงตาจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจกลบเกลื่อนใบหน้าซึ่งแดงระเรื่อได้มิด
“อืม นิ่งทำไม ฟังแล้วหวั่นไหวใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเจือแววหยอกเย้า นัยน์ตาสีดำสนิทวาววาม
คล้ายมีลมเย็นกระแสหนึ่งพัดผ่านร่าง ขนทุกเส้นของเธอลุกชัน “ยะ…อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ พวกเราไม่ใช่เด็กมัธยมแล้วนะ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ หรือมีตรงไหนที่ริสาเห็นว่าเรายังเหมือนเด็กมัธยมอยู่ หืม…” ไม่พูดเปล่า กฤษณ์คว้ามือของคาริสามาวางทาบบนอกตัวเอง “เชิญหาความแตกต่างได้ตามต้องการเลยครับ คุณผู้หญิง”
ทันทีที่ฝ่ามือรับรู้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว คาริสากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ในใจยอมรับว่าตอนนี้กฤษณ์ดูเซ็กซี่มาก แต่ผู้ชายที่มีเสน่ห์ขนาดนี้จะมาสนใจตนเองได้อย่างไร อย่างมาก เขาก็แค่แกล้งเธอเล่นเท่านั้น
ฝ่ามือนุ่มลูบไปตามสาบเสื้อของเขาเพียงเล็กน้อย ก็ถอนกลับมาอย่างแนบเนียน
“อืม...ก็ไม่เลวนะ”
“สำหรับริสา กฤษณ์อยู่ในระดับ ‘ไม่เลว’ เท่านั้นเองเหรอ” เขาดูผิดหวังกับคำตอบ
“แค่นี้สาว ๆ ในลิสต์ของนายก็ยาวเป็นหางว่าวแล้ว ถ้าขาดฉันไปสักคน คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“เป็นสิ...เป็นมากด้วย” น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มกลับขุ่นเข้มขึ้น แต่ยังไม่จะทันพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
คาริสาได้ที คิดจะอาศัยจังหวะนี้รีบกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่โต๊ะ ถึงอย่างไรการที่มีคนอื่นอยู่ด้วยย่อมดีกว่า ทว่ากฤษณ์ได้ตัดโอกาสนั้นทิ้งไป ด้วยการรั้งร่างบางไว้ก่อนจะดันไปจนชิดติดกับผนังทางเดินเล็ก ๆ ข้างห้องน้ำ เขากักเธอไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ในระหว่างที่พูดกับคนในสาย ดวงตาสีดำสนิทก็จดจ้องหญิงสาวเขม็ง คล้ายกำลังส่งคำเตือนว่า อยู่เฉยๆ อย่าได้คิดหนีเป็นอันขาด
แน่นอนว่าคาริสาไม่กล้าผละออกไป เลยตัดสินใจทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด แล้วสงบปากสงบคำรอ เพราะไม่มั่นใจว่าหากเธอดึงดัน ชายหนุ่มตรงหน้าจะทำอะไรที่น่าตกใจกว่านี้หรือเปล่า
“โทรมาทำไม ฉันยังไม่เสร็จธุระ...อืม...เข้าใจแล้ว เชิญตามสบาย...แค่นี้นะ” กฤษณ์ใช้เวลาในการสนทนากับคนที่โทรมาไม่ถึงนาทีก็วางสาย
“กฤษณ์ปล่อยริสาได้หรือยัง” คาริสาพูดเสียงเบา ทำท่าเหมือนจะหมดแรงอยู่แล้ว
“เราทำริสาตกใจมากใช่ไหม ขอโทษนะ” กฤษณ์เห็นท่าทางไม่สู้ดีของเธอ จึงรีบลดมือลง แล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
คาริสาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ตอนนี้เธอไม่อยากคุยอะไรกับเพื่อนเก่าคนนี้แล้ว
“เมื่อกี้เราอาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ความจริงแค่อยากให้เธอรอก่อนเท่านั้น...” กฤษณ์มองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ด้วยแววตาร้อนรน
“ช่างมันเถอะ เราอยากกลับบ้านแล้ว” คาริสาตัดบท
“ไม่เอาน่าริสา กฤษณ์ก็ขอโทษแล้วไง” เขาปราดเข้ามาขวางหน้าเธอเอาไว้
“เอาเป็นว่าเราจะไม่ถือสาแล้วกัน ทีนี้ก็…ช่วยหลีกทางด้วย”
“ริสาจะกลับยังไง ให้กฤษณ์ไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไร คืนนี้เราจะไปค้างกับยายกุ๊กกิ๊ก” ว่าแล้วก็เบี่ยงตัวหลบ แต่เดินไปไม่กี่ก้าว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน และเสียงเรียกเข้าแบบนี้ คนที่โทรมาคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเพื่อนสาวคนสนิทอย่างกีรติกานต์
คาริสารู้สึกเหมือนได้ระฆังช่วยชีวิต แต่ความจริงแล้วคือเสียงไซเรนที่ดังขึ้นก่อนสัตว์ประหลาดในเกมดังจะออกมาต่างหาก
“ยายกุ๊กกิ๊ก ฉันกำลังจะชวนแกกลับบ้านอยู่พอดี ช่วยบอกทุกคนด้วยว่าฉันไม่สบาย”
[แกเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงจากปลายสายดูกังวลเล็กน้อย]
“แค่ปวดหัวนิดหน่อย เลยอยากกลับไปพัก แกรีบบอกพวกยายพัดชา แล้วออกมาเถอะ ฉันจะไปรอที่รถ” คาริสายังไม่อยากอธิบายอะไรตอนนี้ เพียงแต่เร่งฝีเท้าหนีชายหนุ่มที่ยังเดินตามมาไม่ลดละ
ขอจูบอีกสักครั้งจนกว่าจะพอใจได้หรือเปล่า?กฤษณ์คิดว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสม หรือผลกระทบจากการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่คบหา ยิ่งตอนนี้หัวใจของเขาและเธอตรงกัน คงไม่ต้องยับยั้งความต้องการเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วแค่กฤษณ์พลิกตัวเบา ๆ ร่างบางก็ลงไปนอนหงายอยู่บนโซฟา โดยที่เขาเกร็งแขนคร่อมทับอยู่ด้านบน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจดจ้องมาด้วยความสับสนระคนหวั่นใจ ถึงแม้ตนเองจะเป็นคนเริ่มจูบเขาก่อนก็ตาม แต่ถ้าถามว่าพร้อมจะไปต่ออีกขั้นหนึ่งหรือไหม...เธอกลับไม่มั่นใจดวงตาพราวกวาดมองใบหน้าหวาน ไล่เรื่อยลงไปจนถึงเนินอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเสื้อสายเดี่ยวตัวจิ๋ว แม้ชุดนี้จะดูเรียบร้อยในยามปกติ แต่พอสาวสวยที่สวมใส่มันนอนหายใจกระชั้นในท่านี้กลับดูเซ็กซี่เหลือร้าย จนเลือดในกายชายหนุ่มสูบฉีดพลุ่งพล่าน ความต้องการถูกปลุกเร้าเกินควบคุมตอนนี้กฤษณ์ไม่สนว่าคาริสาตกลงใจได้หรือยัง แต่ที่แน่ ๆ เขามั่นใจแล้วว่า จะนำเสนอตนเองอย่างสุดความสามารถ หากแต่เธอกล้าพูดว่าไม่ เขาถึงจะหยุดถ้าหากหยุดทันนะชายหนุ่มโน้มกายลงทาบทับเรือนร่างนุ่มนิ่ม ก่อนจรดปลายจมูกซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนอย่างอดใจไม
ดีที่วันนี้งานไม่ยุ่ง คาริสาจึงลงจากตึกไว การจราจรตอนเลิกงานใหม่ ๆ ยังไม่คับคั่งนัก กฤษณ์จึงใช้เวลาขับรถจากบริษัทไปถึงบ้านของแฟนสาวเพียงสี่สิบห้านาทีเท่านั้นคาริสาค่อย ๆ หันหน้าไปมองสารถีสุดหล่อช้า ๆ เห็นเขาจับจ้องไปทางประตูรั้วด้วยสีหน้าราบเรียบ อีกทั้งตลอดทางชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เลยยิ่งกังวลไปว่า เขาอาจจะเคืองเธอเข้าจริง ๆต้องง้อยังไงเนี่ย?ตอนเป็นแค่เพื่อน หยอกแรงกว่านี้ยังไม่เห็นจะน้อยใจนี่หรือเปล่าที่คนเขาว่ากัน พอเปลี่ยนจากเพื่อนไปเป็นแฟนแล้ว ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมระหว่างที่ความคิดของหญิงสาวกำลังตีกันยุ่งในหัว ชายหนุ่มที่ปั้นหน้านิ่งมาตลอดทาง ก็เอ่ยปากขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ริสาจะให้กฤษณ์จอดรถหน้าบ้านใช่ไหม”“หะ?” เธอหันขวับไปมองเขา สีหน้าบอกว่าไม่เข้าใจคำถาม“ทำไมไม่กดรีโมตเปิดประตูล่ะครับ” กฤษณ์จำได้ว่าประตูบ้านคาริสาเป็นแบบอัตโนมัติ “หรือว่าประตูเสีย” เขาถามย้ำโดยไม่ได้มองหน้าเจ้าของบ้านที่จ้องมาด้วยความงวยงง พอเห็นเธอไม่ตอบ ก็เลยพูดในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจออกมาว่า “งั้น จอดตรงนี้ก็ได้”“เดี๋ยว” คาริสาร้องห้ามก่อนที่เขาจะดับเครื่องยนต์ “จอดในบ้านดีกว่า” หญิงสาวหยิบพวงกุ
Risa: ง่าย ๆ แบบนี้เลยKookKik: ใช่ ง่าย ๆ แบบนี้แหละRisa: ปกติแกต้องบอกให้ฉันระวังตัว หรือมีข้อมูลน่าตกใจมาบอกตลอดเลยนี่KookKik: นั่นเพราะฉันรู้ว่าแกไม่ได้ชอบคนพวกนั้นจริง ๆ ส่วนพวกข้อมูล ถ้าฉันรู้ว่านายกฤษณ์แอบทำอะไรไม่ดีไว้ จะต้องบอกแกทันทีแน่นอน เพราะฉะนั้นเลิกนอยด์ได้แล้วRisa: แกเป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆKookKik: คิดไม่ถึงละสิRisa: ขอบคุณนะKookKik: เห็นแกแฮปปี้ ฉันก็โอเคRisa: ซึ้งอะ น้ำตาจะไหลแล้วKookKik: หวังว่าหมอนั่นจะไม่ได้แอบซุกกิ๊กไว้นะยะ 555Risa: ทำลายบรรยากาศเก่ง กำลังจะเคลิ้มแล้วเชียวKookKik: ใครจะไปรู้ นายนั่นหน้าตาหล่อเหลาใช่ย่อย วันดีคืนดี อาจจะมีสาวตามมาจากเมืองนอกก็ได้Risa: อย่ามาปั่น กฤษณ์ไม่ใช่คนเจ้าชู้แบบตานั่นของเธอสักหน่อยKookKik: ไหงวกกลับมาเข้าตัวได้ละเนี่ย ไม่เอาละ ไม่คุยแล้ว ฉันไปทำงานก่อนดีกว่า แค่นี้นะRisa: อ้าว เทเพื่อนเฉยKookKik: (สติกเกอร์แลบลิ้น)หญิงสาวส่ายศีรษะเบาๆ ดูท่าเธอกับเพื่อนรักคงไม่อาจหนีพ้นคนในอดีตของตนเองได้อีกแล้วการทำงานในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเรียบเรื่อย จนถึงเวลาใกล้เลิกงาน ศรุตก็รีบเร่งออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และสักพักเขาก็ส
“ริสา! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” ศรุตทำหน้าขึงขังขึ้นมาอีก เพราะกฤษณ์ประกาศชัดเจนว่า พาว่าที่เจ้าสาวมาดินเนอร์ ให้ทุกคนรอฟังข่าวดี“เอาเป็นว่า ริสาคิดดีแล้วค่ะ ถึงได้ตกลง”“ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ ริสาจะมั่นใจได้ยังไงว่า นิสัยใจคอเขาไม่ได้เปลี่ยนไป หรือว่าแอบซุกผู้หญิงไว้ที่เมืองนอก”“เรื่องนั้น…ริสาก็ไม่รู้หรอกค่ะ” คาริสายังคงยิ้มตอบแบบเดิม“งั้น มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่จะตกลงแต่งงาน”“แต่งงาน?”“ก็มันประกาศอยู่นี่ไง ว่าเราเป็นว่าที่เจ้าสาวของมัน ถ้าคุณพ่อทราบต้องไม่พอใจแน่”ที่แท้พี่ศรุตก็เข้าใจผิด แล้วกลัวจะตอบคำถามของคุณพ่อไม่ได้นี่เอง“มิน่า พี่ศรุตถึงได้ตกใจขนาดนี้ กฤษณ์เขาแค่แกงเพื่อน ๆ เล่นเท่านั้นแหละค่ะ ส่วนคุณพ่อ หากมีอะไรสำคัญ ริสาจะไปอธิบายกับท่านเอง พี่ศรุตไม่ต้องห่วงนะคะ”“แสดงว่าริสายังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับมัน…เอ่อกับนายกฤษณ์”“ค่ะ”“แค่ลองคบกันดู เหมือนที่ผ่าน ๆ มา?”“ตามนั้นแหละค่ะ”“แบบนั้นเองหรอกเหรอ” หัวใจที่บีบรัดในตอนแรกคลายออกอย่างช้า ๆ ถ้าแค่นี้ ก็ยังมีโอกาสแย่งเธอกลับมาเป็นของเขา“ทีนี้พี่ชายหายตกใจหรือยัง”“อืม หายแล้ว” ใบหน้าเครียดขึงในทีแรกแปรเปลี่ยนเป็น
“เอ่อ คือว่า...ก็ตามนั้นแหละค่ะ” หญิงสาวเกาหัว พลางยิ้มแหย ๆ เหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบหยิบลูกอมออกจากโถไปกิน“ตามนั้น? หมายถึงริสากำลังคบหากับผู้ชายคนนี้อยู่จริง ๆ น่ะเหรอ” ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่ศรุตตวาดคาริสา เขาปราดเข้าไปยึดไหล่บอบบางแล้วเขย่าอย่างลืมตัว “นี่เรากำลังล้อพี่เล่นอยู่ใช่ไหม ตอบมาสิ”“โอ๊ย! พี่ศรุต ริสาเจ็บนะ” หญิงสาวโอดครวญ“บอกพี่มาสิว่า ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องโกหก” ศรุตเข้าใจมาตลอดว่าที่คาริสายังไม่คบกับใคร เพราะยังมีใจให้เขาอยู่ ถึงได้ใจเย็นจนถึงตอนนี้ ตอนที่ผู้เป็นพ่อเลี้ยงเปิดไฟเขียวให้ แต่เจ้าตัวกลับตกลงปลงใจกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้ไปแล้ว สำหรับเขาเรื่องนี้ช่างเหลือรับจริง ๆ“ริสาบอกให้ปล่อยยังไงล่ะคะ”“ไม่ปล่อย”“พี่ศรุตเป็นบ้าอะไรเนี่ย”“คืนสุดสัปดาห์เราเพิ่งบอกพี่ว่ายังไม่มีแม้แต่คู่เดต แต่เช้าวันจันทร์กลายเป็นแบบนี้เฉยเลย ริสาไปแอบคบกับนายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมต้องโกหกพี่ด้วย”“ไม่ได้โกหกสักหน่อย วันนั้นริสาไปดื่มกับพวกยายพัดชาจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้แอบคบใครอยู่ด้วย”เขาโกรธเพราะฉันไม่บอกว่ามีแฟนเนี่ยนะ?เดี๋ยวก่อน ทำไมฉันต้องมานั่งแก้ตัว เขามีสิทธ
คาริสาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหัวเตียง ตั้งใจว่าจะปล่อยให้ชาวเน็ตแสดงความรู้สึกกับเรื่องนี้ไปตามธรรมชาติ ส่วนเธอคงต้องจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตจริงเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะเป็นไม่โสดมีหวังได้ไปทำงานสายแน่ ๆคาริสาเดินเข้าตึกไปตามปกติ พอถึงทางเดินหน้าลิฟต์ หนิงกับกุ้งที่ชะเง้อคอยอยู่นานแล้วก็แล่นเข้ามาหาเธอด้วยความเร็ว แล้วประกบข้างกายเพื่อนสนิทที่จู่ ๆ ก็ไม่โสดเสียแล้วอย่างเธอคนละข้าง“บอกมาเดี๋ยวนี้ ตา Chris นี่เป็นใครมาจากไหนกันยะ” หนิงถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เขาชื่อกฤษณ์” คาริสายิ้มตอบ“จะกฤษณ์ หรือคริสก็ช่าง ว่าแต่ว่าตัวจริงหล่อเหมือนในรูปไหมอะแก” กุ้งยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดรูปของกฤษณ์ค้างอยู่มาตรงหน้าคาริสาอย่างตื่นเต้น“อืม เหมือนในรูปจะดูดีกว่าตัวจริงนิดนึง” คาริสาตอบทั้งที่ใจจริงคิดตรงกันข้าม แต่ถ้าหากเธอตอบไปตามความจริง เกรงว่ากุ้งอาจจะลืมตัวแล้วกรีดร้องอย่างตื่นเต้นออกมาก็ได้“แล้วถ้าเทียบกับคุณศรุต ใครหล่อกว่ากันอะ” กุ้งยังคงซักไซ้ ม้ามืดที่คว้าตำแหน่งแฟนของเพื่อนเธอไปต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงได้เอาชนะ CEO หนุ่มขวัญใจสาว ๆ อย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่เหมือนมีคนไม่เห็