มีใครหลายๆคนบอกว่าเวลาผู้หญิงกับผู้ชายรักใครสักคน พวกเขามักจะให้ความรักได้ไม่เท่ากัน เพราะผู้ชายนั้นเริ่มต้นจากร้อยตั้งแต่แรก พอนานวันเข้ารักก็เริ่มลดหย่อนลง ไม่มีคำว่าเต็มร้อยอย่างวันแรกๆที่อยากมีอยากได้
แต่ผู้หญิงบางคนกลับเริ่มจากศูนย์และค่อยๆเติมเต็มกับพฤติกรรมของฝ่ายชายช่วงแรกๆ และเช่นเดียวกันกับพราวมุก หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด
เธอคบกับแฟนหนุ่มมาตั้งแต่ใกล้จบมหาวิทยาลัย ผ่านมาวันนี้ก็ห้าปีเต็มที่เธอได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่กับเขา
คอนโดเล็กๆที่มีเพียงเขาและเธออยู่ด้วยกัน ทั้งเธอและเขาต่างวาดฝันอนาคตที่ดีไว้ด้วยกัน ผ่านเรื่องราวมากมายหลายอย่างทั้งความสุขและความทุกข์
พราวมุกเองก็เป็นหญิงสาวที่ถูกคนในครอบครัวแฟนหนุ่มไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่ แต่เธอก็พยายามเข้าหาทั้งแม่และน้องของเขา จนทุกวันนี้เริ่มคุยกันดีขึ้นบ้าง
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอทำก็เปล่าประโยชน์ทั้งหมด..
เมื่อสองเดือนก่อนเธอก็เริ่มเห็นข้อความแปลกๆได้เด้งขึ้นที่หน้าเจอโทรศัพท์มือถือของแฟนหนุ่มระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าวด้วยกันเป็นกิจวัตรประจำวันทุกวัน
“ใครเหรอ?” สายตาคู่สวยมองที่มือถือของแฟนหนุ่มด้วยความสงสัย
“เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ชวนไปดื่มน่ะ แต่ว่าเค้าไม่ไปหรอก ไม่อยากให้ตัวเองอยู่คนเดียว” ใบหน้าคมฉีกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดหน้าจอแล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“ที่รักน่ารักที่สุด” เสียงหวนเอ่ยชมแฟนหนุ่ม
“เดี๋ยวเค้าเก็บจานให้นะ” มือหนารีบหยิบเอาจานที่เธอยังกินไม่เสร็จรวบมาเทใส่ขยะโดยที่ไม่ถามพราวมุกเลยว่าเธออิ่มหรือยัง?
นี่คือข้อสงสัยแรกที่เธอเก็บเอาไว้ในใจมาตลอด
พร้อมกับคืนนั้นเอง เธอได้สั่งสินค้ามาใหม่ที่คิดว่าแฟนหนุ่มของตนเองต้องชอบ นั่นคือชุดนอนซีทรูตัวบาง พราวมุกใช้ความกล้าอยู่นานตรวจสอบตัวเองที่หน้ากระจกในห้องน้ำก่อนจะก้าวขาออกมาด้วยท่าทีขัดเขิน
“ทิมคะ” เสียงหวานเรียกเขา
ทิมหันมามองแฟนสาวที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะสวมชุดเซ็กซี่แบบนี้เลย เขาที่กำลังมีความสุขกับโทรศัพท์จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
“ใส่ชุดนี้ทำไมเหรอ?” เขาพูดกับเธออย่างไม่สนใจ
พราวมุกขมวดคิ้วยุ่ง โดยปกติถ้าแฟนสาวใส่ชุดแบบนี้คุณผู้ชายควรที่จะวางโทรศัพท์แล้วมากอดรัดเธอไม่ใช่หรือไง?
“ไม่สวยหรือไง?” เธอเอ่ยถามพร้อมกับเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาอย่างแรง
“ก็สวยดี” ชมแต่สายตาไม่มองเธอเลยเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์
สุดท้ายคืนนั้นของพราวมุกก็ถูกเมินไปโดยปริยาย แถมเธอก็นอนหันหลังให้แฟนด้วยความง้องอนอีกด้วย
และนี่คือข้อสงสัยที่สอง
ตอนนี้ ณ ปัจจุบันความสงสัยเธอได้คลายหมดแล้วหลังจากโง่เป็นควายมาให้เขาหลอกนานเดือนสองเดือน ร่างสวยนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ภายในห้องนอนเพียงคนเดียว มือบางสั่นเทาเกินกว่าที่จะบรรยาย
วันนี้เธอได้เข้าไปทำความสะอาดโต๊ะทำงานของแฟนหนุ่ม มือเล็กเผลอไปแตะแป้นพิมพ์นิดเดียวก็เจอสิ่งที่เธอกลัวมาตลอด
Line
(ดอกไม้) : คิดถึงพี่ทิมจังเลยค่ะ วันไหนจะว่างคะ?
พราวมุกขมวดคิ้วเป็นปม ใจเต้นระรัว ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่เธอใช้อีโมจิรูปดอกไม้ขึ้นมาเท่านั้น อีกทั้งยังถ่ายรูปให้เห็นเนื้อนมมากกว่าใบหน้าเรียวนั่นด้วยซ้ำ
ด้วยความสงสัย มือเล็กก็กดอ่านไปทีละประโยค
(ทิม) : เดี๋ยวพี่เคลียร์งานอาทิตย์นี้จบจะรีบไปนะคะคนดี
(ดอกไม้) : เร็วๆนะคะ ชุดใหม่รออีกเพียบ คืนนั้นพี่ทิมทำจนขาสั่น แถมยังปล่อยในอีก ต้องรีบกินยาคุมฉุกเฉินเลย อิอิ
(ทิม) : พี่ชอบนะ ของหนูมันดูดแน่นจนพี่ไม่อยากเอาออกมาแตกข้างนอก ขอโทษนะครับ แต่ครั้งหน้าพี่จะเอาให้หนัก
***
ข้อความที่คุยกันของทั้งสองคนทำให้พราวมุกน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอเจ็บ เจ็บแบบเจียนจะตาย
ห้าปีที่ผ่านมาด้วยกันคืออะไร?
เขาเอาเวลาไหนไปหาคนอื่น ทั้งที่ทุกวันก็กลับมาอยู่ด้วยกัน?
แล้วที่สำคัญ เขาเอาตอนไหนไปแชทคุยกันทั้งๆที่เขาก็นอนอยู่ข้างเธอ นอนกอดเธอทุกคืนเหมือนคนรักปรกติทั่วไป?
เขาเอาเวลาไหนไปนอกใจเธอ?
คำถามประเดประดังเข้ามาในหัวของพราวมุก เธอทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ลั่นห้อง
ผู้หญิงตัวเล็กๆที่เสียสละตัวเองมาทำทุกอย่างให้ผู้ชายที่ตัวเองรัก วันพระต้องรีบตื่นแต่เช้าขับรถไปรับแม่แฟนที่บ้าน ห่างไกลกันเกือบสามสิบกิโลมาวัด
ยามที่เขาไม่ว่าง เป็นเธอที่พาแม่ของเขาไปตามนัดของหมอด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ที่น้องสาวเขามาอยู่ด้วย เป็นเธอไม่ใช่หรือไง? ที่คอยดูแล เอาใจใส่ พาไปเที่ยวบ้าง ซื้อของให้บ้าง ไปส่งที่มหาลัยเช้าเย็น
อาหารหรืองานบ้านเธอไม่เคยทำให้เขาน้อยหน้าใคร เตรียมไว้รอแฟนกลับมาตลอด
ทำไมกัน?
เธอผิดอะไร?
ตรงไหนที่เธอทำผิด?
หลังจากที่ตั้งสติได้ มือบางก็รีบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปหลักฐานทุกอย่างที่เจอเก็บไว้ก่อน
เธอจะค่อยๆคุยกับเขา หวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจเป็นคนใหม่ เธอเชื่อว่าถ้าเป็นทิมจะต้องกลับมารักเธอแน่นอน...
หลังจากที่ทิมกลับเข้ามา เข้าก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเมื่อเห็นเธอมีหลักฐานพร้อมมาต่อสู้กับเขาอย่างจริงจัง
“เธอบอกเรามา เธอทำแบบนี้มานานหรือยัง?” พราวมุกถามเสียงแข็ง เห็นสภาพที่เขาทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เธออยากจะร้องไห้
“ไม่” ทิมตอบสั้นๆ เขามองเธอด้วยสายตาที่เริ่มหงุดหงิด
“เธอทำกับเราแบบนี้ได้ไง ฮึก เราคบกันมาตั้งหลายปี เธอเอาเวลาไหนไปเอากับอีนั่น!” ตอนนี้พราวมุกเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ เธอเริ่มโวยวายใส่แฟนหนุ่มเสียงดัง
“พราว ใจเย็นได้ปะ อยากให้คนอื่นในคอนโดนี้รู้หรือไง?”
“เธอไม่อยากให้ใครรู้ แต่เธอทำแบบนี้เนี้ยนะ! ถามหน่อยทิม เราผิดอะไร??” เธอปาดน้ำตาถามหาสาเหตุ
“เธออยากรู้จริงๆเหรอ?” เขาเลิกคิ้วมอง
“อื้ม ตอบมาเถอะ เราจะได้แก้ไขตัวเอง” ด้วยความที่ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต เธอจะยอมเปลี่ยนตัวเองก็ได้
“เพราะเธอไม่ออกไปหาอะไรทำไง งานการก็ไม่มี วันๆเอาแต่อยู่บ้าน อ่านนิยายไร้สาระแบบนั้น”
คำตอบของทิมทำเอาคนถูกกล่าวหาพูดไม่ออก เธอเริ่มร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
“เป็นทิมเองไม่ใช่หรอ! ที่บอกให้เราไม่ต้องไปทำงาน ช่วยดูแลบ้านให้เธอหน่อย เราก็อุตส่าห์ทำตามที่พูด ฮึก แถมนิยายที่ว่า เราก็พยายามเขียนเพื่อที่จะได้เงินมาช่วยเธอบ้าง ฮือๆ แต่ก่อนทำไมเธอไม่พูดงี้ ฮือๆ”
“...” ทิมนั่งเงียบ ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนลงก่อนจะถอนหายใจ
“เธอไม่เคยผิดเลยพราว เป็นเราเองที่ผิดมาตลอด เราเหนื่อย เราอยากพัก” ร่างสูงเดินเข้าไปยังห้องนอนด้วยความเหนื่อยหน่าย
เขาทิ้งให้พราวมุกจมปลักกับความรู้สึกผิดและความเสียใจเพียงคนเดียว แม้ว่าเธอจะร้องไห้เสียงดังระงมแค่ไหน เขาก็ไม่คิดแม้จะออกมาปลอบ
หรือตอนนี้เขากำลังนั่งคุยแชทกับผู้หญิงคนนั้นอย่างมีความสุขกัน ถึงได้เลือกปล่อยเธอไว้คนเดียวแบบนี้
ถ้าเลือกได้อีกครั้ง เธอจะไม่เลือกทิมเลย เธอจะปฏิเสธทุกช่องทางการติดต่อ เธอจะไม่มาสนใจเขาอีกด้วยซ้ำ
คำที่ป้าของเธอบอกนั่นเป็นจริงทุกอย่าง
เป็นผู้หญิงอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง เธอควรที่จะเห็นคุณค่าของตัวเองได้แล้ว
แต่วันนี้เธอคงต้องขอยอมแพ้ ให้น้ำตามันล้างหัวใจที่มืดบอดเสียก่อน ก่อนที่เธอจะต้องกลายเป็นคนใหม่ที่เขาไม่เคยคิดจะรักแล้ว
แค่สภาพตอนนี้เธอแทบดูตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อดีตดาวมหาลัยที่ใครๆต่างก็หมายปองตอนนั้น ตอนนี้เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาๆ แต่งตัวเชยๆ ออกไปไหนก็ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งตัวเยอะ เดี๋ยวแฟนรอนาน
นับต่อแต่นี้เธอจะต้องกลับไปเป็นสาวสวยคนเดิมให้ได้ แม้ว่ามันจะไม่มีค่าในสายตาของทิมอีกแล้วก็ตาม....
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง