IE
JJ : ถ้ากลับไปคบกันอีก แน่ใจเหรอครับ ว่าเขาจะไม่เอาโรคแปลกๆมาติดคุณ?
Praw : แต่เขาก็ป้องกันกับเราตลอดนะคะ
JJ : แต่เขาไม่ป้องกันกับผู้หญิงคนอื่น
พอได้เห็นประโยคถัดมาเธอจี๊ดที่หัวใจจนไปต่อไม่ถูก
JJ : ผู้ชายถ้ามันได้นอกลู่นอกทางแล้ว ยังไงก็ไม่กลับมาแน่นอนครับ อาจจะมีบางคนคิดได้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าได้ติดสัตว์แล้วไม่ค่อยคิดกันครับ
ตรงทุกดอกแล้วบอกว่าจะให้คำปรึกษา..
IE
Praw : คุณเจย์อายุเท่าไหร่คะเนี้ย รู้สึกว่าโชกโชนจังเลย?
JJ : อายุเป็นเพียงตัวเลขครับ แต่ที่ผมให้คำปรึกษาไปกับ หวังว่าคุณจะรับมันได้
Praw : แต่อันที่จริง เราก็อายุ 27 แล้ว สมควรที่จะไปหางานทำอย่างที่เขาบอกจริงๆนั่นแหละค่ะ
ถึงแม้ว่าป้าแท้ๆของเธอจะเปิดร้านขายของในตลาด แต่มันก็คงไม่ได้มีเงินมากมายถึงขนาดจะซื้อคอนโดแบบทิมได้เลย
IE
JJ : ถ้าอยู่กับผมคุณไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องอด
Praw : คุณถึงขั้นจะเลี้ยงดูฉันเลยเหรอคะ?
พราวมุกเผลอยิ้มให้กับข้อความของผู้ชายแปลกหน้า ก่อนจะหุบยิ้มและตบปากตัวเองไปหลายที
บ้าไปแล้วยัยพราว!
IE
JJ : ถ้าคุณพร้อมเลิกกับแฟนเมื่อไหร่ อกผมว่างนะครับ
Praw : แน่ใจงั้นเหรอคะ? ว่าคุณเองก็ไม่มีแฟน
เมื่อเห็นข้อความหยอดมาเริ่มแปลกขึ้นทีละบรรทัด พราวมุกก็เริ่มเอะใจ ว่าเหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงไม่มีรูปโปรไฟล์ แถมชื่อก็สั้นๆ เกี่ยวกับตัวตนไม่มีสักอย่าง
ไม่ใช่ว่าแอบเมียมาเล่นหรอกนะ?
IE
JJ : ว่าไปนั่น -_-
Praw : ดึกแล้ว ฉันขอตัวนอนนะคะ
JJ : ฝันดีนะครับ แต่จะฝันดีมากกว่านี้ถ้าคุณฝันถึงผม
Praw : แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณค่ะ
เป็นการดับฝันของชายผู้มีความหวังมาก เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้จัก เพียงแต่ได้คุยกับเขาแล้วสบายใจมากขึ้นนิดหน่อย ไม่ถึงกับเยอะจนลืมทิมได้หรอก
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ทิมไปอยู่ที่ไหน หลังจากที่ไม่คุยกันมาทั้งวัน เธอไม่โทรตาม ไม่ถามไม่จิก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเขา หากเขายังไม่สามารถเอาตัวเองออกมาได้ ก็คงเป็นเธอนี่แหละ ที่จะต้องหายไป
บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์
“ไอ้เหี้ย เลว แม่งมึงทำกับผู้หญิงที่น่ารักขนาดนั้นได้ไงวะ?” ชรัณส่องดูรูปโปรไฟล์ของแฟนหนุ่มพราวมุก
แค่ได้ยินประโยคที่เธอบอกเล่า เขาก็แทบอยากวิ่งไปลากคอหอยมันมากระทืบเสียให้จมดินเลย
“มึงเจอกูแน่” พอนึกบางอย่างมาได้ ชรัณก็รีบกดโทรศัพท์ออกไปหาเพื่อนสนิททันที
แม้เวลานี้จะเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ตาม
[มีเรื่องอะไรให้รับใช้ไม่ทราบ?] คุณชายเจษเอ่ยด้วยน้ำเสียงยาน ไม่บอกก็รู้ว่าเมาหนักแล้ว
“คออ่อนจริงพวกมึง ช่วยไรหน่อยดิเจษ”
[โอนหมื่นนึงตอนนี้รับฟังแค่ปัญหา สองหมื่นจะตกลงทันที] เจษพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
“กูวางบัตรไว้ให้แล้ว โอนทำเหี้ยไรนักหนา มึงร้อนเงินขนาดนั้นเลยรึไง” เป็นถึงนายตำรวจยศสูงผู้ผดุงความยุติธรรม แต่มาขูดรีดเงินของประชาชนตาดำๆแบบเขาทุกที
[เออ ว่ามาได้แล้ว กูจะไปนอนแล้วเนี่ย]
“ช่วยตามสืบไอ้เฮงซวยนี่ให้กูหน่อย ขอหลักฐานที่มันแอบไปเอากับผู้หญิงมาด้วยนะ” พูดไปก็ส่งรูปและโปรไฟล์ของทิมไป
[ทำไมวะ?]
“กูให้มึงไปหานักสืบมาตาม ไม่ใช่มาถามกู เดี๋ยวถ้าได้มาแล้วกูจะอธิบายเอง”
[ทุกวันนี้มึงเห็นกูเป็นตำรวจหรือการ์ดหน้าร้านเหล้ามึงกันแน่นเนี้ย ดึกๆดื่นๆก็โทรมาสั่งงาน]
“แล้วทุกวันนี้มึงทำตัวเป็นตำรวจด้วยเหรอ?”
[ไอ้เชี้ยยยยยยยยย]
ตู๊ดๆ
ชรัณรีบตัดสายเพื่อนทันทีที่มันจะพร่ำด่าเขาไปมากกว่านี้ รู้ว่าตัวเองหน้ากวนโอ้ย และปากหมาแค่ไหน แต่กับพราวมุกเขาไม่เอาสันดานด้านนั้นมาให้เธอเห็นแน่นอน
ต่อจากนี้ไปเธอจะเห็นแต่ความน่ารักตะมุตะมิของเขา ขอเป็นหมาแก่ของเบบี๋คนเดียว ต่อให้มีแฟนอยู่แล้วก็จะสู้ไม่ถอย
***
“ทิม ไปไหนมาถึงกลับเอาป่านนี้?” พราวมุกที่นอนไม่หลับนั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ที่โซฟาใหญ่ด้วยหัวใจที่กระวนกระวาย
ทิมกลับมาอีกทีก็ตีสี่ เธอจึงอดหลับอดนอนไปด้วยเพราะเป็นห่วงเขา
“ไปกินเหล้ากับเพื่อนมา” ทิมตอนสั้นๆก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนลงพื้นเดินขึ้นเตียงนอน
พราวมุกน้ำตาร่วง เธอคิดว่าเขาจะกลับมาเป็นคนเดิม แต่ตอนนี้ ดูการกระทำสิ เขาโยนเสื้อผ้าลงอย่างไม่แยแส รอให้เธอเก็บใสตะกร้า
มือบางยกเสื้อสีขาวขึ้นมาก่อนจะน้ำตาพรั่งพรูยิ่งกว่าเดิม
รอยลิปสติก..
“ทิม ทำไมมีรอยแบบนี้? ตอบมานะ” มือเล็กกระตุกแขนแฟนหนุ่มที่กำลังจะหลับอยู่แล้ว
ทิมขยับตัวด้วยความลำคาญแล้วตวาดใส่เธอ
“โอ้ย! แม่งอะไรนักหนาวะ บอกไปกินเหล้าๆ เชื่อบ้างได้ปะ คนจะนอนแล้ว! พรุ่งนี้ต้องไปทำงานหาเงินมาให้อีก!”
พราวมุกนั่งมองคนที่หงุดหงิดใส่เธอนิ่ง เธอกลั้นเสียงไม่ให้ร้องดังออกมา มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่มันไหลอาบสองแก้ม
ร่างเล็กค่อยๆเดินไปยังหน้าตะกร้าผ้า เธอโยนเสื้อลงด้วยความเหลืออด ร้องไห้เงียบๆอีกครั้งคนเดียวอยู่นานสองนาน
“เจ็บจัง.. ฮึก” มือบางบีบกุมกลางหน้าอกความรู้สึกเสียใจมันรัดแน่นจนปวดหนึบ หัวใจที่เคยสดใส มาหลายวันนี้เธอแทบจะไม่เหลือความเป็นตัวเองด้วยซ้ำ
ไม่ต่างจากคำที่ว่าตกนรกทั้งเป็น มันเป็นเพราะเวรกรรมอะไรหนอที่ทำให้เธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้..
1 สัปดาห์ต่อมา
“นี่เป็นศูนย์อะไหล่ที่จะเข้าร่วมโครงการใหม่กับเราค่ะ” เลขาของชรัณยื่นเอกสารวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“แน่ใจใช่ไหมครับ ว่ามีคุณภาพ?” เพราะเขาต้องการความน่าเชื่อถือให้กับทางลูกค้าด้วย ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ประกอบการอย่างเดียว
“ค่ะ ดิฉันตรวจเช็คมาสัปดาห์เต็มๆตามที่คุณเจย์บอก” มะปรางบอกกับเจ้านายหนุ่ม
“ครับ งานนี้ผมฝากคุณมะปรางดูแลด้วยนะครับ ช่วงนี้ผมอาจจะยุ่งๆงานที่โรงเบียร์ด้วย เตี่ยเริ่มออกไปไหนไม่ไหวแล้ว” อันที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้น เพราะเรื่องที่ยุ่งจริงๆอ่ะ คือเป็นห่วงพราวมุก
ทุกวันนี้เขานอนดึกเป็นเพื่อนคุยให้เธอทุกวัน เป็นห่วงว่าเธอจะคิดสั้น อยากให้เธอได้ระบายกับเขาและหัวเราะ มากกว่ามาตัดพ้อชีวิต
“วันนี้คุณเจย์มีนัดทานข้าวเย็นกับคุณชาญวิทย์นะคะ” มะปรางกล่าวเตือน
“จริงด้วย วันนี้เป็นวันที่สิบห้าของเดือน” เขาพ่นลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย
เบื่อจะเจอหน้าคู่ค้าเพราะเอาแต่ขายลูกสาวไม่เว้นแม้กระทั่งตอนลุกเข้าห้องน้ำ
“ค่ะ”
“เอางี้คุณปราง บอกว่าช่วงนี้คุณพ่อไม่สบาย ผมยุ่งๆ ให้เว้นไปสักเดือนสองเดือนก่อน” ให้เขามีเวลาได้เดินหน้าจีบพราวมุกต่ออีกหน่อย อย่างไม่ต้องมาพะว้าพะวง
“งั้นปรางจะจัดการให้นะคะ วันนี้ปรางขอตัวกลับก่อนนะคะคุณเจย์” เลขาคู่ใจที่อยู่ด้วยกันมาร่วมห้าปีขอตัวออกไป ก่อนเวลาเลิกงานมันทำให้ชรัณอดที่จะแปลกใจไม่น้อยเลยด้วยซ้ำ
“ไม่สบายหรือไงครับคุณมะปราง?”
“เปล่านะคะคุณเจย์ ปรางบอกคุณเจย์ไปตั้งแต่วันก่อนว่าจะขอออกก่อนเวลา ปรางจะไปดูชุดแต่งงานค่ะ” มะปรางยิ้มเขินให้เจ้านายหนุ่ม
“เอ้า อ๋อ ผมเองที่ลืม ยินดีด้วยนะครับ” ชรัณเกาหัวก่อนจะยิ้มตามเลขา
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ ไปก่อนนะคะคุณเจย์” มะปรางรีบเตรียมตัวรอว่าที่เจ้าบ่าวของเธอมารับ
สายตาคมมองเลขาสาวไปจนลับตาก่อนจะก้มมองโทรศัพท์มือถือ จดจ่อกับแชทใครบางคนอยู่อย่างงั้น
ติ๊ง!
เพียงแค่เสียงแจ้งเตือนเด้ง นิ้วหนาก็กดเข้าไปอ่านทันทีพร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นมาอัตโนมัติ
IE
Praw : วันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ ทำอาหารด้วย ดูน่าทานไหมคะ?
Praw ส่งรูปภาพ
ชรัณมองข้าวผัดน่าตาน่ารักที่เธอจัดแล้วส่งมาให้ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบไป
IE
JJ : น่าทานเหมือนคนทำเลยครับ
*น่ารัก
จากที่ส่งไปแบบนั้น ขึ้นเพียงว่าอ่านแล้ว ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่แทบร้อนเป็นไฟ
เขาพิมพ์อะไรผิดไปงั้นเหรอ?
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง