Share

ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

Author: Mkutkomen
last update Last Updated: 2025-01-21 08:32:39

          “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง

          “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

          “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง

          “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว

          “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ  ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร

          “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย”

          “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยังคงเจือความห่วงใย ไม่เคยมีเลยสักครั้ง ที่น้ำเสียงของชายแว่นหนาคนนี้ จะพูดหรือแสดงความหงุดหงิด หรือไม่พอใจออกมา มีแต่เขาสินะ ที่แสดงอารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างออกไป เพียงแค่สมองและใจมันสั่ง

          “จ่าหนุ่ม ถึงไหนแล้วครับ” เขาโทรไปหาจ่าหนุ่มที่กำลังจะถึง

          “อีกไม่เกินสิบนาทีครับ สารวัตรจะเอาอะไรเหรอครับ” เขาถามเหมือนจะรู้

          “เออจ่า แวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาด้วย อยากกินอะไรก็เอามาด้วยเลยนะ พอดีผมให้จ่าอินไปซื้อเหล้า วันนี้พวกเรามาดื่ม ให้คลายเครียดกันหน่อยเถอะ” เขาบอกออกมา

          “โห เอางั้นเลยเหรอครับ สารวัตร” “บอกผู้กองด้วยนะ” “ผู้กองก็นั่งอยู่ข้างผมนี่ล่ะครับ ได้ครับ เจอกันครับ” จ่าหนุ่มวางสาย เขาเดินง่วนอยู่ในห้อง ทั้งเครียดเรื่องคดี และกังวลเกี่ยวกับแสงอาทิตย์ ที่กังวลเพราะเขารู้สึกผิด ผิดที่ดูแลแสงอาทิตย์ ได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวกับที่เขาทำให้เลย เขาชิน พอชินก็ลืมตัว ดีนะที่วันนั้นไม่ทะเลาะกัน แล้วเขายึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เขาคิดว่าเขามี ถ้าหากว่าเขาปล่อยให้แสงอาทิตย์เดินจากไปในวันนั้น เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เขายังรู้สึกขอบใจตัวเอง ที่เป็นฝ่ายสารภาพทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา และนั่นก็ทำให้เขารั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้

          “สองกลมก่อนนะครับ สารวัตร ไม่พอเดี๋ยวผมลงไปใหม่ ร้านหน้าคอนโดนี่เองครับ” จ่าอินกลับมาพร้อมกับเหล้าสองขวด และของกินเต็มสองมือ

          “พวกนั้นกำลังจะถึง ผมให้แวะซุปเปอร์ก่อน เออจ่า ใครอยากจะกินอะไร หรืออยากจะใช้อะไร ซื้อเข้ามาได้เลยนะ” เขาบอกแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาแรงๆ

          “เฮ้อ” เขาถอนหายใจออกมา

          “ผู้กองบิน เหมือนจะโดนเฉ่งอยู่เหมือนกันครับ เพราะนอกจากหลักฐานเดิมที่พวกเราส่งมอบ เหมือนว่าที่เกิดเหตุที่โรงหนัง จะไม่มีอะไรเพิ่มเติม หรือบ่งชี้ไปยังคนร้ายได้เลย ผู้กองมาบ่นกับผมอยู่ครับ” จ่าอินเล่าให้ฟังตอนก่อนที่จะออกจากสำนักงาน

          “อย่าว่าแต่ผู้กองอินเลย ต่อให้รองทำเอง ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ไหม” เขาเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย และปรามาส แต่ที่เขารู้สึกเสียดายคดีเพราะกำลังจะสาวหาต้นตอ แต่มันก็สะดุดอีกอยู่ดี เพราะต้นตอนั้นเหมือนเป็นตอที่ตายแล้ว สาวต่อไปไม่ได้

          “จ่าคิดว่าใคร ที่น่าสงสัยที่สุด ในตอนนี้” เขาขมวดคิ้ว เอนหลังพิงพนักเต็มแผ่นหลัง แสดงถึงความเหนื่อยล้า

          “อืม น้องชายของนายธรร อยู่อเมริกา ตัดออกไปได้เลย หลวงพ่อ ไม่ตรงกับลักษณะคนร้าย ที่คุณอาทิตย์เห็น หรือว่าจะเป็นคนอื่นที่รู้เห็นเหตุการณ์ แล้วเจ็บแค้นแทนผู้ตาย และครอบครัวไหมครับ” จ่าอินวิเคราะห์

          “ผมก็คิดอยู่ เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นนายวันชัย” เขาเด้งตัวลุกจากพนักพิง

          “แต่ท่าทางของนายวันชัย ดูซื่อ แววตาไม่กลิ้งไปมา แต่ก็มีส่วนครับ เพราะเขาเป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์” จ่าวันชัยนั่งลงที่เก้าอี้ ขมวดคิ้วคิดตามเช่นกัน ระหว่างนั้นประตูห้องก็เปิดออก แสงอาทิตย์เดินเข้ามาพร้อมกับจ่าหนุ่มและผู้กองคมกริช

          “มาถึงนานแล้วเหรอตะวัน” เขาเอ่ยถาม

          “ไม่นานหรอกทิตย์ ได้อะไรมาเยอะแยะเลย” เขามองไปที่มือของทั้งสามคน ที่ต่างก็หิ้วของมาเต็มสองมือ

          “ของกิน ของใช้ส่วนตัวครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มตอบแทน

          “เออ เสื้อผ้า วันหลังก็เอาติดตัวมาด้วยนะ พวกเราคงต้องอยู่ที่นี่ไปสักพัก ตอนไปทำงานก็ไปตามปกติ อย่าให้ใครรู้ ว่าพวกเรามารวมกันที่นี่” เขากำชับ พอจัดของเสร็จ แสงอาทิตย์และจ่าหนุ่ม ก็อาสาไปทำกับข้าว เพราะเริ่มจะเย็นแล้ว ส่วนอีกสามคนก็จัดโต๊ะ พอเสร็จก็มากินข้าวกัน แสงอาทิตย์เริ่มคุ้นชิน เขาจึงไม่รู้สึกประหม่า พอกินข้าวเสร็จก็พากันตั้งวง เพราะต่างคนก็ต่างเครียดจากคดีนี้

          “ตั้งแต่เป็นตำรวจมา ผมไม่เคยเจอคดี ที่ตามยากแบบนี้มาก่อนเลยครับ” จ่าอินบ่นออกมา พอเหล้าเข้าปากได้สามสี่แก้ว ตาเริ่มปรือความในใจที่เคยระมัดระวังก็เริ่มคลาย

          “ไอ้พวกทุเรศนี่ เวลามันเอาคืนนี่โคตรน่ากลัว เสียชาติเกิด” ผู้กองคมกริชสบถออกมา แสงตะวันที่กำลังกึ่มเหล้าอยู่ถึงกับหันไปมอง

          “ทำไมเหรอผู้กอง” เขาถาม

          “ไอ้พวกวิปริตพวกนี้ มันชอบทำอะไรที่อุบาทว์ๆ อยู่แล้วนี่สารวัตร พวกเดนคน” เขายังคงบริภาษออกมา ท่าทางน้ำเสียงมันออกมาจากใจ

          “คนเราไม่เหมือนกันหรอกน่า ผู้กอง เฉพาะไอ้คนนี้ล่ะ” จ่าหนุ่มแทรก

          “เหมือนสิจ่า พวกมันคิดเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน ชอบผู้ชาย อยากได้ผู้ชาย ทั้งที่ร่างกายมันก็เป็นผู้ชาย แต่มันยังอยากได้ผู้ชาย พอไม่ได้ดังใจ มันก็ทำทุกวิถีทาง จนเกิดเรื่องแบบนี้ไง” แสงตะวันจ้องตาวาว เขาหันไปมองจ่าอินที่เขาหันมาพอดี เขาพยักหน้าให้น้อยๆ

          “ผู้กองเหมือนเหยียดเพศอยู่เลยนะครับ” จ่าอินเอ่ยขึ้น สายตาของทั้งสองจ้องมองปฏิกิริยา

          “เหยียดก็เหยียด ผมไม่ชอบ เกลียดเลยล่ะ ไอ้พวกวิปริต ถ้าหากว่าพวกมันไม่มาวุ่นวายกับคนอื่น ผมก็จะไม่อะไรด้วยหรอกนะ แต่พวกมันเสือกยุ่งกับคนอื่นไง เห็นเขาคุยด้วยก็ตุตะเอาว่าเขาชอบ เขาคิดเหมือนตัวเอง เอาตรงๆ ผมโคตรเกลียดพวกนี้เลย หายใจร่วมโลกกันยังรังเกียจ” น้ำเสียงที่ขึงขังจริงจัง ทำให้ทั้งสามคนเริ่มมองหน้ากัน

          “มีอะไรหรือเปล่า ผู้กอง” แสงตะวันเอ่ยถาม

          “สารวัตรไม่เข้าใจหรอก ไม่มีใครเข้าใจ ผมเกลียดพวกมัน อยากจะต่อยให้มันตาย คามือไปเลย” เขาอ้อแอ้แล้วฟุบลงบนโต๊ะเพราะเป็นคนเดียวที่กระหน่ำยกแก้วต่อๆกัน

          “ผู้กองมีอาการแปลกๆ ตั้งแต่ออกมาแล้วครับ เหมือนแกจะร้องไห้” จ่าหนุ่มหันไปทางแสงตะวัน

          “หือ มีอะไร” ทั้งจ่าอินและจ่าหนุ่มส่ายหน้า

          “ทำไมถึงเกลียดเพศที่สามขนาดนั้น มีอะไรแน่เลย” เขารำพึงออกมา พอดีกับมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่สายของจ่าอิน เขาล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย

          “ครับ ผู้กอง หา อะไรนะครับ” สีหน้าท่าทางของเขาดูตื่น ตาเบิกกว้าง

          “มีอะไรจ่า” แสงตะวันถาม

          “มีคนส่งของมาที่สำนักงานครับ” แสงตะวันทำหน้าเอือม เรื่องแค่นี้ก็ต้องร้องโวยวายด้วย

          “ของอะไร ทำไมร้องดังขนาดนั้นล่ะจ่า” จ่าหนุ่มแซว

          “เราต้องไปที่สำนักงานตอนนี้ครับ เพราะของนั่น น่าจะส่งมาจากคนร้าย” แสงตะวันดีดตัวลุกขึ้นทันที

          “เอ่อ แล้วผู้กอง” จ่าหนุ่มเห็นว่าผู้กองคมกริช น่าจะไม่น่าลุกไหว เพราะเมาหลับไปแล้ว

          “พาเข้าไปนอนในห้อง เราไปกันแค่นี้ล่ะ ไป” เขาสั่งแล้วรีบเดินไปเคาะประตูห้องของแสงอาทิตย์

          “ทิตย์ เราจะออกไปสำนักงานนะ เหมือนคนร้ายมันจะส่งของมา” เขาพูดทันทีที่แสงอาทิตย์เปิดประตู

          “หือ ของ? รีบไปเถอะตะวัน” “แต่ทิตย์ อย่าออกมาจากห้องนะ เรารู้สึกว่าผู้กองกริชมีอะไรแปลกๆ” เขาขมวดคิ้วทำสีหน้ากังวล ไม่ได้อยากจะไป เพราะไม่อยากทิ้งแสงอาทิตย์ไว้คนเดียว เขาเริ่มไม่ไว้ใจผู้กองคมกริชที่ทำงานด้วยกันมานาน แต่ไม่เคยรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรกันเลย

          “มีอะไรเหรอตะวัน” แสงอาทิตย์ถามด้วยสีหน้าที่เริ่มวิตกเช่นกัน

          “เหมือนเขาเกลียดเพศที่สาม ทิตย์อย่าออกมานะ มีอะไรรีบโทรหาเรา เดี๋ยวเรารีบกลับมา” เขาเอามือไปประคองหน้า ของหนุ่มแว่นหนาเหมือนจะจูบแต่ก็ไม่จูบ แต่แววตานั้นฉายความห่วงใยออกมาจนหมดสิ้น

          “รีบไปเถอะ แล้วเมาไหม จะขับรถกันยังไง” แสงอาทิตย์เป็นห่วง เพราะดูท่าของแต่ละคนแล้ว น่าจะกึ่มเหล้าอยู่ไม่น้อย

          “ไม่ต้องห่วงหรอก หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว” เขาบอกแล้วรีบออกจากห้องไป แสงอาทิตย์มองไปยังห้องนอนของแสงตะวัน ม่านตาของเขาขยายกว้าง ภาพที่เห็นคือเรื่องราวของผู้กองคมกริช เขาถอนออกมาจากสมาธิ

          “ไม่แปลกใจหรอกตะวัน ที่ผู้กองจะไม่ชอบเพศที่สาม ก็เขาเป็นผู้ถูกกระทำขนาดนั้น” แสงอาทิตย์เอ่ยออกมาแล้วเข้าห้องไปเช่นเดิม

          “ใครเป็นคนมาส่งของ” พอไปถึงสำนักงาน ผู้กองบินและทีมก็เหมือนรออยู่นานแล้ว ท่าทางร้อนรนนั่น ทำให้แสงตะวันแทบจะสร่างเมา เขาเอ่ยถามทันที

          “วินมอเตอร์ไซค์ครับ ปล่อยตัวไปแล้วครับ เพราะดูท่าไม่รู้เรื่อง คนร้ายจ้างให้เขามาส่ง” ผู้กองบินรายงานทันที เขาวางมาดและศักดิ์ศรีลงหมดแล้ว ขนาดสารวัตรแสงตะวัน ที่ได้ฉายาว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้ ยังหาอะไรไม่เจอ แล้วเขาที่เป็นแค่เพียงผู้กอง ประสบการณ์ก็มี แต่สืบเกี่ยวกับยาเสพติด มันไม่เหมือนกัน

          “เขาไม่เห็นคนร้ายเหรอ ส่งของยังไง” เขาซัก

          “คนร้ายให้ไปเอาของ ที่หน้าตึกแถวประตูน้ำครับ เอ่อ ไม่มีกล้องวงจร” แสงตะวันถอนหายใจ แล้วแสดงสีหน้าหน่าย และหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง

          “เอากับมัน แล้วเปิดกล่องหรือยัง” “เปิดแล้วครับ แต่แค่ส่วนเดียว” เขาตวัดสายตาตั้งคำถามทันที

          “สารวัตร ไปดูเองเถอะครับ” เขาเดินนำเข้าไปในห้อง กล่องกระดาษที่หนาเป็นพิเศษ ขนาดเท่าลังเบียร์ตั้งอยู่บนโต๊ะ ฝากล่องถูกเปิดออกครึ่งเดียว เขารีบสวมถุงมือ แล้วเดินเข้าไปชะโงกหน้าดู ในกล่องนั้นมีกระดาษห่อบางอย่างอยู่สองสามชิ้น การห่อดูประณีตผิดปกติ

          “มีใครเปิดดูยัง” เขาหันมาถามผู้กองบิน ที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “เปิดอันนึงครับ” เขาหน้าซีดลงทันที แล้วหันไปยังของบางอย่างบนโต๊ะไม่ไกลจากกล่อง

          “อะไร” เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้ เอาอุปกรณ์คลี่กระดาษออก เขาผงะ เพราะมันคือเส้นผมกำหนึ่ง

          “ไอ้เวรเอ้ย” เขาสบถออกมา

          “เปิด” เขาออกคำสั่ง ด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวกราด ชิ้นแรกคือชิ้นส่วนของเนื้อมนุษย์ ลักษณะคือหนังที่ถูกกรีดออก อีกชั้นคือยูเอสบี เขาพยักหน้าให้ผู้กองบินทันที เขารีบเอายูเอสบี ยื่นให้เจ้าหน้าที่ไอที ตรวจสอบไวรัสก่อน พอผ่านก็เปิดไฟล์

          “อ่า อ่า อำ” เสียงที่กรีดร้องดังออกมาทันที ที่ภาพปรากฏคือเหยื่อที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ในโรงหนัง ปากถูกมัดไว้ด้วยลูกบอลเล็กๆ ภาพที่ปรากฏทำให้เจ้าพนักงานอ้าปากค้าง

          “อ่า อำ อ่อออมไอเอะ” เหยื่อร้องออกมาไม่เป็นภาษา ท่อนล่างของเขา ถูกอ้าออกเหมือนขึ้นขาหยั่งของโรงพยาบาล สิ่งที่กำลังทะลวงเข้าไป คือท่อนอลูมิเนียมขนาดใหญ่ และมันมีตะปุ่มเหมือนหนามรอบแท่งนั้น ร่างกายของเขาพยายามดิ้นรน เพื่อหนีความเจ็บปวดทรมาน

          “ฮึฮึ มึงต้องตาย” แปลกที่เสียงของคนร้าย ผ่านการแปลงไฟล์เสียงมาแล้ว แสงตะวันขบกรามกำหมัดแน่น

          “อ๊วก” พอคลิปเล่นมาถึงช่วงท้าย คือตอนที่คนร้ายใส่ถุงมือและล้วงเข้าไปในทวาร เขากระชากบางอย่างออกมา แล้วก็ใช้มีดหมดตัด เจ้าพนักงานที่ดูอยู่ถึงกับวิ่งไปอาเจียน

          “ไอ้สาระเลว แม่ง มันทรมานเหยื่อขนาดนี้เลยเหรอวะ” แสงตะวันกัดฟันจนปวด

          “โหดร้ายมากครับ เกิดมาผมไม่เคยเจอ” ผู้กองบินเอ่ย เขารู้สึกขยาดอยู่ไม่น้อย

          “มันหยามพวกเรา ดูให้ละเอียด มีอะไรที่พอจะจับพิรุธได้ไหม เอาทีละช็อต” เขาหันไปสั่งเจ้าหนักงานไอที ที่เหลืออยู่คนหนึ่ง เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

          “อย่าเพิ่งบอกรองนะผู้กอง เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่าให้กูจับได้นะมึง ไอ้เวร” เขาหัวเสียแล้วคุยกับผู้กองบิน ถึงความน่าจะเป็น และตรวจดูทุกอย่างโดยละเอียด ก่อนที่จะส่งต่อไปยังสถาบันนิติเวช   

          “ท่านรองก็เร่งผมทุกวัน เฮ้อ ขนาดสารวัตรยังตามยาก แล้วผมล่ะ” ผู้กองบินบ่นออกมา

          “ช่วยกันผู้กอง ผมไม่ทิ้งหรอก แม้จะโดนสั่งปลดก็ช่าง” เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เส้นเลือดที่ข้างกระหม่อมเต้นตุบๆ รู้สึกร้าวไปถึงกระดูกสันหลัง

          “สารวัตรครับ เหมือนมีกระดาษบางอย่าง อยู่ในกล่องด้วยครับ” เจ้าพนักงานพิสูจน์หลักฐานรีบรายงาน เพราะหลังจากที่ชำแหละกล่องก็เจอกระดาษ เขารีบปรี่เข้าไปหาทันที

          “มันว่าอะไร” เขาจ้องข้อความในกระดาษ มันไม่มีอะไร เป็นแค่ตัวเลขหนึ่ง

          “มันคืออะไร เลขหนึ่ง” ผู้กองบินเอ่ยถาม

          “เหลืออยู่อีกคนหนึ่งไง มันกำลังท้าทายเรา” แสงตะวันตาวาวขึ้น แต่ก็หม่นแสงลง เพราะคิดหาทางไปไม่เจอ

          “ผู้กอง ได้ข้อมูลของผู้ตายรายล่าสุดมาหรือยัง” เขาหันไปถามผู้กองบิน

          “ได้มาครบแล้วครับ ทางนี้ครับ” เขาเดินนำไปยังโต๊ะทำงาน

          “ผู้ตาย นายประเวส คงสมริน อายุ ๔๕ ปี สถานะหย่าร้าง ลูกชายเขาส่งเสียโดยเด็กอาศัยอยู่กับภรรยาที่ มุกดาหารครับ สูง ๑๗๖ หนัก ๗๕ กก. ตำหนิ” ผู้กองบินรายงานตามเอกสาร

          “เดี๋ยวนะ เขาเปลี่ยนชื่อไหม เขาเคยใช้ชื่ออื่นไหม” แสงตะวันขมวดคิ้ว เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเช่นเคย เขาดูเครียด

          “เจอครับ ชื่อแรกตั้งแต่เกิดจนถึง อายุ ๑๗ ปี ใช้ชื่อ วีระชน คงสมริน” “ผู้กอง ช่วยกันหา คนที่ชื่อสมโชติ คงสินธรรม ไม่ใจว่าเขาน่าจะเปลี่ยนชื่อเหมือนกันไหม หาให้เจอ ให้ด่วนที่สุด ให้คนไปสืบที่ทำงาน ที่พัก เส้นทางที่เขาใช้ประจำ กล้องทุกตัวที่เขาผ่านทาง เก็บมาให้หมด โทรศัพท์ การสนทนา แอพพลิเคชั่นต่างๆ เอามาให้หมด อย่ามองข้าม” เขาสั่งเหมือนเป็นเจ้าของคดี

          “เอ่อ นายสมโชติ คงสินธรรม นี่ เอ่อ” ผู้กองบินถามเพราะไม่เห็นว่าบุคคลที่เขากล่าวอ้าง จะเกี่ยวข้องกับคดี หรือว่าเกี่ยวแต่เขาไม่รู้

          “เหยื่อคนสุดท้ายไง เราต้องทำทุกทาง เพื่อรักษาชีวิตของเขาให้รอด” น้ำเสียงของแสงตะวันจริงจัง ไม่นานเขาก็ออกจากสำนักงาน พร้อมกับจ่าอินและจ่าหนุ่ม

          “สารวัตร” จ่าอินร้องขึ้นตอนที่เดินไปที่รถ เพราะแสงตะวันเซ เขาหน้ามืด จะด้วยฤทธิ์ของเหล้าหรือการพักผ่อนน้อย ต่างก็ส่งผลต่อร่างกายของเขาทั้งนั้น

          “อ่า จ่า ผมหน้ามืด” เขาครางออกมา มือเกาะแขนของจ่าหนุ่มและจ่าอินที่รีบวิ่งเข้ามารับตัวของเขาไว้

          “พักหน่อยครับสารวัตร พวกเรากรำคดีมานาน อดนอน สารวัตรคงจะเพลีย ร่างกายมันน่าจะไม่ไหวแล้วครับ” จ่าหนุ่มเอ่ย

          “ปวดหัวว่ะจ่า” เขาเข้าไปนั่งในรถ แล้วเขามือขึ้นคลึงที่ขมับ

          “แวะโรงบาล ให้หมอตรวจก่อนไหมครับ อยู่แค่นี้เอง” จ่าอินหันมาจากเบาะหน้าถามด้วยความห่วง

          “หมอโป้ง มันอยู่ไหม” ทั้งสองจ่าหันหน้ามองกันทันที หมอโป้งเป็นหมอชันสูตร ทำไมสารวัตรถึงอยากจะไปให้หมอโป้งตรวจ

          “เอ่อ เดี๋ยวผมเช็คให้ครับ” จ่าอินตอบ เขาไม่กล้าขัดใจแสงตะวัน เพราะทำงานด้วยกันมานาน รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี แสงตะวันเป็นคนเด็ดขาด เขาบอกอะไรก็ต้องตามนั้น แม้จะแย้งเขาไม่ต่อว่าหรือแสดงอาการไม่พอใจ แต่เขาจะไม่ทำตามและเมินเฉยไปเสีย

          “อยู่ครับ” จ่าอินพยักหน้าให้จ่าหนุ่ม รีบบึ่งรถไปยังสถาบันนิติเวชทันที

          “เอาวิตามินไปบำรุงหน่อยเถอะ สารวัตร นี่คงไม่ได้นอนเต็มตามากี่คืนแล้วล่ะ ไหนจะกินเหล้าเข้าไปอีก พอคดีจบ ผมว่าคุณน่าจะเข้าโปรแกรม ตรวจสุขภาพครั้งใหญ่แล้วล่ะ จ่าทั้งสองคนก็เหมือนกัน” หมอโป้งเอ่ยออกมาเสียงเรียบ สายตามีแววการตำหนิอยู่ แต่ก็เพียงแต่แวบเดียว เพราะเขาเข้าใจดีว่าหน้าที่ของแสงตะวันนั้น จะกินนอนเป็นเวลาคงยาก

          “ไม่ใช่ยานอนหลับนะหมอ ผมยังมีอะไรต้องทำอีกตั้งเยอะ” เขาขู่

          “วิตามินรวมนี่ล่ะ” หมอโป้งตากรอกไปมาทันที

          “เฮอะ ให้มันจริงเถอะ มีอะไรที่ต้องกังวลไหมหมอ” เขาถามอย่างไม่ใส่ใจนัก เขารู้ตัวดีเพราะว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ เขากรำงานมาหลายวัน นอนแทบจะนับชั่วโมงได้ ไม่แปลกที่จะหน้ามืด

          “ไปเรา กลับ” เขาหันไปหาลูกทีมที่นั่งรออยู่ พอกลับมาถึงห้องเขาก็รีบเปิดประตูเข้าไป เพื่อจะดูความผิดปกติทันที

          “ทิตย์ มีอะไรไหม” เขาคลานขึ้นไปบนเตียง แสงอาทิตย์หลับไปแล้ว แต่เขาก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น ตอนที่แสงตะวันขึ้นมาบนเตียง เขาส่ายหน้าแล้วหลับตาลง

          “อืม นอนต่อเถอะ” “แล้วตะวันไม่นอนเหรอ” เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง

          “มีเรื่องต้องตามน่ะ ไม่เป็นไร เราแวะไปหาหมอมาแล้ว เขาให้ยาบำรุงมา พักผ่อนน้อยน่ะ ทิตย์ไม่ต้องห่วงนะ” เขาบอกแล้วออกมาจากห้องมา พอดีกับที่ผู้กองคมกริชตื่นขึ้นมา เพราะกระหายน้ำ

          “นี่ผมน็อคไปเหรอ” เขาถาม

          “ใช่สิผู้กอง ก่อนใครเลย เลยช่วยกันหามเข้าไปนอน” จ่าอินเย้า

          “หือ ผมเนี่ยนะ แปลก ปกติผมคอแข็งอยู่นะ” เขาเกาหัว

          “ก็เล่นยกเอาๆ ต่อให้คอทองแดงแค่ไหน ก็มีน็อคล่ะครับ ผู้กอง” จ่าหนุ่มพูดบ้าง

          “ก็อปคลิปมาด้วยไหม” แสงตะวันเดินออกมาจากห้อง สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที กลับเป็นเคร่งเครียดเหมือนเคย

          “เอามาครับ” “เปิดเลย ดูไปทีละช็อต” เขานั่งลงบนโซฟาโดยทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลง ผู้กองคมกริชดื่มน้ำเสร็จก็ทำหน้างง

          “ไปไหนกันมาครับ ทำไมไม่เรียกผม” แสงตะวันไม่ตอบได้แค่เหลือบตาขึ้นมอง ผู้กองคมกริชจึงเงียบและหาที่นั่ง พอคลิปถูกเปิด โดยแสงตะวันให้ผ่อนเสียงลง เพราะกลัวว่าแสงอาทิตย์จะได้ยิน ผู้กองคมกริชก็ถึงกับอ้าปากค้าง เขาเบือนหน้าหนี เพราะทนความอำมหิตที่ฉายออกมาไม่ได้

          “หุ่นดีจังครับ” ข้อความที่ส่งมาในกล่องข้อความส่วนตัว ทำให้หนุ่มใหญ่ ที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ด้วยเครื่องฉายรังสีชนิดพิเศษ เขาทำเป็นไม่สนใจ คนอย่างเขาไม่มีทางสนใจใครง่ายๆ เขามีดี ด้วยหน้าตาที่ดี รูปร่างที่เขาเพียรพยายามปลุกปั้นมา ฐานะก็พอได้ ไม่ได้ลำบาก มีการงานที่มั่นคง

          “กลั้นหายใจไว้นะครับลุง หนึ่ง สอง สาม ผ่อนครับ ค่อยๆ ดีครับ กลั้นอีกครั้งครับ” เสียงเขาบอกคนไข้ให้ทำตาม เพื่อที่รังสีจะได้แปลงค่าที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด

          “พี่เวส คนสุดท้ายแล้วพี่ วันนี้คงไม่มีเคสพิเศษ” พนักงานที่คอยรับคนไข้อยู่ด้านนอก เข้ามาบอกหลังจากที่คนไข้ออกไป เขาถอนหายใจออกมา เขาจบวิทยาศาสตร์สาขาชีวะวิทยา จากมหาลัยขนาดไม่ใหญ่มากทางภาคอีสาน จับพลัดจับผลูยังไงไม่ทราบ ได้มาทำงานกับบริษัทตรวจคนไข้ด้วยเครื่อง CT Scan เขาทำมันมาตั้งแต่เรียนจบ เคยทำงานในภาคอีสานอยู่นานหลายปี จนแต่งงานและมีลูกหนึ่งคน แต่เขากับภรรยาก็เลิกกันด้วยดี เพราะความต้องการไม่ตรงกัน เขาย้ายเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลในกรุงเทพ นั่นมันทำให้ชีวิตของเขา เจอกับอิสระที่เขาใฝ่หามาทั้งชีวิต นอกจากจะทำงานในโรงพยาบาลแล้ว เขายังเป็นแอคเค่อที่มีผู้ติดตามในแอพพลิเคชั่น X ถึงหลักแสนคน คอนเทนต์ก็โชว์เนื้อหนังมังสา แต่ไม่โชว์หน้า คลิปต่างๆทั้งเดี่ยว คู่ หมู่ เขาทำมาหมด ก็มันร่างกายของเขา ชีวิตของเขา ไม่มีใครต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้ เขาจึงไม่แคร์ใครทั้งสิ้น นอกจากความรู้สึกของเขาเอง

          “ใครครับ” เขาพิมพ์ตอบไป เพราะรูปโปรไฟล์ เป็นรูปหุ่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม

          “พีครับ ผมติดตามคุณเวสมานาน ชอบครับ ชอบมาก” เขาพิมพ์ตอบกลับมาทันที โดยไม่ต้องรอ ตอนแรกเขากำลังจะกดเข้าไปดูข้อความใหม่ เขาขมวดคิ้วด้วยความเร็วในการตอบกลับ แต่เขายังไม่ทันจะได้ทำอะไร รูปภาพส่วนบุคคล หน้าตรง และในอิริยาบถต่างๆ ก็ถูกส่งมา รวมถึงภาพลับ ที่โชว์ขนาดที่เขาถึงกลับหน้าร้อนเห่อขึ้นมา

          “แถวไหนเหรอ” เขาพิมพ์ถามกลับ

          “ราชเทวีครับ อยากทำคอนเทนต์กับพี่จังครับ”

          “ไม่จ่ายนะ” “ฟรีครับ ผมมีอุปกรณ์ครบ พี่อยากเล่นตีมไหน ว่ามาเลยครับ ผมชอบพี่มาก ติดตามมานาน วันนี้กล้า จึงลองทักพี่ดู เผื่อพี่จะสนใจผมบ้าง” เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

          “มีที่เหรอ” “พี่สนใจแนวโรงหนังร้างไหมครับ” เขาส่งโลเคชั่นให้ทันที ประเวสกดเข้าไปดู อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก

          “แต่พี่จะถ่ายคลิปนะ ไม่ติดนะ”

          “ได้เลยครับ ผมอยากทำผลงานกับพี่อยู่แล้ว เต็มที่เลยพี่ ผมจะจัดให้เต็มที่” เขาตอบกลับมา ใจของประเวสเต้นตึกตัก

          “นี่รูปจริงเหรอ” “bionly7.5 ไลน์ไอดีผม” ประเวสไม่คิดอะไรมาก กะอีกแค่ไลน์ แอดได้ก็บล็อกได้ เขายักไหล่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เขาไม่เคยพลาดในเรื่องนี้มาก่อน ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาต้องเป็นฝ่ายที่คุมเกมเท่านั้น

          “ครับพี่” เหมือนเขารออยู่ก่อนแล้ว แค่เพียงประเวสกดแอด ตามไอดีที่เขาให้มา ข้อความก็เด้งทันที และเขาก็วีดีโอคอลเข้ามา ประเวสกดรับแต่แหงนกล้องขึ้นบนเพดาน

          “พี่จะไม่ให้ผมดูหน้าพี่ บ้างเหรอครับ” เขาส่งเสียงมา เสียงนั้นทุ้มหนา ประเวสตัดสินใจ แพนกล้องเข้าหาหน้าตัวเอง ภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเขา คือชายหนุ่มวัยกลางคน แต่หน้าตาของเขาดูอ่อนเยาว์มาก รอยยิ้มนั้น ทำให้เขาคิดถึงรอยยิ้มของใครบางคน คิ้วหนาดก ผมสั้นเกรียน ตาคมเป็นประกาย จมูกโด่งสันใหญ่ รองรับกับกรามที่หนา ริมฝีปากนั้นหนา เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เหมือนรู้ว่าประเวสกำลังจ้องอยู่ หล่อ หล่อมาก หุ่นดี ทุกอย่างดีไปหมด นี่เขาเป็นดาราหรือยังไงกันนะ ประเวสคิด

          “พี่น่า...จังครับ” เขาเว้นประโยค

          “พี่รุกนะ พี่ไม่รับ” เขารีบบอกทันที รู้สึกประหม่า เป็นคนแรกที่เขาคุยแล้วรู้สึกว่าประหม่า แต่เขาก็ต้องวางมาด ให้ดูว่าเขามีวุฒิภาวะที่เหนือกว่า

          “อ้าวเหรอครับ แต่ในคลิปที่บ้านร้าง” เขาไม่เอ่ยต่อ

          “อ้อ พี่เมาน่ะ ครั้งแรกและครั้งเดียว” เขารีบปฏิเสธไป

          “ผมไบครับ ทำไงดี รุกอย่างเดียว” เขาทำท่าเสียดาย

          “งั้นก็คง ไม่ได้ร่วมผลงานกันแล้วล่ะ” ประเวสเคยพูดแบบนี้ แล้วมันได้ผล

          “เสียดายจังเลยครับ ผมติดตามพี่มานาน ฝันว่าสักวันต้องได้ร่วมงานกับพี่ คลิปที่บ้านร้าง ผมยังรู้สึกไม่พอใจเลย เพราะอิจฉา ทำไมไม่เป็นผม แต่ก็เข้าใจครับพี่ ยังไงผมก็ติดตามพี่ตลอดไปครับ” เขาทำเสียงและหน้าเศร้า ประเวสใจเต้นตึกตัก เอายังไงดี ไม่มีมาง่ายๆนะ คนที่เพอร์เฟคทั้งตัวแบบนี้

          “ก็ของน้องมันใหญ่ พี่ไม่ไหวหรอก” เขาอ้อมแอ้มเอ่ยออกมา

          “พี่ไม่ต้องห่วงครับ ผมรู้วิธีที่ทำให้พี่ไม่เจ็บ ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพี่ร้องเจ็บเมื่อไหร่ ผมจะไม่ทำมันเลย” เขารีบเอ่ยออกมา แววตานั้นมันเป็นประกาย ประเวสจ้องมองอยู่ ถ้าเขาได้ถ่ายคลิปนี้ เขาจะไม่เผยแพร่ที่ไหนเลย เขาจะเก็บไว้ดูคนเดียว ของพรีเมี่ยมขนาดนี้ ปล่อยให้พวกเกย์หื่นดู เสียของเปล่าๆ เขาวาดฝัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

    “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้ “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น “ถ้า

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๔ คดีโรงหนังร้าง ๓๖๘

    ตลอดทั้งคืนไม่มีใครกลับบ้าน ต่างพากันประชุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แสงตะวันเข้าไปนอนในห้องกับแสงอาทิตย์ เขาสละห้องนอนส่วนตัว ให้ผู้กองกับจ่าอิน ส่วนจ่าหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา “เวลาไม่ได้ทำคดีแล้ว บางทีมันก็สบายอย่างนี้สินะ” แสงตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากตื่นนอน แสงอาทิตย์ลุกไปนานเป็นชั่วโมงแล้ว “อ้าว ตื่นไวจังจ่า เป็นไง นอนหลับไหม” เขาทักจ่าหนุ่มที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟา “ตื่นสักพักล่ะครับ คุณอาทิตย์สิครับ ตื่นก่อนใคร มาต้มกาแฟให้แต่เช้า ตอนนี้ยังไปทำอาหารเช้าให้ด้วยครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แสงตะวันเดินไปเทกาแฟใส่แก้ว แล้วเดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก แสงอาทิตย์กำลังง่วนอยู่ กับการปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาว “ทำไรทิตย์” เขาพิงเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม “ปิ้งขนมปัง พี่จ่าเขากินกาแฟหมดยัง ตะวันเอาออกไปให้เขาหน่อยสิ เดี๋ยวเรากำลังทอดไข่ดาว” แสงอาทิตย์ไม่ได้หันมามอง เขากำลังจดจ้องอยู่ที่การทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันอยู่ “ขอโทษนะทิตย์ ที่ต้องทำให้ทิตย์ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้ เราคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะไปหาที่ประชุมลับที่ไหนดี นอกจากห้องของเรา” เขาเอ่ยเสียงท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

    แสงอาทิตย์กำลังปิดรายงาน เพื่อส่งให้นทีรีวิว ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เหลือรายงานสรุปที่ต้องส่งทีหลัง เขารู้สึกโล่งมาก เพราะตรวจบัญชีหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ซ้ำช่วงนี้ยังมีเรื่อง มีวิญญาณที่ขอความช่วยเหลือ ยิ่งถอนตะปูตรึงวิญญาณได้แล้ว เหมือนว่าวิญญาณทั้งสามจะปรากฏร่างให้แสงอาทิตย์เห็นบ่อยขึ้น “วันนี้เลิกเร็ว รีบกลับไปพักเถอะทุกคน เราค่อยนัดเลี้ยงกันพรุ่งนี้ วันนี้ทุกคนน่าจะไม่ไหว ขอบใจมากนะเด็กๆ พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงกันนะ เดี๋ยวพี่แจ้งชื่อร้านและเวลาไปอีกที มาให้ได้กันทุกคนนะ” นทีบอกพนักงานที่จ้างมาชั่วคราว พอแยกย้ายกันกลับ เหลือแต่พนักงานประจำที่กำลังเก็บของ “กลับไปถึงบ้าน พี่จะกระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปวดเมื่อยมาก” มนฤดีบ่นอุบ “ไปนวดไหมพี่มน นี่ก็ไม่ไหว นั่งจ้องเอกสารทั้งวัน ปวดตามาก” มณีเอ่ยชวน “เออ ดีเหมือนกัน อ่อนนุชเหมือนเดิมเหรอ” “มีร้านเปิดใหม่ ก็ใกล้ร้านเดิมที่เราเคยไปล่ะเจ๊ ไปด้วยกันไหม นที อาทิตย์” มณีหันมาชวนหนุ่มโสดทั้งสองคน “วันนี้ผมขอตัวครับ ผมรู้สึกมึนๆยังไม่หาย อยากกลับไปนอน” แสงอาท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๒ ถอนตะปู

    “วันนี้รองลางาน แปลก ปกติไม่เคยลา แกบอกไม่สบาย” พอมาถึงที่สำนักงาน จ่าอินก็รีบรายงานทันที แสงตะวันขมวดคิ้ว “แกเป็นอะไร” “เหมือนจะหวัดครับ เพราะแกไม่เคยลงพื้นที่ เมื่อคืนก็ไปเฝ้าตั้งแต่หัววัน คงโดนน้ำค้าง” น้ำค้าง? แสงตะวันนึกขัน ตำรวจอะไรจะไม่ถูกกับน้ำค้าง นี่แสดงว่าเรียนมาเพื่อเซ็นเอกสารอย่างเดียวเลยสินะ เขานึกปรามาสอยู่ในใจ เพราะเขาเองกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ บุกป่าฝ่าดงก็ไปมาหมดแล้ว อดข้าวสามวัน อดนอนเป็นอาทิตย์ การฝึกก็โหด แค่น้ำค้างเนี่ยนะ ต่อให้เป็นฝนตกเขาก็ไม่เป็นอะไร “โล่งไปนะครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่โล่งหรอกพี่จ่า แสดงว่าเรายังพอมีเวลา มีอะไรคืบหน้าไหม ที่โรงเรียน” เขาถาม และมองหาผู้กองคมกริช “ผู้กองไปเบิกผลตรวจของที่เจอเมื่อวานครับ” จ่าอินเหมือนจะรู้ใจ เขาพยักหน้า “มีกลุ่มของนักกีฬาโรงเรียนครับ และสารวัตรครับ ผมว่าเราน่าจะเจออะไรบางอย่างแล้วครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่วาวระยับ “หือว่ามาจ่า” เขาเองก็ตื่นเต้น รีบนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าเข้าหา “นักกีฬาฟุตบอลโรงเรียน และทั้งสามคนที่ตายคือสมาชิก ใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status