‘ตะวัน’ ไม่คิดว่ากวางน้อยที่เขาข่มเหงจะหลุดไปได้ หนึ่งปีต่อมา กลับพบว่า ความทรงจำส่วนหนึ่งของน้ำเหนือที่มีต่อเขาได้หายไป...
Lihat lebih banyakเมื่อหลายปีก่อน ‘ตะวัน’ เห็น ‘น้ำเหนือ’ แค่เพียงไกลๆ แต่แค่นั้นเขาก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาในทันที แต่เมื่อได้มาพบกันอีกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน เด็กหนุ่มในวันนั้น กลับกลายมาเป็นศัตรูที่เขาอยากฆ่าให้ตายคามือ เพราะคิดว่าเป็นตัวการอีกคน ที่ทำให้น้องชายเขาต้องมาจบชีวิต...
‘นายเหมือนทองคำที่บริสุทธิ์ แต่กลับห่อหุ้มด้วยยาพิษ และฉันจะทำลายนายทิ้ง’
‘น้ำเหนือ’ ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แต่กลับกลายมาเป็นเครื่องมือให้ ‘ตะวัน’ แก้แค้นให้น้องชายตัวเอง เพื่อเอาคืน ‘พายุ’ ที่เป็นต้นเหตุให้ ‘เตชิน’ ฆ่าตัวตาย
‘ตะวัน’ ไม่คิดว่ากวางน้อยที่เขาข่มเหงจะหลุดไปได้ หนึ่งปีต่อมา กลับพบว่า ความทรงจำส่วนหนึ่งของน้ำเหนือที่มีต่อเขาได้หายไป...
ตะวันจะทำเช่นไรเมื่อสิทธิ์ของเขา กำลังถูกเพิกเฉย และทุกอย่างที่อยู่ในใจของ ‘ตะวัน’ ผู้จริงจังกับชีวิต จะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีแบบใด แล้ว ‘น้ำเหนือ’ จะฟื้นความทรงจำส่วนหนึ่งที่หายไปกลับมาได้ไหม หรือจะปล่อยให้เรื่องราวในอดีตกลายเป็นเพียงฝันร้าย แล้วเริ่มต้นเรื่องราวดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
กระนั้นหากความทรงจำของน้ำเหนือกลับมา แล้วจะยอมมองหน้าคนที่ทำลายอนาคตตัวเองได้หรือไม่ ต้องไปลุ้นกัน...
ตะวันฉายแสง
ท้องทะเลสีฟ้าคราม ซึ่งมีสปีดโบตลอยลำอยู่นานหลายชั่วโมงโดยไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนกลับเข้าฝั่ง ทั้งที่คลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่าปะทะเข้ากับลำเรือ คล้ายกำลังคลุ้มคลั่ง หากแต่คนบนเรือไม่ได้สะทกสะท้าน
ดวงตาคมดุเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและมุ่งหวังจ้องนิ่งอยู่บนผิวน้ำเบื้องหน้าเสมือนให้เป็นสักขีพยานกับความคิดของเขา และเมื่อไหร่ที่มีโอกาส เขาจะไม่รอช้ากับคนพวกนั้น...
‘ใครทำ มันจะต้องชดใช้!’
สายตาคมกล้าค่อยๆ อ่อนแสง เขาหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาผ่านความมืดที่กำลังปกคลุมไปทั่วพื้นน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา เถ้ากระดูกที่โปรยปลิวหายไปเหลือไว้แค่สายลมว่างเปล่า...
ระลอกคลื่นน้อยใหญ่ปะทะลำเรือแตกกระเซ็นเป็นฟองฝอยกระเด็นมากระทบผิวกายจนเปียกชื้นหากแต่เจ้าของเรือนกายสูงหนากลับไม่แสดงท่าทีหนาวสั่น จนกระทั่งความมืดกระจายไปทั่วท้องฟ้า แต่จิตใจของคนที่อยู่บนเรือกลับดูมืดมิดยิ่งกว่า...
ตะวัน ธงชัยสิทธิ์ นักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน ที่รับช่วงต่อมาจากผู้บังเกิดเกล้าจนได้เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยวัยเพียงยี่สิบแปดปี รูปร่างหน้าตาโดดเด่น คิ้วหนาเป็นแพ ตาคมลึกสองชั้นหลบใน หางตาเฉียงยกสูง ดูฉลาดแต่หยิ่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากทรงกระจับ รับกับรูปหน้าคมเข้ม ซึ่งพวกนักธุรกิจด้วยกัน มักไม่กล้าต่อกร...
“พี่ขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ แต่ยังไงพี่จะให้มันชดใช้ให้สาสม...” เจ้าของใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มสั่นและขาดห้วง “พ่อครับแม่ครับ ผมมาส่งน้องคืนแล้วนะครับ ผมขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้...” น้ำเสียงสั่นสะท้านพยายามเปล่งออกมาจนสุดประโยค พร้อมกับกลืนก้อนแข็งๆ ที่อัดหน่วงขึ้นมาจุกที่หน้าอกลงท้องดังเดิม
มือหนาจับขอบลำเรือไว้แน่น แน่นจนเส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ชัด หากแต่เพียงครู่แววตากลับลุกโชนด้วยไฟอาฆาต ก่อนจะหยุดนิ่งกักเก็บอารมณ์เพื่อไว้อาลัยกับสิ่งที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไปและเป็นอย่างนั้นซ้ำๆ เหมือนคนกำลังสับสนหาทางออกไม่เจอ
ตะวันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบสามปีก่อน ที่แห่งนี้ในเหตุการณ์แบบเดียวกัน
...นั่นคือวันที่ตัวเองต้องกอดคอกันร้องไห้กับน้องชาย โดยพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน
‘พี่จะเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและจะดูแลเตชินแทนพ่อแม่ให้ดีที่สุด พี่สัญญา’ เสียงทุ้มแหบเอ่ยบอก พร้อมกระชับโอบไหล่ที่กำลังสั่นไหวของน้องชายไว้แน่น
ภาพนั้นปรากฏขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง สายตาเหม่อมองออกไปในท้องทะเลกว้างอย่างไร้จุดหมายระลึกถึงเรื่องในอดีตอย่างอดไม่ได้
หนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มยังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่บนใบหน้า ละสายตาจากน้ำทะเลสีคราม แล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย กระชับวงแขนเล็กโอบกอดเอวสอบไว้ ‘จริงนะ พี่จะอยู่กับผมไม่ไปไหน...’ แววตาหวั่นมองมาอย่างรอคอยคำตอบ
‘จริงสิ...ก็พี่มีเตชินอยู่คนเดียว ไม่ดูแลเตชินแล้วจะให้ดูแลใคร’ พี่ชายวัยสิบห้าปีก้มลงเอ่ยบอกน้องชายวัยสิบขวบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม
คำพูดและคำสัญญาของสองพี่น้องที่อายุห่างกันหลายปีเรียกน้ำตาของพงศ์ ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดวัยสามสิบปีผู้ที่ให้การดูแลเด็กทั้งสองมานาน
‘คุณหนูครับ กลับบ้านกันเถอะ แดดเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย’ พงศ์เป็นรุ่นน้องบิดาของเด็กทั้งสองยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังบอกด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มเอียงหน้าชำเลืองมองท้องฟ้า และสัมผัสได้กับแสงอาทิตย์ร้อนแรงที่สาดส่องลงมา
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล ก่อนจะหันกลับไปมองท้องทะเลกว้าง มันยากที่เด็กทั้งสองจะทำใจได้ ความห่วงหาอาวรณ์ ทำให้น้ำตาที่เหือดแห้งไปก่อนหน้านั้น แข่งกันไหลทะลักออกมาอีกด้วยความอาลัยหา
‘พ่อครับแม่ครับ ผมกับน้องต้องไปก่อนนะครับ...ขอให้พ่อแม่ดูแลผมกับน้องอยู่บนสวรรค์ด้วยนะครับ’
น้ำเสียงเครือสะอื้นกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะประคองกอดน้องชายเข้าด้านในลำเรือ
เมื่อถึงเวลา ก็ต้องจำใจปล่อยความเศร้าโศกสูญเสียเอาไว้เบื้องหลัง...
‘คุณหนูรีบเรียนให้จบนะครับจะได้มาช่วยดูแลบริหารงานแทนคุณพ่อ’
คนที่รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสองอย่างอาพงศ์บอกกล่าวด้วยความห่วงใย
เขาไม่มีประวัติเกเรเหลวไหล ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิต เขารู้ว่าอาพงศ์แค่อยากจะย้ำเตือนให้รู้ถึงภาระหน้าที่ในการสานต่อธุรกิจที่พ่อสร้างไว้ให้ครอบครัว
แม้พงศ์จะไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ความมีน้ำใจของ ตรีเทพ ธงชัยสิทธิ์ ในวัยหนุ่มที่ช่วยเหลือตนเองเอาไว้จากการถูกคู่อริรุมทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้มีที่อยู่ที่กินจนทุกวันนี้ บุญคุณทั้งหมดเขาเองจะตอบแทนไปจนตายจากกัน...
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
Komen