EP.3
ทันทีที่มาเฟียหนุ่มเอ่ยในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขวัญพิชชายืนตัวแข็ง สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ แล้วดึงสติตัวเองกลับมาเมื่อรามิลเรียกชื่อเธอ
“มาเบล”
ก้าวเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลัก ถึงเขาจะหล่อเหลาแค่ไหนแต่กลับไม่น่าเฉียดเข้าใกล้เลยสักนิด สองมือบางบีบเข้าหากัน พลันคิดหาวิธีเอาตัวรอดในการออกจากห้องนี้
“กลัวฉัน” หัวคิ้วขยับชิดเข้าหากัน รามิลเริ่มแสดงความไม่พอใจบนใบหน้า เมื่อขวัญพิชชายืนห่างจากเขาอยู่มาก เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงไม่เล่นตัวมากแบบเธอ มีแต่จะเข้าหา เอาอกเอาใจ อยากมี อยากได้เงินทอง อยากเป็นเจ้าของเขาทั้งนั้น
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าก็เดินมาหาฉันใกล้ ๆ ”
“เบลยืนตรงนี้ดีอยู่แล้วค่ะ"
“งั้นฉันเดินเข้าไปหาเธอเอง” เรือนกายสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน สองเท้าก้าวยาวและมั่นคงอย่างไม่รีบร้อน รีโมทสีดำอันเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ในอุ้งมือ ปลายนิ้วยาวขยับกดปุ่มล็อคห้องทำงานอัตโนมัติ
ประตูห้องนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยระบบเซนเซอร์ ควบคุมด้วยรีโมทจากเจ้าของห้อง และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะคนที่จำเป็นเท่านั้น
หญิงสาวเห็นรองเท้าหนังสีดำราคาแพงเดินสืบเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นทุกที
ขวัญพิชชาเริ่มหายใจลำบาก เมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้า รามิลเป็นมาเฟีย เธอคือเด็กกำพร้า ไม่มีชื่อเสียงหรือเงินทอง เขาและเธออยู่กันคนละระดับชั้น
“ทีนี้จะตอบฉันได้หรือยัง”
“เบลไม่อยากเป็นผู้หญิงของคุณ”
คนถูกปฏิเสธจึงยื่นข้อเสนอ “เธอจะได้ทุกอย่าง บ้าน คอนโด รถ เงิน ทอง กระเป๋า...”
“เบลไม่อยากได้”
รามิลยังไม่ทันจะพูดจบ ขวัญพิชชาเอ่ยปฏิเสธทุกอย่างด้วยใบหน้าตื่นตระหนก สิ่งของที่เขากล่าวขึ้นนั้นล้วนเป็นของมีค่าทั้งสิ้น เธอไม่ใช่คนโลภ ไม่ได้อยากมีอยากได้ หรืออยากเป็นคนของเขาเลยสักนิด
“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธฉัน”
“งั้นคุณเคนโซก็ไปหาผู้หญิงที่ไม่ปฏิเสธความโลภพวกนี้เถอะค่ะ”
“ต่อปากต่อคำดีนี่” รามิยกมือขึ้นจับปลายคางมนเงยขึ้นเพื่อสบตาคม นิ้วเรียวขยับไล้ริมฝีปากสีสวยอย่างอ้อยอิ่ง นึกอยากลิ้มลองรสชาติลิปสติกสีชมพูที่ดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสความชุ่มชื้นบนเรียวปากนั้น
ปากหนาเผยอเปิดเพียงนิด โน้มใบหน้ามองหญิงสาวใกล้ ๆ เธอทั้งน่ารังแกและอยากขย้ำเธอเต็มแก่
“คุยกับผู้ใหญ่ควรจะมองหน้า ไม่ใช่หลบตาฉันแบบนี้” ในเนื้อเสียงแฝงแววตำหนิทว่ากลับนุ่มนวล ดวงตาคมสบลึกเข้าไปยังดวงตาสุกใสน่ามองอย่างร้อนแรงเต็มไปด้วยเสน่หา
“อย่ามองเบลด้วยสายตาแบบนี้สิคะ”
“แบบไหน ฉันก็มองเธอปกติ”
“มองเหมือนกับจะ...”
“จะอะไร...” ขยับหน้าเข้าใกล้เธออีกนิด ปลายจมูกสัมผัสกัน
“ถ้าหมดธุระแล้วเบลขอตัว” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ทำทีจะหมุนตัวแต่ถูกมาเฟียหนุ่มกักด้วยวงแขน
“มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่ที่จะออกจากห้องนี้” ท่อนแขนที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม ตวัดโอบรอบเอวเล็กดึงเข้าหาตัวกันเธอจะเดินหนี แต่ถึงต่อให้จะพยายามหนีแค่ไหน เธอก็ออกจากห้องนี้ไม่ได้ ถ้าเขาไม่อนุญาต
“แต่ห้องนี้เป็นห้องของคุณท่าน”
“ห้องพ่อก็เหมือนห้องฉัน”
“ปล่อยเบลเถอะนะคะ อย่าทำแบบนี้” น้ำเสียงหวานใสฟังแล้วระรื่นหู ขวัญพิชชาเอ่ยขอร้องอย่างใจเย็น ถึงเธอจะโดนเขากักไว้กับตัว ขวัญพิชชาทำใจดีสู้เสือ แหงนหน้าขึ้นมองมาเฟียหนุ่ม เก็บความหวาดกลัวบนใบหน้าไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจ
เธอโดนเขาต้อนเข้ามาในห้องที่เงียบและเย็นเยียบ แม้ลึก ๆ จะไม่ได้อยากมายืนอยู่ที่นี่เลยก็ตาม แต่เพียงเพราะเขาเป็นลูกชายผู้มีพระคุณ ให้เธอต่อต้านกว่านี้ก็จะยิ่งเป็นอันตรายกับเธอ
“ฉันไม่ปล่อย”
“เบลต้องยอมเป็นผู้หญิงของคุณงั้นเหรอคะ ทำไมต้องเป็นเบลด้วย”
“ไม่มีเหตุผล”
“งั้นเบลก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเอาตัวเข้าแลก”
“ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะเบล แค่บอกให้เธอมาเป็นผู้หญิงของฉันก็เท่านั้น” คำตอบที่ผิดคาดไปจากคนฟัง ขวัญพิชชาอ้าปากเหวอ หรือเธอตีความหมายของเขาผิดไป รามิลเลือกเธอไปเป็นผู้หญิงของเขา ไม่ใช่ว่าต้องการให้ทำเรื่องอย่างว่า...แล้วจะให้เธอทำอะไร
“ฉันนึกว่าเธอจะใสซื่อเสียอีก แบบนี้ฉันคงไม่ต้องออกแรงอะไรมากใช่ไหม”
“อย่าเข้าใจเบลผิด เบลไม่ได้...” คำสุดท้ายในประโยคชะงักในลำคอ เมื่อเสียงโทรศัพท์ของขวัญพิชชาดังขึ้นขัดจังหวะ สมาร์ทโฟนที่เธอกำอยู่ในมือมันกำลังร้องเตือนให้ดูบนหน้าจอ
“ปล่อยเบลก่อนนะคะ เบลต้องรับโทรศัพท์ สายนี้สำคัญ”
“สำคัญกว่าฉันที่ยืนกอดเธออยู่ตรงนี้”
“เบลขอรับสายนะคะ”
มือบางยกขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะแขนของเธอขยับไม่ได้ ถูกคนโตกว่ากักเธอไว้กับอก ขวัญพิชชาชำเลืองมองชื่อบนหน้าจอ
‘ซีนาย’
เคนโซเหลือบมองตามสายตาของหญิงสาว แล้วอ่านชื่อนั้นทวนในใจ ‘ซีนาย’ หัวคิ้วขยับเข้าหากัน เกิดความสงสัยบนใบหน้าหล่อสะอาด ชื่อนี้จะใช่ผู้ชายคนเดียวกันกับที่เขาคิดไว้หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ความบังเอิญว่าชื่อเหมือนกันเท่านั้น
มาเฟียหนุ่มจึงยอมคลายกอดให้เธอรับสาย “เปิดลำโพง”
“คะ”
“เปิดลำโพง ฉันอยากฟังเสียงมัน”
“นี่มันเรื่องส่วนตัวของเบล”
“อย่ามาอาจหาญให้มาก”
เมื่อถูกสายตาคมดุบังคับ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมทำตามแต่โดยดี
“ค่ะคุณซีนาย”
[ ผมมารับคุณ ]