EP.4
ทันทีที่เธอเปิดลำโพง เสียงทุ้มจากไมโครโฟนผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้รามิลได้ยินเสียงคนในสายชัด ใบหน้าหล่อจัดเคร่งขรึม ดวงตาคมสาดความอำมหิตบนหน้าจอโทรศัพท์ของหญิงสาว
“เดี๋ยวเบลลงไปนะคะ”
[ ครับ ผมรอคุณที่เดิม ]
“เบลไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอเห็นว่ารามิลไม่พูดอะไร เมื่อเธอได้วางสายจากชายหนุ่มอีกคน ขวัญพิชชาจึงได้เอ่ยขอตัวลา บิดรอยยิ้มเพียงนิดแล้วหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ทว่าประตูมันกลับถูกล็อคเอาไว้
“ปะ เปิดไม่ออกค่ะ”
“ก็ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอออก”
ขวัญพิชชาจึงหมุนตัวกลับมา “ทำไมคะ คุณจะเอาอะไรจากเบลอีก”
“...กับมัน รู้จักกันได้ยังไง ตอนไหน เมื่อไหร่” เสียงทุ้มห้าวเย็นเยียบแฝงความโทสะ รามิลอยากรู้จักคนในสายของเธอเหลือเกิน
ไม่เจอกันนาน เพื่อนรัก
“เบลขอไม่ตอบคำถาม” เขาถามเยอะเกินไป เธอจะตอบยังไง มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด
“งั้นเธอเป็นอะไรกับมัน” ดวงตาคมคู่สบลึกเข้าไปในดวงตาหวานอย่างต้องการหาคำตอบ มาเบลหลุบตามองพื้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุในแววตาเขา
“เบลก็ขอไม่ตอบเหมือนกัน”
“แต่ฉันถาม”
“ถัาเบลตอบ คุณจะปล่อยเบลไปใช่ไหมคะ” เสียงใสร้อนรน เงยหน้าขึ้นพลางส่งสายตาประวิงวอน เธออยากหลุดพ้นจากห้องนี้ โดยเฉพาะชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาน่ากลัวสำหรับเธอเกินไป
ร่างสูงขยับเข้าหาเธอใกล้ขึ้น มาเบลก้าวถอยหลังจนชิดติดประตู “อยู่ที่ว่าคำตอบของเธอจะถูกใจฉันหรือเปล่า”
“เมื่อกี้คุณถามว่า เบลกับ...คุณซีนาย เป็นอะไรกัน?”
“ตอบมาสิ”
“เป็น...” เรียวปากสวยกำลังจะเปิดปากตอบ ทว่าเสียงคนจากด้านนอกทำให้เธอหมุนตัวหันไปมอง
“ไอ้เคนโซชอบทำเรื่องงามหน้า ผมเบื่อมันเต็มที”
"อย่าดุลูกนักสิคะคุณ”
“ก็หัดสั่งสอนมันเสียบ้าง คุณมันดีแต่ให้ท้าย อายุมันเท่าไหร่แล้ว”
“คุณท่าน” มาเบลยิ้มดีใจสุดขีด เธอจำเสียงเมธัสได้ มาเฟียใหญ่มาพร้อมกับภรรยา ขวัญพิชชาทำท่าจะทุบประตูราวกับขอความช่วยเหลือ รามิลเห็นแบบนั้นก็รีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้ แล้วสั่งให้เธอถอยออกมา
เสียงเซนเซอร์ประตูห้องทำงานถูกปลดล็อค รามิลขมวดคิ้วหนักมองรีโมทที่เขาถืออยู่ในมือ นั่นแสดงว่ารีโมทที่ห้องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่อันเดียว
“ไอ้เคน...” มาเฟียใหญ่เปิดประตูด้วยการใช้รีโมทเฉกเช่นเดียวกับที่ลูกชายใช้ เมธัสและธิติมามองหนุ่มสาวยืนอยู่ด้วยกันในห้องทำงานของเขา
“ครับ” รามิลขานรับผู้เป็นพ่อเฉยเมยอย่างไม่รู้สึกกลัว ผิดกับเธอที่เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้มาใหม่ถึงสองคน
“ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้”
“เดินเข้ามาสิครับ”
“แกเห็นฉันโง่นักหรือไง”
“เบา ๆ สิคะ เราไม่ได้อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก” ธิติมาปรามสามี เมื่อเห็นว่ามีขวัญพิชชายืนอยู่อีกคน เมธัสขึ้นเสียงต่อว่าลูกชาย ไอ้นี่มันชอบกวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา
“พูดไม่ทันไรก็ให้ท้ายกันแล้วคุณธิติมา”
“จะทะเลาะกันทำไม ผมก็กำลังจะออกไปนี่ไง” รามิลวางรีโมทไว้บนโต๊ะทำงาน จับจูงมือบางให้ออกจากห้องไปด้วยกัน
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกครับ” รามิลขึ้นเสียงรำคาญใส่คนเป็นพ่อ เขาจะออกจากห้องอยู่แล้วจะรั้งเรียกทำไม ทว่ามาเฟียใหญ่ไม่ได้สนใจลูกชาย เมธัสต้องการพูดบางอย่างกับขวัญพิชชา
“จำที่ฉันพูดไม่ได้หรือยังไง” เมธัสบอกเธอไว้ว่าอย่าหลงกลมัน แต่แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่กับลูกชายเขาในห้องทำงานสองต่อสอง
ไม่กลัวหรือยังไงกัน
“...”
ในเมื่อเธอไม่ตอบ เมธัสจึงได้หันไปพูดกับลูกชาย
“แกจะพาเธอไปไหน”
“เรื่องของผม”
“ไอ้เคนโซ ปล่อยมือเธอ”
“ทำไมผมต้องปล่อย แม่ครับดูพ่อสิ” รามิลจับมือขวัญพิชชาแน่น ไม่ทำตามคำสั่งเมธัส แต่หันไปฟ้องผู้เป็นแม่แทน แสร้งทำหน้าอ้อนขอให้คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อ
“คุณ...”
“น่าเบื่อทั้งแม่ทั้งลูก” เมธัสตวาดลั่นอย่างไม่พอใจสองแม่ลูกที่ไม่เอาไหนทั้งคู่
“ผมไปได้หรือยัง”
“ฉันบอกให้ปล่อย!” เมธัสขึ้นเสียงกร้าวสั่งลูกชายอีกครั้ง คราวนี้ขวัญพิชชาบิดข้อมือทีละนิดจนหลุดจากการถูกกุม เมื่อเธอเริ่มรู้สึกปลอดภัย เพราะมีเมธัสคอยช่วยเหลือ
รามิลยอมปล่อยเธอไป ยกมือขึ้นแบสองข้างเป็นอันว่าเขายอมยกธงขาวให้กับคนเป็นพ่อแล้ว
“เบลขอตัวก่อนนะคะคุณท่าน” ขวัญพิชชากล่าวลาผู้ใหญ่ทั้งสอง เร่งฝีเท้าเดินออกจากห้อง รามิลมองตามแผ่นหลังบางของเธอ ก่อนจะหันกลับมามองคนเป็นพ่อด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายสุดขีด
“นี่มันห้องของฉัน แกมีสิทธิ์อะไร”
“สิทธิ์ในความเป็นลูก นี่พ่อรู้ไหมว่าพ่อกำลังขัดขวางผม” เขาต้องการหาตัวตนคนในปลายสาย ขวัญพิชชาเดินหายออกไป ไม่รู้ตอนนี้เธอไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว
ไอ้ซีนาย
“ทำไม แกจะทำเรื่องบัดสีในห้องทำงานของฉันงั้นสิ”
“คุณคะ ลูกอาจจะมีธุระส่วนตัวก็ได้ พูดกับลูกดี ๆ สิ” ธิติมาปรามสามี ใบหน้าของชายวัยกลางคนเดือดดาลราวกับจะฆ่าคนให้ตาย ก็ในเมื่อไอ้ลูกชายตัวดีมันชอบทำให้เขาปวดหัวได้ไม่เคยเว้นวัน
“นี่น่ะเหรอธุระของมัน กับการเอาผู้หญิงมาอยู่ในห้องทำงานของผมเนี่ยนะ คุณใช้อะไรคิด”
“ผมขอตัวก่อน” รามิลใช้จังหวะที่สองสามีภรรยากำลังยืนทะเลาะกัน รุดเดินออกจากห้องทำงานเมธัส รามิลกดลิฟต์ลงมายังชั้นล่าง วิ่งออกจากตัวตึกหันมองซ้ายขวา และนั่น...
เขาเจอแล้ว
“ใช่มึงจริง ๆ ไอ้ซีนาย” รามิลเห็นเธอยืนอยู่กับมันที่ใต้ต้นไม้ร่มเงาใหญ่ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปที่ลานจอดรถของมูลนิธิ รามิลเดินตามในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล จดจำเลขทะเบียนรถให้ขึ้นใจ แล้วโทรสั่งลูกน้องคนสนิทให้คอยติดตาม
“ไอ้ฟาร์ม มึงสั่งคนให้ตามรถเลขทะเบียนนี้ให้ดี ๆ กูต้องการตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นแล้ว ขอคอมเมนต์เป็นกำลังใจหน่อยนะคะทุกคน 💜