ในโซนสอง จุดเซฟโซนอยู่ห่างจากกันมากและไม่ถี่เหมือนกับในโซนแรก พวกเขาใช้เวลาเดินอยู่นานก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ปะทะกับสุนัขปีศาจบ้าง แต่ซาร่าห์สามารถจัดการพวกมันได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงคนอื่น พวกเขาเจอเจ้าตัวใหญ่ด้วย แต่มันโผล่มาในสภาพไม่สมประกอบเท่าไร เหมือนถูกทำร้ายจนแน่นิ่งใกล้ตายหากแต่ไม่ตาย ซาร่าห์ช่วยให้มันหลับสนิท แต่อาจจะทรมานก่อนเล็กน้อย
บางครั้งอเล็กซิสก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มซาดิสม์ขึ้นทุกที
“...มีหลายตัวข้างหน้า” อเล็กซ์เตือนเสียงเบา สัมผัสของเขายังดีกว่าคนอื่น อเล็กซิสบุ้ยใบ้ให้เลี่ยง พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามซากเสาและกำแพงที่กองเกลื่อนกลาด เมื่อหาที่กำบังได้ ซาร่าห์เกาะขอบหิน มองไปทางศัตรู ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องพวกมันเขม็ง เหมือนได้กลิ่นมนุษย์ มันหันเหความสนใจมาทางที่ซ่อน แต่ก่อนที่จะทันเจอเหยื่อ แต่ละตัวเริ่มอยู่ไม่สุข พวกมันร้องครวญครางก่อนจะกลิ้งไปกับพื้น ถึงมันคิดจะฆ่าทุกคน แต่เสียงร้องก่อนตายไม่ได้น่าฟังเลย
อเล็กซ์เขย่าแขน เขานั่งพิงกับกำแพง เธอเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว” เขากระซิบ
“ไม่มีใครทิ้งนายหรอ
อเล็กซิสอ้าปากเหวอ “เราควรส่งคนเจ็บหนักที่สุด” แต่คนที่เธอกล่าวถึงกับหัวเราะเยาะเสียงเบาอยู่ข้างหูคนตรงหน้าส่ายหัว “เราควรจะส่งคนที่สมควรไป ไม่เห็นแขนฉันเหรอ ไม่เอาน่า”อเล็กซิสหันกลับไปหาซาร่าห์ อ้อนวอน “ขอร้องล่ะ มันมีที่เดียว ให้อเล็กซ์เถอะนะ”หญิงสาวทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “ฉันไม่อยากจะทำอะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่ไหวแล้วอเล็กซิส อย่าให้ฉันรู้สึกผิดมากไปกว่านี้” เธอมองไปรอบกาย “ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อสักวินาทีเดียว”ไม่มีใครอยากอยู่ทั้งนั้น! ราวกับเธอเห็นความหวังลอยมาอยู่ตรงหน้า แล้วมันก็ลอยหายไป“แต่เธอมีพลังพิเศษ” เอ็มเมตร้อง “ฉันไม่มี”“ไปเถอะ” อเล็กซ์กระซิบ “ปล่อยพวกเขา”อเล็กซิสไม่สนใจ นายควรจะรู้ชะตากรรมตัวเองก่อน! “พวกเรายังสู้ได้ แต่เขาเดินต่อไม่ได้แล้ว”“ชะตากับของเขาก็เหมือนกับไคอัส ในเมื่อเธอสละสิทธิ์ ปล่อยให้ฉันกับซาร่า
อุโมงค์อันมืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างปลายทางก่อนหน้านั้นอเล็กซ์เหมือนใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อด่าสาปแช่งเพื่อนรักของเขาโดยเฉพาะ “แกทำได้ไงวะ” “สารเลว” สุดท้ายร่างของอเล็กซ์หายเข้าไปในนั้น ในความมืดมิด สายตาสุดท้ายมองเขาอย่างโกรธแค้นและอีกสายตาที่มองแบมบี้อย่างเป็นห่วงก้อนอิฐสลับก่อขึ้นเป็นสันกำแพงก่อนที่มันจะค่อย ๆ อุดช่องว่างที่นำไปสู่ทางออก เขาได้แต่มองผ่านกระจกจนเมื่อกำแพงกลับมาสมานเป็นเนื้อเดียวกัน บานกระจกเลื่อนลงจมลงไปกับพื้นราวเวทมนตร์เสกหายวับ เหลือเพียงซอกกำแพงอันว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีพอร์ตใด ๆ ติดตั้งอยู่ แม้แต่ถ้อยคำด่าทอหรือเสียงร้องสบถเต็มไปด้วยคำผรุสวาทก็หายไปด้วย หลงเหลืออยู่เพียงความเงียบและว่างเปล่า“ช่วยเขา”ผมไม่ลืม แนท ผมไม่ลืมสัญญาของเรามือข้างที่เคยจับปืนเมื่อครู่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่น นิ่ง...จนน่าประหลาด เขาควรรู้สึกบ้างหรือไม่ ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงผู้มอง หากแต่เป็นผู้กระทำ นิ้วของเขาเหนี่ยวไก และมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ช่องอากาศขยายตัวในอก ความว่างเป
“ซาร่าห์จะฆ่าฉันอยู่ดีถ้าฉันอยากจะนั่งเก้าอี้ตัวนั้น เหมือนที่เธอจะฆ่าหมอนั่น” เขาเหลือบมองอีกศพ ครั้งนี้สายตาที่มองศพกลับว่างเปล่า ชายคนนั้นนั่งคุกเข่า ศีรษะพับไปทางขวา ดวงตายังคงเบิ่งกว้างอยู่ เขานึกถึงวันที่จูเลียสให้ลูกน้องสังหารคนทรยศ พ่อบอกให้เขามอง เขามอง ศพแรก เขากลัว ศพที่สอง เขาขยาด ศพที่สาม เขารู้ว่าพ่อไม่มีทางเลือก จนศพต่อ ๆ ไป เบนแค่มองคนตาย คนตายไม่น่ากลัวเท่าคนเป็นอาจยกเว้นพวกซอมบี้ในโซนหนึ่งไว้เป็นกรณีเป็นพิเศษ“มันทรยศเรา ถ้าไม่ฆ่า เราก็จบ” จูเลียสไม่ได้มีดวงตาสีเหลืองเหมือนลูกชาย เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ทว่าแววตาของพ่อในตอนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายพวกนี้เสียอีก อย่างน้อยเพียงแค่เขามองดวงตาพวกมัน เห็นแต่ความกระหายเลือด แต่ดวงตาของจูเลียสนั้นซับซ้อนกว่านั้นมากถ้าไม่ฆ่า อเล็กซ์ก็ไม่รอด ถ้าไม่ฆ่า เราก็ถูกฆ่า“นายฆ่าเธอทำไม นายฆ่าเธอทำไมวะ” เขาพยายามซัดคลื่นพลังใส่ แต่อนิจจามันออกมาเพียงลมอ่อน กว่าจะจับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นได้ สุดท้ายเบนต้องกดร่างเพื่อคาดเข็มขัดให้ แต่ถึงขนาดนั้น อเล็ก
เบนเดินไปจนถึงเซฟโซน พอเข้าไปในห้องกระจกก็โยนตัวผู้โดยสารลงบนพื้นทันที โนเอลกับเบ็กกี้ที่กำลังหลับอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ยกเว้นเจ้าหัวเงินที่ลืมตามองตั้งแต่เขาย่างกรายเข้ามา อเล็กซิสถลึงตามองพร้อมกับยกนิ้วกลางเป็นคำขอบคุณ“นี่ เบา ๆ กับผู้หญิงหน่อยสิ” พี่ชายเทสซ่าเอ็ดเบนบีบไหล่แล้วหมุนคอ “ฉันอุ้มแบมบี้มาตลอดทางเลยนะ ยังไม่นุ่มนวลอีกเหรอ” ก่อนจะหามุมพักผ่อน เขาล้มตัวลงนอน เหลือเพียงหูไว้ฟังอีกกลุ่มคุยกัน โนเอลกับเบ็กกี้รีบถามหาคนของตัวเองกับอเล็กซิส เขาจึงทราบว่าพวกเวดและเทสซ่ายังปลอดภัยดี...เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วหากเขาเจออเล็กซ์เร็วกว่านี้ เรื่องมันจะเป็นอย่างไร เบนตามหาเพื่อนมาจนถึงเซฟโซนและเพิ่งเข้าใจว่ามันนำไปสู่ทางออกที่สาม เขาเจอไมเคิลและโนเอลกับเบ็กกี้ (ดูเหมือนว่าตอนแรกโนเอลจะเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองช่วยมินนี่ออกมาจากจุดระเบิด แต่กลับคว้าตัวเบ็กกี้มาแทน) พวกเขารวมกลุ่มกันใหม่และตัดสินใจเดินทางต่อ โนเอลยืนกรานให้กลับไปยังเส้นเดิม แต่ทั้งเขาและไมเคิลบอกว่ามันเสียเวลามาก แม้ปากจะค้านโนเอล ทว่าเมื่อมาถึงจุดเซฟโซนแห่งนี้ เขาทำใจไม่ได้ที
“สงสารมันเหรอ มันจะฆ่าเธอ ฆ่ามันซะ” เขาแหวเด็กสาวหันไปมองโนเอล เขาพยักหน้าให้เธอยิงมัน เธอจึงหันไปหาอเล็กซิสเพื่อขอความช่วยเหลือ “ฉันทำไม่ได้”เบนสบตากับเด็กสาวอีกคน เมื่อนั้นอเล็กซิสพยักหน้าให้เบ็กกี้ยิง เป็นอันประจักษ์แล้วว่าอย่างน้อยแบมบี้ก็เรียนรู้ขึ้นมาบ้าง แม้เธอจะเรียนรู้ได้ช้าเหลือเกิน แต่คงไม่ช้าเกินกว่าเด็กคนนี้เขาวางมือลงบนบ่าเด็กสาว “ฆ่ามัน ก่อนที่มันจะฆ่าเธอ” เขากระซิบ มือข้างซ้ายประคองมือเล็ก ๆ ให้คงที่ ไม่กี่วินาที เด็กสาวกลั้นใจแล้วเหนี่ยวไกยิง กระสุนออกมารัวมากกว่าปกติ จนเธอคลายความตกใจ ด้วยการสะบัดปืนลงกับพื้น เขาปล่อยร่างเล็กกะทัดรัดให้เป็นอิสระแล้วเชื้อเชิญให้เธอยืนดูผลงานของตัวเอง แต่เบ็กกี้เลือกที่จะวิ่งไปกอดอเล็กซิสแล้วร้องไห้งอแง“ฉันมันอ่อนแอ ฉันไม่กล้า ฮือ”เขากอดอก มองว่าคนโตกว่าจะสอนเด็กน้อยอย่างไรอเล็กซิสทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอยกมือลูบผมสีแดงแผ่วเบา “สัตว์พวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าพวกเรา ถ้าเราไม่ทำ พวกเราก็โดนมันฆ่า”เขาทำท่าปรบมือ อเล็กซิสหน้าบึ
เสียงปืนจากกลุ่มโนเอลบ่งบอกว่าพวกเขายุ่งอยู่กับพวกหมาบ้า เบนเกร็งมือทั้งสองข้าง เสาทรงดอริกที่อยู่ข้างทางล้มลงแต่เจ้างูยักษ์เลื้อยหลบว่องไว ไมเคิลหยิบมีดสั้นออกมาแทน เขาวิ่งไล่แล้วกระโดดแทงส่วนหาง ทั้งมีดและแรงกดทะลุผิวหนัง มันกรีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหู แต่มีดนั้นสั้นเกินกว่าจะทำให้มันเจ็บปวดสาหัส เขาพลิกมือ เสาต้นหนึ่งลอยขึ้นแล้วกระแทกกับส่วนหัว เจ้างูร้องลั่นเมื่อถูกเขก“เบน!” ไมเคิลชี้ แต่ไม่ทัน สุนัขกลายพันธุ์โถมร่างเข้ามา เขาล้มลง เศษหินข้างตัวลอยกระแทกผลักให้พวกมันออกไปทันกาล เขี้ยวสุนัขเกือบฝังจมอกเสียแล้วไหมล่ะ ทางนี้ก็หมา ทางนั้นก็งู จะไม่ให้หายใจกันเลยเหรอวะ เขาล้มเสาอีกคู่เพื่อทำลายกองทัพสุนัขกลุ่มใหม่ที่กำลังดาหน้าเข้ามาก่อนจะบดขยี้ด้วยการกดร่างพวกมันลากไถลไปกับพื้นถ้าไม่ฆ่า พวกแกก็จะฆ่าฉัน อย่าโกรธกันเลยนะ“ดึงตัวเขาไว้ ดึงตัวเขาไว้”เบนหันไป เห็นพวกผู้หญิงกำลังฉุดกระชากร่างโนเอลจากกลุ่มสุนัขกลายพันธุ์ เขาหยิบมีดจากข้อเท้าแล้วปล่อยให้มันลอยทะลุปีศาจสี่ขา โนเอลเป็นอิสระ แต่...
อเล็กซิสลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองไปทั่ว เหตุใดหมอกควันสีเทารายล้อมจนมองแทบไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัว มันหาใช่ควันบุหรี่ของเบนหรือไมเคิลไม่ และควันจากนิโคตินคงไม่มีทางฟุ้งมากขนาดนี้ เธอไม่ได้กลิ่นบุหรี่และจำได้ว่าเบนไม่ได้สูบ แต่เอ๊ะ เมื่อครู่เธอยังคุยกับเบนอยู่ใช่หรือเปล่า หรือว่าเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แต่ทำไมพอตื่นมาถึงไม่เจอใครเลย มันเหมือนกับเธอหมดสติแล้วทุกคนก็หายไปหมดเด็กสาวควานหาปืนที่ต้องอยู่ข้างตัว แต่ไม่เจอกระบอกปืนอัตโนมัติ ไม่เจอแม้แต่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่ แปลก ทุกอย่างแปลกไปหมด หรือว่านี่คือกับดักตัวใหม่ ไม่มีใครตั้งตัวทันแน่นอน หมอกพรางตาให้ทุกคนแยกจากกัน อาวุธเดียวที่เธอมีคือปืนพกข้างเอว อเล็กซิสหยิบมันออกมาถือ เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์พิลึกพิลั่น มือของฉันเป็นปืน เธอท่องในใจ “เบ็กกี้ โนเอล” เธอเรียกเสียงปกติ กลัวว่าถ้าเรียกเสียงดังจะมีตัวประหลาดโผล่มาฆ่า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ “เบน ไมเคิล” เธอลองอีกครั้ง ไม่มีใครตอบรับอีกเช่นกันทันใดนั้น เสียงแหลมเล็กทักขึ้นเหนือศีรษะ มันเป็นเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้ชายตัวเล็ก“อเล็กซ์มาเล่นกัน”เพียงแค่ได้ยิน ขนภายในตัวลุกชัน ทั้งเลือดกายภา
เสียงกรี๊ดหยุดลงเมื่อจูนย่อตัวลงมานั่งข้าง ๆ“เธอหนีพวกเราไปไม่ได้หรอก จะทิ้งพวกเราเหรอ” เพื่อนรักในร่างซอมบี้ลูบไหล่อเล็กซิสแผ่วเบา “เธอจะทิ้งฉันให้อยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ”อเล็กซิสจ้องใบหน้างดงามของเพื่อนสนิท แม้จะเป็นศพ แต่จูนยังสวยเหมือนเดิม เหมือนกับภาพวาดมาดามเจ้าของบ้านผีสิงที่มีอายุพันปี จูนคลี่ยิ้ม มุมปากเชิดไปถึงแก้ม มือแห้งเหี่ยวประคองใบหน้าเธอ อเล็กซิสไม่อาจรับความจริงได้ เธอเลือกที่จะถอยออกมาก่อน ดวงตาสีเขียวแสดงออกว่าเจ็บปวดต่อปฏิกิริยานี้ จูนคลานตาม “เธอกลัวฉันเหรอ”“แกไม่ใช่จูน” อเล็กซิสตะคอก “จูนไม่ขอร้องคนอื่นแบบนี้หรอก” ใช่ นี่คือความฝัน หรืออาจจะกับดักภาพหลอน แม้แต่คำขอโทษ เธอยังส่งแค่เศษกระดาษ จูนที่เธอรู้จักไม่น่าสมเพชแบบนี้ แม้เป็นศพ...ศพ...พูดได้หรือ อเล็กซิสกำหมัดแน่นจนเล็บจิกไปถึงเนื้อ แต่เธอก็ยังไม่ตื่น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ฉันขอโทษเรื่องเดวี่ แต่ช่วยฉันให้ออกไปจากร่างกายแบบนี้ทีเถอะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” คำพูดนั้นทำให้ใจหวั่นไหวนัก หรือนี่คือเรื่องจริง
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ