เธอนึกสงสัยว่าทำไมยาที่ทาลงไปถึงไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับออสโล่ แน่นอนว่าอเล็กซิสไม่คาดหวังว่าจะเห็นแผลสมานกันสนิท แต่มันควรดีขึ้นบ้าง เธอประมวลทุกอย่างในหัว สภาพแวดล้อม ศพ เนื้อเน่า สิ่งสกปรก เหงื่อ ทุกอย่างอาจส่งผลให้แผลของเขาไม่ยอมรักษา หรือว่ากลุ่มเสี่ยงไม่ตอบสนองต่อยา ไม่สิ เขาบอกว่าเคยตกเหวนี่นา เธอสลัดความคิดแล้วพยุงพาร่างสูงนั้นไปหลบอยู่หลังซากหินมุมหนึ่ง จากนั้นลงมือล้างแผล ใส่ยาตามอาการและปิดแผลใหม่อีกรอบ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้
เขาเหลือบมองอากัปกิริยา ปากพึมพำ “แอบใส่กลับตอนไหนวะ” อเล็กซิสวางกระแทกกล่องปฐมพยาบาล ย้ำเตือนชายหนุ่มอีกที
เขาควรนอนพัก แต่มันเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน ใกล้วันที่สี่แล้วด้วย หางตาชำเลืองมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง อเล็กซิสเอาเป้ของอเล็กซ์มาวางแทนหมอนและป้อนน้ำเปล่าใส่ปากที่แห้งกรัง
“สะกาย ฉานจาเรียกเธอว่าสะกาย” เขาพูดด้วยเสียงยานคาง “อยาก...จุดบุหรี่อะ”
“เงียบน่า”
เธอได้ยินแล้ว เสียงฝีเท้าของสัตว์ร้าย อเล็กซิสหุนหันไปจ่ออยู่กับกองหินที่กำบังข้างต
ในโซนสอง จุดเซฟโซนอยู่ห่างจากกันมากและไม่ถี่เหมือนกับในโซนแรก พวกเขาใช้เวลาเดินอยู่นานก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ปะทะกับสุนัขปีศาจบ้าง แต่ซาร่าห์สามารถจัดการพวกมันได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงคนอื่น พวกเขาเจอเจ้าตัวใหญ่ด้วย แต่มันโผล่มาในสภาพไม่สมประกอบเท่าไร เหมือนถูกทำร้ายจนแน่นิ่งใกล้ตายหากแต่ไม่ตาย ซาร่าห์ช่วยให้มันหลับสนิท แต่อาจจะทรมานก่อนเล็กน้อยบางครั้งอเล็กซิสก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มซาดิสม์ขึ้นทุกที“...มีหลายตัวข้างหน้า” อเล็กซ์เตือนเสียงเบา สัมผัสของเขายังดีกว่าคนอื่น อเล็กซิสบุ้ยใบ้ให้เลี่ยง พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามซากเสาและกำแพงที่กองเกลื่อนกลาด เมื่อหาที่กำบังได้ ซาร่าห์เกาะขอบหิน มองไปทางศัตรู ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องพวกมันเขม็ง เหมือนได้กลิ่นมนุษย์ มันหันเหความสนใจมาทางที่ซ่อน แต่ก่อนที่จะทันเจอเหยื่อ แต่ละตัวเริ่มอยู่ไม่สุข พวกมันร้องครวญครางก่อนจะกลิ้งไปกับพื้น ถึงมันคิดจะฆ่าทุกคน แต่เสียงร้องก่อนตายไม่ได้น่าฟังเลยอเล็กซ์เขย่าแขน เขานั่งพิงกับกำแพง เธอเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว” เขากระซิบ“ไม่มีใครทิ้งนายหรอ
อเล็กซิสอ้าปากเหวอ “เราควรส่งคนเจ็บหนักที่สุด” แต่คนที่เธอกล่าวถึงกับหัวเราะเยาะเสียงเบาอยู่ข้างหูคนตรงหน้าส่ายหัว “เราควรจะส่งคนที่สมควรไป ไม่เห็นแขนฉันเหรอ ไม่เอาน่า”อเล็กซิสหันกลับไปหาซาร่าห์ อ้อนวอน “ขอร้องล่ะ มันมีที่เดียว ให้อเล็กซ์เถอะนะ”หญิงสาวทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “ฉันไม่อยากจะทำอะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่ไหวแล้วอเล็กซิส อย่าให้ฉันรู้สึกผิดมากไปกว่านี้” เธอมองไปรอบกาย “ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อสักวินาทีเดียว”ไม่มีใครอยากอยู่ทั้งนั้น! ราวกับเธอเห็นความหวังลอยมาอยู่ตรงหน้า แล้วมันก็ลอยหายไป“แต่เธอมีพลังพิเศษ” เอ็มเมตร้อง “ฉันไม่มี”“ไปเถอะ” อเล็กซ์กระซิบ “ปล่อยพวกเขา”อเล็กซิสไม่สนใจ นายควรจะรู้ชะตากรรมตัวเองก่อน! “พวกเรายังสู้ได้ แต่เขาเดินต่อไม่ได้แล้ว”“ชะตากับของเขาก็เหมือนกับไคอัส ในเมื่อเธอสละสิทธิ์ ปล่อยให้ฉันกับซาร่า
อุโมงค์อันมืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างปลายทางก่อนหน้านั้นอเล็กซ์เหมือนใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อด่าสาปแช่งเพื่อนรักของเขาโดยเฉพาะ “แกทำได้ไงวะ” “สารเลว” สุดท้ายร่างของอเล็กซ์หายเข้าไปในนั้น ในความมืดมิด สายตาสุดท้ายมองเขาอย่างโกรธแค้นและอีกสายตาที่มองแบมบี้อย่างเป็นห่วงก้อนอิฐสลับก่อขึ้นเป็นสันกำแพงก่อนที่มันจะค่อย ๆ อุดช่องว่างที่นำไปสู่ทางออก เขาได้แต่มองผ่านกระจกจนเมื่อกำแพงกลับมาสมานเป็นเนื้อเดียวกัน บานกระจกเลื่อนลงจมลงไปกับพื้นราวเวทมนตร์เสกหายวับ เหลือเพียงซอกกำแพงอันว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีพอร์ตใด ๆ ติดตั้งอยู่ แม้แต่ถ้อยคำด่าทอหรือเสียงร้องสบถเต็มไปด้วยคำผรุสวาทก็หายไปด้วย หลงเหลืออยู่เพียงความเงียบและว่างเปล่า“ช่วยเขา”ผมไม่ลืม แนท ผมไม่ลืมสัญญาของเรามือข้างที่เคยจับปืนเมื่อครู่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่น นิ่ง...จนน่าประหลาด เขาควรรู้สึกบ้างหรือไม่ ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงผู้มอง หากแต่เป็นผู้กระทำ นิ้วของเขาเหนี่ยวไก และมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ช่องอากาศขยายตัวในอก ความว่างเป
“ซาร่าห์จะฆ่าฉันอยู่ดีถ้าฉันอยากจะนั่งเก้าอี้ตัวนั้น เหมือนที่เธอจะฆ่าหมอนั่น” เขาเหลือบมองอีกศพ ครั้งนี้สายตาที่มองศพกลับว่างเปล่า ชายคนนั้นนั่งคุกเข่า ศีรษะพับไปทางขวา ดวงตายังคงเบิ่งกว้างอยู่ เขานึกถึงวันที่จูเลียสให้ลูกน้องสังหารคนทรยศ พ่อบอกให้เขามอง เขามอง ศพแรก เขากลัว ศพที่สอง เขาขยาด ศพที่สาม เขารู้ว่าพ่อไม่มีทางเลือก จนศพต่อ ๆ ไป เบนแค่มองคนตาย คนตายไม่น่ากลัวเท่าคนเป็นอาจยกเว้นพวกซอมบี้ในโซนหนึ่งไว้เป็นกรณีเป็นพิเศษ“มันทรยศเรา ถ้าไม่ฆ่า เราก็จบ” จูเลียสไม่ได้มีดวงตาสีเหลืองเหมือนลูกชาย เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ทว่าแววตาของพ่อในตอนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายพวกนี้เสียอีก อย่างน้อยเพียงแค่เขามองดวงตาพวกมัน เห็นแต่ความกระหายเลือด แต่ดวงตาของจูเลียสนั้นซับซ้อนกว่านั้นมากถ้าไม่ฆ่า อเล็กซ์ก็ไม่รอด ถ้าไม่ฆ่า เราก็ถูกฆ่า“นายฆ่าเธอทำไม นายฆ่าเธอทำไมวะ” เขาพยายามซัดคลื่นพลังใส่ แต่อนิจจามันออกมาเพียงลมอ่อน กว่าจะจับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นได้ สุดท้ายเบนต้องกดร่างเพื่อคาดเข็มขัดให้ แต่ถึงขนาดนั้น อเล็ก
เบนเดินไปจนถึงเซฟโซน พอเข้าไปในห้องกระจกก็โยนตัวผู้โดยสารลงบนพื้นทันที โนเอลกับเบ็กกี้ที่กำลังหลับอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ยกเว้นเจ้าหัวเงินที่ลืมตามองตั้งแต่เขาย่างกรายเข้ามา อเล็กซิสถลึงตามองพร้อมกับยกนิ้วกลางเป็นคำขอบคุณ“นี่ เบา ๆ กับผู้หญิงหน่อยสิ” พี่ชายเทสซ่าเอ็ดเบนบีบไหล่แล้วหมุนคอ “ฉันอุ้มแบมบี้มาตลอดทางเลยนะ ยังไม่นุ่มนวลอีกเหรอ” ก่อนจะหามุมพักผ่อน เขาล้มตัวลงนอน เหลือเพียงหูไว้ฟังอีกกลุ่มคุยกัน โนเอลกับเบ็กกี้รีบถามหาคนของตัวเองกับอเล็กซิส เขาจึงทราบว่าพวกเวดและเทสซ่ายังปลอดภัยดี...เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วหากเขาเจออเล็กซ์เร็วกว่านี้ เรื่องมันจะเป็นอย่างไร เบนตามหาเพื่อนมาจนถึงเซฟโซนและเพิ่งเข้าใจว่ามันนำไปสู่ทางออกที่สาม เขาเจอไมเคิลและโนเอลกับเบ็กกี้ (ดูเหมือนว่าตอนแรกโนเอลจะเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองช่วยมินนี่ออกมาจากจุดระเบิด แต่กลับคว้าตัวเบ็กกี้มาแทน) พวกเขารวมกลุ่มกันใหม่และตัดสินใจเดินทางต่อ โนเอลยืนกรานให้กลับไปยังเส้นเดิม แต่ทั้งเขาและไมเคิลบอกว่ามันเสียเวลามาก แม้ปากจะค้านโนเอล ทว่าเมื่อมาถึงจุดเซฟโซนแห่งนี้ เขาทำใจไม่ได้ที
“สงสารมันเหรอ มันจะฆ่าเธอ ฆ่ามันซะ” เขาแหวเด็กสาวหันไปมองโนเอล เขาพยักหน้าให้เธอยิงมัน เธอจึงหันไปหาอเล็กซิสเพื่อขอความช่วยเหลือ “ฉันทำไม่ได้”เบนสบตากับเด็กสาวอีกคน เมื่อนั้นอเล็กซิสพยักหน้าให้เบ็กกี้ยิง เป็นอันประจักษ์แล้วว่าอย่างน้อยแบมบี้ก็เรียนรู้ขึ้นมาบ้าง แม้เธอจะเรียนรู้ได้ช้าเหลือเกิน แต่คงไม่ช้าเกินกว่าเด็กคนนี้เขาวางมือลงบนบ่าเด็กสาว “ฆ่ามัน ก่อนที่มันจะฆ่าเธอ” เขากระซิบ มือข้างซ้ายประคองมือเล็ก ๆ ให้คงที่ ไม่กี่วินาที เด็กสาวกลั้นใจแล้วเหนี่ยวไกยิง กระสุนออกมารัวมากกว่าปกติ จนเธอคลายความตกใจ ด้วยการสะบัดปืนลงกับพื้น เขาปล่อยร่างเล็กกะทัดรัดให้เป็นอิสระแล้วเชื้อเชิญให้เธอยืนดูผลงานของตัวเอง แต่เบ็กกี้เลือกที่จะวิ่งไปกอดอเล็กซิสแล้วร้องไห้งอแง“ฉันมันอ่อนแอ ฉันไม่กล้า ฮือ”เขากอดอก มองว่าคนโตกว่าจะสอนเด็กน้อยอย่างไรอเล็กซิสทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอยกมือลูบผมสีแดงแผ่วเบา “สัตว์พวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าพวกเรา ถ้าเราไม่ทำ พวกเราก็โดนมันฆ่า”เขาทำท่าปรบมือ อเล็กซิสหน้าบึ
เสียงปืนจากกลุ่มโนเอลบ่งบอกว่าพวกเขายุ่งอยู่กับพวกหมาบ้า เบนเกร็งมือทั้งสองข้าง เสาทรงดอริกที่อยู่ข้างทางล้มลงแต่เจ้างูยักษ์เลื้อยหลบว่องไว ไมเคิลหยิบมีดสั้นออกมาแทน เขาวิ่งไล่แล้วกระโดดแทงส่วนหาง ทั้งมีดและแรงกดทะลุผิวหนัง มันกรีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหู แต่มีดนั้นสั้นเกินกว่าจะทำให้มันเจ็บปวดสาหัส เขาพลิกมือ เสาต้นหนึ่งลอยขึ้นแล้วกระแทกกับส่วนหัว เจ้างูร้องลั่นเมื่อถูกเขก“เบน!” ไมเคิลชี้ แต่ไม่ทัน สุนัขกลายพันธุ์โถมร่างเข้ามา เขาล้มลง เศษหินข้างตัวลอยกระแทกผลักให้พวกมันออกไปทันกาล เขี้ยวสุนัขเกือบฝังจมอกเสียแล้วไหมล่ะ ทางนี้ก็หมา ทางนั้นก็งู จะไม่ให้หายใจกันเลยเหรอวะ เขาล้มเสาอีกคู่เพื่อทำลายกองทัพสุนัขกลุ่มใหม่ที่กำลังดาหน้าเข้ามาก่อนจะบดขยี้ด้วยการกดร่างพวกมันลากไถลไปกับพื้นถ้าไม่ฆ่า พวกแกก็จะฆ่าฉัน อย่าโกรธกันเลยนะ“ดึงตัวเขาไว้ ดึงตัวเขาไว้”เบนหันไป เห็นพวกผู้หญิงกำลังฉุดกระชากร่างโนเอลจากกลุ่มสุนัขกลายพันธุ์ เขาหยิบมีดจากข้อเท้าแล้วปล่อยให้มันลอยทะลุปีศาจสี่ขา โนเอลเป็นอิสระ แต่...
อเล็กซิสลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองไปทั่ว เหตุใดหมอกควันสีเทารายล้อมจนมองแทบไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัว มันหาใช่ควันบุหรี่ของเบนหรือไมเคิลไม่ และควันจากนิโคตินคงไม่มีทางฟุ้งมากขนาดนี้ เธอไม่ได้กลิ่นบุหรี่และจำได้ว่าเบนไม่ได้สูบ แต่เอ๊ะ เมื่อครู่เธอยังคุยกับเบนอยู่ใช่หรือเปล่า หรือว่าเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แต่ทำไมพอตื่นมาถึงไม่เจอใครเลย มันเหมือนกับเธอหมดสติแล้วทุกคนก็หายไปหมดเด็กสาวควานหาปืนที่ต้องอยู่ข้างตัว แต่ไม่เจอกระบอกปืนอัตโนมัติ ไม่เจอแม้แต่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่ แปลก ทุกอย่างแปลกไปหมด หรือว่านี่คือกับดักตัวใหม่ ไม่มีใครตั้งตัวทันแน่นอน หมอกพรางตาให้ทุกคนแยกจากกัน อาวุธเดียวที่เธอมีคือปืนพกข้างเอว อเล็กซิสหยิบมันออกมาถือ เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์พิลึกพิลั่น มือของฉันเป็นปืน เธอท่องในใจ “เบ็กกี้ โนเอล” เธอเรียกเสียงปกติ กลัวว่าถ้าเรียกเสียงดังจะมีตัวประหลาดโผล่มาฆ่า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ “เบน ไมเคิล” เธอลองอีกครั้ง ไม่มีใครตอบรับอีกเช่นกันทันใดนั้น เสียงแหลมเล็กทักขึ้นเหนือศีรษะ มันเป็นเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้ชายตัวเล็ก“อเล็กซ์มาเล่นกัน”เพียงแค่ได้ยิน ขนภายในตัวลุกชัน ทั้งเลือดกายภา
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้