Share

บทที่ 0004

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-11 15:08:29

เสียงเครื่องยนต์บูกัตติคันใหม่ดังกระหึ่มทั่วเขตอาศัยของโรนัลเดล ส่วนโจไซอาห์ยืนกอดอกเฝ้าเมอร์ลินไม่ให้ขับไปไหน เขายอมให้ลองเครื่องได้แต่ต้องอยู่ที่เขตของคฤหาสน์เขาเท่านั้น ตามจริงคนเฝ้าไม่ใช่เขาแต่ลูกน้องเอาเมอร์ลินไม่อยู่ เขาถึงต้องมาเฝ้าด้วยตัวเอง ทางเมอร์ลินที่กำลังลองบูกัตติคันงามก็ลองไปพลางหลับตาพริ้มฟังเสียงอันแสนไพเราะของเครื่องยนต์ไป รูปลักษณ์ภายนอกว่าดูสวยงามแล้ว ภายในก็ยิ่งทำให้ใจเมอร์ลินละลาย มันดูหรูหรา ดูสวยงามสมราคา และเขาไม่พลาดที่จะถ่ายรูปอัปลงอินสตราแกรมให้คนทางคาร์ลอฟได้ใส่ใจกันเต็มที่ ตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้ เมอร์ลินไม่เคยติดต่อกับทางคาร์ลอฟและไม่รับการติดต่อใด ๆ สิ่งเดียวที่เมอร์ลินทำคืออัปเดตการกินหรูอยู่สบายรวมถึงอวดว่าผู้ชายที่แต่งงานด้วยดูดีขนาดไหน

แน่นอนว่าเหล่าพี่น้องร่วมบิดาพร้อมใจกันถล่มไดเรคอินสตราแกรมหาเมอร์ลินกันรัว ๆ ยกเว้นเพียงพี่ชายร่วมสายเลือดที่เงียบหายไปจนไม่รู้ว่ายังอยู่หรือตาย แต่เมอร์ลินก็ไม่ได้สนใจน่ะนะ ส่วนพวกข้อความเมอร์ลินก็แค่อ่านและตอบทุกคำถามด้วยอิโมติค่อนน่ารัก ๆ [olo] แค่นั้นก็รู้เรื่อง...

“สดชื่นชะมัด” เมอร์ลินลงจากรถด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขก่อนปิดประตูแล้วเดินมาหา

โจไซอาห์ที่ยืนอยู่ ทั้งสองยืนมองตากันเงียบ ๆ แต่บรรยากาศกลับชวนให้คนรอบข้างอึดอัดเป็นที่สุด ไทกิกับโรมันขยับออกห่างแล้วพากันหันหน้าไปคนละทาง ตั้งแต่รู้จักกับเมอร์ลิน ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับสกิลรับรู้ความหายนะล่วงหน้าติดตัวมาแบบไม่ตั้งใจ

“มีอะไรจะพูดก็พูดมา” โจไซอาห์เป็นฝ่ายเปิดปากถาม

“เรามาถ่ายรูปคู่กันดีกว่าครับ” สิ่งที่เมอร์ลินพูดออกไปมันเป็นสิ่งที่โจไซอาห์จะไม่ทำเด็ดขาด เมอร์ลินที่เห็นสีหน้าของสามีก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่งงานกันแต่ไม่มีรูปคู่สักรูป มันไม่เพอร์เฟกต์เอาเสียเลย” พูดจบก็จับแขนโจไซอาห์แล้วลากมาที่รถ แน่นอนว่าโจไซอาห์ขัดขืนเต็มที่แต่เมอร์ลินก็ไม่ยอมแพ้ กัดฟันลากมาที่รถด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีในชีวิต การยื้อยุดฉุดกระชากนั้นร่วมแล้วนานกว่าสิบนาที

“อย่าเล่นตัวได้ไหม! ขอแค่รูปเดียวเองครับ” เมอร์ลินที่เริ่มหอบโวยขึ้นอย่างไม่พอใจ ตามใบหน้าเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดซึม

“ฉันไม่ชอบถ่ายรูปและคู่ฉันกับนายก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีรูปคู่เลย ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ตรงไหน!” โจไซอาห์พยายามรั้งตัวให้ถึงที่สุด แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเข้ามาช่วยเขาได้ เมอร์ลินที่ได้ยินแบบนั้นก็เห็นด้วยล่ะนะว่ามันไม่มีประโยชน์แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะถ่ายให้ได้

“แค่รูปเดียว! แล้วผมจะไม่ถ่ายรูปคุณอีกเลย”

“อย่ามาโกหก ในอินสตราแกรมของนายลงไปกี่สิบรูปแล้ว?”

“อุ้ปส์!” เมอร์ลินยิ้มแล้วหลบสายตาทั้งยังทำเป็นไม่ได้ยิน “แล้วรู้ได้ยังไง...” ไหน

ฝาแฝดบอกว่าคนคนนี้ไม่เล่นพวกโซเชียล เพราะเชื่อถึงได้แอบถ่ายแล้วลงรูปพร้อม # เก๋ ๆ อย่าง #สามีเฮงซวย #แต่รวยมาก แอบเขิน ๆ เหมือนกันนะเนี่ย ในขณะที่เมอร์ลินทำเขิน สีหน้าโจไซอาห์ก็คืออยากจับภรรยาทุ่มมาก เขารู้มาตลอดเพราะเหล่าลูกน้องที่ติดเล่นมือถือติดโซเชียลชอบพล่ามกันในวง แต่มันก็เล็ดรอดออกมาให้เขาได้ยินจนต้องแอบสมัครเข้าไปดู นอกจากรูปเขาก็ลงอวดอย่างอื่นให้พวกคาร์ลอฟดิ้นพล่าน ทว่าพอเป็นรูปของเมอร์ลินทีไรมันก็จะมีหนอนมีแมลงมาตอมแถมตัวเมอร์ลินยังจะไปเย้าแหย่กลับ ทั้งที่ไม่ได้มองเป็นเมียแต่ทำไมถึงโมโหก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย”

“ถ้าไม่บอกก็ต้องมาถ่าย มา!” เมอร์ลินลากโจไซอาห์มาที่รถจนได้แต่มันก็แลกมากับความเหนื่อยมหาศาลจนเมอร์ลินเริ่มรู้ซึ้งถึงข้อดีของการออกกำลังกาย โจไซอาห์ที่ขี้เกียจเถียงจึงยอมแต่โดยดี เมอร์ลินให้ไทกิมาเป็นช่างภาพให้ แต่การให้คนที่จับแต่ปืนมาจับมือถือถ่ายรูป ภาพมันก็จะออกมาแบบ....

“นายรู้จักคำว่าถ่ายรูปจริง ๆ ไหมไทกิ?” เมอร์ลินถึงกับลบทิ้งทันทีที่เห็น พอให้ถ่ายใหม่ก็ได้แบบเดิม “ทำไมมือสั่นขนาดนั้น” เพราะมือสั่น ภาพที่ได้มาเลยเหมือนภาพถ่ายติดวิญญาณและแน่นอนว่าวิญญาณคือสามีเฮงซวยที่รวยมากของเมอร์ลิน

“คือผม... ผมไม่มีเซ้นส์การถ่ายรูปครับ แต่หากให้กระทืบคนผมถนัดมาก”

“งั้นไปกระทืบคนคนนั้นให้หน่อย” ชี้ไปที่โจไซอาห์ที่มองตาขวาง ไทกิเหงื่อแตกพลั่กแล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากโรมัน ส่วนโรมันหันหนีจนคอแทบหัก

“คือผม...”

“ไหนว่าถนัด?” เมอร์ลินดูสนุกที่ได้แหย่ไทกิแต่โจไซอาห์ไม่สนุกด้วยเท่าไหร่ จะให้สนุกได้ยังไงในเมื่อเมอร์ลินให้คนมากระทืบเขาน่ะ? แถมดูจริงจังจนเชื่อยากว่านั่นแค่เล่นแหย่ไทกิ

“ได้โปรดปล่อยให้ผมมีชีวิตเถอะครับคุณชาย” ไทกิยกธงขาวท่ามกลางเสียงหัวเราะของเมอร์ลิน โจไซอาห์ส่ายหัวเอือม ๆ แล้วตัดปัญหาด้วยการดึงเมอร์ลินประชิดกายแกร่ง แขนข้างหนึ่งยกโอบเอว ส่วนมืออีกข้างก็แย่งมือถือแล้วจัดการถ่ายเซลฟี่คู่กันไปเลย

“ฉันจะนับมันลงไปในดอกเบี้ยที่นายต้องจ่าย คืนนี้เตรียมตัวตายได้เลย” ส่งมือถือคืนแล้วตอกย้ำดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันก่อนจะเรียกไทกิและโรมันไปยังรูมที่อยู่ชั้นใต้ดิน ตอนนี้ถึงเวลาสะสางงานที่ค้างแล้ว เขาเสียเวลาไปกับเมอร์ลินมากและเขาจะไม่ยอมเสียเวลาที่เมอร์ลินต้องคืนดอกเบี้ยแน่นอน

พออยู่คนเดียวแล้ว เมอร์ลินก็ดูภาพที่ถ่ายด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเท่าไหร่ ในภาพที่แสดงบนจอมือถือ เมอร์ลินมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยส่วนโจไซอาห์แม้จะเรียบนิ่งแต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นมุมปากกระตุกยิ้มนิด ๆ นิดเดรยวแบบมาก ๆ แต่จุดโฟกัสของเมอร์ลินดันอยู่ที่ท่อนแขนแข็งแรงที่โอบเอวตน ปกติก็เห็นร่างกายกันทุกส่วนจนเรียกว่าชินก็คงถูก แต่ทำไมวันนี้กลับรู้สึกว่าแขนที่โอบเอวดูแข็งแรงและปลอดภัยกว่าทุกครั้งกันนะ?

“หรือเพราะเพิ่งเคยถูกโอบเอวเป็นครั้งแรก?” เมอร์ขมวดคิ้วอย่างหนักขณะอัปรูปลงไป จะบอกว่าพวกเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน อย่างโอบเอวหรือก็ไม่ กอดแขนก็ไม่เคยยกเว้นตอนเมอร์ลินอยากกวนประสาทและเวลาที่แนบชิดกันมากที่สุดก็แค่ตอนมีเซ็กซ์เท่านั้น เวลานอนปกติคือเว้นระยะห่างกันจนตรงกลางเตะบอลได้เลยมั้ง เมอร์ลินถอนหายใจแล้วเลิกคิดจากนั้นก็ขับบูกัตติลูกรักเข้าไปเก็บก่อนจะกลับขึ้นห้องเพื่อนอนพัก

รูมที่อยู่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์แต่ละหลังนั้น ความจริงแล้วมันก็คือห้องรอเชือดดี ๆ นี่เอง มีไว้สำหรับศัตรูของโรนัลเดลโดยเฉพาะ แต่กับจอห์นที่ถูกพามาไว้ในนี้เพราะโจไซอาห์สละเวลาตามคุมภรรยาและเขาคิดว่าภายในสามชั่วโมงที่ตกลงไว้คงถูกยืดออกไปเป็นแน่ หากจะปล่อยไว้ที่เดิมก็คงถูกบุกรุกเข้าได้ง่าย ๆ แม้จะเชื่อในความแข็งแกร่งของลูกน้องแต่ยังไงก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ หากความเหนื่อยล้าถาโถม จากราชสีห์ก็กลายเป็นกระต่ายได้ในพริบตา

“ได้เรื่องอะไรไหม?” เอ่ยถามวิลสันที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องขัง ในห้องขังนั้นมีจอห์นที่นอนอยู่แต่มันไม่ใช่นอนเพราะหมดสติแน่ ๆ “ไอ้เวรนี่มันหลับ?” เสียงกรนที่ดังคลอมานั้นทำ

โจไซอาห์คิ้วกระตุกหนัก จากตอนแรกที่หงุดหงิดเพราะเมอร์ลิน ตอนนี้หงุดหงิดจอห์นเพิ่ม

“เอ่อ ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นครับคุณชายเพราะอยู่ ๆ เสียงก็เงียบไป ผมเห็นว่ามันไม่ได้โวยวายอะไรแล้วเลยปล่อยมัน” วิลสันรายงานแล้วอยากจะเข้าไปทุบให้ตื่น เขาเองก็เพิ่งเคยเห็นคนที่ทั้งถูกมัด ถูกขัง นอนหลับอย่างสบายใจ “ส่วนเรื่องข้อเสนอ... มันก็ยังมั่นใจว่ามันเสียเปรียบครับ”

“อา... ทำไมฉันต้องเจอทั้งคนบ้าและคนโง่พร้อมกันด้วยวะ” มาดอันเคร่งขรึมถูกละลายเพราะคนบ้าอย่างเมอร์ลินและคนโง่อย่างจอห์น ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้ “ปลุกมัน”

“รับทราบครับ” วิลสันค้อมศีรษะก่อนเปิดประตูเข้าไปปลุกจอห์นให้ตื่น จอห์นดูจะชิลล์มากเหลือเกินแถมไม่ได้ดูเกรงกลัวอะไรเลย แต่แอบมีสะดุ้งตอนเห็นไทกิ เห็นทีรสชาติเตะนั้นจะยังไม่จางหาย

“แกแน่ใจใช่ไหมที่จะไม่รับข้อเสนอของฉัน” โจไซอาห์เอ่ยถาม

“เหอะ ใครรับก็โง่แล้ว” จอห์นยิ้มเหยียดก่อนหุบยิ้มเมื่อสบตากับไทกิที่จ้องเขม็ง

“ถ้านั่นเป็นคำตอบของแก... ไทกิ โรมัน พวกแกพาคนไปที่เบเรอร์ ยื่นข้อเสนอไปว่าหากยอมจำนนแต่โดยดี โรนัลเดลจะให้ที่อยู่และให้งานภายใต้การดูแลของฉัน เรื่องเงินเดือนไม่ต้องพูดถึงเพราะขั้นต่ำของเงินเดือนปัจจุบันก็มากกว่าเงินที่ได้รับจากเบเรอร์ ถ้าไม่มีใครขัดขืนก็เข้ารวมเบเรอร์ทันที ถ้ามีคนคิดสู้จงจัดมันอย่างพอเหมาะ ไม่ถึงกับต้องฆ่าเพราะฉันยังอยากได้คนเพิ่ม”

“รับทราบครับคุณชาย!” ไทกิกับโรมันตอบรับ

“แล้วมาดูกันว่าพวกมันจะรักษาชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีกว่าหรือโง่เง่าภักดีกับเจ้านายสมองกลวงอย่างแก” มองหน้าจอห์นแล้วพูดเหยียดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่พอจอห์นเห็นแล้วสบถด่าออกมาทันที ความภาคภูมิและเกียรติยศที่สร้างมาอย่างยากลำบากถูกแย่งชิงไปอย่างง่ายดาย “ถ้าแกมีความสามารถมากพอจะเลือกเส้นทางที่มันยากฉันก็ไม่ว่า เพราะหากแกทำได้ดี ฉันก็แพ้ แต่ในเมื่อแกเป็นผู้นำที่ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ สิ่งแรกที่แกควรคำนึงถึงคือชีวิตที่แกรับฝากไว้ ไม่ใช่เงินหรืออำนาจที่จะได้รับ” โจไซอาห์พูดกับจอห์นด้วยน้ำเสียงโทนปกติ ไม่มีการดูถูกหรือเหยียดหยามแม้แต่นิด

“แกเป็นมาเฟียนะโจซ แกไม่ใช่นักบุญ! แกไม่ใช่นักธุรกิจ! ที่แกพูดมามันไร้สาระทั้งนั้น ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงิน ใครมันจะยอมรับใช้แกกันวะ!”

“เห็นฉันเกิดในโรนัลเดลแล้วแกคิดว่าทุกอย่างที่ได้มามันมาจากพ่อเตรียมไว้ให้ฉันหรือไง?” ถอนหายใจอย่างปลงตกกับสมองของจอห์นที่กู่ไม่กลับ ลูก ๆ ของเอเวอร์เร็ตต์ทุกคนไม่ได้รับเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คนภายนอกคิด แต่เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยหุบเหวและนรกของแท้เลยต่างหาก

มิหนำซ้ำโจไซอาห์ที่เกิดมาเป็นลูกคนที่สี่ เขาตามหลังพี่ ๆ ทั้งสามจนนึกท้อบ่อยครั้ง ทว่าสุดท้ายเขาก็ผ่านมาได้จนเป็น โจไซอาห์ โรนัลเดล อย่างทุกวันนี้ เหอะ พอนึกถึงรอยยิ้มของบิดายามเขาบอกว่าถูกไล่ล่าแล้วอยากจะต่อยใบหน้าที่ดูสนุกนั่นสักครั้ง จริง ๆ ทุกวันนี้ก็ยังแค้นอยู่เลย

“มาเฟียในความหมายของแกนี่คงต้องมีอำนาจและควบคุมลูกน้องด้วยความหวาดกลัวงั้นสิ? เอาเถอะ แกมันกู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ ฉันจะทำให้แกได้เห็นเส้นทางที่แกเลือกพลาดเอง” โจไซอาห์หันหลังแล้วเดินกลับขึ้นข้างบนโดยมีวิลสันมองตามหลัง วิลสันเป็นหนึ่งในคนที่เลือกติดตามและภักดีกับโจไซอาห์ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไร้ทั้งอำนาจและเงินตรา เช่นเดียวกับไทกิและโรมัน แถมเรื่องครั้งนี้ผู้เป็นนายก็รอจอห์นเปลี่ยนใจ ถึงกับยอมพูดมากกว่าปกติ ยืดเวลาแล้วยืดเวลาอีกแต่ก็ยัง... วิลสันหยุดคิดพลางถอนหายใจก่อนหันมองจอห์นด้วยสายตาสมเพชก่อนพูดออกไปว่า

“เพราะแกเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณชาย คุณชายถึงมอบความเมตตาให้แกจนวินาทีสุดท้ายแต่แกก็... ตรง ๆ เลยนะ ฉันไม่เคยเห็นใครโง่เท่าแกเลย แบบเหลือเชื่อจริง ๆ ที่โลกนี้ยังมีคนโง่หลงเหลืออยู่ บราโว่!” ปรบมือแปะ ๆ กวนประสาทจอห์นที่แยกเขี้ยวใส่ พอลองมาคิดตามที่วิลสันบอกแล้ว มันก็จริงแฮะ เดิมทีเขาควรจะถูกฆ่าไปแล้วนี่หรือไม่เบเรอร์ก็ถูกทำให้ย่อยยับแต่แล้วยังไงล่ะ จอห์นก็คิดได้ในเวลาที่สายไปแล้ว

“เสร็จจากจัดการเบเรอร์เมื่อไหร่ ฉันอนุญาตให้พักสามวัน ห้ามติดต่อฉันเด็ดขาดแม้จะเป็นเรื่องสำคัญ ให้ไปรายงานพ่อฉันแทน” กลับขึ้นมาจากชั้นใต้ดินก็ออกคำสั่งที่สองทันที มือหนาปลดเนกไทออกพลางปลดกระดุมคอเสื้อลงขณะเตรียมก้าวขึ้นบันได

“รับทราบครับคุณชาย” ไทกิกับโรมันรู้ดีว่าการพักสามวันนั้นหมายถึงอะไร โจไซอาห์พยักหน้าแล้วขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนทันที เปิดประตูห้องมาเห็นเมอร์ลินนอนเล่นโทรศัพท์อยู่แถมดูจากที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแทนชุดเมื่อเช้า แสดงว่าคงเตรียมพร้อมที่จะทบดอกเบี้ยแล้วสินะ

“เคาะประตูบ้างนะครับ” เมอร์ลินมองแรงแต่ก็ลืมว่าเขาเองก็ไม่เคยเคาะประตูเลยเหมือนกัน

“บอกฉันแล้วตัวนายเคยเคาะสักครั้งไหม?” โดนสวนกลับมาแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมอร์ลินวางโทรศัพท์ลงก่อนชันขาขึ้นจนชายเสื้อคลุมล่นลงเผยให้ต้นขาขาวออกมาทักทายสายตาโจไซอาห์ แถมรอยยิ้มที่เมอร์ลินส่งมาให้อีกนั่นก็... “นายยั่วฉันหรือไง?” โจไซอาห์เอ่ยขึ้นขณะถอดชุดสูทที่สวมใส่มันมาทั้งวัน

“ใช่สิครับ เป็นยังไง ผมทำหน้าที่ภรรยาได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ”

“เหอะ” อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความมั่นใจนั้น แต่ก็ไม่อยากยอมรับว่าวินาทีที่เห็นต้นขาขาว ๆ นั่น ใจเขามันก็สั่นไหวจนแทบบ้า โจไซอาห์ผ่อนลมหายใจก่อนเข้าห้องน้ำไปชำระคราบเหงื่อไคลที่สะสมมาทั้งวัน เมอร์ลินมองตามแผ่นหลังพลางไหวไหล่อย่างไม่สนใจก่อนเล่นโทรศัพท์ต่อ ตอนแรกก็ตั้งใจจะนอนพักแต่ไป ๆ มา ๆ กลับนอนไม่หลับเลยอาบน้ำเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทบต้นทบดอกตามที่ตกลงกันไว้ ระหว่างรอโจไซอาห์อาบน้ำ เมอร์ลินก็ไถหน้าจอไปเรื่อย ๆ

‘อีกห้านาทีถ้ายังไม่ออกมา หนีนอนดีกว่า’ คิดในใจขณะมองประตูห้องน้ำสลับกับเวลาบนหน้าจอ แต่เหมือนคนด้านในจะรู้ทัน ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมโจไซอาห์ที่มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวเดินออกมา หยดน้ำที่เกาะพราวตามร่างกายกำยำและรอยสักทำเอา

เมอร์ลินแอบหวั่นไหวเล็กน้อย อะไรเนี่ย ก็เห็นมาตั้งห้าปี ห้าปีเชียวนะ! มันต้องชินแล้วสิ แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกแปลก ๆ ไปได้ เมอร์ลินหายใจเข้าหายใจออกช้า ๆ พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่รู้จักแล้วตัดมันออกไป

หมับ...

“หมดเวลาเล่นของนายแล้ว” โจไซอาห์เดินมาที่เตียงแล้วหยิบมือถือจากมือเมอร์ลินไป กดล็อกหน้าจอแล้ววางมันลงบนโต๊ะหัวเตียง เมอร์ลินเงยหน้ามองคนที่แย่งมือถือไปก่อนหันตัวเข้าหาคว้ามือหนามาจับ ออกแรงดึงจนคุณสามีเสียหลักโถมเข้าใส่ตนเองแต่นั่นคือความตั้งใจของเมอร์ลิน สองแขนเรียวยกโอบรอบคอพร้อมรั้งลงมาให้ริมฝีปากได้แนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน เอวหนาถูกโอบรัดด้วยขาเรียวขาวของภรรยาซ้ำยังขยับพาส่วนกลางกายขนาดพอดีตัวเข้าหา โจไซอาห์จับเอวของคนข้างใต้ด้วยสองมือแล้วยกขึ้นเคลื่อนตัวของเมอร์ลินให้ขยับไปกลางเตียง

เมอร์ลินเริ่มหอบหนักขณะที่ริมฝีปากบดเบียดสลับกัดดึงริมฝีปากของคนด้านบนจนได้รสคาวเลือด แต่เลือดแค่นั้นไม่อาจหยุดความต้องการที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมาได้เลย ทันทีที่เรียวลิ้นแนบสัมผัสกัน ลิ้นของคนด้านบนก็เกี่ยวกระหวัดรัดดึงสลับกับเลียส่วนใต้ลิ้นที่พาเมอร์ลินเสียวแปล๊บในปาก

จ๊วบ...!

เสียงน่าอายดังขึ้นเมื่อลิ้นของเมอร์ลินถูกดูดอย่างแรงพาลพาให้เรี่ยวแรงอ่อนลงทันตา สองขาที่ยกโอบเอวหนาเริ่มผ่อนแรงลงจนกระทั่งหล่นตุบลงข้างกายแกร่ง โจไซอาห์เก็บเกี่ยวความหวานและหวังพาเอาความปากดีจากภรรยาตัวแสบด้วยการสูบแรงจากริมฝีปากได้รูป เขาดูดลิ้น เขากัดลิ้น และเขาเลียมัน เขาทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มความต้องการที่เพิ่มพูนทุกขณะ มันเป็นอย่างที่เมอร์ลินเคยพูด เขาไม่เคยพอในรอบเดียวหรือต่อให้มากกว่าหนึ่งรอบ เขาก็ยังต้องการเมอร์ลินมากขึ้น ดังนั้น ทุกครั้งที่ต้องการปลดปล่อยความต้องการ วันเวลาที่

โจไซอาห์ใช้หมกตัวอยู่กับเมอร์ลินคือสามวัน มันเป็นแบบนี้มาตลอดและจะไม่มีทางเพิ่มจำนวนวันขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะเสียการเสียงานและเสียตำแหน่งผู้สืบทอดก็เป็นได้

“แฮ่ก ฮื่ออ... ห้ามทิ้งรอยนะครับ อ๊ะ!” เมอร์ลินรีบบอกยามริมฝีปากหนาไล่ลงมาที่คอขาว แต่ไม่ทันขาดคำก็เจ็บจี๊ดที่คอก่อนมือเรียวจะยกทุบไหล่กว้าง โจไซอาห์ไม่สนใจแรงทุบที่เบาบางนั่น เขาสนใจกับคอขาวที่ไร้สีแต่งแต้มนี้มากกว่า รอยคิสมาร์กที่เกิดจากการดูดเม้มเริ่มเติมเต็มพื้นที่ว่างผสมกับรอยฟันที่ฝากฝังลงไป ในเมื่อบอกแล้วไม่คิดจะทำตาม เมอร์ลินจึงปล่อยให้ทำตามใจแต่แลกมากับรอยเล็บที่เพิ่มขึ้นบนไหล่กว้างทั้งสองข้างรวมถึงท้ายทอยกับแผ่นหลัง

สร้างรอยมา สร้างรอยกลับ แม้จะเป็นรอยที่แตกต่างกันก็ตาม

โจไซอาห์ลากริมฝีปากจากคอขาวมาหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ เมอร์ลินเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองก่อนกัดปากเชิดหน้าขึ้นยามยอดอกถูกปลายลิ้นสัมผัส เขาเสียววูบวาบไปทั้งหน้าอก ยิ่งปลายลิ้นกดคลึงยอดอกสลับกับละเลงลิ้นใส่ระรัวแบบนี้ อีกไม่นานเมอร์ลินต้องหลุดเสียงออกมาแน่ ๆ และนั่นก็เป็นความตั้งใจของโจไซอาห์ที่คอยเหลือบสายตาขึ้นมองอยู่ตลอดเวลา พอเห็นว่าภรรยาตัวแสบดื้อดึงขนาดไหน ปลายนิ้วชี้จึงสะกิดยอดอกอีกข้างซ้ำยังกดปลายเล็บลงแล้วถูคลึงขึ้นลงซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น

“อ๊า! อืออ มันเจ็บนะครับไอ้...อึก” จะหลุดด่าอยู่แล้วเชียวแต่ทันทีที่ได้ยินคำว่าไอ้จากปากสวย ๆ นั่น โจไซอาห์ก็กัดเข้าที่ยอดอกแล้วดึงอย่างแรงจนเมอร์ลินร้องเสียงดังทั้งยังแอ่นอกขึ้นตามแรงดึง ลมหายใจหอบหนักกว่าเก่าแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ลมหายใจกลับหยุดชะงักพร้อมกับสองขาที่ขยับกว้างกว่าเดิมเมื่อเรียวนิ้วได้สอดเข้ามาในช่องทางอย่างไม่บอกกล่าว เมอร์ลินกระพริบตามองเพดานก่อนหายใจแรง ๆ แล้วทุบเข้าที่ไหล่กว้างสุดแรงซึ่งแรงกว่ารอบแรกมาก

“คิดว่าฉันหนังหนามากหรือไง” โจไซอาห์เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว ทั้งทุบ ทั้งจิก เขาก็แสบก็เจ็บเป็นนะแต่แค่ไม่พูดเท่านั้น เมอร์ลินไม่ให้คำตอบเพราะขืนอ้าปากไปมันต้องมีเสียงน่าอายหลุดมาแน่ ๆ โจไซอาห์เห็นสายตาอวดดีแล้วก็หมั่นไส้ มันเขี้ยว สอดนิ้วที่สองเข้าไปทันที

“คงไม่ต้องเล้าโลมกันแล้ว” สิ้นคำสองนิ้วนั้นก็ขยับเข้าออกอย่างรัวเร็วแถมยังเข้าสุดออกสุด เมอร์ลินไม่อาจเก็บเสียงได้อีกต่อไป ยิ่งความเร็วและความแรงระดับนี้แล้ว มันมีแต่ความเสียวกระสันที่วิ่งพล่านไปทั้งกาย รู้สึกดีจนปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามกระแสอารมณ์

“อ๊ะ อ๊ะ แฮ่ก อืมม ลึกกว่านี้หน่อยครับ! อื้ออ” เมอร์ลินไม่อายที่ต้องร้องขอ ในเมื่อทำให้เขารู้สึกดีมาขนาดนี้แล้วและอยู่กันมาห้าปี ขอให้เข้าลึกกว่านี้หรือแรงกว่านี้มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย โจไซอาห์ทำตามที่ภรรยาต้องการพลางจับจ้องกายขาวที่บิดเร้าไปตามแรงปรารถนา เสื้อคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ยช่างเป็นพร็อบที่เสริมให้เมอร์ลินดูเย้ายวนและเซ็กซี่มากขึ้น ใบหน้าที่เขาสะดุดตาแต่แรกเห็นกำลังแสดงสีหน้าออกมาได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาคู่สวยฉ่ำเยิ้มด้วยกามอารมณ์ ริมฝีปากได้รูปสั่นเล็กน้อยพร้อมเปล่งเสียงครางคลอมาให้ได้ฟัง เมอร์ลินเลียปากแล้วเหลือบมองสามีที่กำลังมองตนเองอยู่พอหลุบสายตาลงต่ำไปที่กลางลำตัว เขาก็เห็นว่าบางอย่างมันกำลังต้องการพ้นจากผ้าขนหนูจะแย่

“นี่...” เอ่ยเรียกอย่างยากลำบากก่อนยกยิ้มแล้วยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นแนบแก้มของสามี “อยากได้ของใหญ่กว่านี้ อึก รีบ ๆ ใส่มาได้แล้วครับคุณสามี”

หมับ...

โจไซอาห์จับเข้าที่ข้อเท้าแล้วบีบเบา ๆ น่าแปลกที่เขาไม่โกรธแต่กลับรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูก... โจไซอาห์ยิ้มมุมปากแล้วสบตากับเมอร์ลินที่มองมา

“อย่ามาบอกให้ฉันหยุดแล้วกัน” พูดจบก็หันไปเลียฝ่าเท้าแล้วกัดอย่างมันเขี้ยวขณะที่สายตายังคงสอดประสานกัน

ตึกตัก...

ตึกตัก...

เมอร์ลินกำมือแน่นขณะสัมผัสถึงจังหวะหัวใจที่แปลกไป ทั้งที่หัวใจมันก็เต้นอยู่ทุกวัน แต่ทำไมเมื่อครู่มันถึงเต้นในจังหวะที่แปลกจนรู้สึกได้ แล้วทำไมใบหน้าเขาถึงได้เห่อร้อนขนาดนี้กันนะ?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0274

    ฝ่ามือเรียวที่เหี่ยวย่นตามวัยวางกรอบรูปกรอบใหม่ลงบนโต๊ะที่อัดแน่นด้วยกรอบรูปมากมาย เศษกระดาษที่ถูกตัดถูกขยำรวบใส่ถังขยะ ก่อนจะยกถังขยะนั้นกลับไปไว้ที่ของมัน มารีแอนน์มองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังให้เมื่อมีเสียงเรียก ประตูบ้านถูกเปิดออกพร้อมแสงสว่างของช่วงสายสาดส่องเข้ามาด้านในกรอบรูปที่ติ

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0273

    “พี่เมอร์ลิน เอ่อ ยินดีด้วยนะครับกับการแต่งงาน” อูรีเอลเอ่ยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เออ ขอบใจ” และเมอร์ลินก็ขอบใจห้วน ๆ เพราะยังไม่ชอบหน้าอูรีเอลเหมือนเคย“ผมรู้ว่านายเกลียดผม แต่ช่วยรับของขวัญชิ้นนี้ได้หรือเปล่า?” อิการาชิพูดขึ้นมาก่อนวางกล่องบางอย่างที่มีขนาดเท่าฝ่ามือลง เมอร์ลินไม่ได้แสดงท่าทางรังเกีย

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0272

    เมื่อได้เวลาอันสมควร เรเธเซียก็ถูกเมอร์ลินอุ้มพามาที่กลางสนาม จากซุ้มแต่งงานกลายเป็นโต๊ะที่มีเค้กช็อกโกแลตและลูกสตอเบอร์รี่วางเรียงเป็นชั้น ๆ บนเค้กมีเทียนเลขสามปักอยู่พร้อมตัวอักษร HBD.SIASIA เขียนอยู่ ผู้คนมากมายที่รายล้อมล้วนเป็นคนที่รักหนูน้อยเรเธเซียคนนี้ แต่เสียใจด้วยที่ในสายตาของเรเธเซียมีแต่

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0271

    “แต่เรเธเซียคงยังไม่รู้สินะว่าตัวเองจะเป็นพี่สาวแล้ว” พอพูดแล้วก็หันมองเจ้าหญิงน้อยที่สนใจแต่เล่นกับคุณลุงมาเวอริค เมอร์ลินยิ้มบางก่อนสายตาจะสะดุดกับใบหน้าที่ดูซีดเล็กน้อยของอิการาชิ ตามจริงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครมาตายในที่ของเขา เมอร์ลินจึงขอตัวแล้วเดินเข้ามาหาพี่ชาย“จะตายเหรอ? ถ้

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0270

    ‘ถ้าเซียเซียเห็นดาดี๊กับมามี๊จุ๊บ ๆ กัน เซียเซียต้องปิดตาแบบนี้นะคะ’ทั้งบอกและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง การอบรมของคุณอาฝาแฝดก็เลยประสบความสำเร็จ ยกเว้นโอนิกซ์ที่ยืนจ้องตาแป๋ว ซึ่งแน่นอนว่ารามิเอลกับอิดอนได้แต่กำหมัดอยากซัดหน้าโจไซอาห์เหลือเกินช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขรองลงมาจากตอนเห็นหน้าลู

  • What is a divorce? [Mpreg]   บทที่ 0269

    โจไซอาห์ทำให้พี่ชายอย่างมาเวอริครู้สึกอุ่นใจที่จะฝากน้องชาย แม้ความเป็นจริงเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้ายุ่งเพราะทั้งคู่เคยแต่งงานกันแล้ว แต่พอได้รับหน้าที่พี่ชายจากเมอร์ลิน ความหวงน้องมันก็ทำงานเกินหน้าตาทันที“พ่อได้ยินและได้รับรู้ถึงความรักที่ลูกมีต่อภรรยา ขอให้พระเจ้าทรงมอบพรแด่ลูก” บาทหลวงกล่าวขึ้นพร้อม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status