ทุกคนในแก๊งลือกันว่า “นั่นเมียเสี่ย” แต่คนที่ปากแข็งสุดกลับเป็นเด็กดื้อคนนั้นเอง ปากบอก “ไม่ใช่เมีย” แต่พอใครเข้าใกล้เสี่ย ก็มีตาเขียวตามมาเสมอ เสี่ยผู้เย็นชา กลับค่อย ๆ กลายเป็นแมวตัวโตขี้อ้อน เมื่ออยู่กับ "เมียเด็ก" ที่เขาไม่อยากปล่อยให้หนี
Lihat lebih banyak“ไม่ไป”
เสียงตอบกลับสั้นๆ แต่ชัดเจนจากปากเอย ทำเอาเพื่อนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะถึงกับกลอกตา “โว้ยเอย มึงจะอยู่แต่ห้องอีกแล้วเหรอวะ ชีวิตมีแค่เรียนกับข้าวกล่องจริงดิ?” “แล้วมันผิดตรงไหน?” เอยเงยหน้าขึ้นจากโน้ตเรียน พร้อมเลิกคิ้วอย่างเหนื่อยใจ “มันผิดตรงที่...กูอยากไปบาร์ แต่กูไม่อยากไปคนเดียว” เพื่อนมันงอแงยิ่งกว่าเด็กหัดเดิน “แค่ไปนั่งดูไฟ ดูผู้ชาย ดูบรรยากาศ แล้วกลับ ไม่ได้ให้ไปเต้นเปลื้องผ้า” เอยถอนหายใจยาว ก่อนจะปิดโน้ตอย่างยอมแพ้ “เออ ไปก็ไป...แต่แป๊บเดียว” แสงไฟสลัวส่องกระทบเคาน์เตอร์บาร์ที่เต็มไปด้วยแก้วเครื่องดื่มหลากสี บาร์สุดหรูที่ขึ้นชื่อว่าแน่นทุกคืนแน่นอนในเมืองนี้ ไม่ใช่เพราะแค่ดีไซน์สวยหรือเครื่องดื่มรสเยี่ยม แต่เพราะเจ้าของบาร์ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า “เสี่ยคิงห์ครับ โต๊ะ VIP พร้อมแล้วครับ” ลูกน้องกระซิบ ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นลำคอและแผงอกนิดๆ ที่สาวๆ หลายคนเคยละเมอถึง พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งประจำโต๊ะประจำ สายตาเขากวาดมองผู้คนในร้านอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะชะงัก ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อน เสื้อฮู้ดเรียบๆ กางเกงยีนส์ธรรมดา แต่กลับทำให้คิงห์หันกลับไปมองซ้ำอีกครั้ง 'หน้าหวานตาดุปากน่าจูบ' แค่หนึ่งวินาทีที่สายตาประสานกัน โลกทั้งใบของเสี่ยเจ้าของบาร์ก็เหมือนจะเปลี่ยนไปชั่วขณะ “ใครวะเด็กใหม่ในบาร์เหรอ?” เขาไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่รู้แค่อย่างเดียว คืนนี้เด็กนั่นต้องขึ้นห้องกับเขาให้ได้ เสียงเพลงในบาร์ยังคงดังคลอเบาๆ แต่สำหรับเอย เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังเงียบลง เพียงเพราะสายตาคมดุของใครบางคนที่มองมาราวกับจะกลืนกินเขาทั้งตัว “มาคนเดียวเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู ทำเอาเอยสะดุ้งน้อยๆ หันไปมองคนแปลกหน้าที่ยืนชิดใกล้ ราวกับรู้จักกันมานาน “เปล่า มากับเพื่อน” เอยตอบเสียงเรียบ ตวัดตามองเล็กน้อย คิงห์ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ สายตาเขามองใบหน้าหวานอย่างหยอกเย้า มือหนึ่งยื่นแก้วเครื่องดื่มให้ “ลองดูสิ ของโปรดเสี่ย แต่คิดว่านายก็น่าจะชอบ” เอยลังเล ก่อนจะรับแก้วมาจิบ รสชาติหวานขมแตะลิ้น แอลกอฮอล์พุ่งขึ้นจมูก แต่สิ่งที่ทำให้เขาเบิกตากว้างไม่ใช่รสเหล้า แต่เป็นริมฝีปากของคนตรงหน้าที่แนบลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว “อ๊ะ อื้อ” ริมฝีปากร้อนบดเบียดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ลิ้นหนาแทรกเข้ามาอย่างชำนาญ ละเมียดชิมรสหวานจากปากของเอยราวกับกลืนกิน มือแกร่งจับท้ายทอยของเขาแน่นไม่ให้หนี ริมฝีปากบดขยี้อย่างหยาบโลนแต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เอยพยายามจะผลัก แต่กลับถูกกอดแน่นเข้าไปอีก แขนแกร่งรั้งเอวเขาแนบชิดร่าง เสียงครางต่ำของอีกฝ่ายดังชิดริมใบหู “ปากนายแม่งหวานกว่าที่คิด” “ปล่อย” เสียงเอยสั่นพร่า หน้าแดงจัด หายใจหอบจากจูบเมื่อครู่ คิงห์จ้องตาเขา ก่อนจะโน้มลงกระซิบชิดริมฝีปากอีกครั้ง “คืนนี้ขอชิมมากกว่านี้ได้มั้ย?”เสียงรถแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถก่อนที่ประตูหน้าบ้านจะเปิดออก“ป๊ากลับมาแล้วครับ”เสียงทุ้มของเสี่ยคิงห์ดังขึ้นไม่ทันขาดคำสองแฝดที่เมื่อเช้ายังทะเลาะกันอยู่ ก็วิ่งฝ่าโซฟา กระโจนเข้าใส่คนเป็นพ่อ“ป๊าาาาาาาาาาาาาา”“คชาคิดถึงป๊า”“ธิปมีเรื่องจะเล่าาา”เสี่ยคิงห์หัวเราะ พลางอ้าแขนรับลูกทั้งสองคนกอดซ้ายที ขวาที จนแขนแทบไม่พอ“ช้า ๆ สิครับลูก ป๊ายังไม่ทันวางกระเป๋าเลย”“ไม่เป็นไรเรื่องสำคัญมาก ต้องเล่าเดี๋ยวนี้”แฝดนั่งลงข้าง ๆ กันบนพรม กางแขนกางขาเล่าแบบไม่เว้นจังหวะทั้งเล่าว่าใครเริ่มทะเลาะก่อนใครดุ ชื่อ หม่าม๊า โดนเอ่ยรัวใครยอมก่อน ใครให้ยืมของหวงใครวาดรูปจับมือกันเสี่ยฟังพลางอมยิ้ม ก้มมองลูกทั้งสองที่พูดจนน้ำลายแทบกระเด็นก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวทั้งคู่สลับกันเบา ๆ“ป๊าภูมิใจมากเลยครับ ที่ลูก ๆ รู้จักขอโทษกันและให้อภัยกัน”“แต่ป๊าภูมิใจที่สุด... ที่ลูกทั้งสองคนยังรักกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร”สองฝาแฝดยิ้มเขิน ๆก่อนจะเอนหัวซ้ายขวาซบลงที่อกของเสี่ยคนละข้างพร้อมเสียงงึมงำที่น่ารักที่สุด“เพราะพวกเรามีป๊ากับหม่าม๊าที่รักกัน”“ก็เลยอยากเป็นแบบนั้นบ้าง”เสี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล
เสียงโวยวายดังมาจากห้องนั่งเล่นในเช้าวันเสาร์คชานนท์ยืนกอดอก หน้าบึ้งตึงคุณาธิปนั่งย่นจมูก ทำตาใสปริบ ๆ แต่อารมณ์ก็ไม่ต่างกัน“คชาไม่ยอมเก็บของเล่นเลย บอกแล้วว่าเก็บด้วยกันไง”“ก็ธิปบอกจะดูดฝุ่นเอง แล้วอยู่ ๆ ไปเล่นไดโนเสาร์เฉย”เสียงแฝดโต้กลับกันไปมาเหมือนแมวกับหมาของเล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น ปืนฉีดน้ำล้ม หุ่นยนต์นอนตะแคง รองเท้าเด็กวางซ้อนกันผิดข้างเอยที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว พับผ้าเสร็จ ยังไม่ทันได้นั่งพัก ก็ต้องรีบเดินเข้าไป“คชานนท์ คุณาธิป”เสียงดุของเอยดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องตะโกนก็น่ากลัวพอให้ฝาแฝดหันขวับมองพร้อมกันทันที“เราตกลงกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าจะช่วยกันทำงานบ้าน ไม่ใช่โยนให้กันไปมาแบบนี้”“แต่ว่า... หม่าม๊า... คชาไม่ยอมช่วย...” ธิปเริ่มฟ้อง“ธิปเล่นก่อนต่างหาก” คชาเถียงเอยยกมือขึ้นนิ้วเดียวทั้งคู่เงียบกริบทันที“หม่าม๊าไม่สนว่าใครเริ่มก่อนนะครับ แต่ถ้าไม่ช่วยกัน ไม่มีใครได้ไปดูการ์ตูนตอนบ่ายเลยทั้งคู่”เสียงนิ่งแต่ชัดเจนแบบนี้ ฝาแฝดรู้ทันทีว่า โหมดหม่าม๊าโหมดจริงจัง ได้เปิดใช้งานแล้ว“เข้าใจไหมครับ?”“เข้าใจครับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน ก่อนจะหันหน้ามองกันเอง
หลังจากฝาแฝดเข้านอนไปแล้ว พร้อมตุ๊กตาคู่ใจและนิทานเล่มเดิมที่เอยอ่านให้ฟังทุกคืนทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความสงบอีกครั้งภายในห้องนอนใหญ่ ไฟหัวเตียงเปิดไว้สลัว ๆเอยนอนหนุนแขนเสี่ยคิงห์ ใต้ผ้าห่มผืนหนา กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกับกลิ่นกายของอีกฝ่ายอบอวลผสมกันไปหมดเสี่ยใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มเอยเบา ๆ“มีความสุขไหมครับวันนี้”เอยพยักหน้า แล้วขยับตัวเข้าหาอีกฝ่าย“มากเลยครับ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาทุกปี แล้วก็ขอบคุณที่ทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันพิเศษเสมอ”“เสี่ยต้องขอบคุณเอยมากกว่านะครับ ที่ยอมแต่งกับคนดุ ๆ อย่างเสี่ย แล้วก็เลี้ยงลูกซน ๆ สองคนให้โตมาเป็นเด็กดี”เอยหัวเราะเบา ๆ แล้วซุกหน้าลงกับอกกว้าง“ถ้าไม่มีเสี่ย… เอยก็คงไม่รู้จักคำว่าครอบครัวแบบนี้หรอกครับ”เสี่ยคิงห์ยกมือขึ้นลูบผมนิ่ม ๆ ของเอย ก่อนจะประคองใบหน้าขึ้นมาจูบแผ่วเบาที่หน้าผากแล้วเลื่อนลงมากดริมฝีปากจูบลงเบา ๆ ที่มุมปาก อบอุ่นและแผ่วหวานจนเอยขนลุกซู่“สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ เมียเสี่ย”“ครับ… แล้วก็ฝันดีนะครับ สามีของเอย”ผ้าห่มค่อย ๆ ถูกดึงขึ้นคลุมถึงปลายคางคืนนี้ เอยไม่ได้ขอพรอะไรจากวันเกิดเพราะแค่ได้หลับไปในอ้อมแขนของคนที่
เอยลืมตาตื่นเพราะกลิ่นหอมจาง ๆ ของช็อกโกแลตลอยเข้าจมูก มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะพลิกตัว แล้วก็ต้องชะงัก“ตื่นแล้วเหรอครับ เมียเสี่ย”เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าคมเข้มของเสี่ยคิงห์ที่โน้มเข้ามาใกล้ จนเอยต้องรีบยกผ้าห่มขึ้นบังหน้า ใบหูแดงแจ๋ทันที“มะ…มีอะไรครับ ทำไมตื่นเช้าจัง”“วันนี้วันอะไรครับคนดี?”“เอ๊ะ... ก็วันพฤหัส”คิงห์หัวเราะในลำคอ แล้ววางกล่องของขวัญผูกโบว์ลงข้างหมอนก่อนจะกระซิบเบา ๆ“วันเกิดของเมียเสี่ยไงครับ”เอยเบิกตากว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจเขาแทบจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง เพราะมัวแต่ง่วนกับงานและโปรเจกต์ที่รุมเร้า แต่เสี่ยคิงห์กลับไม่ลืม“เสี่ย”“อย่าร้องนะครับ เดี๋ยวเค้กจะเค็มเพราะน้ำตาเมีย” เขายิ้มละมุน พร้อมเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เอยบนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียง มีกล่องเค้กสีชมพูพาสเทลที่เอยเคยพูดชอบไว้เมื่อเดือนก่อน มีกล่องของขวัญที่ไม่ต้องเปิดก็รู้ว่าเป็นกล้องถ่ายรูปตัวใหม่ที่เอยอยากได้ และมีกุหลาบแดงหนึ่งช่อที่ผูกด้วยริบบิ้นสีทอง“ขอบคุณครับ” เอยซุกตัวเข้าอกกว้างของเสี่ยอย่างไม่อาย“แค่เมียยิ้ม เสี่ยก็พอใจแล้วครับ”คิงห์กระซิบข
“ฮื้อ…พี่คิงห์…เบาๆหน่อย”เสียงครางแผ่วสั่นปนหอบหายใจดังขึ้นจากใต้ร่าง เอยที่กำลังถูกจับพาดขาไว้บนบ่า ร่างเปลือยเปล่าแดงระเรื่อ สั่นไหวเพราะแรงกระแทกที่โหมเข้ามาไม่หยุด“บอกว่าจะให้ทำลูกอีกคนไม่ใช่เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของคิงห์ดังชิดใบหู มือหนาจับเอวบางแน่น “งั้นก็ต้องรับให้ไหวนะครับเมีย”ปั่ก ปั่ก ปั่กเสียงกระแทก เอยเหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง ยิ่งร้องเบา คิงห์ก็ยิ่งเร่งแรงมากขึ้น ทั้งจังหวะและเสียงที่กระทบกันทำเอาทั้งเตียงสั่นสะเทือน“อ๊ะ ไม่ไหว เสี่ย มัน…มันจะขาดใจแล้ว”“ก็แค่กระเเทกเบาๆเอง” คิงห์กระซิบ ก่อนกระแทกทีสุดท้ายเต็มแรงจนร่างบางสะท้าน “คืนนี้จะไม่หยุด จนกว่าจะมีอีกคนจริง ๆ”เขาก้มลงจูบริมฝีปากของเอยอย่างดูดดื่ม ทั้งดูแล ทั้งลงโทษไปพร้อมกันในคราวเดียว จังหวะรักดำเนินต่อไม่มีหยุด เพราะคำว่า ทำลูก ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันคือภารกิจสุดร้อนแรงของคืนนี้แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงไล้เงาลงบนเรือนกายเปลือยเปล่าสองร่างที่แนบชิดกันบนผ้าปูเตียงยับย่น เสียงหอบหายใจสอดประสานกับสัมผัสร้อนระอุที่ยังไม่หยุด"พี่คิงห์" เอยครางชื่อคนบนร่างด้วยเสียงแผ่ว ใบหน้าขึ้นสีจัดจนมองเห็นชัดริมฝีปากร้อนของคิงห์ประทั
คิงห์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงเอวเอยเข้ามากอดแน่นจากด้านข้าง แล้วกระซิบใกล้หูจนเอยหน้าแดง“คืนนี้… จะพาเมียขึ้นหอไอเฟลรอบสองแบบส่วนตัวนะครับ”“คิงห์ เดี๋ยวลูกได้ยิน”ฝั่งลูก ๆ ที่วิ่งอยู่ห่างออกไปสักพักก็หันกลับมาตะโกน“คุณพ่อคุณแม่ หยุดหวานกันได้แล้ว มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยครับ”บรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เย็นสบาย ผู้คนเดินชมงานศิลป์อย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงไฟสลัว ๆ แต่ดูสง่างาม เสี่ยคิงห์เดินจับมือลูกคนละข้าง ส่วนมืออีกข้างก็ไม่ลืมจับเอวเอยเอาไว้แน่นแบบหวง ๆ“คุณพ่อครับ… ภาพนั้นชื่อว่าอะไรเหรอ?” คชานนท์ถามเสียงเรียบขณะมองภาพโมนาลิซาที่อยู่ในกรอบกระจก“โมนาลิซา” คิงห์ตอบ “แต่พ่อว่าหน้ายิ้มของโมนาลิซายังไม่สวยเท่าหน้ายิ้มแม่ลูกหรอก”“คิงห์… ไม่หยุดเลยนะคุณ” เอยหน้าแดงก่อนจะหลบตาคุณาธิปกลอกตาแรง “คุณพ่อครับ เรามาชมศิลปะ ไม่ใช่มาอวยเมียนะ”คิงห์หัวเราะ หอมขมับเมียฟอดหนึ่ง “ก็เมียของพ่อสวยกว่างานศิลป์ทุกชิ้นในลูฟวร์นี่หว่า จะให้ทำยังไง”คชานนท์หลุดยิ้มเบา ๆ ส่วนคุณาธิปก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุขครอบครัวที่อาจดูรวยเว่อร์ ๆ แต่กลับอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะตลอดเวลา
Komen