เอสเทล
"ยายขา ชุดนักศึกษาของเอสเป็นยังไงบ้างคะ"
ฉันใส่ชุดนักศึกษาก่อนจะรีบวิ่งมาถามยายของตัวเองที่นั่งอยู่กลางบ้าน ฉันชื่อเอสเทลค่ะ ซึ่งชื่อนี้คุณหมอเป็นคนตั้งให้ ฉันอายุสิบแปดย่างสิบเก้าปีและฉันเองก็กำลังจะเข้าเรียนมหาลัยแล้วนะ
"หลานยายโตเป็นสาวแล้วสินะ"ยายพูดแล้วยิ้มให้ฉัน
"เอสได้ทุนเรียนฟรีด้วยนะคะ"
ฉันรีบเดินเข้ามากอดก่อนจะยายไป ฉันได้ทุนเรียนฟรีตั้งแต่ประถมแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะมันประหยัดค่าใช้จ่ายของฉันตั้งเยอะ
"ตั้งใจเรียนนะลูก"
"ต่อไปถ้าเอสเรียนจบยายไม่ต้องทำขนมแล้วนะคะ เดี๋ยวเอสจะทำงานเลี้ยงยายเอง"
ฉันอยู่กับยายแค่สองคนค่ะ แม่ของฉันเสียไปตั้งแต่ฉันได้อายุสองขวบ ส่วนพ่อเขาทิ้งฉันไปตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลย ชีวิตของฉันมีแค่ยาย และยายเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ฉัน ฉันไม่เคยน้อยใจเลยนะที่ชีวิตของฉันเป็นแบบนี้ถึงใครจะว่าฉันเป็นลูกไม่มีพ่อมีแม่ก็ตาม
"เอสรักยายนะคะ ฟอด"
ยายของฉันเป็นผู้หญิงที่เก่งมากถึงมากที่สุดท่านเลี้ยงฉันคนเดียวตั้งแต่แม่เสียไป ยายของฉันทำขนมไทยส่งโรงแรม ถึงรายได้มันจะไม่มากมายแต่มันก็ทำให้ฉันกับยายไม่ลำบาก
"พรุ่งนี้อย่าลืมไปบอกแม่เขาด้วยนะเอส ยายว่าแม่เขาคงดีใจ"ยายบอกฉัน
ฉันไปหาแม่เกือบทุกวันเลยนะ ฉันชอบไปนั่งแล้วเล่าว่าวันนี้ฉันเจออะไรมาบ้าง ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าท่านจะรับรู้หรือเปล่าแต่ฉันสบายใจเวลาได้เล่าเรื่องที่ฉันเจอมาให้แม่ฟัง
"ทำขนมช่วยยายเสร็จก่อนเอสค่อยไปค่ะ"
ยายของฉันอายุก็มากแล้วแต่ยายยังแข็งแรงอยู่เลยนะ ตื่นมาเตรียมของทำขนมตั้งแต่ตีสี่ส่วนฉันเองก็มีหน้าที่เป็นลูกมือคอยช่วยและฉันไม่เคยเหนื่อยที่จะทำมันเลย
"ยายขา พรุ่งนี้เอสจะไปเอาของที่เรียนพิเศษอาจจะกลับช้าหน่อยนะคะ"
"ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ได้ลูก อยู่แต่กับยายไม่เบื่อบ้างหรือไง"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เอสพาเพื่อนมาที่บ้านดีกว่าค่ะ"
ฉันบอกยายไป เพราะเพื่อนฉันชอบมากินขนมที่บ้านฉันมากกว่า และเวลาเพื่อนฉันมาที่บ้านนะยายจะชอบทำกับข้าวและขนมไว้รอเยอะมากเพราะแบบนี้แหละเพื่อนฉันถึงได้ชอบมากัน
.
.
"แม่ขาเอสเข้ามหาลัยแล้วนะคะ เอสโตแล้วนะ"
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งคุยกับแม่อยู่ที่วัด แม่ของฉันเป็นคนสวยมาก แต่เพราะโรคร้ายมันทำให้เราสองคนต้องจากกันตลอดกาล
"ลูกสาวของแม่คนนี้จะเป็นเด็กดีจะตั้งใจเรียน และจะไม่ทำให้ยายต้องปวดหัวหรือหนักใจเลย แม่เป็นกำลังใจให้เอสด้วยนะคะ"
หลังจากที่ฉันคุยกับแม่เสร็จฉันก็รีบนั่งรถมาที่โรงเรียนพิเศษเพื่อมาเอาหนังสือที่ลืมไว้ และฉันเองก็นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะพาไปกินขนมที่บ้าน
"เอสเทล บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าวิ่ง"ฉันมองคนที่ยืนดุฉันก่อนจะยิ้มให้
"ไปกันดีกว่าหิวขนมของคุณยายจะแย่ เราซื้อเสื้อไปฝากยายด้วยนะ"ฉันมองเพื่อนตัวเองที่ชูถุงเสื้อให้ดู
"เห็นแก่กิน"
"ใครเรียกเขามาอ่ะเอส"องศาเพื่อนรักของฉันถาม
"ตังเมเพื่อนรักขององศาเอง ก็เจอจอมพลนั่งอยู่เลยชวนไง"
"เอสกับตังเมไปกับเราก็ได้ ส่วนไอ้คนที่ถามเราเมื่อกี้รบกวนเดิน"จอมพลพูดเสียงดุก่อนจะเดินไปที่รถ
ฉันกับเพื่อนรักอีกสองคนรู้จักกันตั้งแต่เรียนประถมและก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนทุกวันนี้ ส่วนจอมพลเรามาสนิทกันตอนเรียนพิเศษ เพราะจอมพลเรียนโรงเรียนอินเตอร์และจอมพลก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันรองต่างองศากับตังเม
"เอสรับสายให้เราหน่อย"จอมพลบอแล้วยื่นมือถือให้ฉัน
"แล้วจะให้เอสบอกว่าอะไร"
"บอกว่าไม่อยากคุย เลิกโทรหาได้แล้ว"
ฉันมองมือถือที่มันดังอยู่ชื่อคีตะแล้วทำไมจอมพลถึงไม่อยากคุยด้วยอ่ะ เขานิสัยไม่ดีใช่มั้ย
ครืด ครืด
(ถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมานะจอมพล)
"สวัสดีค่ะ"
(ใคร แล้วมารับสายของน้องชายฉันได้ยังไง)
"พอดีจอมพลขับรถอยู่ค่ะ"
(ฉันไม่อยากรู้ว่ามันทำอะไรอยู่)
"จอมพลให้บอกคุณว่าไม่อยากคุยแล้วก็ไม่ต้องโทรหาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ต้องพูดแบบนี้"
ฉันพูดจบก็ตัดสายทันที คนอะไรแค่เสียงยังดุจนน่ากลัว
"พี่ชายเราเองไม่มีอะไรหรอก"จอมพลรีบบอกฉัน
"เอสจำได้ว่าจอมพลมีพี่สาวคือพี่เจ้าขาไม่ใช่หรอ"
ฉันถามคนที่ขับรถอยู่เพราะพี่เจ้าขาเองฉันก็รู้จัก ส่วนคนที่ชื่อคีตะฉันพึ่งเคยได้ยินชื่ออีกอย่างจอมพลไม่เคยพูดถึงเขาเลย
"พ่อแม่เราเป็นเพื่อนกันน่ะก็เลยสนิทกัน ช่างเขาเถอะเดี๋ยวกลับไปค่อยคุย"
หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว จอมพลขับรถไม่นานก็มาถึงบ้านของฉันแล้ว และรถยังไม่ทันจะดับเครื่องเลยเพื่อนรักของฉันสองคนก็รีบวิ่งลงจากรถทันที
"สวัสดีครับคุณยาย"จอมพลเข้าไปกอดยายของฉันจนโดนองศามองอย่างเอาเรื่อง
"ยายทำกับข้าวและขนมไว้ให้แล้วนะลูก"
ยายฉันน่ะรักจอมพลมากเลยนะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้ทะเลาะกับองศาบ่อย จอมพลเป็นคนพูดน้อยกับคนอื่นนะแต่กับฉันจอมพลพูดเยอะมาก
"ยายขาหนูซื้อเสื้อมาให้ด้วยนะคะ ยายต้องชอบแน่นเลย"
ฉันนั่งมองเพื่อนรักตัวเองที่กินขนมพรางคุยกับยายไปด้วย ยายไม่เคยเหงาเลยถ้าเพื่อนฉันมาที่บ้าน
"เอสฝากอันนี้ไปให้คุณอาด้วยนะ ฝากสวัสดีท่านด้วย"
ฉันเคยเจอคุณพ่อกับคุณแม่ของจอมพลและพวกท่านใจดีกับฉันมาก เวลาจอมพลมาที่บ้านยายฉันจะชอบฝากขนมไปให้
"เอสขนมอันนั้นเราขอซื้อได้มั้ยอ่ะ"จอมพลชี้ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ
"ไม่ต้องซื้อหรอกยายทำไว้ให้เอสกินน่ะ เดี๋ยวเอสแบ่งให้นะ"ฉันบอกพรางเดินไปหยิบจานขนม
"เราจะเอาไปให้คนที่โทรหาเราน่ะเขาชอบกิน เราหาซื้อแล้วไม่ค่อยมีใครทำ"
กึก...ฉันหยุดก่อนจะหันมองจอมพลที่พูดอยู่ ยังมีคนชอบกินขนมพระพายเหมือนฉันอยู่อีกหรอเนี่ย ปกติยายก็ไม่ทำหรอกแต่เพราะฉันบ่นอยากกินยายก็เลยทำให้
"เอสชักอยากจะเจอหน้าพี่ชายจอมพลแล้วสิ"ฉันหันไปถามจอมพล
"อย่าเจอเลยเพราะถ้าเจอเอสจะอยู่ไม่เป็นสุข"
เอสเทล"ถึงเวลาที่เราจะแต่งงานกันได้หรือยังเอสเทล"นี่เป็นคำพูดที่ฉันได้ยินเกือบทุกวันตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าฉันยังไม่ตอบรับการขอแต่งงานของพี่คีตะ และฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าการแต่งงานไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าชีวิตคู่ของเราจะไปกันรอด ฉันเองเรียนจบปริญญาโทและเข้าทำงานที่บริษัทของพี่คีตะเต็มตัวแล้ว"ไม่แต่งค่ะ"ฉันบอกพี่คีตะไป"เหลือหรือรออะไรไม่ทราบ จะเรียนต่ออีกมั้ยล่ะ"พี่คีตะพูดประชดฉัน"ก็คิดอยู่เหมือนกันนะคะ"ฉันบอกพรางยกยิ้มใส่"อยากทำอะไรก็เชิญ"เรื่องความรักของเราสองคนมันดีขึ้นตามลำดับค่ะ อาจจะเพราะเราสองคนโตขึ้นด้วย ฉันนั่งมองพี่คีตะที่งอนแบบนี้อยู่ทุกวันจนฉันชินแล้วล่ะ"วันเสาร์นี้ไปเที่ยวหัวหินกันมั้ยคะ"ฉันเดินมานั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้ง"ไม่ไป ขี้เกียจ""ถ้าขยันก็ตามไปเจอเอสที่หัวหินนะคะ"ฉันบอกไป"เอสเทลจะให้พี่รอถึงเมื่อไหร่วะ ไม่มั่นใจพี่ตรงไหนบอกมาดิ"พี่คีตะพูดเสียงเบา"เอสมั่นใจในตัวพี่คีตะเสมอค่ะ แต่เอสเคยบอกเหตุผลไปแล้วนะคะ""มั่นใจ"พี่คีตะถามย้ำฉัน"ทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนที่แต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ"ฉันถามพี่คีตะ"แต่พี่อยากทำอะไรให้มันถูกต้อง""มันไม่ถูก
เอสเทลฉันนิ่งไปพักใหญ่เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่คีตะพูด น้ำเสียงและสายตาของพี่คีตะคือไม่ได้ล้อเล่นเลย"แต่งค่ะ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้"ฉันบอกพี่คีตะไป"ทำไมอ่ะเอส ก็เรารักกัน""เราสองคนพึ่งกลับมาคบกัน ใช่ค่ะพี่คีตะโตขึ้นเอสโตขึ้น และการโตขึ้นมันทำให้เอสต้องคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้"ฉันบอกแล้วยิ้มให้แฟนตัวเอง"ไม่มั่นใจในตัวพี่หรอ""ถ้าเอสไม่มั่นใจเอสคงไม่นอนอยู่แบบนี้ค่ะ แต่การใช้ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องใหญ่มากนะคะ เพราะฉะนั้นเอสจะไม่รีบเร่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด"ฉันพูดเสียงดุ"แล้วพี่ทำอะไรได้มั้ยล่ะ"พี่คีตะถามฉัน"ตอนนี้ทั้งกายทั้งใจเอสให้พี่คีตะไปหมดแล้ว และการแต่งงานมันก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนี่ค่ะ"ฉันอธิบายแต่ดูเหมือนว่าพี่คีตะจะไม่ยอมเข้าใจเลย"ไม่มีวันที่พี่จะยอมเสียเอสไปอีกแน่"พี่คีตะพูดเสียงดุ"แค่เราเข้าใจกัน ยอมรับข้อดีข้อเสียของอีกฝ่ายได้เอสว่าการแต่งงานมันไม่จำเป็นเลยค่ะ เอสไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานมากมายขนาดนั้นหรอกนะคะ เอสแค่อยากอยู่อยากใช้ชีวิตกับพี่คีตะ เอสว่าแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว"ฉันบอกพี่คีตะไป ความฝันของผู้หญิงส่วนมากคือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต
เอสเทลพี่คีตะโตขึ้นและเปลี่ยนไปเยอะก็จริง แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่พี่คีตะไม่เคยเปลี่ยนเลยคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และจะให้ฉันทำยังไงกับแฟนตัวเองดีล่ะในเมื่อบอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้รีบกลับบ้าน"แล้วทำไมเอสต้องไปคอนโดกับพี่คีตะคะ"ฉันถามตามตรง"ก็พี่อยากอยู่กับแฟน""ตอนแรกเอสว่าง แต่ตอนนี้เอสไม่ว่างแล้วค่ะ"ฉันบอกพลางเอามือถือให้ดูเพราะว่ายายของฉันโทรมาฉันรีบรับสายยายพลางมองพี่คีตะที่หน้าเศร้าจนฉันอดยิ้มให้ไม่ได้ ฉันวางสายยายก่อนจะเก็บกระเป๋าเพราะตอนนี้เลิกงานแล้ว"เอสต้องรีบกลับบ้านค่ะ"ฉันบอกไป"เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ"พี่คีตะพูดเสียงอ่อยพลางเดินตามหลังฉันออกจากห้อง"ไปกันเอส"องศารีบเข้ามาเกาะแขนฉันไว้"ไม่ได้เว้ย วันนี้พี่จะไปส่งแฟนพี่ ส่วนน้องอย่างองศาก็กลับเองนะครับ"พี่คีตะรีบจับฉันแยกออกจากองศาหลังจากนั้นพี่คีตะก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้าน รู้มั้ยคะว่าคุณชายเขาขับรถเหมือนเต่าคลานเลยอ่ะ แถมยังทำหน้าเศร้าตั้งแต่ออกจากบริษัทด้วย"พรุ่งนี้ก็เจอกันนี่คะ"ฉันบอกไป"ก็คงงั้นแหละ"ฉันส่ายหน้าให้กับแฟนตัวเอง และที่ฉันรีบกลับบ้านเพราะว่าฉันต้องมาช่วยยายจัดกระเป๋า ยายจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดห้าวัน ฉันไม่ได้ซื่อจนไม
เอสเทลตอนนี้ฉันไม่สนว่าใครจะพูดก่อน เพราะความรู้สึกของฉันมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย สามปีที่ผ่านมาฉันทำตามที่พี่คีตะขอร้องไว้ทุกอย่างถึงแม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมันจะเหมือนเดิมหรือไม่ก็ตาม "พี่คีตะจะนิ่งอยู่ทำไมคะ ที่เอสขอ พี่คีตะให้เอสได้หรือเปล่า"ฉันถามเสียงดุเพราะพี่คีตะเอาแต่ยืนจ้องหน้าฉันไม่พูดไม่จาฉันยืนยิ้มให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า พี่คีตะคงไม่คิดว่าฉันจะกล้าพูดอะไรแบบนี้สินะ สามปีมานี้ฉันเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเพื่อนรักของตัวเองและคนรอบข้าง มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรักหรอกนะแต่มันยังมีเรื่องการใช้ชีวิตเมื่อเจอคนหมู่มากและการรู้จักปฏิเสธคน"เอสคงคิดไปเองคนเดียวสินะคะ"ฉันถามเสียงสั่นเมื่อพี่คีตะเอาแต่นิ่งพรึ่บ"อย่าบอกเลิกพี่อีกนะเอส ไม่เอาแล้วนะเว้ย ฮึก"พี่คีตะเดินเข้ามากอดฉันก่อนที่จะร้องไห้ออกมา ความกลัวของฉันมันก็ยังมีอยู่แต่ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ฉันขอแค่เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นเอง เพราะการนับหนึ่งใหม่กับใครอีกคนฉันขี้เกียจแล้ว"ขอบคุณนะเอส ขอบคุณที่ยังรอพี่"พี่คีตะพูดเสียงเบา"ถ้าวันนั้นเอสวางสายไปก่อนเราสองคนจะยังกลับมา
สามปีผ่านไปเอสเทล"เอสเดี๋ยววันนี้ตอนห้าโมงเย็นเราฝากไปรับเจ้าขาที่สนามบินด้วยนะ เรามีคุยงานกับลูกค้า"ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีสี่แล้วนะ และฉันเองก็กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทของคุณพ่อคุณแม่พี่คีตะ ตอนแรกฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาฝึกที่นี่แต่คุณแม่ของพี่คีตะเป็นคนทำเรื่องและฉันเองก็ขัดไม่ได้ และสามปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้เจอหน้าไม่ได้พูดกับพี่คีตะเลย"พี่เจ้าขาพึ่งไปสองวันเองนะ"ฉันรีบบอกจอมพล เพราะพี่เจ้าขาไปคุยงานที่ต่างประเทศและไปตั้งเป็นอาทิตย์ด้วย"งานยกเลิก โทรถามมันได้เอส"จอมพลบอกฉันเสียงดุ"แล้วมีคุยงานอะไรที่นี่ไม่ทราบ"ฉันถามสามปีที่ผ่านมาฉันว่าฉันโตขึ้นมาเลยนะ ฉันขับรถยนต์เป็นแล้วด้วยซึ่งจอมพลเป็นคนสอนให้ ฉันสามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้โดยไม่ต้องรอคนอื่น ฉันว่าฉันเก่งขึ้นมาก"มีคุยงานกับเพื่อนเอสน่ะ แล้วนี่องศาไปไหน"มาหาองศานี่เองฉันกับองศามาฝึกงานที่นี่ส่วนมอสกับตังเมไปฝึกงานที่บริษัทของคุณพ่อของมอสและจอมพลก็ฝึกงานที่บริษัทของครอบครัว"ไปหาลูกค้า"ฉันรีบบอก"หึ...ทำผิดมาน่ะสิถึงได้รีบออกไป"จอมพลกับองศาจนมาถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพื่อนรักของฉันสองคนปากแข็งกันทั้งคู่จนฉันไม่รู้จะช่วยใครก่อนด
เอสเทล"จะไปส่งมั้ยเดี๋ยวเราพาไป เพราะกว่าจะขึ้นเครื่องก็สามทุ่ม"จอมพลบอกฉันว่าวันนี้พี่คีตะจะไปต่างประเทศและไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และที่พี่คีตะไปเหตุผลทุกอย่างมันมาจากฉันทั้งหมด ฉันไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลยนะแต่จะให้ฉันทำยังไง"ไม่ดีกว่า ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว"ฉันบอกไปฉันเคารพในการตัดสินใจของพี่คีตะเสมอ ถ้ามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามอะไรพี่คีตะด้วย ฉันหวังแค่ว่าพี่คีตะจะคิดอะไรได้มากขึ้นเมื่อเราไกลกัน"พี่คีตะโทรหาหรือเปล่า"จอมพลถามฉัน"ไม่ได้โทร"ฉันพูดเสียงเบา"โอเคนะเอส""เอสต้องโอเคสิ"ฉันรีบบอกไปหลังจากนั้นฉันก็เดินมาทำขนมช่วยยาย เพราะตอนบ่ายองศากับตังเมชวนไปที่ร้านกาแฟ หน้าที่ของฉันตอนนี้คือตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องความรักฉันคงต้องพักยาวเลย รักครั้งแรกมันทำให้ฉันกลัวทุกอย่างไปหมด"ทำไมมองหน้าเอสแบบนั้นล่ะ"ฉันถามจอมพลที่เอาแต่จ้องมองฉัน"อีกนานเลยนะเอส"จอมพลบอกฉัน"แล้วเอสจะเอาอะไรไปห้ามพี่คีตะ เราสองคนเลิกกันแล้วนะจอมพล"ฉันรีบบอกไป"ก็ยังรักเขาไม่ใช่"จอมพลถามแล้วยิ้มให้ฉัน"เวลาเท่านั้นแหละที่จะให้คำตอบเอสได้