LOGINปรางค์วลัย เคยแอบชอบ เมฆา พี่ชายข้างบ้าน ทว่าในวันนั้นที่เธอบังเอิญได้ยิน เมฆา พูดกับผู้หญิงของเขาว่า “เด็กนั่นอ้วน เตี้ย ดำ ไม่มีอะไรน่ามองสักอย่าง” คำพูดในวันนั้นของเขาทำร้ายจิตใจของเธออย่างหนัก เธอจึงตัดสินใจถอยออกห่าง จากที่สนิทสนมกันกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าในชั่วข้ามคืน ในวันที่แม่ของหญิงสาวป่วยหนัก เขาได้กลับเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งในฐานะ หมอ และวันที่เธอตัดสินใจพาใครบางคนมาแนะนำให้แม่รู้จัก เขากลับแสดงอาการหึงหวงออกหน้าออกตาทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน หวงก้างราวกับเป็นเจ้าของเธอ ทั้งที่เขาเป็นคนพูดเองว่าจะไม่มีวันสนใจผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างเธอเด็ดขาด
View More“ตูน เอาขนมไปให้บ้านนู้นหน่อย แม่ทำเผื่อเอาไว้”
“ค่ะ”
“อย่าลืมเอาเสื้อไปคืนพี่เมฆด้วยล่ะ”
“ค่า”
สาวน้อยวัยใสอายุ 13 ปี เธอเพิ่งขึ้นมัธยม บ้านของเธอเป็นบ้านแฝดในหมู่บ้านโครงการหนึ่ง บ้านของเธอกับเพื่อนบ้านมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน มารดาของเธอมักจะทำขนมหรือกับข้าวไปฝากเพื่อนบ้านเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ขนมเค้กหน้าตาน่ากินถูกจัดวางในจานสวยงาม มือเล็กหยิบจานกับเสื้อที่เตรียมเอาไว้ เปิดประตูเดินออกจากบ้านไปเพื่อไปยังบ้านติดกัน
ปกติประตูบ้านจะไม่ได้ล็อก เพราะคุณป้าเจ้าของบ้านจะอยู่ตลอด แต่วันนี้กลับมีแม่กุญแจพวงใหญ่คล้องอยู่ เด็กสาวตั้งใจจะเดินกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าไปไหน ก็ต้องยืนตัวแข็งอยู่กับที่ เมื่อร่างสูงที่คุ้นตากำลังลงจากรถพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดีที่น่าจะอยู่ในวัยเดียวกัน
“อ้าว ยัยปลาการ์ตูน มาทำอะไร”
“แม่ให้ตูนเอาขนมมาให้ป้าหมอน”
“แม่ไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด”
“งั้นพี่เมฆก็เอาขนมไป ถ้าตูนถือกลับไปเดี๋ยวโดนแม่บ่น”
“เออๆ กลับบ้านได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องมาเล่นนะ”
“อือ”
ดวงตากลมโตมองใบหน้าพี่ชายข้างบ้าน สายตาทอแววน้อยใจลึกๆ แต่ก็พยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวเดินผ่านหน้าทั้งสองคนเพื่อจะกลับเข้าบ้านของตนเอง
“ใครเหรอ”
“น้องข้างบ้าน”
“ดูน้องเขาชอบเมฆนะ”
“บ้าน่า ใครจะไปชอบลง เด็กนั่นอ้วน เตี้ย ดำ ไม่มีอะไรน่ามองสักอย่าง อีกอย่างเห็นมาตั้งแต่เด็ก น้องเพิ่งอายุ 13 เอง ยังเด็กอยู่เลย”
“อือ”
“เข้าบ้านเถอะ นานๆ ทีแม่จะไม่อยู่”
สองหนุ่มสาวเดินเข้าบ้านไปโดยไม่รู้เลยว่า สาวน้อยที่เพิ่งถูกพูดถึงเมื่อสักครู่ กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างพุ่มต้นโมกริมรั้ว น้ำใสไหลอาบแก้มทั้งที่เด็กสาวกำลังยืนนิ่ง แววตาที่ควรจะสดใสกลับกลายเป็นเจ็บปวดกับคำพูดนั้นหนักหนา เธอตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาในหัวใจอีกเด็ดขาด
10 ปีต่อมา
“อย่ากลับดึกนะ”
“ค่ะ”
ปริมยืนส่งบุตรสาวที่กำลังจะออกไปข้างนอก ก่อนที่ปิดล็อกประตูบ้านโดยมีปรางค์วลัยยืนมอง รอจนมารดาปิดล็อกประตูเสร็จก็เดินออกไป
ปรางค์วลัย หรือ การ์ตูน หญิงสาวร่างสูงเพรียว ผิวขาวเหลืองตามแบบฉบับไทยแท้ ผมดำสนิทยาวถึงกลางหลัง เธอเคยเป็นสาวน้อยรูปร่างผอมบาง แต่เมื่อขึ้นมัธยมปลายร่างกายของเธอก็เติบโตขึ้น อะไรที่เคยบางก็ไม่บาง อะไรที่เคยไม่มีก็มีจนล้น
วันนี้หญิงสาวมีนัดกับเพื่อนที่ผับ แต่เพราะบ้านเธออยู่ไกลสุดจึงต้องออกจากบ้านเร็วหน่อย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด
เธอเดินมาเรื่อยๆ จนเจอแท็กซี่ผ่านมาพอดี จึงเรียกเอาไว้และก้าวขึ้นไปเมื่อรถจอดสนิท หลังจากที่บอกจุดหมายปลายทางแล้วก็ส่งข้อความหาเพื่อนที่นัดกัน ก่อนจะนั่งคิดอะไรไปเงียบๆ
เมื่อมาถึงที่ผับ หญิงสาวต่อสายหา ‘พศิน’ เพื่อนสาวร่างกายชาย ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในเมื่อได้ความว่าพศินรออยู่ข้างในแล้ว
“มาเร็วกว่าฉันอีกนะแก” เสียงหวานใสทักเพื่อนเมื่อเห็นว่าพศินกำลังนั่งรออยู่ที่โซฟาชุดใหญ่
“กลัวรถติดอะดิ”
“แล้วยัยชมพูล่ะ”
“กำลังมาแหละ”
ปรางค์วลัยขยับเข้าไปนั่งด้านใน เธอวางกระเป๋าเอาไว้ข้างตัว ก่อนจะเรียกพนักงานเข้ามารับออเดอร์
นั่งคุยกันได้ไม่นาน ชมพูแพรก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ปรางค์วลัยกับพศินมองหน้ากันก่อนที่พศินจะรีบเบรกชมพูแพรเอาไว้
“หยุด อย่าเพิ่งพูด ได้ส่องกระจกก่อนออกจากบ้านมาไหมเนี่ย”
“ไม่ต้องส่องก็รู้” ชมพูแพรเบะปากใส่
“ยังไง” ปรางค์วลัยเองก็ชะโงกหน้ามาด้วยความสนใจ
“ก็รอยเนี่ย ได้ก่อนออกมา เหตุผลเพราะใส่ชุดนี้” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มพูดเสียงงุ้งงิ้งงอแง
“หวงแหละไม่ต้องเดา พี่หมอ.....สวัสดีค่ะ” พศินหันไปทักทายผู้ที่เดินเข้ามาสมทบด้วยท่าทางที่ใส่จริตเต็มที่
“สวัสดีครับ”
“มาเฝ้าผับเหรอคะ”
“เปล่าครับ มาเฝ้าเมีย”
“.....” เกิดเหตุการณ์เดดแอร์ เมื่อทั้งสามสาวทั้งแท้และไม่แท้พากันนิ่งไป
“ผลไม่ดีเหรอ”“ใช่ เจอก้อนที่ปอด”“ใหญ่ไหม”“ใหญ่ เราต้องส่องกล้องแล้วเอาเนื้อไปตรวจว่าเนื้อดีหรือเนื้อร้าย”“อืม เอาที่เห็นสมควรเลย”“น้าปริมมีประกันใช่ไหม”“มี ประกันหลายตัว กับใช้สิทธิ์ที่ทำงานตูนได้ ตูนบรรจุแล้ว”“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่จัดการให้”ปรางค์วลัยเดินกลับเข้าไปไปในห้องหลังจากเมฆาเดินออกไป เธอเลือกที่จะบอกมารดาถึงผลตรวจ MRI ซึ่งปริมเองก็ยอมรับและทำใจได้ หญิงสาวจึงสบายใจได้ในระดับหนึ่งแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง เมื่อในช่วงเย็นปรางค์วลัยต้องกลับไปที่บ้านเพื่อไปเอาชุดทำงาน และถ้าเธอไปทำงาน ปริมจะไม่มีคนอยู่เฝ้า“เอาอย่างนี้ไหมครับ น้าปริมย้ายออกไปอยู่ห้องธรรมดาไหม พยาบาลจะได้เดินดูได้ตลอด” เมฆาบอกปริมกึ่งขอความเห็นจากปรางค์วลัย“ได้หมดจ้ะ น้าไม่มีปัญหา อีกอย่างเหลือแค่เก็บชิ้นเนื้อ น้าจะได้กลับบ้านแล้วนี่ อยู่ห้องธรรมดาก็ได้” ปริมไม่มีปัญหาอะไร“ก็ได้ค่ะ”“ไม่นานหรอกครับ หลังเก็บชิ้นเนื้อ เราจะรอดูอาการ 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเลือดออกก็จะสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลยครับ” เมฆาอธิบายขั้นตอนคร่าวๆ“แต่พรุ่งนี้วันจันทร์ ตูนต้องไปทำงาน ใครจะอยู่กับแม่ล่ะ”“เดี๋ยวพอหมอเจ้าของไข้ให้
หญิงสาวนั่งเงียบไปตลอดทางจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ต่างคนต่างเดินหายเข้าไปในบ้านของตัวเอง เมฆาที่ชินกับสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้วทำเพียงแค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนปรางค์วลัยเลือกที่จะจัดกระเป๋าก่อนถึงเข้าไปอาบน้ำเมื่อออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวทำเพียงแค่ใส่เสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋า เพื่อจะเดินออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นล่างตามที่ได้นัดกับเขาเอาไว้“พร้อมหรือยัง”“ค่ะ”ปรางค์วลัยก้าวขึ้นรถเงียบๆ เธอนั่งนิ่งมาจนถึงที่โรงพยาบาล เมฆาพาเธอขึ้นมาส่งบนห้องพักที่ปริมกำลังนอนอยู่ เขาตรวจเช็กอาการปริมจากชาร์ตคนไข้ก่อนจะเดินกลับออกไป“อ้าว หมอเมฆ พรุ่งนี้ off ไม่ใช่เหรอคะ ป่านนี้แล้ว มาทำอะไรคะเนี่ย” พยาบาลอาวุโสคนหนึ่งทักทายเขาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปในวอร์ด“มาอาศัยนอนที่นี่สักคืนครับ”“มีอะไรหรือเปล่าคะ”“พอดีมีคนไข้ที่ผมพามาครับ เลยจะรอดูอาการก่อน”“คนพิเศษเหรอคะ” พยาบาลแซวเขา“พิเศษมากเลยครับ ฝากด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรด่วนหรือฉุกเฉินตามผมด้วย”“ได้ค่ะ”“ขอบคุณครับ นอนก่อนนะครับ ล้ามาทั้งวัน”เมฆาเดินกลับเข้าห้องพักหมอไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แต่เดิมเขาตั้งใจจะนอนพักแล้วค่อยตื่นไปดูปริมกับปรางค์ว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปรางค์วลัยก็เปิดประตูเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจเมฆาเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเปิดประตูบ้านของตัวเองแล้วเอารถเข้าไปจอด ก่อนจะปิดล็อกประตูบ้านแล้วเตรียมตัวจะเข้าบ้าน แต่เมื่อประตูกำลังจะถูกเปิดก็ต้องชะงักเท้า เมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากทางบ้านของสาวน้อยที่เพิ่งเข้าไปในบ้านเมื่อสักครู่“หมอเมฆ แม่เป็นอะไรไม่รู้ เข้ามาดูหน่อยเร็ว!!!”ปรางค์วลัยที่กลับมาถึงก็ขึ้นไปบนบ้านแล้วเข้าไปในห้องของมารดา เหมือนเช่นทุกวัน แต่เมื่อเข้าไปก็เห็นว่ามารดานอนกองอยู่กับพื้นห้องจึงรีบวิ่งออกมาตามเมฆาให้เข้ามาดูเมฆาได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่สนใจประตูที่ไม่ได้ปิดเลยสักนิด ชายหนุ่มเปิดเข้าไปในบ้านของปรางค์วลัยด้วยความคุ้นเคย สายตาคมกวาดมองไปทั่ว เมื่อไม่เห็นร่างของหญิงเจ้าของบ้านผู้ใจดีก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขาตรงเข้าไปยังห้องที่ยังเปิดประตูค้างเอาไว้อยู่ตามสัญชาติญาณ“น้าปริม ได้ยินผมไหมครับ”“เมฆเหรอลูก”“ครับ น้าล้มไหมครับ ศีรษะกระแทกไหม”“น้ารู้สึกเหมือนน้าหายใจไม่ค่อยออก แล้วอยู่ๆก็วูบไปเลย”“เจ็บตรงไหนไหมครับ”“เจ็บศีรษะนิดหน่อย แต่น้าหายใจไม่ค่อยออก เหม
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ชมพูแพรถามเมื่อจับทั้งคู่แยกกันได้โดยมีเธอกับชยกรนั่งคั่นกลาง“ไม่มีอะไรหรอก” ปรางค์วลัยพูดตัดจบแล้วยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก“งั้นจบนะ จะตีกันก็ไปตีกันนอกรอบ” หญิงสาวตัวเล็กสรุปให้“อือ” ปรางค์วลัยส่งสายตามองเมฆาอย่างคาดโทษ“เออๆ จบก็จบ กลับบ้านเจอกัน ยัยปากจัด”“ไอ้หมอเมฆ” ชยกรเรียกเมฆาเสียงเข้มเมื่อเพื่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน“ครับ จบครับ” เมฆายอมเงียบเสียงลงแต่โดยดี“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พศินเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ ก็แปลกใจเมื่อเห็นบรรยากาศบนโต๊ะที่ยังมีกลิ่นมาคุจึงหันไปถามชมพูแพร“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่หิ้วหนุ่มที่ไหนมาเนี่ย” ชมพูแพรถามพศินกลับพลางยิ้มรับผู้มาใหม่“เพื่อนใหม่จ้ะ รู้จักกันเมื่อกี๊เลย”“สวัสดีครับ ผมชื่อเบน”พศินบอกเพื่อนๆ พร้อมกับที่ชายหนุ่มตาน้ำข้าวผู้มาใหม่แนะนำตัวเอง แล้วจับมือกับชยกร เมื่อเขาทั้งคู่รู้จักกันดี“ยินดีต้อนรับกลับมา” ชยกรยิ้มทักทาย“ดีใจที่ได้กลับมา” เบนเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน“รู้จักกันเหรอคะ” พศินถามทั้งสองคนสีหน้าแปลกใจ“เพื่อนกันตอนเรียนไฮสคูลครับ” ชยกรบอก คลายความสงสัยของทุกคน“เออ โลกกลมดีแหะ เดี๋ยวนะ ขอไล่เลียงห