"พูดตามตรงนะคะ เรื่องแจกันที่เสียหายมันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย ฉันแค่เป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้"
"ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ? ผมกลับคิดว่ามันเกี่ยวกับคุณสะอีกเพราะคนทำแตกยังไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย"
"ฉันเป็นเด็กในบ้านนั้น ท่านเป็นนายผู้หญิง และท่านก็มีสิทธิ์ใช้ฉัน"
"ก็นี่ไงเราก็วนกลับมาเรื่องเดิม ถ้าคุณอยากให้เรื่องนี้มันจบ คุณต้องไปทำงานกับผมเท่านั้น หรือไม่ก็เอาเงินตามที่ผมบอกมาคืนภายในสองวัน"
"เดี๋ยวก่อนสิคะ" อยู่ดีๆ เขาก็ลุกเดินออกไป ข้าวปุ้นเลยต้องรีบเดินตามหลัง
"หรือคุณมีเงินจะมาชดใช้ผมแล้ว"
"เงินเยอะขนาดนั้นฉันไม่มีหรอกค่ะ ไหนๆ ฉันก็จะได้ไปช่วยงานคุณอยู่แล้ว"
"มันไม่เหมือนกัน"
"ฉันเข้าใจค่ะฉันก็จะช่วยงานคุณให้นานหน่อยไง ฉันคงลาออกจากที่นี่ไม่ได้ เพราะฉันมีคนที่ต้องทดแทนบุญคุณ"
"ก็ได้ ถ้างั้นคุณก็ช่วยงานจนกว่าผมจะเป็นคนบอกให้พอ"
"ถ้ามันนานหน่อยคุณก็คุยกับเจ้านายฉันเองแล้วกัน"
"แล้วเรื่องที่พักเหมือนกันผมจะให้คุณมาพักด้วย"
"คุณจะบ้าเหรอ"
"ถ้างั้นก็ยกเลิก"
"ฉันเป็นผู้หญิงคุณจะให้ไปพักด้วยได้ยังไง"
"ผมพักอยู่โรงแรม หรือคุณคิดว่าผมจะให้คุณพักห้องเดียวกัน"
"เอ่อ.." ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงดีย้ายออกจากบ้านหลังนั้นสุขภาพจิตของเธอก็คงจะดีขึ้นมาก แต่ถ้าย้ายออกเธอจะดูแลคุณพ่อของคุณหนูยังไงล่ะ
"ถ้ามันตัดสินใจลำบากนักก็ไปคุยกันให้เข้าใจให้เคลียร์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกับผม"
เช้าของวันต่อมา.. จริงเหมือนที่เขาพูดนั่นแหละต้องคุยให้เคลียร์ก่อน ในใจเธอตอนนี้อยากออกจากบ้านมาก แต่มันยังมีบุญคุณที่ค้ำคออยู่นี่สิ
"ว่ายังไงบ้าง" ยังไม่ลงจากรถเลย เจ้ากรรมนายเวรก็เดินมายืนอยู่หน้ารถแล้ว
"คุณผู้หญิงอาจจะไม่ได้เสียเงินสักบาท แต่ทางนั้นบอกว่าให้ฉันไปทำงานใช้หนี้ให้"
"มีแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นแกก็รีบไปสิ"
"ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น และต้องทำงานจนกว่าทางนั้นจะพอใจ"
"ตกลงรีบเก็บของออกไปเลย"
"ฉันยังไม่ได้คุยกับคุณอัปสรเลย"
"แกจะไปคุยอะไรกับมัน ตอนนี้แกถือว่าเป็นคนของบ้านหลังนี้ส่วนมันไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แล้ว"
"ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน" ว่าแล้วข้าวปุ้นก็เดินตรงไปทางห้องนอนของตัวเอง
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็ทิ้งตัวลงนอน แต่ยังไม่ทันได้หลับสนิทก็มีเสียงเคาะประตู
"คุณผู้หญิงบอกว่าให้ออกไปซื้ออาหารมาให้หน่อย"
"คนในบ้านมีตั้งเยอะทำไมไม่ใช้"
"ก็ไม่รู้สินะ รีบไปรีบกลับด้วยล่ะ"
เสียเวลาไปอีกเป็นชั่วโมง กว่าเธอจะกลับมาที่ห้องและก็เริ่มต้นนอนใหม่
ครั้งนี้หลับไปได้แค่ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูอีก
"มีอะไร"
"คุณผู้หญิงบอกให้เอาชุดไปที่ร้านซักอบรีดวันนั้น"
"ก็ให้คนรถเอาไปสิ"
"ก็ไปพูดกับคุณผู้หญิงเองสิ"
"อะไรวะเนี่ย" ข้าวปุ้นดันตัวลุกขึ้นมาแบบหัวเสีย จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ..เธอรู้ว่าที่เกตุแก้วทำไปคงก่อกวนให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้
วันต่อมาเหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกจนข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้ว
คืนวันนั้นเธอเลยเข้าไปคุยกับเสี่ยนเรศวรเรื่องที่จะไปช่วยงานโรงแรม
"ช่วงนี้ยุ่งหลายอย่างฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย ทางนั้นว่ายังไงบ้าง"
"ทางนั้นบอกว่าถ้าพร้อมเข้าไปได้เลยค่ะ ข้าวอาจจะไปนานหน่อยนะคะ"
"ก็จนกว่างานจะลงตัวนั่นแหละ"
"มีอีกเรื่อง ข้าวขอไปพักที่นั่นค่ะ"
"คุณอัคคีว่ายังไงล่ะ"
"เขาจะให้พักที่โรงแรมค่ะ"
"ก็ดีเหมือนกันจะได้สะดวก ฝากเราด้วยนะ" ตอนช่วงงานแต่งของคู่แฝดทางนั้นก็ไม่คิดค่าใช้จ่ายสักบาท แถมยังจัดงานออกมาให้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง พอทางนั้นต้องการความช่วยเหลือนเรศวรเลยไม่ปฏิเสธ
"เสี่ยช่วยบอกคุณอัปสรด้วยนะคะ ว่าข้าวอาจจะไม่ได้พักที่บ้านสักระยะ"
"ได้สิ"
"อีกอย่าง คุณอัปสรเป็นห่วงเรื่องพ่อค่ะ"
"ฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันจะส่งคนเข้าไปดูแลท่าน"
"จริงหรือคะเสี่ย" เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้ ถ้าให้เธอคิดเองคงคิดไม่ออก โชคดีที่นำเรื่องมาพูดกับเจ้านาย
ข้าวปุ้นออกมาจากห้องของเสี่ยนเรศวร ก็ตรงไปที่ห้องหัวหน้า วันนี้อลิสและระย้ากลับมาทำงานแล้ว
"หวังว่าคงได้ยินข่าวดีเร็วๆ นะคะคุณข้าว" ทั้งสองได้ยินเรื่องที่ข้าวปุ้นมาแจ้งว่าจะไม่ได้อยู่สักระยะก็รู้แล้วว่าจะไปไหน
"ข่าวดี?"
"ก็ไปอยู่ใกล้คนที่ตัวเองสนใจไงคะ"
โอ๊ยลืมไปอีกแล้วเรา หลายวันมานี่เรื่องแจกันทำให้เธอปวดหัวมากจนลืมเรื่องที่เคยโกหกระย้าไว้เลย
"ไฟท์ติ้งนะคะ"
"....ค่ะ"
วันต่อมาที่โรงแรม..
"ฉันมาขอพบคุณอัคคีค่ะ"
ผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ได้ยินว่ามีคนมาขอพบอัคคีเลยหยุดแล้วหันกลับไปมอง "เธอมาพบคุณอัคคีทำไม"
ข้าวปุ้นหันไปมองคนที่ถามโดยที่ยังไม่ให้คำตอบ เพราะเธองงกับน้ำเสียงที่ใช้ถาม
"ฉันถามว่าเธอมีธุระอะไรมาพบอัคคี" สายตาคนที่ถามมองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
"ฉันจะมาช่วยงานที่นี่ค่ะ"
"ช่วยงาน? ช่วยงานอะไร??"
"เรื่องนี้คุณไปถามคุณอัคคีดูเองดีกว่าไหมคะ"
"ที่นี่ไม่มีงานให้เธอต้องช่วย กลับไปซะ"
"มีอะไรกัน"
"พี่เพลิง" น้ำเสียงเมื่อครู่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อพูดกับผู้ชายที่เข้ามาใหม่
"คุณมีธุระอะไรครับ" เพลิงก็คือพี่ชายแท้ๆ ของอัคคีและเป็นผู้บริหารระดับสูงของที่นี่ และผู้หญิงคนที่คุยกับข้าวปุ้นก็คือลูกสาวของหุ้นส่วน ถึงแม้จะยังไม่มีตำแหน่งตายตัวแต่ก็วนเวียนอยู่แถวนี้
"ฉันจะมาช่วยงานคุณอัคคีค่ะ ถ้าพวกคุณอยากรู้ก็ถามคุณอัคคีดู"
"เดี๋ยวอัคคีก็คงลงมา"
"พนักงานที่นี่ของเราก็เยอะแยะทำไมต้องให้คนนอกเข้ามาช่วยด้วยล่ะคะ"
"มีคนมาฝากเอกสารไว้ให้ฉันหรือยัง" เพลิงหันไปคุยกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว
"พี่เพลิงคะ"
"ซัมเมอร์!" เพลิงรู้ว่าซัมเมอร์ลูกสาวหุ้นส่วนมีนิสัยยังไง โชคดีที่เธอไม่ได้เล็งเขาไว้
"ผู้หญิงคนนี้ต้องหว่านเสน่ห์ให้คุณอัคคีแน่เลยค่ะ"
"มีอะไรก็ไปคุยกับเจ้าตัวเองเดินมาโน่นแล้ว" เพลิงหยิบเอกสารจากพนักงานแล้วก็เดินออกไปข้างนอกเพราะต้องไปคุยงาน
"อัคคีคะ" ซัมเมอร์อายุเยอะกว่าอัคคีสองปีเลยจะเรียกพี่เหมือนเรียกเพลิงไม่ได้
"คุณมาแล้วเหรอ" อัคคีเดินตรงเข้าไปหาข้าวปุ้นโดยไม่ได้สนใจซัมเมอร์ที่เดินตรงดิ่งเข้ามาหาตัวเอง
"....ค่ะ"
"ตามผมขึ้นมาข้างบนสิ"
"แต่เรามีนัดไปทานข้าวกันนะคะ"
"ผมคงไปไม่ได้แล้ว คุณชวนพนักงานแถวนี้ไปทานเป็นเพื่อนแล้วกัน"
"อัคคีคะ!"
"??" ข้าวปุ้นเดินตามหลังอัคคีไปแบบงงๆ คนพวกนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่วะเนี่ย
ไม่มีแม้น้ำตาสักหยดที่จะไหลออกมาจากดวงตางามคู่นั้น หลังจากทุกอย่างผ่านไปข้าวปุ้นก็หอบร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ตอนที่เธอลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หยิบเอากระเป๋าสะพาย"จะไปไหน" ชายร่างกำยำที่นอนอยู่บนเตียงรีบลุกมาขวางแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบเขายืนขวางตรงนี้เธอเลยเดินอ้อม"ถอยไป" ถึงแม้เธอจะเดินอ้อมเขาก็เดินมาปิดประตูไม่ให้เธอออกจากห้องได้"เราต้องคุยกันก่อน""คุณคิดว่าฉันยังจะคุยกับคุณได้อีกเหรอ""เธอไม่ต้องไปไหนอยู่ที่นี่""คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน""แต่ฉันเป็นผัวเธอ""หึ!! หน้าไม่อาย""ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว""ตอนนี้ฉันไม่ต้องการแล้ว" ในเมื่อเขาคิดว่าเธอทำทุกอย่างเพื่ออยากได้ตัวเขาก็ปล่อยให้คิดไป"ได้ฉันแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คุณพูดอะไร" ประโยคนี้เธอต้องเป็นคนพูดมากกว่าไหม"ก็เมื่อกี้ไง เล่นงานฉันจนน้ำแตกแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คนเลวพูดออกมาได้ไม่อายปาก""ไม่รู้ล่ะยังไงเธอต้องรับผิดชอบฉัน" พูดบ้าอะไรไปวะเรา"ฉันบอกให้ถอยไปไง" ข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้วผลักร่างของเขาอย่างแรงแต่แทนที่เขาจะล้มกลับเป็นเธอที่เกือบล
หลังจากที่ฟังคลิปเสียงนั้นจบ อัคคีถึงได้มองไปดูเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิป เขาจำได้ว่าเสียงทั้งสองเป็นเสียงของใคร ..ทุกอย่างเธอจัดฉากขึ้นมาจริงๆ ด้วย"ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนี้คุณคงไม่เอามาทำพันธุ์หรอกนะคะ" ไม่คิดว่าการมาครั้งนี้จะคุ้มค่าเพราะได้มารับรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ของเขา ถึงแม้ว่าจะถูกดูถูกเหยียดหยามบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร"มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณนี่""คุณไม่ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ"อัคคีไม่ได้ตอบหรอก เขากำลังจะเดินหนีด้วยซ้ำแต่สรวงสุดาไม่ยอมปล่อยไป"คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาคลิปเสียงนี้ไปให้คุณแม่ฟังหรือคะ ฉันเห็นว่าท่านภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน""แล้วแต่คุณสิ" เขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเธออยู่แล้ว ถึงยังไงถ้าเรื่องนี้จบเขาก็คงต้องจบกับเธอเหมือนกัน"ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้""ฮ่าๆๆ"ได้ยินเสียงผู้หญิงขำสรวงสุดาที่ยืนมองตามอัคคีไปถึงได้หันกลับไปมอง "เป็นบ้าอะไร""ใครเขาจะอยากกลับไปกินของเก่าล่ะ" คนที่ขำเมื่อครู่ก็คือซัมเมอร์ และตอนนี้ซัมเมอร์ก็พอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับอัคคี"แต่ฉันก็เห็นว่าเขาไม่อยากจะกินเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ""ร้ายกาจมาก" ได้ยินคำพูด
"สวัสดีค่ะคุณแม่" ขณะที่ตะวันฉายกำลังพูดคุยกับแขกและเพื่อนอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสวัสดี"สรวงสุดา?""สุดีใจนะคะที่คุณแม่จำสุได้""ใครเชิญมา""คุณแม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ เห็นว่าคุณแม่เชิญทุกคนที่อยากมาร่วมแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอคะ""ฉันขอตัวนะคะ" จากที่กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ตะวันฉายก็ปลีกตัวออกมา พอเดินออกมาก็ถึงเวลาที่ท่านต้องกล่าวเปิดงานเอาฤกษ์เอาชัยให้กับลูกชาย"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตาอัคคีลูกชายของดิฉันในวันนี้""คนนี้หรือคือแม่ของคุณอัคคี" ระย้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าวปุ้นเห็นท่านบอกว่าเป็นของลูกชาย"ใช่ค่ะ""ดูท่านไม่แก่เลยนะคะเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่ยังคิดว่าเป็นพี่สาวอยู่เลย""ทีแรกที่เจอท่านข้าวก็คิดแบบนั้นแหละ""ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะอัคคี""........" อัคคีมัวสนใจแม่ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวที จนไม่ได้ดูแขกว่ามีใครเข้ามาร่วมบ้าง แต่พอได้ยินเสียงเขาถึงได้หันไปมอง"ทำไมคุณดูตกใจจังเลยคะที่เห็นสุ" สรวงสุดาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เพราะมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง"อัคคีคะ ซัมก็มองหาอยู่ว่าคุณอยู่ตรงไหน" ซัมเมอร์
"คือว่า..ผมเป็นคนเสนอให้เธอพาลูกน้องทำโอทีเองครับ" โกสินทร์คิดว่าจะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้หรอก พอพูดออกไปท่านผู้บริหารก็หันมามอง"ไปทำเรื่องลาออก" อัคคีตวัดสายตามองมาที่โกสินทร์เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาสั่งใคร"เรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับไล่ออกเลยล่ะ" เพราะแบบนี้แหละข้าวปุ้นถึงคิดว่าตัวเองรับผิดชอบคนเดียวก็พอแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ชอบหน้าเธอ ไล่ออกได้ยิ่งดี"เหมือนเธออยากจะรับผิดชอบเรื่องนี้นะ""ค่ะฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง""บอกฝ่ายบัญชีคิดเงินค่าโอทีกับผู้หญิงคนนี้""มันจะมากไปแล้วนะอัคคี" ไม่รู้ว่าน้องชายเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน"งั้นเราไปดูงานด้านในกันต่อ" อัคคีทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพลิง เดินนำหน้าผู้บริหารเข้าไปดูงานด้านใน"หัวหน้าคะ//หัวหน้าครับ" ค่าแรงของทุกคนไม่ใช่น้อยๆ ถ้าตีเป็นโอทีแล้วหลายหมื่นเลยแหละ พวกลูกน้องเลยเป็นห่วง"ไม่เป็นไรหรอกพวกเราไปทำงานกันเถอะ""เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยคุณอีกทีนะครับ" ก่อนที่จะเดินตามเจ้านายไปโกสินทร์ได้หันมาพูดกับข้าวปุ้นก่อนเธอไม่ได้ตอบโกสินทร์หรอก ช่วยได้ก็ช่วยถ้าช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน ยังไงเขาก็จงใจจะเล่นงานเธออยู่แล้ว ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรเธอนักหนา"หัวห
"โปรเจคใหม่ไปถึงไหนแล้ว""บอสหมายถึงโปรเจคที่คุณข้าวกำลังทำอยู่ใช่ไหมครับ"กึก! แฟ้มเอกสารในมือถูกโยนลงโต๊ะ ก่อนจะตวัดสายตาเหลือบมองดูโกสินทร์ผู้ช่วยคนสนิท"โปรเจคใหม่มีโปรเจคไหนบ้างล่ะ" พอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูยังไงไม่รู้"เอ่อ.. 80% แล้วครับ""ไปตามงาน..เปิดให้ได้ภายใน 3 วัน""อะไรนะครับ""ไม่ได้ยินเหรอ""แต่เธอเป็นผู้หญิง.." ยังไม่ทันได้ออกความคิดเห็นเจอสายตาพิฆาตโกสินทร์ก็ต้องรีบตกปากรับคำไปก่อนหน้าห้องทำงาน.."ทำไมวันนี้บอสถึงดูแปลกๆ" ออกมาโกสินทร์ก็อดพรึมพำกับตัวเองไม่ได้"มีอะไรเหรอ""คุณซัม.." มองไปก็เห็นว่าเป็นลูกสาวหุ้นส่วนอีกคน"ฉันถามว่ามีอะไร""บอสบอกให้ไปเร่งงานโปรเจคใหม่ครับ""ก็ไปจัดการสิ" ทีแรกกำลังจะไปที่ห้องทำงานของพี่ชาย.. แต่เปลี่ยนใจเข้าห้องทำงานนี้ก่อนดีกว่า ..ซัมเมอร์มีพี่ชายเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่คนหนึ่ง พ่อไม่ค่อยเข้ามาบริหารงานเลยปล่อยลูกชายนั่งตำแหน่งนั้นแทนก๊อกๆ"เข้ามา" ประตูเปิดเข้ามาอัคคีก็แปลกใจ ซัมเมอร์ไม่เคยรอให้เขาอนุญาตหรือบางทีไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ ครั้งนี้รอจนกว่าเขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้ามา"คุณดูจะอารมณ์ไม่ดีนะคะ มีใครทำอะไร
หลังจากที่ได้เครื่องดื่มแล้วอัคคีก็นั่งรอเพราะเขาสั่งไว้ว่าถ้าจอยมาให้เข้ามาหาในห้องนี้แก๊ก.. รออยู่พักหนึ่งประตูห้องก็เปิดเข้ามา"??" ทีแรกคิดว่าเป็นจอยแต่ไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงคนที่กำลังสร้างเรื่องกลุ้มใจให้เขาอยู่"???" ไม่ใช่แค่อัคคีหรอกที่แปลกใจข้าวปุ้นก็แปลกใจเหมือนกันก็ว่าอยู่ทำไมภาณุถึงจะมาอยู่ในห้องนี้ เพราะตอนที่เธอไปถามหาภาณุพนักงานบอกว่าอยู่ในห้องพิเศษหนึ่งแกร็กๆ ตอนที่ข้าวปุ้นกำลังจะออกไปประตูห้องดันเปิดไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือระย้าอีกแน่เลย โอ๊ยเอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเป็นแบบนี้หรือ ที่เธอเปรียบเปรยแบบนี้เพราะไม่น่าไปบอกว่าสนใจอีตาบ้านี่เลย ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบที่เห็นข้าวปุ้นกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนข้างนอกให้มาเปิดประตู แต่เพิ่งนึกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าวางอยู่ในห้องของหัวหน้าเธอเลยต้องหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ขอยืมโทรศัพท์หน่อย""ไม่ได้เอามา""ทำไมคุณไม่รู้จักพกโทรศัพท์"ชายหนุ่มทำแค่ปรายตามองไปดูเป็นคำตอบ ขนาดเธอยังไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยยังมีหน้ามาว่าให้เขาอีกก๊อกๆ "มีใครอยู่แถวนี้ไหมเปิดประตูหน่อย" ตะโกนให้คอแตกก็คงไม่มีใครมาเปิดเพราะด้านนอกเสียงดังกว่าด้านใน