หลังจากที่ผสมเครื่องดื่มให้แล้วข้าวปุ้นก็ขยับแก้วนั้นมาวางลงตรงหน้าของแขก
"ดื่มสิคะ" "เอาวางไว้ก่อน" "คือ..ฉัน.." เราจะเริ่มพูดยังไงดีล่ะ "พูดอะไรนะไม่ได้ยิน" จริงๆ ในห้องก็ไม่ได้เสียงดังมากหรอกแต่เธอนั่งไกล ..ข้าวปุ้นเลยขยับเข้ามาใกล้ "คือ..ฉันอยากคุยเรื่องแจกันที่แตกค่ะ" "คุยมาสิ" "ฉันคิดว่าราคาที่คุณเรียกมามันแพงเกินไปไหมคะ แจกันอะไรตั้งหลายล้าน" "คุณคงไม่รู้จักคุณค่าทางใจ" "คะ?" "แจกันคู่นั้นเป็นฝีมือของแม่ฉันเอง" "........." ถึงว่าทำไมมีแค่คู่เดียว "ให้ท่านปั้นขึ้นใหม่ไม่ได้เหรอคะ" "ท่านไม่อยู่แล้ว" ได้ยินคำพูดต่อมามันทำให้เธอจุกในอก ที่บอกว่ามันประเมินค่าไม่ได้คงเพราะเหตุนี้ ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะ เพราะเธอเสียทั้งพ่อและแม่ไป เขายังดีที่มีสมบัติมากมาย แต่เธอต้องถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า "จะคุยอะไรอีกไหม" เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปคงกำลังหาทางเจรจา "คุณผู้หญิงบอกว่าท่านจ่ายให้ไม่ได้ค่ะ" ในเมื่อเขาไม่ลดให้เธอก็ต้องบอกไปตามความจริง "ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะคุยกับคุณอรรจน์เอง" "มะ.. ไม่ได้นะคะ" จะเอายังไงต่อดีเนี่ย ทำไมมันเหมือนว่าเธอเป็นคนทำแจกันของเขาแตกยังไงยังงั้นเลย หรือจะปล่อยให้เขาไปคุย ถ้าเป็นแบบนั้นคุณผู้หญิงต้องไม่ยอมจบกับเราแน่ "แบบนั้นก็ไม่ได้แบบนี้ก็ไม่ได้ตกลงผมต้องเสียของไปฟรีๆ ใช่ไหม" "คุณดื่มก่อนดีกว่าค่ะ" ให้เขาดื่มจนเมาแล้วค่อยเจรจาดีกว่า เผื่อเขาจะยอมลดราคาให้ "แล้วคุณไม่ดื่มเหรอ" "ดื่มค่ะ" ข้าวปุ้นหันไปชงเครื่องดื่มของตัวเองแล้วก็ยกมาขอชนแก้วกับเขา "คุณทำงานที่นี่นานหรือยัง" ส่วนมากแขกที่เรียกเด็กมาเอนเตอร์เทนก็จะถามเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่ เขาคงใช้บริการบ่อยล่ะสิถึงมาแนวเดียวกับเสี่ยหลายๆ ท่าน "นานแล้วค่ะ" ตอนที่คุยกันเธอก็ยังคงชวนเขาชนแก้วและดื่มไม่ปล่อยให้ทิ้งช่วง "คุณชื่ออะไรนะ" "ข้าวปุ้นค่ะ" "ขนมจีน?" "?" เขาเมาแล้วเหรอ ดื่มไปแค่ 4-5 แก้วเอง "คุณเมาหรือยังคะ" ที่เขาถามชื่อเธอหมายถึงขนมจีนใช่ไหม แต่เธอดันคิดว่าเขาคออ่อน "ก็นิดหน่อย" "ถ้างั้นดื่มอีกค่ะ" "คุณคอแข็งจังเลยนะ" "ฉันต้องดื่มกับแขกบ่อยไงคะ" คอแข็งที่ไหนล่ะตอนนี้มองหน้าเขาเป็นภาพซ้อนแล้ว ผ่านไปอีกสองแก้วเธอก็เริ่มจะไม่ไหว ไม่ใช่แค่แอลกอฮอล์หรอก แต่ด้วยร่างกายที่ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนก็ทำให้เธอหลับไปกลางอากาศ อัคคียกแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มส่วนสายตามองต่ำลงไปดูผู้หญิงที่ใช้ตักของเขาเป็นที่หนุนนอน เขารู้ว่าทำไมเธอถึงหลับ ทำงานกลางคืนกลางวันยังไปเจรจาเรื่องแจกันที่เจ้านายทำแตก คิดว่าคงยังไม่ได้นอน ตอนที่เขานั่งดื่มต่อคนเดียวก็มีโทรศัพท์เข้ามา >>{"ว่าไง"} {"รู้แล้วครับ เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของภรรยาเก่าคุณอรรจน์ แต่พอนางเสียภรรยาใหม่เลยให้เธอทำงานเยี่ยงทาส"} และคนที่ไปสืบมาก็เล่าทั้งหมดที่รู้ หลังจากที่รับรู้เรื่องทั้งหมดแล้วสายตาเขาก็มองต่ำลงไปดูผู้หญิงที่ไม่รู้สติ ..นึกว่าจะมีแต่ละครน้ำเน่า ดึกๆ คืนนั้น จากที่ข้าวปุ้นหลับไปก็รวมแล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมง จะเรียกว่านอนเต็มอิ่มแล้วก็ได้เธอถึงรู้สึกตัว "........" หลังจากที่รู้สึกตัวข้าวปุ้นก็รีบลุกขึ้นอย่างเร็ว "ขอโทษค่ะ" ตอนที่ขอโทษเธอเอื้อมไปปัดต้นขาให้ เพราะกางเกงของเขามีคราบแป้งติดอยู่ อัคคีสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่มือของเธอปัดถูกของสงวนเข้า เพราะคราบแป้งของเธอมันอยู่แถวๆ นั้น "อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ" เราทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย แทนที่จะได้คุยเรื่องนั้นแต่กลับทำเสียหมดเลย "ยังอยากจะคุยต่อไหม" ชายหนุ่มขยับขาเล็กน้อยเพราะเหน็บกินเธอเล่นหนุนมาตั้งหลายชั่วโมง "คุณให้โอกาสฉันคุยต่อได้เหรอคะ" "ไหนๆ ฉันก็ยังไม่กลับ" "ถ้างั้นคุณลองยื่นข้อเสนอมาสิคะ ว่าจะให้ทางเรารับผิดชอบยังไง" "ออกจากงานที่นี่แล้วไปทำงานกับฉัน" "คะ?"ไม่มีแม้น้ำตาสักหยดที่จะไหลออกมาจากดวงตางามคู่นั้น หลังจากทุกอย่างผ่านไปข้าวปุ้นก็หอบร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ตอนที่เธอลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หยิบเอากระเป๋าสะพาย"จะไปไหน" ชายร่างกำยำที่นอนอยู่บนเตียงรีบลุกมาขวางแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบเขายืนขวางตรงนี้เธอเลยเดินอ้อม"ถอยไป" ถึงแม้เธอจะเดินอ้อมเขาก็เดินมาปิดประตูไม่ให้เธอออกจากห้องได้"เราต้องคุยกันก่อน""คุณคิดว่าฉันยังจะคุยกับคุณได้อีกเหรอ""เธอไม่ต้องไปไหนอยู่ที่นี่""คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน""แต่ฉันเป็นผัวเธอ""หึ!! หน้าไม่อาย""ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว""ตอนนี้ฉันไม่ต้องการแล้ว" ในเมื่อเขาคิดว่าเธอทำทุกอย่างเพื่ออยากได้ตัวเขาก็ปล่อยให้คิดไป"ได้ฉันแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คุณพูดอะไร" ประโยคนี้เธอต้องเป็นคนพูดมากกว่าไหม"ก็เมื่อกี้ไง เล่นงานฉันจนน้ำแตกแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คนเลวพูดออกมาได้ไม่อายปาก""ไม่รู้ล่ะยังไงเธอต้องรับผิดชอบฉัน" พูดบ้าอะไรไปวะเรา"ฉันบอกให้ถอยไปไง" ข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้วผลักร่างของเขาอย่างแรงแต่แทนที่เขาจะล้มกลับเป็นเธอที่เกือบล
หลังจากที่ฟังคลิปเสียงนั้นจบ อัคคีถึงได้มองไปดูเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิป เขาจำได้ว่าเสียงทั้งสองเป็นเสียงของใคร ..ทุกอย่างเธอจัดฉากขึ้นมาจริงๆ ด้วย"ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนี้คุณคงไม่เอามาทำพันธุ์หรอกนะคะ" ไม่คิดว่าการมาครั้งนี้จะคุ้มค่าเพราะได้มารับรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ของเขา ถึงแม้ว่าจะถูกดูถูกเหยียดหยามบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร"มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณนี่""คุณไม่ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ"อัคคีไม่ได้ตอบหรอก เขากำลังจะเดินหนีด้วยซ้ำแต่สรวงสุดาไม่ยอมปล่อยไป"คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาคลิปเสียงนี้ไปให้คุณแม่ฟังหรือคะ ฉันเห็นว่าท่านภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน""แล้วแต่คุณสิ" เขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเธออยู่แล้ว ถึงยังไงถ้าเรื่องนี้จบเขาก็คงต้องจบกับเธอเหมือนกัน"ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้""ฮ่าๆๆ"ได้ยินเสียงผู้หญิงขำสรวงสุดาที่ยืนมองตามอัคคีไปถึงได้หันกลับไปมอง "เป็นบ้าอะไร""ใครเขาจะอยากกลับไปกินของเก่าล่ะ" คนที่ขำเมื่อครู่ก็คือซัมเมอร์ และตอนนี้ซัมเมอร์ก็พอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับอัคคี"แต่ฉันก็เห็นว่าเขาไม่อยากจะกินเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ""ร้ายกาจมาก" ได้ยินคำพูด
"สวัสดีค่ะคุณแม่" ขณะที่ตะวันฉายกำลังพูดคุยกับแขกและเพื่อนอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสวัสดี"สรวงสุดา?""สุดีใจนะคะที่คุณแม่จำสุได้""ใครเชิญมา""คุณแม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ เห็นว่าคุณแม่เชิญทุกคนที่อยากมาร่วมแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอคะ""ฉันขอตัวนะคะ" จากที่กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ตะวันฉายก็ปลีกตัวออกมา พอเดินออกมาก็ถึงเวลาที่ท่านต้องกล่าวเปิดงานเอาฤกษ์เอาชัยให้กับลูกชาย"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตาอัคคีลูกชายของดิฉันในวันนี้""คนนี้หรือคือแม่ของคุณอัคคี" ระย้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าวปุ้นเห็นท่านบอกว่าเป็นของลูกชาย"ใช่ค่ะ""ดูท่านไม่แก่เลยนะคะเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่ยังคิดว่าเป็นพี่สาวอยู่เลย""ทีแรกที่เจอท่านข้าวก็คิดแบบนั้นแหละ""ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะอัคคี""........" อัคคีมัวสนใจแม่ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวที จนไม่ได้ดูแขกว่ามีใครเข้ามาร่วมบ้าง แต่พอได้ยินเสียงเขาถึงได้หันไปมอง"ทำไมคุณดูตกใจจังเลยคะที่เห็นสุ" สรวงสุดาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เพราะมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง"อัคคีคะ ซัมก็มองหาอยู่ว่าคุณอยู่ตรงไหน" ซัมเมอร์
"คือว่า..ผมเป็นคนเสนอให้เธอพาลูกน้องทำโอทีเองครับ" โกสินทร์คิดว่าจะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้หรอก พอพูดออกไปท่านผู้บริหารก็หันมามอง"ไปทำเรื่องลาออก" อัคคีตวัดสายตามองมาที่โกสินทร์เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาสั่งใคร"เรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับไล่ออกเลยล่ะ" เพราะแบบนี้แหละข้าวปุ้นถึงคิดว่าตัวเองรับผิดชอบคนเดียวก็พอแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ชอบหน้าเธอ ไล่ออกได้ยิ่งดี"เหมือนเธออยากจะรับผิดชอบเรื่องนี้นะ""ค่ะฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง""บอกฝ่ายบัญชีคิดเงินค่าโอทีกับผู้หญิงคนนี้""มันจะมากไปแล้วนะอัคคี" ไม่รู้ว่าน้องชายเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน"งั้นเราไปดูงานด้านในกันต่อ" อัคคีทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพลิง เดินนำหน้าผู้บริหารเข้าไปดูงานด้านใน"หัวหน้าคะ//หัวหน้าครับ" ค่าแรงของทุกคนไม่ใช่น้อยๆ ถ้าตีเป็นโอทีแล้วหลายหมื่นเลยแหละ พวกลูกน้องเลยเป็นห่วง"ไม่เป็นไรหรอกพวกเราไปทำงานกันเถอะ""เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยคุณอีกทีนะครับ" ก่อนที่จะเดินตามเจ้านายไปโกสินทร์ได้หันมาพูดกับข้าวปุ้นก่อนเธอไม่ได้ตอบโกสินทร์หรอก ช่วยได้ก็ช่วยถ้าช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน ยังไงเขาก็จงใจจะเล่นงานเธออยู่แล้ว ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรเธอนักหนา"หัวห
"โปรเจคใหม่ไปถึงไหนแล้ว""บอสหมายถึงโปรเจคที่คุณข้าวกำลังทำอยู่ใช่ไหมครับ"กึก! แฟ้มเอกสารในมือถูกโยนลงโต๊ะ ก่อนจะตวัดสายตาเหลือบมองดูโกสินทร์ผู้ช่วยคนสนิท"โปรเจคใหม่มีโปรเจคไหนบ้างล่ะ" พอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูยังไงไม่รู้"เอ่อ.. 80% แล้วครับ""ไปตามงาน..เปิดให้ได้ภายใน 3 วัน""อะไรนะครับ""ไม่ได้ยินเหรอ""แต่เธอเป็นผู้หญิง.." ยังไม่ทันได้ออกความคิดเห็นเจอสายตาพิฆาตโกสินทร์ก็ต้องรีบตกปากรับคำไปก่อนหน้าห้องทำงาน.."ทำไมวันนี้บอสถึงดูแปลกๆ" ออกมาโกสินทร์ก็อดพรึมพำกับตัวเองไม่ได้"มีอะไรเหรอ""คุณซัม.." มองไปก็เห็นว่าเป็นลูกสาวหุ้นส่วนอีกคน"ฉันถามว่ามีอะไร""บอสบอกให้ไปเร่งงานโปรเจคใหม่ครับ""ก็ไปจัดการสิ" ทีแรกกำลังจะไปที่ห้องทำงานของพี่ชาย.. แต่เปลี่ยนใจเข้าห้องทำงานนี้ก่อนดีกว่า ..ซัมเมอร์มีพี่ชายเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่คนหนึ่ง พ่อไม่ค่อยเข้ามาบริหารงานเลยปล่อยลูกชายนั่งตำแหน่งนั้นแทนก๊อกๆ"เข้ามา" ประตูเปิดเข้ามาอัคคีก็แปลกใจ ซัมเมอร์ไม่เคยรอให้เขาอนุญาตหรือบางทีไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ ครั้งนี้รอจนกว่าเขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้ามา"คุณดูจะอารมณ์ไม่ดีนะคะ มีใครทำอะไร
หลังจากที่ได้เครื่องดื่มแล้วอัคคีก็นั่งรอเพราะเขาสั่งไว้ว่าถ้าจอยมาให้เข้ามาหาในห้องนี้แก๊ก.. รออยู่พักหนึ่งประตูห้องก็เปิดเข้ามา"??" ทีแรกคิดว่าเป็นจอยแต่ไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงคนที่กำลังสร้างเรื่องกลุ้มใจให้เขาอยู่"???" ไม่ใช่แค่อัคคีหรอกที่แปลกใจข้าวปุ้นก็แปลกใจเหมือนกันก็ว่าอยู่ทำไมภาณุถึงจะมาอยู่ในห้องนี้ เพราะตอนที่เธอไปถามหาภาณุพนักงานบอกว่าอยู่ในห้องพิเศษหนึ่งแกร็กๆ ตอนที่ข้าวปุ้นกำลังจะออกไปประตูห้องดันเปิดไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือระย้าอีกแน่เลย โอ๊ยเอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเป็นแบบนี้หรือ ที่เธอเปรียบเปรยแบบนี้เพราะไม่น่าไปบอกว่าสนใจอีตาบ้านี่เลย ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบที่เห็นข้าวปุ้นกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนข้างนอกให้มาเปิดประตู แต่เพิ่งนึกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าวางอยู่ในห้องของหัวหน้าเธอเลยต้องหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ขอยืมโทรศัพท์หน่อย""ไม่ได้เอามา""ทำไมคุณไม่รู้จักพกโทรศัพท์"ชายหนุ่มทำแค่ปรายตามองไปดูเป็นคำตอบ ขนาดเธอยังไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยยังมีหน้ามาว่าให้เขาอีกก๊อกๆ "มีใครอยู่แถวนี้ไหมเปิดประตูหน่อย" ตะโกนให้คอแตกก็คงไม่มีใครมาเปิดเพราะด้านนอกเสียงดังกว่าด้านใน