Share

03

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-03 17:10:33

พวกเราใช้เวลารับประทานอาหารเช้ากันค่อนข้างนานนิดหน่อย เพราะว่ามัวแต่เถียงกันเรื่องที่เรียนใหม่ฉันตลอดเวลาของการทานข้าว และก็เหมือนเดิม...

คนที่ห้ามทัพของเราสองพ่อลูกก็คือแม่เล็ก ผู้มีนิสัยสุขุมและมีเหตุผลที่สุดที่ป๊าฉันยังไม่กล้าขัด

“เบื่อจัง! โทรบอกเรื่องเปลี่ยนที่เรียนให้ยัยยีนส์รู้สักหน่อยดีกว่า” หลังจากที่นั่งอุดอู้อยู่ในห้องตัวเองมานานสองนาน ฉันเลยนึกถึงเพื่อนรัก เพื่อนสนิทในมหาลัยเก่าอย่างยัยยีนส์ขึ้นมา

ถ้าฉันไม่บอกมันก่อนล่วงหน้าว่าฉันต้องลาออกจากที่นั่นเพื่อไปเรียนที่ใหม่มีหวังยัยนี่ได้โกรธฉันไปสามชาติแน่ๆ

ก็ฉันมีเพื่อนสนิทกับเขาแค่คนเดียวนี่เนอะ คนอื่นๆ ที่เข้ามาหาฉันก็เพราะว่าฉันรวยกันทั้งนั้น ยกเว้น! ยัยยีนส์ เพราะนางทั้งสวยและรวยเท่าๆ กับฉัน

ตู๊ด~ ฉันที่นั่งต่อสายหาเพื่อนสนิทอยู่ไม่ถึงสิบวินาทีปลายสายก็กดรับพร้อมกับคำทักทายที่ฉันไม่คิดว่ายัยนี่ก็รู้แล้วเหมือนกัน

[ฉันเก็บของอยู่ ป๊าแกนี่จะรีบย้ายที่เรียนเร็วไปไหนห๊ะยัยเพลย์]

ได้ไงอะ!? นี่ป๊าบอกยัยยีนส์เรื่องย้ายที่เรียนก่อนแล้วเหรอ แล้วที่หล่อนบอกว่าเก็บกระเป๋าอยู่คืออะไร?

“แกเก็บกระเป๋าทำไม แล้วทำไมป๊าถึงต้องบอกแกเรื่องนี้ก่อนฉัน” ฉันรีบถามคำถามเพื่อนสนิทออกไปแทบจะลิ้นพันกัน ไม่เข้าใจทำไมป๊าต้องบอกเรื่องนี้กับยีนส์...

อย่าบอกนะว่าที่เธอกำลังเก็บกระเป๋าอยู่เพราะว่า...

[ก็ฉันต้องไปกับแกไง ยัยเพลย์เพื่อนรัก]

ว่าแล้วเชียว ทำไมเวลาฉันเล่นทายหัวก้อยกับยัยยีนส์และเพื่อนๆ ในห้องถึงไม่ถูกเผงแบบนี้กันนะ “แล้วแกรู้ป้ะ ว่าป๊าย้ายพวกเราสองคนไปที่ไหน” เพราะฉันคิดว่าป๊าต้องบอกรายละเอียดยัยยีนส์เยอะกว่าฉันน่ะสิ เลยต้องถามเธอออกไป

[ป๊าแกบอกว่าเป็น RNN university]

[เป็นมหาลัยเอกชนที่เพิ่งเปิดได้เมื่อปีก่อนน่ะ]

RNN งั้นเหรอ?

ไม่เห็นจะเคยได้ยิน ถ้าเป็นมหาลัยเปิดอย่างที่ยัยยีนส์ว่า น่าจะคุ้นหูบ้างสิ แต่ยัยยีนส์บอกเองนี่ว่าเพิ่งเปิดได้แค่ปีเดียว คงจะยังไม่ดังหรอกมั้ง

“โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะเพื่อนรัก” พูดลาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเองเสร็จฉันก็วางสายเธอไป หมุนตัวลงจากเก้าอี้ตัวกลม เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

“ได้เวลาเปลี่ยนที่อยู่ใหม่อีกแล้วสินะ” สองตาจ้องมองตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ตรงหน้า ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อกัดปลายนิ้วชี้ขวาตัวเองเล่น สองคิ้วขมวดเป็นปมน้อยๆ ครุ่นคิดว่าจะเอาอะไรออกไปจากตู้ใบนี้ดี

ประเด็นมันอยู่ที่ ฉันจะไปอยู่ที่นั่นกี่วัน กี่เดือน หรือว่าตลอดไปไง เพราะคิดไม่ตกก็เลยเลือกที่จะลากกระเป๋าเดินทางใบเขื่องสามใบออกมาวางแหมะบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่นอนกันได้ถึงห้าคน จัดการรวบเสื้อผ้าครึ่งค่อนตู้ ยัดมัดลงกระเป๋าใบแรกจนล้น จากนั้นก็จัดการกับใบที่สองและสาม

“เหนื่อยชะมัด!” นี่แค่จัดกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองแค่ห้าใบเองนะ แทบจะหมดแรง ตอนแรกคิดว่าสามใบน่าจะพอ แต่ฉันเป็นพวก รักพี่เสียดายน้อง ถ้าไม่เอาอันนั้นไปก็กลัวไปถึงที่นั่นแล้วเกิดอยากใช้ขึ้นมาจะไม่มีให้ใช้

สุดท้ายเลยกลายเป็นกวาดมันเกือบหมดทั้งตู้จนได้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยักษ์มาห้าใบตรงหน้านี่ไงล่ะ

และแล้ววันเดินทางสู่สถาบันการศึกษาแห่งใหม่ของฉันกับยัยยีนส์เพื่อนรักก็มาถึง ตอนนี้ยัยยีนส์มาหาฉันที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก็คำสั่งป๊านั่นแหละ ให้คนไปรับเธอมา เพราะไปด้วยกันมันจะดีกว่าให้เจอกันที่นู่น

“โห! ยัยเพลย์ นี่แกกะจะย้ายบ้านเลยใช่มะ” ยัยยีนส์ทำตาโตทันทีที่เธอเห็นสัมภาระห้าใบของฉันที่พวกแม่บ้านกำลังช่วยกันขนมาขึ้นรถลีมูซีนสีดำมันเงา

“แกก็รู้ว่าฉันต้องพร้อมที่สุด” ฉันจับหน้าสวยเรียวเล็กของเพื่อนสนิทส่ายไปมาเบาๆ พร้อมกับย่นจมูกโด่งรั้นน้อยๆ ของตัวเองให้เพื่อนตรงหน้า

“พอเลย ฉันมึนหัว แล้วอย่ามาขอแรงฉันจัดกระเป๋าตอนถึงที่นู่นแล้วกัน”

หวา!! แย่เลย ยัยยีนส์รู้ทันฉัน นี่กะว่าถึงที่นู่นจะให้เธอช่วยจัดกระเป๋าเข้าตู้สักหน่อย แบบนี้ฉันก็ต้องเอาของในกระเป๋าห้าใบออกมาจัดเองหมดเลยงั้นสิ

เพลย์เยอร์แย่แล้ว~

@RNN university

ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าไอ้ที่เรียนใหม่ของตัวเองจะไกลโคตะระไกลแบบนี้ เหมือนออกมานอกเมืองกรุงยังไงยังงั้นเลย พวกเราใช้เวลานั่งรถกันร่วมสามชั่วโมงเลยนะ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางได้เนี่ย เล่นเอาก้นฉันชาแล้วชาอีก ตะคริวกินไปตั้งกี่ล้านรอบก็ไม่รู้

“ยีนส์... อุ้มหน่อย เพลย์เดินไม่ไหว” ฉันมักจะอ้อนเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้บ่อยๆ ก็ยัยยีนส์น่ะแรงเยอะจะตาย ตัวก็เล็กติ๊ดเดียว

แต่ทำไมถึงอุ้มฉันที่หนักถึง 45 โลขึ้นก็ไม่รู้

“นู่น~ ไปเล่นตรงนู้นไป”

อ้าว! ครั้งนี้ยัยยีนส์ไม่ยอมอุ้มอะ สงสัยเธอก็คงจะเมื่อยเหมือนกัน

“ท่านทูต เศกอนันต์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์ ใช่ไหมครับ”

ทันทีที่พวกเราก้าวเท้าเดินมายังตึกหลังหนึ่งที่สร้างได้เหมือนกับอาคารเรียนของพวกประถม ที่มีระเบียงไม้กั้นแทนที่จะเป็นปูนเหมือนกับตึกในมหาลัยทั่วๆ ไป มองดูแล้วก็แปลกตาดีนะ กับการดีไซน์ตึกของมหาลัยแห่งนี้

“ครับ ผมพาลูกสาวกับเพื่อนลูกสาวมามอบตัวเข้าเรียนที่นี่”

เสียงป๊าคุยตอบกลับผู้ชายร่างผอมสูงอายุน่าจะแก่กว่าพ่อฉันหลายปี

“เชิญทางนี้เลยครับ ท่านอธิการกำลังรออยู่เลย” คุณลุงท่านเดิมพูดพร้อมกับผายมือเชิญให้พวกเราสามคนเดินตามท่านเข้าไปในตึกนี้

ดูๆ แล้วภายในตึกนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ การตกแต่งที่ดูเรียบๆ แต่รู้สึกอบอุ่น มีแชนเดอเลียที่เป็นโคมไฟระย้ารูปหมวกรับปริญญาที่ออกแบบไม่ซ้ำใคร และฉันไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนห้อยอยู่บนเพดานเรียงรายเต็มไปหมด

“ที่นี่ดูอบอุ่นและแปลกตาดีเนอะ อยากเห็นคนออกแบบตึกพวกนี้จัง”

ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของยัยยีนส์ เดินมาไม่ถึงสิบนาที แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในบ้านแห่งเวทย์มนต์นานนับชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่รู้ ทำให้รับรู้ถึงแรงสะกิดเบาๆ ตรงไหล่ พอมองไปก็เจอกับยีนส์ที่ทำหน้าเอ๋อๆ มองฉันอยู่

“มีไร” ฉันถามเธอออกไปเสียงดังลั่น ก่อนจะเหลือบมองเห็นภายในห้องที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้ ที่ทุกคนนั่งเก้าอี้กันหมดแล้ว เหลือแค่ฉันที่ยืนหัวโด่อยู่คนเดียว

น่าขายน่าชะมัด! ฉันก้มหัวขอโทษทุกคนที่มีทั้งหัวหงอกหัวดำนั่งอยู่ในห้องนี้ประมาณ 4-5 คน พร้อมกับยิ้มแหยๆ แก้หน้าแหกๆ ให้คนพวกนั้นไป

“ขอโทษแทนลูกสาวผมที่เสียมารยาทด้วยนะครับ ท่านอธิการ”

ป๊าพูดขอโทษคนที่นั่งอยู่โต๊ะตัวเขื่องตรงหน้าพวกเรา ข้างๆ ท่านอธิการมีคุณลุงคนที่นำทางเรามายืนยิ้มน้อยๆ ให้ฉันด้วย นั่นเขายิ้มเยาะเย้ยฉันหรือเปล่านะ!

อาการขี้มโนของฉันเริ่มกำเริบอีกแล้ว เวลาเห็นอะไรที่ตัวเองคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร ฉันก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ คิดเป็นตุเป็นตะไปก่อนเหตุ

“น้องเพลย์ ไหว้ท่านอธิการพัฒนพงษ์ รัตนะวานนท์ สิลูก หนูยีนส์ด้วยนะ”

สิ้นสุดคำป๊า ฉันกับยัยยีนส์ก็ยกสองมือพนมไหว้ท่านอธิการที่ชื่อยาวเฟี้อยชื่ออะไรสักอย่างแบบกุลสตรีหญิงไทย ฉันแค่คนเดียวนะ ส่วนยัยยีนส์ก็ทำปกตินั่นแหละ

“สวยเหมือนแม่จริงๆ” ทำไมท่านอธิการถึงพูดเหมือนรู้จักแม่ฉันงั้นแหละ

“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยหรอกหนูเพลย์” 

“ลุงรู้จักกับแม่ของหนูตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนน่ะ”

อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นเพื่อนคุณแม่มาก่อนงั้นเหรอ ฉันพยักหน้าน้อยๆ ฉีกยิ้มหวานให้คุณลุงอธิการ

“ยังไงผมก็ขอฝากลูกสาวกับเพื่อนเธอ”

“ไว้ในความดูแลของท่านอธิการด้วยนะครับ”

“อย่าเรียกห่างเกินกันแบบนั้นสิคุณเศก คนกันเองทั้งนั้น”

คุณลุงอธิการเรียกชื่อเล่นป๊าฉันแบบนี้ แสดงว่าต้องสนิทกันมากๆ จริงๆ สินะ

“เอางั้นเหรอคุณพงษ์”

แล้วหลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในห้วงแห่งเสียงหัวเราะที่ดังระงมลั่นห้อง ฉันกับยัยยีนส์ก็เลยอดที่จะยิ้มขำกับความเด็กของคนสูงวัยทั้งสามไม่ไหว พอมองพวกท่านหัวเราะมีความสุขกันแบบนี้ ฉันก็หวังว่าจะได้เรียนอยู่ที่นี่จนจบนะ

“เดี๋ยวลุงให้คนพาทั้งสองไปรู้จักกับห้องเรียนต่างๆ แล้วก็พาไปรู้จักอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะหนูทั้งสองแล้วกันนะ”

คุณลุงพงษ์ คือ... ท่านให้ฉันเรียกแบบนี้เวลาอยู่กันตามลำพังน่ะ

หลังคำสั่งของคุณลุงพงษ์ก็มีอาจารย์ ฉันคิดว่าน่าจะใช่นะ เพราะเขาแต่งตัวด้วยสูทดำดูเนี๊ยบและเรียบร้อยแถมยังหนีบหนังสือเรียนที่ใต้รักแร้ไว้แบบนั้น แต่หน้าตาเขาดูหล่อเหลา อายุน่าจะสามสิบต้นๆ เป็นคนเดินนำทางพวกเรา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   100

    “แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   99

    “สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   98

    “หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   97

    “นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   96

    ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน

  • just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย   95

    “อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status