สองเดือนต่อมา
ร่างบางของพนักงานสาวคนขยันนั่งไขว่ห้าง มือก็เลื่อนไล่ดูข่าวสารอัปเดตต่างๆ บนโซเชียลผ่านโทรศัพท์เครื่องเก่าหน้าจอร้าวของตนเอง วันนี้เธอมาถึงบริษัทเร็วกว่าปกติ จึงใช้เวลานั่งโง่ๆ ฆ่าเวลาในคาเฟ่เล็กๆ บริเวณชั้นหนึ่งของตึก ส่วนเรื่องน่าอัปยศสุดทุเรศของตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ได้ขุดหลุมแล้วฝังกลบมันให้ลึกสุดใจ เลือกที่จะไม่จดจำอะไรทั้งนั้น แม้บางคืนความฝันวาบหวามหวิวสะท้านจะแวะเวียนเข้ามาก่อกวนบ้างก็ตาม
งานอดิเรกในยามว่างของสาวออฟฟิศงบน้อยอย่างเธอคือการได้ชื่นชมการใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าของคนอื่น แอบกดติดตามร้านอาหารดังๆ ราคาแพงเอาไว้ เผื่อว่าสักวันจะมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติบ้าง
เธอมักชอบนั่งเปิดคลิปรีวิวอาหารหรู มโนเพ้อฝันว่าได้กินเนื้อวากิวชั้นดีอย่างในคลิป ในขณะที่ตนเองนั่งโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปด้วย แค่นั้นก็สร้างความสุขเล็กๆ ให้กับชีวิตแสนน่าเบื่อได้แล้ว
มือน้อยชะงักค้างเมื่อเลื่อนไปเจอโพสต์ของอดีตสาวคนรู้ใจ
ภาพของสาวสวยคนหนึ่งกอดท่อนแขนของชายหนุ่มท่าทางดูมีภูมิฐาน ใบหน้าสดใสเอียงซบไหล่เขาอย่างคู่รักแสนสุข เธอแอบปวดจี๊ดกลางใจเล็กน้อย แต่มันก็แค่แวบเดียวก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ในภาพคือ อุ๊งอิ๊ง แฟนเก่าของเธอเอง ถึงแม้ทั้งสองจะจบกันไม่สวยนักเนื่องจากอุ๊งอิ๊งเป็นฝ่ายนอกใจไปมีคนอื่น แต่ทิชาก็ใจเย็นพอและขอจบความสัมพันธ์ ทั้งคู่ยังคงเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายไปตามทาง เธอไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายมาสักระยะแล้ว จึงเผลอเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ทิชาไม่ค่อยแน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันจะเรียกว่าความรักได้หรือเปล่า มันเหมือนเป็นเพื่อนสาวที่สนิทกันมาก ตัวติดกันตลอดเวลา แลกเปลี่ยนแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วยกันดูแลกันและกัน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นทิชาที่คอยช่วยเหลืออีกฝ่ายมากกว่าก็ตาม แต่เธอก็เต็มใจและไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด
ด้วยความสนิทเริ่มต้นจากการเป็นรูมเมตมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็มีห่วงอีกฝ่ายเกินเหตุ จนทั้งคู่มีเกินเลยกัน แต่มันก็เป็นแค่การสัมผัสด้านนอก หลังจากนั้นจึงตัดสินใจลองคบหากันดู
ซึ่งอุ๊งอิ๊งคือแฟนคนแรกในชีวิตของทิชาก็ว่าได้ เพราะประสบการณ์ไม่ดีจากผู้ชายที่เข้ามาจีบ ทำให้หญิงสาวสบายใจมากกว่าเมื่อได้อยู่กับเพศเดียวกัน ส่วนตัวอุ๊งอิ๊งเธอเคยคบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ทิชาก็ไม่ได้มองว่ามันแปลกอะไร เพราะเรื่องความรักมันก็ไม่ควรมีการแบ่งเพศอยู่แล้ว มันคือความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับคนหนึ่งจากใจจริงโดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเพศอะไร
พอได้เห็นรอยยิ้มของอดีตคนรู้ใจ มุมปากบางก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาจางๆ ไม่เหลือร่องรอยแห่งความเสียใจอีกแล้ว เห็นคนที่ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกดีต่อกันมีความสุข เธอก็พลอยยินดีไปด้วย
"วันนี้อารมณ์ไหนเนี่ย ถึงมานั่งจิบกาแฟยามเช้าได้~" น้ำเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมา ทำให้ทิชารีบปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ เงยหน้าส่งยิ้มให้อีกฝ่ายท่าทางสดใสร่าเริงเช่นเดิม
"ฉันก็อยากมีโมเมนต์นั่งชิล ดื่มด่ำกับกาแฟหอมๆ เหมือนคนอื่นบ้างไม่ได้เหรอไง"
"ฮ่าๆๆๆ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ป้าร้านน้ำข้างหน้าตึกคงน้อยใจแล้ววันนี้ขาดลูกค้ารายหลักแบบเธอไป" อันดามันหัวเราะร่า พลางเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งลง
"วันเดียวเท่านั้นแหละจ้ะ กาแฟแก้วละร้อย กินแค่เดือนละครั้งก็พอ"
"จะประหยัดอะไรหนักหนาคุณเธอ ฉันว่าเงินเดือนขั้นต่ำที่บริษัทก็ไม่ได้น้อยนะ มีได้ค่าออกนอกสถานที่อีกไม่ใช่เหรอ"
"ฉันมันคนภาระเยอะ แค่ค่าห้อง ค่ากิน ส่งเงินกลับบ้านก็เกลี้ยงแล้วค่ะ"
ทิชามุ่ยหน้า บ่นระบายไปตามประสาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หญิงสาวตัวเล็กลูกสาวเจ้าของบริษัทกลับนิ่งไป แล้วมองเธอด้วยสายตารู้สึกผิด
"โทษที ฉันลืมว่าแกต้องแบ่งเงินให้ที่บ้านด้วย"
"โอ๊ย ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ถ้าอยากจะช่วยเหลือเพื่อนตาดำๆ ก็รีบขึ้นเป็นประธานซะ แล้วช่วยเพิ่มเงินเดือนให้ฉันก็พอ"
หญิงสาวยิ้มกว้างหยอกล้อเพื่อนสาวกลับแทน ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น เพื่อให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนเมื่อครู่กลับมาสดใสเช่นเดิม
"ว่าแต่แกเถอะ ทำไมยังโผล่หน้ามาบริษัทอีก จะแต่งงานในอีกสองเดือนนี้แล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหรอ"
พอพูดถึงเรื่องงานแต่งอันดามันก็พ่นลมหายใจยาวเหยียดอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะพ่นระบายปัญหาน่าปวดหัวยิบย่อยให้เพื่อนสาวฟังบ้าง
"หัวฉันจะแตกอยู่แล้ว นี่ก็พยายามจะเคลียร์งานให้ได้มากที่สุดก่อนหยุด ถ้าแกมีแฟนนะ อย่าคิดจัดงานแต่งเชียว ค่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ขนาดวิคเตอร์จ้างออร์แกไนซ์มาช่วยแล้ว แต่มันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ฉันต้องตัดสินใจอีก เหนื่อยมาก!"
"ใจเย็นๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ อดทนหน่อย" เธอเอื้อมมือไปลูบหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ เป็นการปลอบใจ พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้
"เออใช่ มีเรื่องขอให้แกช่วยด้วย"
"ฉันเนี่ยนะ" ทิชาชี้นิ้วมาทางตัวเองด้วยความงง
"จะให้ไปเป็นพิธีกรในงานแต่งให้หน่อยน่ะ"
"เอ๊ย! บ้า! ไม่เอา ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เดี๋ยวงานแกออกมาแย่เปล่าๆ ให้ช่วยยกน้ำเสิร์ฟอาหารยังพอไหว"
หญิงสาวรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน แต่เหมือนว่าอันดามันตัดสินใจเรื่องนี้มาดีแล้ว
"ช่วยหน่อยน่า แกน่ารัก พูดเก่ง คุยสนุก อารมณ์ดี ไม่อย่างงั้นจะเป็น AE น้องใหม่ไฟแรงของบริษัทได้ยังไงกัน"
"มันไม่เหมือนกันสักหน่อย" ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มมุ่ยลงเล็กน้อย แต่ก็แอบได้ใจหน่อยๆ กับคำชมจากอีกฝ่าย
"น่านะ ฉันอยากให้บรรยากาศในงานเป็นกันเองสบายๆ เลยไม่อยากจ้างพวกพิธีกรมืออาชีพมา"
"แต่ฉันไม่เคยทำนะ..."
น้ำเสียงทิชาอ่อนลงด้วยความลังเลใจ นานๆ ครั้งอันดามันจะไหว้วานอะไรเธอสักอย่าง อีกทั้งเป็นงานแต่งของอีกฝ่ายด้วย ถ้าความช่างจ้อของเธอมันมีประโยชน์ก็อยากจะช่วยเหลือเพื่อนสาวแสนดีคนนี้เช่นกัน
"ไม่ยาก งานไม่ใหญ่ มีแต่เพื่อนๆ คนรู้จัก...แถมแกชอบดูคลิปดาราอยู่แล้วนี่ ต้องมีถ่ายบรรยากาศงานแต่งผ่านตาบ้างแหละ อีกอย่างมีสคริปต์คำถามให้ แค่พูดเสริมแซวนิดหน่อยตามสไตล์แกเลย"
"ถ้าแกว่างั้น...ก็ได้แหละ"
"ขอบใจมากเลยนะ...เอาไว้พาไปเลี้ยงข้าว เลือกร้านที่อยากไปได้เลย"
พอได้ยินว่าจะได้กินอาหารหรูตามที่ใฝ่ฝัน ดวงตากลมสวยก็เปล่งประกายระยิบระยับ มีแรงฮึกเหิมขึ้นมาราวกับเด็กน้อยกำลังจะได้ไปสวนสนุก ทำให้เพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่าหัวเราะเสียงดังด้วยความเอ็นดู
ทั้งคู่ยังคงเอ้อระเหยนั่งเมาท์พูดคุยกันต่ออีกสักพัก เนื่องจากช่วงหลังอันดามันไม่ได้แวะเข้ามาบริษัททุกวันเหมือนเมื่อก่อน เพราะต้องวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งของตัวเองและคู่หมั้นลุคแบดบอยสุดหล่อของเธอ
หลังจากคุยกันอยู่นาน สาวตัวเล็กก็เริ่มคอแห้งจึงลุกไปสั่งเครื่องดื่ม แล้วกลับมานั่งคุยกับเธอต่อ
"เออใช่! วันพรุ่งนี้ตัวแทนบริษัท JRV LOGISTICS จะเข้ามาคุยรายละเอียดงานแล้วใช่ไหม" อันดามันเพิ่งนึกขึ้นได้จึงเอ่ยปากถามเพื่อนสาวที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน เนื่องจากเธอมีงานแต่งที่กำลังใกล้เข้ามา จึงไม่ได้ดูแลงานนี้ด้วยตัวเอง
"ใช่ ก็มีร่างสตอรีบอร์ดคร่าวๆ ให้ทางนั้นดูแล้ว พรุ่งนี้เขาจะเข้ามาตัดสินใจ แล้วสรุปวันเริ่มถ่ายทำอีกที"
"งานเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ฉันก็ยุ่งๆ จนลืมเลย บริษัทเพื่อนวิคเตอร์ซะด้วย"
"ไม่นะ คุณไทเปที่เป็นตัวแทนเป็นคนนิ่งๆ ก็จริง แต่ก็แค่ละเอียดรอบคอบ ไม่ได้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์งานไปมา เลยทำงานด้วยไม่ยาก"
"อ๋อ~ เขาส่งไทเปมาเหรอ"
"แกรู้จักเหรอ" ทิชาเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะหากได้รู้จักนิสัยใจคอลูกค้ามากขึ้นก็อาจจะช่วยให้เธอรับมือเวลาที่เกิดปัญหาได้ดีกว่าเดิม
"เคยคุยด้วยนิดหน่อย แต่ไม่ได้สนิทอะไร เห็นผ่านตาตามงานแข่งรถ"
"หื้ม...แข่งรถเนี่ยนะ"
"เท่าที่เห็นเขาก็ดูเป็นคนเงียบๆ เหมือนเจ้านายนั่นแหละ ก็นะคนประเภทเดียวกันถึงจะร่วมงานกันได้" อันดามันบ่นพึมพำในเรื่องที่ทิชาไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร
"เข้าเรื่องเถอะ"
"ก็เท่าที่สังเกตจากภายนอกเขาก็ดูจริงจังกับงาน มีความรับผิดชอบสูง...แต่วิคเตอร์บอกว่าไทเปร้ายลึก แถมกวนตีน ฉันก็ไม่รู้จะเชื่ออะไรกันแน่" อันดามันไหวไหล่เบาๆ คำอธิบายของเธอไม่ได้ช่วยให้ทิชารู้เรื่องอะไรของลูกค้ารายนี้เพิ่มกว่าเดิมเท่าไรเลย
หญิงสาวถอนหายใจเซ็งๆ แต่ก็ถือว่าโชคดี เพราะเท่าที่คุยโทรศัพท์หรือติดต่องานกันผ่านอีเมลอีกฝ่ายก็ดูไม่ใช่ผู้ชายหัวงู ขี้หลีอย่างที่ทิชากลัว
ทิชาเป็นสาวมนุษยสัมพันธ์ดีคุยเก่ง ถนัดการเข้าหาคนก็จริง แต่ถ้าเจอผู้ชายรุกหนักๆ หรือทำท่าจะเข้ามาจีบเธอก็จะเกิดอาการประหม่าวางตัวไม่ถูกทันที เพราะเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาโดยตลอด แถมเคยถูกผู้ชายที่จีบลวนลามสมัยมหาลัย จึงทำให้หวาดระแวงเวลาต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายแปลกหน้าไปเลย
แม้หลายครั้งก็มักมีลูกค้าที่ต้องทำงานร่วมกันแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่บ้าง เธอจึงลำบากใจสุดๆ เวลาต้องรับมือกับลูกค้าเช่นนี้ แต่เท่าที่ฟังจากอันดามันลูกค้ารายใหญ่คนนี้คงไม่น่ามีปัญหาเช่นนั้นแน่นอน
สองสาวนั่งคุยกันอีกเล็กน้อยก็ใกล้ถึงเวลาเข้างานจึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
หญิงสาวเตรียมสรุปรายงานสำหรับการประชุมในวันพรุ่งนี้ ตรวจเช็กรายละเอียดและประสานงานกับแต่ละฝ่ายให้เรียบร้อยอีกครั้ง ยิ่งได้ข่าวลูกค้ารายนี้ขึ้นชื่อเรื่องความละเอียดรอบคอบเธอจึงไม่อยากให้มีจุดบกพร่องใดๆ ให้บริษัทต้องเสียหน้า
พร้อมส่งยืนยันอีเมลนัดหมายเวลากับไทเปให้ชัดเจน
หลังจากนั้นทิชาก็ต้องแวะเข้าไปแจ้งรายละเอียดงานสำหรับแบรนด์อื่นที่เธอต้องดูแลกับแผนกอื่นๆ ทั้งทีมตากล้อง ฝ่ายครีเอทีฟ แผนกการเงิน เรียกได้ว่าเดินร่อนทั่วบริษัท กว่าจะจบวันพลังในร่างกายก็หมดเกลี้ยงเช่นกัน