ต้องรักกระตุกมือของตัวเองที่กุมกับชนาธิปไว้พร้อมกับหยุดเท้าไม่ยอมเดินต่อ ชายหนุ่มหันมอง รู้สึกได้ถึงแรงดึงรั้งเบาๆ จากมือเล็กที่สอดประสานกับมือของตัวเอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถามเมื่อเห็นนัยน์ตากลมโตเพ่งมองป้ายร้านเพชรตรงหน้าเขม็ง
“คุณธิปจะซื้อเพชรหรือคะ” เธอไม่แน่ใจว่าเขาเดินเพลินจนเผลอก้าวเท้าเข้าร้านเพชรโดยไม่รู้ตัว หรือว่าเขาตั้งใจจะมาซื้ออยู่แล้วจึงรีบเบรกเอาไว้ก่อน
“ใช่ มาเถอะ” พูดจบก็กระตุกมือเธอให้เดินตามเข้าไปในร้าน พนักงานสาวกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สนใจดูสินค้าชิ้นไหนคะ”
ชนาธิปก้มลงมองคนข้างกายพลางยิ้มบางๆ ก่อนหันไปตอบพนักงาน
“แหวนแต่งงานครับ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวงแก้มทั้งสองข้างเริ่มขึ้นสีระเรื่อชวนมอง
“แหวนคู่เลยดีไหมคะ ดีไซน์มาเป็นคู่สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว” พนักงานขายหยิบแหวนแต่งงานที่ออกแบบคล้ายกันออกมาจากตู้ให้คู่หนุ่มสาวพิจารณา
ชนาธิปหยิบวงสำหรับผู้หญิงขึ้นมาลองสวมที่นิ้วนางข้างซ้า
“เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าถ้าทิมปฏิเสธการแต่งงานกับฉันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”เคธี่กำหัวเข่าของตัวเองแน่น ได้แต่หวังว่าถ้าเจรจากับผู้หญิงตรงหน้าเรียบร้อยแล้วจะรีบโทร. ไปบอกทางนั้นทันที อย่างน้อยการจากไปของผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะช่วยให้ชนาธิปคิดว่าตัวเองถูกทิ้งแล้วเปลี่ยนใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ได้“ถ้าเขาไม่ยอมแต่งงาน เขาจะต้องตาย ฉันยอมให้เขาตายไม่ได้”ยิ่งพูดเสียงของเคธี่ก็ยิ่งสั่น ชนาธิปเปรียบเสมือนพี่ชายเพียงคนเดียวที่มีอยู่ของเธอ เติบโตมาด้วยกัน ผูกพันกันเกินกว่าที่คนภายนอกจะเข้าใจได้ แล้วจะให้เธอทนเห็นเขาต้องมาจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของบิดาได้อย่างไรแม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ต้องรักก็รู้ว่าคนตรงหน้าพูดความจริง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยถามเขาเลยว่าปูมหลังหรือชีวิตครอบครัวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไม่กล้าพอที่จะถาม กลัวว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขาเข้า เธอพยายามอยู่ในที่ทางของตัวเอง ไม่ก้าวก่ายถามซอกแซก แม้จะเคยระแวงบ้างเวลาที่เขาไปทำงานที่ผับ ว่าจะมีลูกค้าสาวสวยมาติดพันบ้างหรือไม่ แต่เธอก็ไม่เคยถามออกไป ได้
“พรุ่งนี้รักต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้วนี่นา ฉะนั้นวันนี้พี่ว่าเราไปทำพาสปอร์ตกันดีไหม รักมีพาสปอร์ตรึยัง”ชนิดาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าถ้าชนาธิปเป็นอะไรไปจริงๆ อย่างน้อยเธอก็ต้องพาผู้หญิงที่เจ้านายรักที่สุดไปพบกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้ ถึงแม้ว่าการไปครั้งนี้จะเป็นการไปเคารพศพของชนาธิปก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะหากเป็นเธอ การที่ต้องสูญเสียคนรักไปโดยไม่มีโอกาสแม้แต่ไปร่วมงานศพ เธอคงเสียใจไม่น้อย“ยังไม่มีเลยค่ะ เหมือนคุณธิปก็เคยเปรยๆ ไว้เหมือนกันว่าจะพารักไปทำ แต่ก็ไม่ได้ทำสักที”“ถ้าอย่างนั้นไปเตรียมเอกสารส่วนตัวเถอะ ตอนนี้บ่ายแล้วเดี๋ยวจะหมดเวลาทำเสียก่อน”ชนิดาเร่งอีกฝ่ายให้รีบไปเตรียมเอกสารสำคัญทันที เธอไม่อยากรอช้าแม้แต่วันเดียว สมัยนี้การทำพาสปอร์ตวันเดียวก็ได้รับแล้ว แค่ยอมจ่ายแพงกว่า ไม่ต้องรอเป็นสัปดาห์เหมือนสมัยก่อน“ตอนนี้มันเลยเที่ยงมาแล้ว ถ้าทำหลังเที่ยงก็จะได้รับวันพรุ่งนี้ แล้วพรุ่งนี้พี่จะให้คนไปรับเอามาให้นะ” เสร็จจากตรงนี้ เป้าหมา
ต้องรักรู้สึกตัวตื่นในเวลาเกือบเที่ยง หญิงสาวพรวดพราดลุกจากเตียงทั้งร่างกายเปล่าเปลือยพร้อมแหงนหน้ามองนาฬิกาติดผนัง ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นเข็มสั้นชี้ไปใกล้กับเลขสิบสอง“ตายแล้ว! คุณธิปต้องออกไปแล้วแน่เลย” เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูมานุ่งกระโจมอกอย่างลวกๆ แล้ววิ่งออกไปจากห้องนอน ก่อนจะยืนพิงผนังอย่างหมดแรงเมื่อไม่เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขาวางตั้งไว้ที่ห้องนั่งเล่นแล้วเขาออกไปแล้วหรือนี่...แม้รู้ดีว่าเขาต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา แต่ก็ยังแอบหวังว่าเขายังคงนั่งดูข่าวภาคเช้าอยู่ตรงโซฟามุมประจำ ไม่รู้ว่าเขาไปครั้งนี้จะได้กลับมาอีกเมื่อไร ในใจได้แต่ภาวนาให้เขากลับมาหาเธอเร็วๆหญิงสาวเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มดับกระหาย ตามองไปรอบห้องชุดที่มาอาศัยอยู่ในช่วงหลายเดือนจนแทบกลายเป็นบ้านของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ชีวิตของเธอพลิกผันกลับไปกลับมาอย่างน่าใจหาย ตั้งแต่เลวร้ายที่สุดไปจนกระทั่งพุ่งขึ้นสูงสุด ทุกอย่างเกิดขึ้นในปีนี้แทบทั้งสิ้น และดูเหมือนว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตาก
“คุณธิป!” ต้องรักพยายามขยับสะโพกแต่กลับถูกมือใหญ่จับล็อกเอาไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนกายออกอย่างเชื่องช้า หญิงสาวลืมตามองเขาอย่างเว้าวอนร้องขอ ชายหนุ่มจึงโถมกายเข้าหาอย่างหนักหน่วงอีกครั้งหนึ่งแล้วหยุดนิ่ง“ฉันรักเธอมากนะต้องรัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้จำเอาไว้ว่าฉันทำเพื่อเธอ” ชายหนุ่มยกมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ ลงไปบนนิ้วที่สวมแหวนแต่งงานเอาไว้ แววตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งมองสบกับดวงตาฉ่ำน้ำของอีกฝ่ายเขายอมตายดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับคนอื่น แม้นิโคลัสเคยบอกว่ายอมให้เขาเลี้ยงต้องรักต่อไปได้ในฐานะเมียเก็บหรือนางบำเรอ แต่เขาไม่ทำ เขาไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงที่เขารักแบบนั้นได้ เขายอมมีเธอเพียงคนเดียวแม้ว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอเพียงแค่ระยะเวลาไม่นาน แต่สำหรับเขามันคุ้มค่าแล้วต้องรักยันกายขึ้นพลางยื่นหน้าเข้าไปจูบคนบนร่าง แขนเรียวสลักเสลาโอบรัดรอบบ่าบึกบึนไว้แน่น ที่จุดอ่อนไหวเริ่มขยับเขยื้อนเคล้าคลึงเข้าหากันอีกครั้งจากเนิบช้าค่อยเป็นค่อยไป และค่อยเพิ่มจังหวะให้เร่งเร้ารุนแรงเซ็กซ์จากเขาเร่าร้อนเสมอ แต่ครั้งนี้ดูแตกต่าง
“เข้าใจค่ะ รักเชื่อคุณธิป” ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะวางชีวิตไว้ในมือของผู้ชายคนนี้ ฉะนั้นไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร เธอจะเชื่อมั่นในตัวเขาให้ถึงที่สุด“อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะต้องรัก” อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่เขาต้องไปจากที่นี่ ไปจากอ้อมกอดอบอุ่นของผู้หญิงคนนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาจะมีโอกาสได้กลับมากอดเธออีกครั้งหรือเปล่าถ้าเขาไม่มีโอกาสได้กลับมา อย่างน้อยเขาก็ได้จดจำเอาไว้ว่าเขามีต้องรักเป็นคู่ชีวิต เป็นผู้หญิงคนสุดท้าย เป็นรักครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา เขามีเธอเป็นภรรยาเพียงคนเดียว และจะเป็นตลอดไปจนกว่าลมหายใจของเขาจะหมดลง“ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอต้องอยู่คนเดียวให้ได้นะ ศึกษางานที่บริษัทเอาไว้ให้ดี ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเอกกับชัชเขาได้ พวกเขาจะช่วยเธอจัดการทุกอย่าง”ต้องรักขมวดคิ้วเข้าหากัน คำพูดของเขาไม่ต่างอะไรกับคำสั่งเสีย เธอผละตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาเขาอย่างค้นหา มือวางทาบลงบนแก้มของเขาด้วยความเป็นห่วง“คุณธิปมีอะไรในใจรึเปล่าคะ บอกรักได้ไหม”“รัก”“คะ?”
ต้องรักกระตุกมือของตัวเองที่กุมกับชนาธิปไว้พร้อมกับหยุดเท้าไม่ยอมเดินต่อ ชายหนุ่มหันมอง รู้สึกได้ถึงแรงดึงรั้งเบาๆ จากมือเล็กที่สอดประสานกับมือของตัวเอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถามเมื่อเห็นนัยน์ตากลมโตเพ่งมองป้ายร้านเพชรตรงหน้าเขม็ง“คุณธิปจะซื้อเพชรหรือคะ” เธอไม่แน่ใจว่าเขาเดินเพลินจนเผลอก้าวเท้าเข้าร้านเพชรโดยไม่รู้ตัว หรือว่าเขาตั้งใจจะมาซื้ออยู่แล้วจึงรีบเบรกเอาไว้ก่อน“ใช่ มาเถอะ” พูดจบก็กระตุกมือเธอให้เดินตามเข้าไปในร้าน พนักงานสาวกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“สนใจดูสินค้าชิ้นไหนคะ”ชนาธิปก้มลงมองคนข้างกายพลางยิ้มบางๆ ก่อนหันไปตอบพนักงาน“แหวนแต่งงานครับ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวงแก้มทั้งสองข้างเริ่มขึ้นสีระเรื่อชวนมอง“แหวนคู่เลยดีไหมคะ ดีไซน์มาเป็นคู่สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว” พนักงานขายหยิบแหวนแต่งงานที่ออกแบบคล้ายกันออกมาจากตู้ให้คู่หนุ่มสาวพิจารณาชนาธิปหยิบวงสำหรับผู้หญิงขึ้นมาลองสวมที่นิ้วนางข้างซ้า