LOGINศรายุทธพาบัวบงกชขับรถออกไป เธอกลัวจนตัวสั่นไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน จะส่งไปขายต่อ หรือว่าจะส่งตัวไปให้คนใหญ่คนโตที่ไหนต่อ เธอก็ไม่อาจรู้ได้
พอรถแล่นเข้าไปยังหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งแล้วจอดยังบ้านหลังหนึ่งที่ปิดไฟมืด บัวบงกชก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาที่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่สถานที่ลับตาคนอย่างที่เธอกังวลใจ
ศรายุทธพาเธอมายังบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่เขาเป็นเจ้าของ แล้วให้เธอลงไปดูข้างในกับเขา ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องใช้ภายในบ้านที่ไม่มี
“บ้านหลังนี้เป็นของฉัน พอดีคนเช่าเพิ่งย้ายออกไป ยังไม่มีใครมาเช่าต่อ ฉันจะให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ในฐานะเมียเก็บของฉัน คงเข้าใจความหมายดีนะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง” ศรายุทธหันไปถามบัวบงกชที่ยังทำตัวไม่ถูกอยู่
“เอ่อ ขอโทษจริงนะคะ แต่ฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณจะให้ทำอะไรบ้าง ฉันไม่เคยเป็นเมียเก็บใครมาก่อน” บัวบงกชพูดเสียงเบา
“ทำตัวเหมือนเมีย แต่ไม่ได้เป็นเมีย ไม่ต้องบอกให้ใครรู้” เขาอธิบายกับเธอ
ซึ่งบัวบงกชก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่านอกจากอ้าขาให้เขาแล้วเธอต้องทำอะไรอีก แต่ก็ไม่กล้าถามเซ้าซี้ กลัวเขาไม่พอใจ อย่างน้อยเมียเก็บก็ไม่ต้องรับแขกมากหน้าหลายตา ซึ่งมันก็ส่งผลดีต่อเธอมากกว่าอยู่แล้ว
“นี่กุญแจบ้าน” ศรายุทธบอกแล้วยื่นกุญแจบ้านให้เธอถือเอาไว้พร้อมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง
“พรุ่งนี้ไปขนของเธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ส่วนรถถ้าอยากได้ก็จะเอามาไว้ให้ใช้ ทำความสะอาด จัดบ้านไว้รอฉัน เงินที่เหลือก็ซื้อของใช้ที่จำเป็นเข้าบ้าน ตอนเย็นฉันจะเข้ามาทานข้าวด้วย” ศรายุทธบอกเธอ บัวบงกชพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาบอก
“แล้วฉันจะเป็นเมียเก็บของคุณนานแค่ไหนคะ จริงๆ ที่ฉันทำงานนี้เพราะความจำเป็น กะว่าจะทำพอแค่ให้ได้เงินจำนวนหนึ่งแล้วก็จะพอ ไม่ได้อยากทำอาชีพนี้หรือเป็นเมียเก็บของคุณไปตลอดชีวิต ขอโทษนะคะที่ต้องบอกตามตรง แต่ว่าฉันอยากให้เราคุยกันถึงข้อตกลงและสิ่งที่ฉันจะได้รับจากคุณ” บัวบงกชบอกเขา
ศรายุทธถอนหายใจอย่างหงุดหงิด มองใบหน้าที่ใส่ซื่อของเธอ นี่เธอไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าอาชีพที่เธอไปทำ ถ้าเขาไม่ช่วยออกมาเธอต้องโดนหลอกให้ทำต่อไปเรื่อยๆ และไม่มีทางที่จะมีงานดีๆ ทำอย่างคนทั่วไป ถึงมีคนปลีกตัวออกมาได้แต่ก็ส่วนน้อยเท่านั้น
“สองปี อยู่ที่บ้านหลังนี้ ห้ามนอกใจหรือไปนอนกับใคร อยากได้เงินเท่าไรก็ขอ เพราะฉันไม่รู้ว่าเธอต้องใช้เงินเท่าไร ครบสองปีฉันอาจจะให้เงินไปตั้งตัวก้อนหนึ่ง แต่ไม่รู้จะให้เท่าไร มันขึ้นอยู่กับการทำวางตัวของเธอนั่นแหละ เอาใจฉันให้มากๆ เจ๊นุชคงสอนมาแล้วว่าเอาใจผู้ชายยังไงให้ได้เงิน” ศรายุทธบอกแล้วยกยิ้มอย่างดูแคลน
ที่เขาเลือกเธอไม่ใช่พอใจอะไรเธอนักหนา เพียงแต่เห็นว่าเธอเพิ่งผ่านมือเขาเป็นครั้งแรก นั่นหมายถึงเธอยังสะอาด เหมาะที่จะให้มาเป็นเมียเก็บของเขา เขาเบื่อแล้วที่ต้องออกไปหาความสุขที่สถานที่เหล่านั้น อย่างน้อยมีบัวบงกชคอยปรนนิบัติ ก็ยังปลอดภัยและสบายใจกว่า
ศรายุทธเดินนำเธอไปยังห้องนอนที่มีสองห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนที่สองเป็นห้องนอนเล็ก ก่อนจะเดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่อีกครั้ง ที่ตอนนี้โล่ง มีแค่เตียงกับที่นอน ตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน และโต๊ะเครื่องแป้ง ซื้อเครื่องนอนเข้ามาที่นี่ก็พร้อมอยู่แล้ว
“ไหวหรือเปล่า” ศรายุทธหันมาถามเธอ
“อะไรคะ” บัวบงกชถามอย่างไม่เข้าใจ
ศรายุทธเดินไปแล้วจับตัวเธอไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วยืนจังก้าต่อหน้าเธอ ค่อยๆ ถอดเข็มขัดหางเกงออกแล้วถอดกางเกงลงให้คาที่ต้นขาเอาไว้
“อย่าลืมไปซื้อยาคุมมากินล่ะ” ศรายุทธบอกแล้วถอดกางเกงชั้นในของเธอออก ถลกกระโปรงขึ้นไปกองไว้ที่เอว แล้วจูบเธอบดริมฝีปากอย่างดุดัน สอดนิ้วเข้าไปกระตุ้มให้เธอมีอารมณ์ร่วม ก่อนจะจับแท่งลำนั้นยัดเข้าไป แล้วยืนซอยสะโพกอยู่ตรงนั้นจนโต๊ะเครื่องแป้งกระทบกำแพงดังกึกๆ
บัวบงกชกอดคอเขารับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ยอมให้เข้ายืนกระแทกเข้าออกอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะขัดขืนไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาซื้อตัวเธอออกจากที่นั่นมาแล้ว เธอควรขอบคุณเขาด้วยซ้ำ และนี่ก็คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะมอบให้เขาได้
ศรายุทธโยกเข้าออกสักพัก บัวบงกชก็ถึงจุดหมายเพราะการกระแทกไปพร้อมๆ กับจูบที่เร้าอารมณ์ของเขามันกระตุ้นให้เธอถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว
เขายกยิ้มอย่างพอใจ บดควงสะโพสลับกับการกระแทกถี่ๆ แล้วปลดปล่อยข้างในตัวเธอ
บัวบงกชเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงบอกให้เธอหายาคุมมาทาน เพราะเขาต้องการปลดปล่อยเข้าไปข้างในนี่เอง
ทั้งสองคนจัดเสื้อผ้ากลับเข้าที่ บัวบงกชหลบสายตาเขาด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“กลับกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่ห้อง แล้วพรุ่งนี้ค่อยย้ายของมา” เขาบอกแล้วเดินนำหน้าเธอออกไป
บัวบงกชรีบล็อคประตูบ้านแล้วขึ้นรถตามเขาไปอย่างไม่รอช้า กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ข้อเสนอดีขนาดนี้หาไม่ได้อีกแล้วในอาชีพผู้หญิงกลางคืน และลีลาของเขานั้นมันก็ไม่รุนแรงหรือน่ากลัวอะไร แต่มันทำให้เธอมีความสุขมากเสียด้วยซ้ำ
*********************
บัวบงกชเก็บไปแค่เสื้อผ้า หนังสือเรียน และของใช้บางอย่างเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วเธอก็มีสมบัติติดตัวอยู่แค่นั้น เธอเรียกแท็กซี่พาเธอเอาของไปเก็บที่บ้าน แล้วให้แท็กซี่จอดรอเพื่อพาเธอไปส่งยังห้างสรรพสินค้า
เธอเลือกซื้อผ้าปูที่นอนทั้งชุด อาหารสดและอาหารแช่แข็ง เครื่องครัวและเครื่องปรุงต่างๆ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น พวกหม้อหุงข้าว และกระติกต้มน้ำร้อน เพื่อนำไปใช้งานที่บ้าน แล้วเรียกแท็กซี่กลับไปที่บ้านเพื่อทำความสะอาดและจัดบ้านให้เสร็จตามที่เขาบอก
ตอนนี้บ้านได้ถูกจัดเรียบร้อยแล้ว บัวบงกชจึงเริ่มลงมือทำอาหารไว้รอเขาตามที่เขาบอก เธอเตรียมอาหารเสร็จในตอนสี่โมงเย็น ดูนาฬิกาแล้วคิดว่าเขาคงยังไม่มาง่ายๆ คิดว่าถ้ามาถึงค่อยอุ่นอาหารอีกรอบ คิดได้ดังนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลและกลิ่นจากการเข้าครัวออก แล้วงีบหลับเอาแรงเพราะเหนื่อยจากการจัดห้องมาแล้วทั้งวัน
ศรายุทธมาถึงบ้านที่ยกให้บัวบงกชในตอนใกล้ค่ำ เขาใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าบ้านไป แปลกใจที่บ้านยังมืดอยู่ เลยเปิดไฟแล้วเดินหาบัวบงกช เขามองดูรอบๆ บ้านด้วยความพอใจ แล้วเดินไปดูในครัวมองดูอาหารที่เธอเตรียมเอาไว้แล้วส่ายหน้าเบาๆ
‘ทำได้แค่ผัดผักรวมมิตรกับแกงจืดเท่านี้เนี่ยนะ’
ศรายุทธเดินหาบัวบงกช แล้วพบว่าเธอนอนหลับอยู่ที่ห้องนอนของเธอ เขาเลยตัดสินใจปลุกเธอขึ้นมา
“บัว ตื่นได้แล้ว” เขาเรียกเธอ บัวบงกชสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกนั้นแล้วก็ตกใจเมื่อพบว่าตัวเองเผลองีบหลับนานไปจนมืดค่ำแล้ว
“ขอโทษค่ะ บัวเผลอหลับนานไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวบัวจะไปอุ่นอาหารให้คุณเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” เธอบอกแล้วรีบลุกไปอย่างรีบร้อน
ศรายุทธมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางและท่าทางไร้เดียงสาของเธอ มันเป็นธรรมชาติ ต่างจากตอนที่ใช้มารยาออดอ้อนเขาเมื่อคืนนี้มากจนคิดว่าเป็นคนละคนกัน
บัวบงกชอุ่นอาหารแล้วจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ศรายุทธก็เดินเข้ามาพอดี เขานั่งลงแล้วเริ่มลงมือทานอาหารพร้อมๆ กับเธอ
“ทานเยอะๆ นะคะ บัวอาจจะทำอาหารไม่เก่ง แต่ก็พอทำได้ ถ้ารสชาติไม่ถูกปากก็ติได้นะคะ บัวจะได้ปรับปรุง” บัวบงกชบอกแล้วยิ้มหวานให้เขา พยายามเอาใจเขาอย่างเต็มที่
“ทานเยอะไม่ได้ เดี๋ยวจุก” เขาพูดขึ้นตรงๆ ทำเอาบัวบงกชอดหน้าแดงไม่ได้ เธอรู้ว่าทานอาหารเสร็จแล้วจะต้องอะไรต่อ
“แล้วเรื่องรถ อยากได้รุ่นไหนก็บอกมาก็แล้วกัน” ศรายุทธบอก แล้วทานอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ คิดว่ารสชาติมันก็พอทานได้ รสชาติพื้นๆ ไม่ได้แย่อะไรมากนัก
“วันนี้บัวใช้เงินหมดแล้ว ว่าจะขอเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็มีค่า...” บัวบงกชกำลังจะขอเงินเขาแต่ก็โดนขัดขึ้นมาก่อน
“อยากได้เท่าไรก็บอก แต่อย่ามาพูดเรื่องเงินบนโต๊ะอาหาร” เขาบอกเธอเสียงเรียบ
บัวบงกชยิ้มเจื่อนๆ แล้วตักอาหารเอาใจเขา ไม่อยากให้เขาเครียด เพราะเธอต้องใช้เงินแล้ว
*********************
ศรายุทธกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกแล้ว ช่วงนี้เขาเขาไม่เห็นสินีนาถมารอต้อนรับเขากลับบ้านเหมือนอย่างเคยก็รู้สึกสบายใจขึ้น ที่อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจมากเหมือนอย่างเคยหลังจากที่สินีนาถพูดเปิดใจกับเขาตอนนั้น เขายอมรับว่ายิ่งอยากกลับบ้านให้น้อยลง เพราะลำบากใจที่จะเจอเธอแล้วต้องคอยทำเหมือนว่าไม่รับรู้อะไร ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอคิดอย่างไรสินีนาถขออนุญาตให้มีเพื่อนผู้ชายมาหาเธอที่บ้าน นั่นเป็นการดีที่จะทำให้เธอได้เปิดใจให้คนอื่นบ้าง เขายินดีสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ลึกๆ ในใจอยากให้เธอรีบแต่งงานแล้วย้ายออกไปด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่ใช่ญาติของเขาโดยตรง และพ่อแม่ของศรายุทธเองก็เคยเตือนเรื่องนี้กับเขาแล้วว่ามันไม่เหมาะสมแต่ติดตรงที่ว่าสิริพิชญ์ฝากให้เขาดูแลสินีนาถ เธอถึงยังอยู่ที่นี่ได้ในฐานะน้องสาวของสิริพิชญ์ เพราะศรายุทธไม่อยากเสียคำพูดที่ให้ไว้กับอดีตภรรยาของเขา“พี่ยุทธเพิ่งมาหรือคะ” สินีนาถถามขึ้นขณะเดินลงบันได“อืม แล้วนาถลงมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ” ศรายุทธถามเธอ“นาถลงมาอุ่นนมดื่มค่ะ พอดีนอนไม่ค่อยหลับ” สินีนาถบอกแล้วยิ้มให้เขา ก่อนจะขอตัวไปที่ห้องครัวศรายุทธมองตามแล้วถอนหายใจอย
บัวบงกชที่นอนคิดมากทั้งคืนเพราะศรายุทธไม่พอใจเธอก็มาทำงานตามปกติ เธอหันซ้ายหันขวากลัวว่าจะเจอผู้ชายคนนั้นอีก เพราะศิรินุชบอกว่าเธอให้ฝ่ายบุคคลแจ้งเตือนเขาไปแล้วว่าไม่ให้ทำเรื่องอย่างนั้นอีก บัวบงกชเลยกลัวว่าเขาจะโกรธแล้วยิ่งหาเรื่องเธอบัวบงกชก้าวเข้าไปในลิฟต์ ประตูกำลังจะปิดแต่ก็มีมือมาขวางเอาไว้ก่อน ประตูเลยเปิดออกอีกครั้ง เป็นชายหนุ่มคนเมื่อวานอย่างที่เธอกลัว“พี่ไปด้วยคนสิครับ” เขาบอกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และดูไม่เป็นมิตรสำหรับบัวบงกชเขากดปิดลิฟต์แล้วก็มีมือใครบางคนมาขวางเอาไว้อีกรอบ เป็นศรายุทธที่ขวางประตูลิฟต์นั้น เขาไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมาแอบดักรอเธอขึ้นลิฟต์ และพอเจอพนักงานหนุ่มจอมตื้อแอบรอเธออยู่ก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ่งแทบทนไม่ไหว แต่ถ้าจะรังแกพนักงานตัวเล็กๆ ก็คงดูไม่ดีอย่างที่บัวบงกชบอก เขาเลยต้องอดทนและทำตัวให้นิ่ง“ผมไปด้วยคนสิ” เขาพูดเสียงเรียบ แล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์บัวบงกชดีใจที่อย่างน้อยก็มีศรายุทธอยู่ในลิฟต์ด้วย ถึงจะกังวลเรื่องที่เขากำลังโกรธเธออยู่ แต่ก็อุ่นใจที่เขาอยู่ตรงนี้“วันนี้ท่านประธานมาเช้าจังเลยนะคะ” บัวบงกชพูดกับเขา“พอดีอยากลองเข้างานเช้าดู เผื่อว่าจะได้เห็
ตลอดระยะที่บัวบงกชมาฝึกงานที่บริษัทของศรายุทธ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่เพราะเธอทำงานอยู่หน้าห้องของศรายุทธจึงไม่มีใครกล้าแวะเวียนเข้ามาจีบ เพราะชั้นที่บัวบงกชอยู่นั้นมีแต่ระดับผู้บริหารนั่งอยู่ทั้งนั้นดังนั้นเวลาที่บัวบงกชเดินเข้ามาในบริษัทและกำลังขึ้นลิฟต์เท่านั้นที่เป็นนาทีทองของคนที่สนใจเธอ“สวัสดีครับ” เสียงทักทายดังขึ้นขณะที่บัวบงกชอยู่ในลิฟต์กับเขาเพียงลำพัง“สวัสดีค่ะ” บัวบงกชตอบกลับและยิ้มให้ตามมารยาท เธอไม่เคยสังเกตเลยว่าชายหนุ่มนั้นแอบสนใจตั้งแต่วันแรกที่เธอมาทำงานแล้ว“ชื่อน้องบัวใช่หรือเปล่าครับ” เขาถามเธอ“ค่ะ” บัวบงกชตอบตามมารยาท ในใจลุ้นอยากให้ประตูลิฟต์รีบเปิดเพราะไม่อยากสนทนากับเขานานๆ เกรงว่าศรายุทธรู้แล้วจะไม่พอใจเธอเข้าตอนนี้ทางบ้านของเธอกำลังเดือดร้อนหนัก จากที่เคยคิดว่าจะไม่ขอเงินจากเขา แต่ว่าก็ไม่สามารถทำได้แล้วในตอนนี้ และเธอต้องทำตัวดีให้มากๆ ไม่ให้เขาต้องไม่พอใจเธอ“น้องบัวมีแฟนหรือยังครับ” เขาถามเธอตรงๆ เป็นนัยให้รู้ว่าอยากจะจีบเธอ“มีแล้วค่ะ” บัวบงกชโกหกออกไป ประตูลิฟต์เปิดออกชั้นที่ชายคนนั้นกด แต่เขาก็กดปิดประตู ไม่สนใจว่าจะเข้าทำงานทันเวลาหร
บัวกงกชมารายงานตัวกับฝ่ายบุคคลของเลิศประจักษ์กรุ๊ปแล้วถูกส่งตัวให้ไปหาเลขานุการของศรายุทธศิรินุชคือสาวใหญ่วัยสี่สิบห้าปีที่เป็นเลขานุการของศรายุทธที่ทำงานกับเขามาตั้งแต่บิดาของเขายังไม่วางมือจากตำแหน่งประธานบริหารศิรินุชพอใจที่บัวบงกชใส่กระโปรงนักศึกษาที่ไม่รัดรูปและยาวคลุมเข่า ซึ่งหาได้ยากในสมัยนี้ เธอสอนวิธีจัดตารางงาน วิธีการดูตารางเวลานัดหมาย และขั้นตอนการนำเอกสารไปให้ศรายุทธเซ็น รวมถึงวิธีชงกาแฟให้ศรายุทธด้วยว่าเขาดื่มกาแฟประเภทไหน และควรเสิร์ฟเวลาไหนบ้าง“ท่านประธานปกติจะเข้างานไม่เกินเก้าโมงเช้า กาแฟถ้วยแรกเสิร์ฟตอนสิบเอ็ดโมง บ่ายสอง กับสี่โมงเย็นตามลำดับ” ศิรินุชอธิบายกับบัวบงกช เธอพยักหน้าเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็วศรายุทธเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคน เขามองหน้าบัวบงกชด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมและเป็นทางการกว่าปกติ แล้วพยักหน้าทักทายศิรินุชเบาๆ ก่อนจะเข้าห้องไปกับผู้ติดตาม เพื่อคุยธุระของเขาศิรินุชรอจนผู้ติดตามของศรายุทธออกมาจากห้อง เธอก็เคาะห้องสามที ก่อนจะเปิดประตูพาบัวบงกชไปแนะนำตัว“ท่านประธานคะ นี่บัวบงกช เป็นเด็กฝึกงานที่จะมาฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาค่ะ ดิฉันจะใ
ศรายุทธมองสินีนาถที่นั่งพิงหัวเตียง เอาผ้าห่มปิดหน้าด้วยความเขินอาย แล้วกำลังนึกหาคำพูดอะไรสักอย่างในสถานการณ์อย่างนี้“ดีขึ้นหรือยัง” เขาถามเธอ“ค่ะ ดีขึ้นแล้ว” เธอตอบเขาเสียงเบา แกล้งหลบตาเขาด้วยความเขินอาย“เมื่อกี๊นาถคงเพ้อเพราะพิษไข้ งั้นคืนนี้เดี๋ยวพี่ให้คนมานอนเป็นเพื่อนนะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้พาไปหาหมอทัน” ศรายุทธบอกด้วยความห่วงใย“แล้วนาถตกบันได้ด้วยนี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ศรายุทธถามต่อเมื่อเห็นว่าสินีนาถไม่ได้พูดอะไร“นาถตกบันได้ด้วยหรือคะ แต่ว่าไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย คงไม่เป็นอะไรมั้งคะ” สินีนาถบอกยังไม่เลิกทำน้ำเสียงว่าเธอเขินอายเขา“งั้นพี่ไปตามเด็กมาอยู่เป็นเพื่อนนะ” ศรายุทธบอกแล้วทำท่าจะลุกออกไป“พี่ยุทธคะ ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พี่ยุทธคงรู้แล้วว่านาถคิดอย่างไรกับพี่ยุทธ” สินีนาถเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น หลังจากที่ศรายุทธพยายามที่จะไม่พูดถึงมันเขานิ่งเงียบไป แล้วนั่งลงที่เดิม เพื่อฟังสิ่งที่สินีนาถจะพูด“นาถรักพี่ยุทธค่ะ รักมานานแล้ว และนาถก็บอกตรงๆ เลยนะคะ ว่านาถอยากให้พี่ยุทธรักนาถตอบบ้าง นาถอยากดูแลพี่ยุทธเหมือที่พี่พิชญ์ดูแล อยากทำให้พี่ยุทธมีความสุขเหมือนที่พี่พิชญ์
ศรายุทธให้คนที่ไว้ใจได้เอารถไปส่งให้บัวบงกชที่บ้าน เขาสั่งให้เรื่องนี้เป็นความลับสูงสุดไม่ให้คนของเขาบอกเรื่องบัวบงกชให้ใครรู้ โดยเฉพาะสินีนาถเพราะไม่อยากให้เธอคิดมากและเป็นกังวล เพราะจิตใจผู้หญิงยากที่จะเข้าใจอาจนำพาเรื่องร้ายมาในภายหลังได้ บัวบงกชรับรถจากคนของศรายุทธมาเธอก็ยิ่งรู้สึกติดหนี้บุญคุณเขามากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่ายิ่งเอากับเขามากเท่าไร เธอก็จะหลุดจากเขาได้ยากขึ้นเท่านั้น เธอจึงตั้งใจว่าจะขอเขาเท่าที่ต้องใช้จ่ายจริงๆ และไม่ฟุ่มเฟือย เพื่อตอนที่เธอไปจากเขาจะได้ไม่รู้สึกผิดมากนัก ถึงจะใช้ร่างกายเข้าแลก แต่ความสุขสบายที่เธอได้รับนั้นมันมากเกินกว่าคนที่ตัดสินใจทำอาชีพอย่างเธอจะได้รับ บัวบงกชขับรถไปที่มหาวิทยาลัยแล้วจอดไว้ที่คณะอื่นเพราะไม่อยากให้เพื่อนเห็น เธอทำเรื่องยื่นฝึกงานที่บริษัทของศรายุทธตามที่เขาบอก โดยมีเพื่อนบางคนเห็นเธอลงชื่อบริษัทเลิศประจักษ์เป็นอันดับแรกต่างก็เตือนเธอว่าที่นี่ไม่รับนักศึกษาฝึกงาน เพราะงานที่นั่นมีความลับสูง เสี่ยงให้คนภายนอกล่วงรู้ข้อมูลไม่ได้ บัวบงกชอ่านหนังสือติวสอบกับเพื่อนๆ จนถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เธอก็ขอตัวกลับเพราะไม่มีเรียนต่อ แล้วเดินแยกไปขึ







