กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่7
(หลุดพ้น)
...หลายวันแล้วที่คนป่วยนอนติดเตียงพักฟื้น สภาพร่างกายภายนอกเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่สภาพจิตใจนั้นบอบช้ำย่ำแย่ลงทุกที
"อาการของเธอพอจะกลับไปพักที่บ้านได้หรือยังหมอ" เสียงเข้มของอานัสเอ่ยถาม เมื่อยามเช้าที่หมอเข้ามาดูอาการตามหน้าที่รับผิดชอบ
"ตอนนี้ร่างกายภายนอกดีขึ้นแล้วนะคะท่าน อุณหภูมิในร่างกายก็ลดลงปกติแล้ว...แต่ว่า เอ่อ...." หมอหญิงเจ้าของไข้เว้นคำพูดในประโยคสุดท้าย
"อะไร" อานัสย้อนถามเสียงเรียบตึง แต่แววตานั้นแอบซ่อนความกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของหมอ
"ภายในของคุณผู้หญิงยังบอบช้ำนะคะ หมอว่าให้เธอนอนพักรักษาตัวอีกสักวันสองวัน...จะได้เช็คร่างกายภายในให้ละเอียด หากมั่นใจแล้วว่าไม่น่าทีห่วงก็อนุญาตให้พักที่บ้านได้ค่ะ" หมอหญิงอธิบายอาการของคนป่วย
...คนไข้ที่ไม่ได้นอนหลับได้แต่นอนนิ่งดังคนตาย เธอได้ยินทุกคำจากการสนทนา แต่ว่าไม่อยากจะปริปากพูดกับใคร ทำเสมือนเธอนั้นเป็นใบ้ อยากห่างไกลอสูรร้ายที่นั่งข้างเตียง
'ไหนบอกเกลียดชัง ไหนบอกขยะแขยง รังเกียจเดียดฉันท์...แล้วทำไมกันถึงยังไม่ขยับตัวไปไหน ตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล...เพื่ออะไร? อยู่ทำไม?'
...คนป่วยได้แต่สงสัยและรำพึงในใจเพียงลำพัง เพ่งพิศสายตามองไปยังเขาและหมอที่กำลังสนทนากันอย่างตั้งใจ
"อืม...จัดการตามที่หมอเห็นสมควรเถอะ" เสียงเรียบนิ่งเย็นชาเอื้อนเอ่ย
"ไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะคะ" หมอหญิงว่าจบจึงกล่าวลา และพาตัวเองออกจากห้องพักฟื้นวีไอพีนั้นในบัดดล
"อืม" คนเย็นชาเค้นเสียงตอบรับ
...สายตาคมดุที่มองเห็นคนป่วยแน่นิ่ง เธอจ้องมองหน้าเขาดั่งคนไม่คิดกลัว แววตาเธอดูเศร้าหมอง เหม่อมองหน้าคมอย่างเลื่อนลอย ดั่งสติที่เธอมีน้อยนิดไร้จิตวิญญาณ...บางคราดูตึงเฉยแต่ฉไนเลยใครจะหยั่งรู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไร?
"เป็นอะไร...มีอะไรจะพูดก็พูดมา เราจะยอมฟัง เพราะเห็นว่าป่วยหรอกนะจึงไม่อยากมีปากเสียง" อานัสที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้นก่อนด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นฟาตินเอาแต่จ้องมอง
"ถ้าฟาตินจะขอร้อง ท่านจะให้ได้หรือเปล่าคะ?" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้น แววตาเศร้ามองหน้าเขาอย่างสื่อความหมาย
"ขออะไร?"
"ให้ได้ใช่ไหมคะ?" เธอไม่บอกในสิ่งที่ต้องการ แต่เลือกที่จะเอ่ยย้ำในความต้องการที่มุ่งคิดในหัว
"ถ้าไม่มากไปก็จะให้...เราไม่อยากทำร้ายคนป่วยไปมากกว่านี้ เดี๋ยวหาว่าเราใจร้ายเกินไป" อานัสโต้ตอบแม้จะสงสัยต่อคำพูดของเธอก็ตามที ว่าจบก็เบือนหน้าหนีก่อนจะลุกเดินไปนังระเบียงทอดมองสายตาเชยชมทัศนีภาพอันกว้างไกล
...ร่างบอบบางที่ดูอ่อนเพลียค่อย ๆ ลงจากเตียงนอนคนป่วยพร้อมเสาน้ำเกลือ เดินตรงไปยังโต๊ะตัวเล็กที่ถาดอาหารรับรองวางอยู่มากมายเอื้อมจับสิ่งของแหลมมั่นแน่นมือ
เธอค่อย ๆ เดินไปหยุดข้างชายหนุ่มตัวสูง เอื้อมจับมือเขา ยัดของแหลมใส่และกำแน่น
"จะทำอะไรฟา..."
จึก!!
"ฟะ ฟาติน!"
คนที่เผลอเลอไม่ทันตั้งตัวต้องตกใจเมื่อมือหนาที่ถูกกำแน่นด้วยมือเรียวของฟาติน คมมีดแหลมที่ทิ่มแทงเข้าในร่างกายหญิงสาว เขาพยายามยั้งมือจับด้ามมีดให้ออกห่าง แต่กลับถูกฟาตินยั้งและกดให้ลึกลงกว่าเดิม
เลือดสีแดงสดไหลเปื้อนเต็มมือ พร้อมกับไหลเป็นทางอาบรดซึมเสื้อผ้า อานัสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าฟาตินจะใจกล้าอาจหาญกระทำเช่นนี้
อึก!
"ท่านจงกดลึกคมมีดแหลม ให้ทิ่มแทงลงร่างกายของฟาตินเสียเถิด โปรดอย่าได้ยั้งแรงมือเลย...คำขอสุดท้ายที่จะเอ่ยปากกับท่านได้โปรด อึก ฮึก ได้โปรดสนองความตายให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ที"
"ฟาติน! ฟาติน! ทำบ้าอะไรของเธอ...ฟาติน!"
ร่างกายของฟาตินอ่อนแรงล้ายืนทรงตัวไม่ไหว เลือดที่ไหลออกจากช่องท้องต่อเนื่อง อานัสรีบคว้าร่างของเธอประคองไว้แนบอกให้เธอนอนนิ่งบนตัก
"ไม่อยากอยู่ อึก!"
เสียงสะอื้นร่ำไห้พร้อมม่านน้ำตาสีใส กล่าววิงวอนขอความตาย เธอจ้องมองหน้าเขาและยกยิ้มเหมือนดั่งคนดีใจอย่างหลุดพ้นต่อความทรมานก่อนที่จะคอพับแน่นิ่งในอ้อมแขนแกร่งอย่างไร้สติ
...สภาพร่างกายและจิตใจไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกที่โหดร้ายได้ไหว เธอเจ็บปวดจนสุดขั้วหัวใจ อยู่ไปก็ไร้ความหมาย
"ฟาติน! ฟาติน!"
เสียงเข้มเรียกขานดังลั่นอย่างร้อนรนใจเมื่อร่างกายของเธอแน่นิ่งนอนหลับตา ตบหน้าเธอถี่หวังให้รู้สึกตัวแต่ก็ไร้วี่แวว...
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา