...หญิงร่างเล็กที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ ร่างกายที่อ่อนล้าถูกหมอจัดการต่อสายน้ำเกลือที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงช่วยเหลือร่างกายให้มีแรง พิษไข้ที่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแถวหน้าทำให้เธอเริ่มมีอาการดีขึ้นมากกว่าเดิม เพียงแค่ยังไม่ได้สติลืมตาตื่นเท่านั้น
คนที่เฝ้ามองจ้องไม่ห่างสายตา ใบหน้าสวยที่ยังคงมีรอยช้ำ อานัสนั่งเฝ้าระวังไม่ห่างไกลไปไหน นั่งเคียงข้างขอบเตียงไม่ห่างกายสาว เพราะลึกในก้นบึ้งของหัวใจนั้นห่วงใยเธอ แต่บางอย่างที่บดบังครอบงำทำให้เขานั้นทำร้ายเธอด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เรื่องราวที่ยังไม่ใครรู้แจ้งนอกจากเขาคนเดียวที่ยังเก็บไว้ในใจ ความเจ็บปวดที่เขาได้รับทับถมจนหัวใจของชายหนุ่มผู้ที่ดูแข็งแกร่งนั้นระบมชอกช้ำแทบไม่เหลือชิ้นดี
"อื้อ" เสียงแผ่วเบาเค่นในลำคอ หญิงร่างบางเริ่มรู้สึกตัว กลิ่นของโรงพยาบาลคละคลุ้งกระทบกับการได้กลิ่น สายตาที่พร่าเบลอสอดส่ายสายตามองโดยรอบอย่างไม่ชัดเจน มือบางจับหัวเพราะรู้สึกปวดหนึบ พิษไข้เริ่มเจือจางห่างหายไปบ้าง ทุกอย่างเริ่มรู้สึกดีกว่าเดิม
"..............." แม้จะเห็นอากัปกิริยาของฟาติน คนหน้านิ่งขรึมก็ยังคงวางท่า ใช้เพียงสายตาจ้องมองกิริยาของเธอเท่านั้น
"อ่า ปวดหัวจัง" ฟาตินพึมพำหลับตาลงอีกครั้ง โดยยังไม่รู้ว่ามีอีกคนนั้นกำลังจ้องมองเธอทุกเวลานาที
"เป็นไง?" เสียงนิ่งเอื้อนเอ่ยถาม
"เฮือก! ทะ ท่านอานัส" ฟาตินที่หันความสนใจมาตามเสียงตกกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ใบหน้าคมเข้มกับสายตาคมดุที่มองมายังเธอทำให้นึกกลัว ภาพการทำร้ายร่างกายมากมายฉายวับเข้ามาในหัว ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้าสู่ห้วงความรู้สึก
"ทำไม?...แม้อยากตายแต่ก็ไม่วายมีชีวิตอยู่ หึ!" น้ำเสียงเย็นเฉียบดั่งสายน้ำที่ไหลจากเทือกเขาสูงเอื้อนเอ่ยอย่างเย้ยหยันก่อนจะยกยิ้มมุมปากสำทับตาม
"..............." คำพูดที่ทิ่มแทงขั้วหัวใจในยามตื่น ไร้คำพูดปลอบประโลมให้รู้สึกดี แล้วเช่นนี้ใครจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ชีวิตถดท้อทรมานขนาดนี้ไม่มีคนไยดีปรานี จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม? อยู่กับคนไร้หัวใจให้ตายเสียยังดีกว่า
"พิษไข้ทำให้เป็นใบ้เลยหรือไง?" เขาก็ยังไม่วายพูดเสียดแทงหัวใจอยู่ร่ำไป แม้กระทั่งเธอเลือกที่จะเงียบไม่ต่อปากต่อคำ ก็ยังกระทำให้เธอเจ็บช้ำได้เสมอ
"................" ฟาตินเลือกที่จะหลับตานิ่ง หูได้ยินทุกคำพูดของคนใจร้าย เธอไม่อยากมีปากเสียงกับเขา แค่ตอนนี้ร่างกายที่อ่อนล้าก็แทบจะยกแขนไม่ไหว รอให้เธอหายดีเมื่อไหร่หากมีโอกาสเธอต้องหาทางหนีซาตานตนนี้ให้จงได้
"ฟาติน!...เราพูดด้วยไม่มีปากหรือไง!?" อานัสที่เริ่มทนความเงียบของฟาตินไม่ไหว ตะเบ็งเสียงดังใส่จนฟาตินนั้นสะดุ้งแม้หลับตา สัมผัสได้ถึงเรียวแขนที่ถูกกำแน่นดั่งคนโมโห
เธอเจ็บ!
แต่เธอไม่ยอมปริปากอยากจะพูดโต้ตอบ เธอเหมือนดั่งคนที่เริ่มด้านชา เหมือนคนที่ดั่งไร้ความรู้สึกเพราะเวลาและการอยู่ร่วมกับเขาเป็นเวลานาน ทุกอย่างเหมือนเดิมเป็นเหมือนที่รองรับอารมณ์ร้าย ๆ ของเขาจนเคยชิน
".....แล้วท่านต้องการอะไร" เธอนิ่งชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองแล้วเอ่ยถามออกไป ใบหน้าเข้มของชายหนุ่มอยู่ใกล้เพียงคืบ ดวงตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาดุนั้นอย่างไม่คิดกลัว เสียงขบกรามดังกรอดเป็นระลอกดั่งเก็บกลั้นอารมณ์ร้อนไว้
"เราถามทำไมไม่ตอบ" สายตาของฟาตินที่ฉายแววเย็นชาว่างเปล่า อานัสที่จ้องลึกสัมผัสได้จนต้องลดน้ำเสียงพูดให้ดูอ่อนลงแต่ยังคงซ่อนความกระด้างเช่นเดิม ไม่รู้เพราะเหตุใดดวงตากลมคมเข้มที่มองเขาถึงทำให้รู้สึกวูบไหวภายในอก เขาไม่ชอบแววตาเช่นนี้ของเธอ
"อะไรที่เป็นคำถาม สิ่งที่ได้ยินฟาตินสัมผัสได้ว่ามันคือคำด่าทอ" เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนจะทอดถอนลมหายใจแรงพ่นออกมา นอนนิ่งหลับตาสนิทดังเดิมเพราะไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้ายที่ทำร้ายเธอตลอดเวลา
"พอ! ไม่ต้องพูดเห็นว่าป่วยไม่อยากทำร้าย...รอให้หายดีถ้ายังปากดีกับเราอีก เราไม่ปล่อยไปแน่!" อานัสปล่อยเรียวแขนเล็กเป็นอิสระและเดินกลับมานั่งที่เดิม เปิดหนังสือที่ชอบอ่านทำเหมือนไม่สนใจคนที่นอนป่วย แต่เปล่าเลยเมื่อสายตาของเขายังคงแอบมองเธอเป็นครั้งคราวด้วยใจลึกที่แอบแฝงความห่วงใย
'ทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้น...เริ่มจนใจจริง ๆ ไม่มีสิ่งใดเลยหรืออย่างไรจะทำให้หลุดพ้นได้ แม้ความตายก็ยังไม่เข้าข้าง'
คนป่วยที่นอนนิ่งรำพึงรำพันในใจ เมื่อคิดท้อแล้วต่อชีวิตที่ดำเนินอยู่ อยู่อย่างคนเป็นแต่ก็เหมือนดั่งคนที่ตายแล้วตกนรกก็ไม่ปาน คิดมากมายอยู่นานก่อนที่ความอ่อนล้าจะพานให้เธอหลับใหลอีกครั้ง
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา