Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-11-01 13:38:18

บทที่ 4

“ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”

“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น

“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”

ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ

“เข้าเมืองกัน”

“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”

“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอด

ธาวินพาภัคธีมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขานั่งฟังภัคธีมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างออดิชันจนกระทั่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลงรายการใหญ่ระดับประเทศ รอยยิ้มของภัคธีมาเต็มไปด้วยความสดใสและมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแทรกเป็นระยะ เมื่อเล่าถึงวีรกรรมของตัวเองตอนอยู่ต่อหน้ากรรมการ

“เล่ามาเยอะแล้วแต่ยังไม่จบนะคะ ขิมว่าขิมเก็บไว้เล่าให้พี่วินฟังวันหลังบ้างดีกว่า ขิมกลัวพี่วินจะเบื่อขิมซะก่อน”

“พี่ไม่มีวันเบื่อขิมหรอก”

“ลองเบื่อดูสิ ขิมงอนจริงๆ ด้วย”

“ไม่เบื่อครับ พี่พูดจริงๆ” ธาวินคลี่ยิ้มให้กับแฟนสาว สายตาเขาที่มองเธอยังคงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่คล้ายกับจะเศร้าอยู่นิดๆ ซึ่งภัคธีมาเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะเขารู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปหาเธอที่กรุงเทพฯ และไม่ได้โทร.หาในช่วงหลังๆ เห็นแบบนี้ภัคธีมาจึงต่อว่าไม่ลง และรู้สึกว่าธาวินคงทำงานหนักมากจริงๆ เธอสังเกตว่าใบหน้าหล่อเหลาที่เคยสะอาดสะอ้านบัดนี้เหมือนจะตอบลงไปกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน

“แล้วพี่วินล่ะคะเป็นยังไงบ้าง งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ขิมว่าพี่วินผอมไปนะ”  

“เหรอ...พี่ก็ไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนักเท่าไหร่”

“คงจะหักโหมงานสินะคะ เหนื่อยมากไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเห็นใจ พร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างอย่างให้กำลังใจ

“ก็นิดหน่อยครับ แล้วนี่ขิมอิ่มหรือยัง”

“อิ่มแล้วค่ะ พี่วินจะกลับเลยเหรอคะ” 

“เปล่าหรอก...พี่อยากพาขิมไปฟังเพลงก่อน พอย่อยแล้วค่อยกลับบ้านกันกันนะ”

“ได้สิคะ ว่าแต่พี่วินจะพาไปที่ไหน”

“ร้านใกล้ๆ แถวนี้แหละ เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง”

“รู้ดีแบบนี้...” ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างจับพิรุธ “แสดงว่าตอนขิมอยู่กรุงเทพฯ พี่วินต้องแอบมาเที่ยวบ่อยๆ ใช่ไหมคะ”

“เปล่าครับ ร้านนั้นน่ะ เป็นร้านเพื่อนของพี่กริช”

ชื่อนั้นทำให้รอยยิ้มที่เกลื่อนอยู่ทั่วใบหน้าหวานหายวับไปทันที แต่ก็เพียงแวบเดียวเธอก็บอกตัวเองให้ยิ้มใหม่ อย่าให้ชื่อของคนคนเดียวมาทำลายบรรยากาศอันแสนโรแมนติกระหว่างเธอกับธาวินเลย

จากนั้นรถของธาวินก็แล่นไปจอดที่หน้าผับหรูแห่งหนึ่ง ภายในตกแต่งด้วยไฟวอร์มไลต์สีส้มสลัวๆ ให้บรรยากาศแสนอบอุ่น มีดนตรีคลอเคล้าแผ่วเบา ความหรูหราบ่งบอกว่าผับแห่งนี้มีไว้สำหรับคนมีฐานะ เพราะค่าเครื่องดื่มและอาหารจากรายการที่ภัคธีมาเห็นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี แต่กระนั้นแขกในร้านก็ค่อนข้างเยอะเพราะเป็นคืนวันอาทิตย์ ธาวินหันไปสั่งเครื่องดื่ม ครู่หนึ่งจึงชวนภัคธีมาออกไปเต้นรำซึ่งภัคธีมาก็ไม่ได้ปฏิเสธ

วงแขนแกร่งกระชับรอบเอวบางเข้าไปแนบชิดในขณะพาเธอขยับไปตามจังหวะเพลง โดยไม่รู้ว่าขณะนั้นสายตาคู่หนึ่งกำลังหรี่มองทั้งคู่อย่างไม่คลาดสายตา

“ไม่ได้เต้นรำกับพี่วินนานเลยนะคะ น่าจะสามปีแล้วตั้งแต่พี่วินไปเรียนต่อ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพลางเงยหน้าจ้องมองใบหน้าหล่อคมของธาวิน เค้าหน้านี้คล้ายกันกับเค้าหน้าของพี่ชาย เรียกได้ว่าบ้านนี้น่าตาดีทั้งบ้านก็ไม่ผิดนัก จะต่างกันก็แค่ธาวินหล่อแบบโอปป้าเกาหลี ขณะที่ใครอีกคนหล่อเข้มๆ และชอบทำหน้าดุใส่ใครต่อใคร จนทำให้ความหล่อในตัวเขาลดน้อยลงไปมากตามความคิดของภัคธีมา

“ใช่นานเลยละ ตั้งแต่พี่ไปเรียนต่อแถมตอนนี้ขิมก็ไปเรียนอีก”

“พี่วินรออีกนิดนะคะ ขอให้ขิมทำตามความฝันและเรียนให้จบก่อน หลังจากนั้นขิมจะย้ายกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่แบบถาวร มาอยู่กับพี่วินที่นี่ตลอดไป เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้ไงคะ”

ภัคธีมาเอ่ยอย่างอ้อนๆ แล้วซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างเบาๆ แต่นั่นมีผลทำให้ธาวินรัดกระชับวงแขนของตัวเองเข้ามากขึ้น ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจากเขาไปเสียอย่างนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจในปฏิกิริยาของแฟนหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรไปคะพี่วิน”

“หืม...อะไรครับ” ธาวินพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ ตามองริมฝีปากอิ่มซึ่งตอนนี้เผยอขึ้นน้อยๆ นั้นอย่างหักห้ามใจมากที่สุด

“ก็กอดขิมซะแน่นเชียว”

“คิดถึงไงครับ อยากให้ขิมรู้ว่าพี่คิดถึง”

วงแขนของเขาไม่ได้คลายลงเลย ยังคงโอบกระชับแน่นเหมือนเดิม แน่นเสียจนภัคธีมารู้สึกว่าตัวเองอึดอัด แต่ก็พยายามรักษาสีหน้าให้ยิ้มแย้มเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนรักคิดมาก

“รับทราบแล้วค่ะ ขิมเองก็คิดถึงพี่วินเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เราไปพักก่อนไหมคะ แล้วค่อยมาเต้นรำกันต่อ”

“โอเคครับ ตามใจขิม”

ธาวินค่อยๆ คลายวงแขนออก แล้วพาหญิงสาวกลับไปโต๊ะ แต่เมื่อไปถึงเท้าสองคู่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าใครคนหนึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 6

    บทที่ 6“ดิ้นทำไม ไหนบอกว่าอยากกอดกันอวดชาวบ้าน”“ขิมอยากกอดกับพี่วิน ไม่ใช่คุณ”“รสจูบของไอ้วินซาบซ่านมากไหม”“หยุดพูด หยุดถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียที มันเรื่องส่วนตัวที่ขิมไม่จำเป็นต้องบอกใคร” ภัคธีมาต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาเพราะเขาสูง ตระหง่านค้ำศีรษะ ส่วนเธอสูงแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น“เคยนอกใจไอ้วินแล้วลองจูบกับคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ” เขายังคงถามต่ออย่างไม่คิดจะสนใจว่าภัคธีมาจะเคืองขุ่นแค่ไหน“ขิมไม่เคยนอกใจพี่วิน และไม่เคยคิดจะให้ใครจูบหรือจูบกับใคร”“ดีนี่...ไอ้วินมันรู้คงชื่นใจตายที่มีแฟนแสนซื่อบื้อแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองจูบกับผมหน่อยไหม เผื่อจะได้เอาไว้เปรียบเทียบรสชาติ ว่าระหว่างพี่กับน้องใครจะเผ็ดร้อนถูกใจคุณมากกว่ากัน”เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคมดุไหวระริกเมื่อหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับนั้น เขาทำท่าเหมือนกำลังจะจูบ ทำเอาลมหายใจของภัคธีมาแทบจะหยุดชะงัก ทว่าเขากลับไม่จูบ แต่ไล้มือแกร่งไปตามสะโพกบั้นท้ายงอนงาม เล่นงานแบบนั้นจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งร่างแทน“บ้า! คุณมันเลว” เสียงหวานแหวลั่น“เลวตรงไหน”“ก็เลวตรงที่คิดจะทำอะไรแบบนี้กับแฟนน้อง ทำเลวๆ ล

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 5

    บทที่ 5“พี่กริช!” ธาวินอุทานชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการตกใจไม่น้อยภัคธีมาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างสูงเกือบสองเมตร แม้จะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เธอจำได้แม่นว่าเขาคือ ‘ศาสตรา ภูวเดชาธร’ ผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ดิบเถื่อนและแข็งกระด้างเป็นที่สุด!คำว่าดิบเถื่อนและแข็งกระด้าง มันคือสิ่งที่เธอนิยามขึ้นสำหรับผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ ยิ่งตอนนี้เขาก็ยิ่งดูเหมาะกับคำนี้มากที่สุด ร่างสูงแต่งตัวแบบสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนและรองเท้าหนัง ดูบึกบึนกำยำกว่าตอนที่เธอเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อนเสียอีก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือหน้าตาคมเข้มและน่าเกรงขาม สมกับที่ใครๆ เรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงศาสตรา’ เขามาได้ยังไง? หรือว่ามากีดกันเธอกับพี่วิน?คำถามเกิดขึ้นในใจรัวๆ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือยกมือขึ้นไหว้เขา แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความเอ็นดูใดๆ ให้กับเธอ และเธอก็ค่อนข้างจะเกลียดความหยิ่งทะนงของเขา แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเจ้านายเก่าพ่อ และที่สำคัญเขาคือพี่ชายของธาวินคนรักของเธอ“สวัสดีค่ะ”ภัคธีมายกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทแม้จะไม

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 4

    บทที่ 4“ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ“เข้าเมืองกัน”“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอดธาวินพาภัคธีมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขานั่งฟังภัคธีมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างออดิชันจนกระทั่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลงรายการใหญ่ระดับประเทศ รอยยิ้มของภัคธีมาเต็มไปด้วยความสดใสและมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแทรกเป็นระยะ เมื่อเล่าถึงวีรกรรมของตัวเองตอนอยู่ต่อหน้ากรรมการ“เล่ามาเยอะแล้วแต่ยังไม่จบนะคะ ขิมว่าขิมเก็บไว้เล่าให้พี่วินฟัง

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 3

    บทที่ 3ภัคธีมาพยายามครุ่นคิดหาเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ ธาวินคงโดนทางครอบครัวของเขากีดกัน เพราะทั้งแม่เลี้ยงแสงหล้าและศาสตรา ต่างก็เห็นว่าเธอไม่เหมาะสมกับธาวิน!หญิงสาวสลัดความคิดนั้นทิ้ง พยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการเข้าออดิชันรอบสุดท้ายเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่เลยกริ๊ง กริ๊งงง...เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมด้วยแรงสั่นของตัวเครื่องเป็นระลอก ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากหลับ มือเรียวเล็กควานหาโทรศัพท์ยกขึ้นดู ก่อนที่อาการงัวเงียจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทร.แสนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะพี่วิน” เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นไปด้วยความดีใจ“สวัสดีครับขิม นอนหรือยัง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ตามแบบที่ภัคธีมาคุ้นเคยเป็นอย่างดี“เพิ่งนอนค่ะ นึกว่าพี่วินจะไม่โทร.กลับมาซะแล้วสิ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ตามอารมณ์ ก็นี่แฟนเธอ เธอทำแบบนี้กับเขามันก็ไม่ได้น่าเกลียด“ขอโทษด้วยครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมาก”“ขิมเข้าใจค่ะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ขิมอยู่ที่บ้าน”“จร

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 2

    บทที่ 2“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอว

  • กริชเพียงขิม   บทที่ 1

    บทที่ 1แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป “อุ๊ย! ฮือๆๆๆ” เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสีย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status