Beranda / โรแมนติก / กลซ่อนรัก / ๑ จุดเริ่มต้น

Share

๑ จุดเริ่มต้น

Penulis: Kaowsethong
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-01 17:02:50

จุดเริ่มต้น

ภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์

วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อน

เมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บุษบามินตรา กิจขจรไพศาล

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงสาวช่างเม้าธ์ก็รวมตัวกันทันทีเพราะจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน วานิสาเริ่มเปิดประเด็นระหว่างเก็บของเพื่อไปกินข้าวกลางวัน

“พี่ดา ได้ยินข่าวไหมว่าผู้บริหารใหม่หล่อมากกกก”

“ไม่รู้สิ ไม่เห็นได้ยิน” ดาหวันเป็นรองหัวหน้าแผนกบัญชี เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่ร่างท้วมเพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาเป็นครั้งที่สองเมื่อหกเดือนที่แล้ว

“งั้นกิ๊ฟจะเล่าให้ฟัง เขาว่ากันว่าคนนี้ชื่อคุณชนวีร์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกงจีน สุขุม เยือกเย็น ตางี้ดุ๊ดุแต่ว่านั่นแหละเสน่ห์ของผู้ชายที่แท้จริง” สาวช่างฝันอย่างกิ๊ฟพูดพร้อมกับเอามือแนบแก้มอย่างเพ้อหาเจ้าชายรูปหล่อในนิยาย

“อืมมม แล้วหัวหน้าเราล่ะ ไม่หล่อแล้วเหรอ” สองสาวส่ายหน้าพร้อมกันทันที

“หล่อสิ ยังหล่ออยู่แต่ว่าหัวหน้าเราเจอบ่อยแล้ว ตอนนี้ของใหม่เพิ่งมาเราก็ต้องเห่อของใหม่เป็นธรรมดา” สองสาวเล่าอย่างสนุกสนานก่อนจะถึง    แคนทีน

ดาหวันเพียงแค่รับฟังแต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรต่อ เธอเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องคนอื่นหรือนินทาอยู่แล้วนอกจากจะเป็นเรื่องที่เธอทนไม่ไหวจริงๆ ซึ่งก็ยากมากเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความอดทนสูงพอตัว

สั่งข้าวเสร็จสามสาวก็มานั่งกินข้าวกัน สักพักก็มีหนุ่มหล่อเดินถือข้าวยิ้มออร่ามาแต่ไกลขอนั่งด้วย

“ขอนั่งกินข้าวด้วยนะครับสาวๆ ”

และแน่นอนว่าสองสาวนั้นรีบพยักหน้ายิ้มอย่างยินดีทันที

“หัวหน้าไม่ไปกินกับพี่เสกหรือคะ” กิ๊ฟหรืออพิญญาถามขึ้น

ปนิธิ ถนอมศักดิ์ หรือหัวหน้าแผนกบัญชีส่ายหน้า

“พี่เสกไปกินข้าวกับแฟนของเขาน่ะ ผมไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”

คำพูดคำจาช่างน่ารักจนทำเอาสาวสองคนถึงกับกรี๊ดอยู่ในใจ ดาหวันได้แค่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้สาวช่างเพ้อฝันปลื้มหนุ่มหล่อคนนี้อย่างขำๆ

“พี่ปันคะ นิต้านั่งด้วยนะ” สาวสวยแห่งแผนกการตลาดยิ้มหวานที่มอบให้ปนิธิโดยเฉพาะถามขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาไม่ปฏิเสธเธออยู่แล้วหรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งคือปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นองค์เจ้าแม่จะลงทันทีและเป็นเขาเองที่ขี้เกียจจะฟังเสียงอันแหลมแสบแก้วหูของเธอ

เมื่อมีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาสามสาวก็นั่งเงียบและผู้กุมบทสนทนาทั้งหมดก็คือณัฐนิตา สิริรัฐ หญิงสาวผู้ที่สวยครบสูตรและเป็นพนักงานสาวที่สวยสุดในบริษัท มีหนุ่มๆ จากแผนกต่างๆ มาขายขนมจีบให้เธออยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธอสนใจจะมีแค่ปนิธิ หนุ่มรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันเท่านั้น ทำเอาหนุ่มทั้งหลายถึงกับเศร้าใจเพราะสาวเจ้าไม่เล่นด้วย

วันต่อมา

ชนวีร์เข้ามาดูแลบริษัท เขาเดินผ่านพนักงานโดยมีสายตานับสิบคู่มองตามจนเหลียวหลังตะลึงในความหล่อราวกับนายแบบของผู้บริหารคนใหม่

วันนี้ไม่มีคณะมาต้อนรับเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารทันที ก่อนจะเข้าห้องทำงานของตัวเองไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม รอยยิ้มบนหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว สามปีที่คนรักจากไป

เนื่องจากที่เขาเข้ามาดูงานเมื่อวาน ทำให้รู้ว่าบริษัทได้เปิดรับสมัคร พนักงานใหม่แม้ว่าจะขาดทุนทำให้เขาต้องปฏิเสธไป แต่เมื่อเปิดเอกสารดูกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาสนใจ แฟ้มรับสมัครงานถูกเปิดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดอยู่ที่หน้าของผู้สมัครสาวคนหนึ่ง

นางสาวจอมขวัญ จิดากุล หึ!  เราจะได้เจอกันแน่จอมขวัญ” แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมว่ากฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนเลวได้ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นวางแผนทุกอย่าง แต่กลับมีหลักฐานไม่เพียงพอและโดนปล่อยไปในที่สุด เขาทนไม่ได้ เขาให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างสุขสบายมานานเกินไปแล้ว

..ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเขาสัญญาเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญจะได้รู้จักกับคำว่านรกอย่างแท้จริง!

“พี่จะแก้แค้นให้ทรายเอง พี่สัญญา”

ปนิธิได้รับคำสั่งให้รับพนักงานใหม่เข้ามาในแผนกนั่นก็คือจอมขวัญ โดยที่ไม่มีการสัมภาษณ์แม้ว่าใจเขาจะสงสัยแต่ก็มีความดีใจมากกว่าที่รุ่นน้องร่วมสถาบันจะได้มาทำงานที่เดียวกับตน และรุ่นน้องคนนั้นยังเป็นคนที่นั่งอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเสียด้วย ไม่รอช้าปนิธิหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาแล้วโทรหาสาวน้อยที่ตอนนี้อยู่ที่บ้านเกิดตัวเองทันที

“สวัสดีค่ะพี่ปัน” น้ำเสียงร่าเริงตอบกลับมาทำเอาใบหน้าหล่ออมยิ้ม

“พี่มีข่าวดีจะบอก”

“ข่าวดี ข่าวดีอะไรคะ” คำพูดที่ติดจะสงสัยยิ่งทำเอาเขายิ้มแก้มแทบปริเมื่อจินตนาการถึงรุ่นน้องคนสวยว่าจะได้มาทำงานเคียงข้างกัน

“บริษัทรับขวัญเข้าทำงานแล้วนะ”

“พี่ปันว่าอะไรนะคะ!  รับเข้าทำงาน หมายความว่าไง แล้วไม่สัมภาษณ์เหรอคะ” จากที่เธอนั่งกินขนมอยู่ริมระเบียงของบ้านอย่างสบายอารมณ์สาวสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ

“พี่ก็ไม่รู้พอดีเบื้องบนเขาว่ามาอย่างนี้ สัปดาห์หน้ามาเริ่มงานได้เลยนะ”

“พูดจริงเหรอคะ พี่ปันไม่โกหกให้ขวัญดีใจเล่นแน่นะ” ใจเต้นตึกตักอย่างยินดี เมื่อรุ่นพี่บอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน

เธอรีบวางสายไป ก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างเห็นตานั่งสานกล่องข้าวอยู่ส่วนยายก็เย็บผ้า สาวน้อยไม่รอช้าวิ่งไปกอดยายกับตาแล้วบอกด้วยความตื่นเต้น

“ตาจ๋ายายจ๋า ขวัญได้งานแล้วนะ” สาวน้อยของบ้านบอกก่อนจะกอดยายแน่น ทำให้คนแก่ดีใจไปกับหลานรักด้วย ยายขิมกอดตอบหลานสาวที่รักทันที

“ยายดีใจด้วยนะ”

แล้วจอมขวัญก็หอมแก้มยายทันที

“แล้วได้งานที่ไหนล่ะ” ตาวางมือจากงานที่ทำมาสนใจเรื่องที่หลานสาวนำมาบอก แม้ตาเม่นจะเป็นคนนิ่งๆ ดวงตาออกแววดุแต่ก็รักและหวงหลานสาวมาก

“เอ่อ ที่กรุงเทพฯ จ้ะตา”

คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจตาเม่นทำหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสานกล่องข้าวต่อ ทำเอาหญิงสาวใจเสียทันที เธอผละจากยายมานวดแขนตาผู้เป็นที่รักก่อนจะออดอ้อน

“ตาจ๋า ตาจ๊ะตาจ๋า ให้ขวัญไปนะ” สาวน้อยที่อายุเลยวัยเบญจเพสมาแล้วหนึ่งปีซบไหล่ตาแล้วอ้อนเสียงหวานจนยายที่มองอยู่ต้องยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าสามีตนเองไม่สามารถทนลูกอ้อนแสนน่ารักของหลานสาวคนนี้ได้หรอก

“ไปทำไมตั้งไกล บ้านเราก็มีงานมากมายให้ทำ”

“แต่ว่าขวัญสมัครไปแล้วนี่จ๊ะ แถมทางนั้นก็ให้เงินเยอะด้วย”

ตาเม่นหันมามองหลานสาวแม้ไม่พอใจแต่พอเห็นหลานทำตาปริบๆ  กับน้ำเสียงออดอ้อนท่านก็ถอนหายใจ

“ไปอยู่ก็ระวังด้วยแล้วกัน อย่าลืมโทรหาตาบ่อยๆ ”

“จ้ะ ตาจ๋าของขวัญน่ารักที่สุดเลย” จอมขวัญกอดตาก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นยายและขอตัวไปบุคคลอันเป็นที่รักอีกสองคนซึ่งตอนนี้อยู่ไร่ข้าวโพด

สาวสวยขับมอเตอร์ไซค์ไปเพื่อบอกข่าวดี เมื่อมาถึงเธอก็รีบไปบุพการีที่ดูแลคนงานอยู่ทางท้ายไร่ทันที

“พ่อจ๋า แม่จ๋า”

ทั้งสองหันมาเห็นลูกสาวก็ตกใจเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นจอมขวัญจะมาหาพ่อกับแม่ที่ไร่ อันที่จริงลูกสาวเธอก็ชอบไร่แต่มันติดตรงที่มาทีไรมักจะมีคนงานชายมองตามเสมอ จนพ่อกับแม่กลัวลูกสาวคนสวยไม่ปลอดภัยเลยไม่อนุญาตให้มาอีก

“ขวัญว่าไงลูก แล้วมาหามีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”

“ด่วนมากเลยแม่ ขวัญมีข่าวดีมากมาบอก”

คำพูดของลูกสาวทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย

“ข่าวอะไรจะดีขนาดที่ให้ลูกสาวคนสวยของพ่อทนไม่ไหวต้องมาบอกพ่อถึงนี่หือ?”

“ขวัญได้งานแล้วนะจ๊ะเย้ๆ ข่าวดีมากใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงสดใสร่าเริงและใบหน้าลูกสาวที่บ่งบอกความดีใจทำให้บุพการีทั้งสองยิ้มออกมา

“แม่ดีใจด้วยนะลูก ข่าวดีอย่างนี้ต้องฉลองซะหน่อยแล้ว เย็นนี้แม่จะจัดเนื้อย่างชุดพิเศษให้เลยดีไหม” สาวน้อยพยักหน้าอย่างดีใจก่อนจะพูดคุยกับพ่อแม่สักพักค่อยขับรถกลับบ้าน

บ้านของจอมขวัญทำไร่ทำสวนทั่วไปมีคนงานที่จ้างมารายวัน กำไรก็มีเข้ามาบ้างแต่ไม่มากเพราะไม่มีการแปรรูปผลไม้นอกจากลูกสาวคนสวยของท่านจะเอามาทำเป็นขนมซึ่งก็ขายดี แต่หลังๆ  มาจอมขวัญไม่ค่อยว่างเพราะมีงานแปลหนังสือเข้ามาทำให้เธอต้องเลิกการทำขนมแต่หลังจากว่างหญิงสาวก็หยุดพักยาวไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน

จอมขวัญอยู่จังหวัดขอนแก่น ครอบครัวจิดากุลมีสมาชิกทั้งหมดเจ็ดคนมีตาเม่น ยายขิม แม่ยิ้ม พ่อตูมตาม จอมขวั และกองทัพซึ่งเป็นน้องชายของจอมขวัญที่ตอนนี้ไปเป็นทหารอยู่ชายแดนประเทศลาว กลับบ้านมาเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และอีกคนคือสมชายเป็นเด็กที่ตาเก็บมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่ของเด็กชายเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตาสงสารเลยนำมาเลี้ยงไว้ตอนนี้อายุสิบสามขวบ วัยกำลังซนแต่ก็เป็นเด็กที่ดี มีความรับผิดชอบพอสมควรช่วยงานตายายตลอดเวลา

บ้านจิดากุลฉลองกันอย่างมีความสุขเมื่อลูกสาวได้งานแล้วก่อนที่วันต่อมาบิดาและมารดาของจอมขวัญจะลงไปส่งเธอที่กรุงเทพฯ และหาหอพักให้เธอ เป็นหอหญิงที่อยู่ติดถนนไม่น่ากลัวมากและเป็นแหล่งชุมชนด้วย ค่าเช่ารายเดือนไม่แพงแถมห้องยังสะอาดทำให้ท่านตกลงให้ลูกสาวอยู่ทันที

“ไม่คิดว่าจะได้มาส่งอยู่กรุงเทพฯ อีก” คุณแม่พูดขึ้นเมื่อกำลังจะกลับไปที่ขอนแก่น จอมขวัญยิ้มให้ก่อนจะจับมือแม่ของตนไว้

“ขวัญจะโทรหาบ่อยๆ  นะคะ”

“จ้ะ หนูอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เธอพยักหน้าตอบรับแล้วกอดผู้เป็นมารดา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดถึงบุพการีแต่เพราะไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอออกมาต่างหาก ยิ่งครั้งนี้เธอต้องอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนรู้ใจอย่างทรายทิพย์อยู่ด้วยทำให้ยิ่งเขวไปใหญ่

“ไม่กอดพ่อหน่อยเหรอ”

จอมขวัญผละออกจากแม่แล้วเข้ากอดพ่อทันทีโดยที่คุณพ่อก็ลูบผมลูกสาวและผลักลูกออก มองใบหน้าที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ

“มีอะไรบอกพ่อได้ตลอดนะ ถ้าใครมารังแกรีบโทรหาพ่อจะเอาปืนมายิงมันถึงนี่เลย”

คำพูดนั้นทำให้เธอหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง สามพ่อแม่ลูกหัวเราะด้วยกัน

หลังจากนั้นบิดามารดาของจอมขวัญก็ขึ้นรถขับออกไปโดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของลูกสาวมองตามไปจนรถกระบะคันใหญ่ลับสายตาเธอจึงเดินขึ้นหอพักขนาดกลางที่มีห้องไม่เยอะ

ห้องของจอมขวัญไม่กว้างเท่าไหร่นักมีโซนเตียงนอนและห้องน้ำขนาดพอดี มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทีวีเท่านั้น แต่แม่ของเธอเอาเครื่องครัวที่ขนมาจากบ้านนิดหน่อยทำให้หญิงสาวมีโซนครัวขนาดเล็กอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ดูแล้วก็ไม่เล็กมากนัก

จอมขวัญจัดห้องให้ดูดีด้วยการประดับตกแต่งที่ประตูด้วยลูกปัดที่เธอทำมา แล้วติดรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เธอชอบไว้ข้างผนัง มีมุมทำงานขนาดพอดีอยู่ข้างหัวเตียง มีของอีกนิดหน่อยแต่พอหญิงสาวทำไปเรื่อยก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานพอสมควรแล้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายออกมานอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะต้องเข้าบริษัทเพื่อไปรายงานตัวแล้ว

เช้าวันต่อมาจอมขวัญตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาวิ่งกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้หอตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอไปรำไทเก็กกับคนแก่แถวนั้นจนสนิทสนมกับคุณตาคุณยายได้รับความเอ็นดู เธอเดินกลับหอพักไม่ลืมแวะซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้กลับมากินอีกด้วย

หลังจากเสร็จภารกิจจอมขวัญก็มองความเรียบร้อยตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอใส่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีครีมทับด้วยเสื้อสูทสำหรับผู้หญิงสีขาวดำแล้วสวมรองเท้าส้นสูงขนาดพอดี กระเป๋าสะพายเรียบร้อยก่อนจะรวบผมยาวสลวยสีดำแบบหางม้าแล้วจึงออกมาจากห้อง

เวลาเช้าตรู่แบบนี้แต่รถภายในเมืองหลวงก็ยังแออัด จอมขวัญขึ้นรถโดยสารเพียงต่อเดียวก็ถึงที่บริษัท เธอลงจากรถแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหารุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน

ปนิธิเป็นปู่รหัสของเธอเพราะเมื่อเธอขึ้นปีหนึ่งเขาก็อยู่ปีสี่แล้วแต่ก็ยังคงติดต่อกันตลอดมาแม้เขาจะจบไปนานแล้วก็ตาม

“พี่ปัน ขวัญอยู่หน้าบริษัทนะคะ” หญิงสาวบอกทันทีและดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรีบอยู่จึงพูดเพียงแค่ให้รออยู่ก่อนแล้วตัดสายไป

จอมขวัญเดินเข้าไปภายในแล้วนั่งรออยู่ที่โซนพักผ่อนด้านหน้า ไม่นานก็เห็นรุ่นพี่ที่คุ้นเคยเดินมาหาด้วยความเร่งรีบ แน่นอนว่าชายหนุ่มพึ่งมาถึงบริษัท

“ทำไมมาเช้าจังเลย ดีนะพี่รีบออกมาไม่อย่างนั้นเราได้รอนานแน่”

“ก็ขวัญตื่นเต้นนี่คะ ตั้งแต่จบมาขวัญเพิ่งมาบริษัทนี้เป็นที่แรก” แม้จะจบมาแล้วสี่ปีแต่เธอก็ไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนนอกจากไปทำงานที่บ้าน

จอมขวัญจบปริญญามาสองใบคือคณะบัญชีของมหาลัยชื่อดังและอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษของมหาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนไว้ หลังเรียนจบจึงกลับบ้านแล้วรับงานแปลมาทำที่บ้าน แต่เมื่อเริ่มเบื่อเธอจึงมาสมัครงานที่นี่ตามคำแนะนำของรุ่นพี่

“พี่เข้าใจ เข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคลก่อนแล้วกันนะ”

แม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแต่ก็มีพนักงานมาบ้างแล้วบางส่วน ระหว่างทางเดินไปขึ้นลิฟต์ทำให้มีคนมองตลอดทาง เมื่อหนุ่มหล่อหัวหน้าแผนกเดินคู่มากับสาวหน้าหวานที่ไม่คุ้นหน้า

“ใครหรือพี่” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยกระซิบเบาๆ  ถามเพื่อนทำงานคู่ใจในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าล็อบบีเพื่อไปยังชั้นทำงานด้านบน

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าอาจจะเป็นพนักงานใหม่ แล้วทำไมคุณปันสุดหล่อถึงต้องยิ้มให้ขนาดนั้นแถมยังมารับด้วยตัวเองอีก ไม่นะ สุดหล่อของพี่” สองสาวพร่ำเพ้อถึงหนุ่มหล่อของบริษัทก่อนจะอ้าปากค้างทันทีเมื่อเจอของจริงเข้าให้

 ชนวีร์เดินเข้ามาภายในบริษัทในเวลาเช้าตรู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสาวแถวนั้นละลายไปตามๆ กัน

“พี่ หนูว่านะถ้าคุณปันหล่ออบอุ่น เจ้านายคนใหม่ของเราก็หล่อแบดบอยสุดๆ เลยละ”

“ใช่ แล้วเธอชอบแบบไหนมากกว่ากันล่ะ”

“ถ้าให้หนูเลือกนะ หนูชอบแบบคุณชนวีร์มากกว่า คนอะไรไม่รู้หล่อแบดบอยสุดๆ  เห็นแล้วอยากถวายชีวิตให้เลย ยอมอยู่ใต้บัญชาตลอดไป” ทำท่าเพ้อจนคนเป็นพี่ต้องห้ามปรามแล้วเริ่มทำงานทันที

ปนิธิพารุ่นน้องมารายงานตัวที่แผนกบุคคลแล้วจึงขึ้นไปยังแผนกบัญชีด้วยกัน เขาแนะนำให้คนในแผนกรู้จักกับจอมขวัญแล้วให้ดาหวันเป็นพี่เลี้ยงดูแลหญิงสาวในการทำงาน ซึ่งดาหวันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้

การทำงานเริ่มต้นขึ้น โต๊ะของจอมขวัญอยู่ข้างๆ ดาหวัน โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะเป็นโต๊ะติดกันขนาดสี่โต๊ะโดยมีผนังขนาดบางกั้นไว้และแซมด้วยกระจกใส ภายในโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารหรือของจิปาถะแล้วแต่เจ้าของโต๊ะจะจัดหามาตกแต่ง

“ทำงานดีใช้ได้เลยนะ” ดาหวันเปิดเอกสารดูผลสรุปงบประมาณกลางปีที่แล้วที่จอมขวัญทำแล้วเอ่ยปากชม หญิงสาวยิ้มรับจนตาปิด

“ขอบคุณค่ะ”

เวลาพักพนักงานทุกคนก็หยุดงานที่ตัวเองทำแล้วต่างชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงที่แคนทีน[1]ชั้นสามของบริษัท

ปนิธิเดินออกจากห้องทำงานตรงมายังสาวสวยที่เก็บของเพื่อเตรียมไปกินข้าวกับดาหวัน พร้อมด้วยวานิสาและอพิญญา

“ไปกินข้าวกันเถอะ”

จอมขวัญหันมายิ้มให้พี่ชายคนสนิทแล้วเดินไปพร้อมกันทั้งห้าคน โดยมีสามสาวรั้งท้ายปล่อยให้จอมขวัญเดินเคียงข้างไปกับปนิธิ

“พี่ดา กิ๊ฟว่านะสองคนนั้นต้องมีซัมติงกันแน่นอน” หญิงสาวช่างเม้าธ์เอ่ยขึ้นและแน่นอนว่าเพื่อนก็เห็นด้วย

“ว่านเห็นด้วย แล้วน้องขวัญก็แสนจะสวย สวยกว่ายายนิต้าอะไรนั่นด้วย นิสัยก็ดีนะถ้าได้กับคุณปันก็เหมาะสมกันที่สุดเลยละ” คำชื่นชมที่เอ่ยมาจาก    ใจจริงของวานิสาทำให้อพิญญาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอชอบจอมขวัญค่อนข้าง  มากทีเดียวกับนิสัยนอบน้อมและยิ้มง่ายนั้น

เดินมาถึงยังแคนทีน ปนิธิก็พาจอมขวัญไปซื้อข้าวแล้วมานั่งรอสามสาวที่โต๊ะ เมื่อครบแล้วจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข โดยมีสองสาวช่างพูดอย่างวานิสาและอพิญญาเป็นผู้กุมการสนทนาทั้งหมดไปโดยปริยาย พร้อมทั้งถามเรื่องราวตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยที่ปนิธิเป็นตัวแทนเดือนคณะแต่พลาดวันประกวดเดือนมหาวิทยาลัย เพราะชายหนุ่มท้องเสียอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ทำให้พลาดตำแหน่งนั้นไปอย่างน่าเสียดาย ว่ากันว่าเขาเป็นตัวเก็งของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

“คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว ขอนิต้าคุยด้วยได้ไหมคะ” แขกไม่ได้รับเชิญพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่จอมขวัญ

“อ้าว!  นิต้าก็ว่าคุ้นๆ ที่แท้ก็ขวัญนี่เอง มาทำงานที่นี่หรือจ้ะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาสองสาวช่างพูดต้องหันมามองหน้ากันแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายทันที

“ใช่ เราไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนิต้าที่นี่”

“อ่อ แน่นอนสิจ้ะ ก็พอจบมาบริษัทก็เรียกตัวนิต้ามาทำงานเลยไม่เหมือนขวัญได้ข่าวว่าไม่มีงานทำไปอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงหรือเปล่านะ” แม้สีหน้าที่พูดจะออกตลกแต่แววตาและน้ำเสียงพ่วงด้วยคำพูดเต็มไปด้วยการจิกกัดเต็มที่ทำให้บรรยากาศโต๊ะเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ขวัญอิ่มแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” ปนิธิกล่าวเสียงเข้มแล้วลุกขึ้นนำจานข้าวของตนเองและจอมขวัญเดินไปเก็บโดยที่รุ่นน้องคนสวยทำเพียงเดินตามมาเงียบๆ เท่านั้น

จอมขวัญไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เธอเลยไม่คิดที่จะโต้แย้งอะไร ถ้าทรายทิพย์อยู่ด้วยก็คงดีเพราะอีกฝ่ายคงแก้ต่างให้เธอไปแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนของเธอไม่อยู่แล้ว

“ขวัญอย่าไปใส่ใจเลยนะ”

“ไม่หรอกพี่ปัน ขวัญไม่คิดมากอยู่แล้วค่ะ ก็ขวัญไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย”

ทำไมปนิธิจะไม่รู้ว่าแม้รุ่นน้องจะบอกไม่คิดมากแต่เธอก็ยังเก็บเอาไปคิดอยู่ดี เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พาเธอมาซื้อของที่ช็อปของบริษัทด้านปีกซ้ายของชั้นเดียวกันกับแคนทีน

“ขวัญ ท่านประธานเรียกพบตอนบ่ายนะ” ดาหวันเดินมาบอกรุ่นน้องหลังจากได้รับสายจากเลขาหน้าห้องของท่านประธาน

จอมขวัญแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเลือกซื้อขนมปังและนมไว้กินตอนหิวในช่วงบ่ายเท่านั้น

กลับไปยังห้องที่ทำงานจอมขวัญก็วางสัมภาระของตนเองไว้ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของอาคาร เพื่อที่จะเข้าพบท่านประธาน เธอมาถึงก็เจอเลขาหน้าห้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารที่ได้รับมอบหมายอยู่

“ขอโทษนะคะ มาหาท่านประธานค่ะ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเลขาที่อายุกลางคนก็ขยับแว่นสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำเอาจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีครูปกครองมาตรวจเครื่องแต่งกายสมัยมัธยม

“คุณจอมขวัญใช่ไหมคะ”

“ค่ะ”

“เชิญในห้องเลยค่ะ”

จอมขวัญก้มหัวให้แล้วเคาะประตูสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปภายในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในแบบฉบับของผู้ชาย ผนังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้ท่านประธานก็กำลังยืนมองดูตึกไล่ระดับต่ำสูงภายนอกอยู่ เขาสวมสูทสีเทากับกางเกงสแล็กเนื้อดี รองเท้าถูกขัดเงาวับ

“เชิญนั่ง”

น้ำเสียงที่ทรงพลังทำให้จอมขวัญเริ่มเกร็ง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของประธานบริษัท

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จอมขวัญ”

สิ้นเสียงคนพูด ใบหน้าหวานก็ตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มหันมาใบหน้าที่คุ้นเคยมานานนับหลายปีก็ปรากฏขึ้น

“คุณวีร์” เธอเอ่ยแผ่วเบา

เขามองมาที่จอมขวัญหน้านิ่งจนไม่อาจจะคาดเดาความรู้สึกได้ ชายหนุ่มยังจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอทำอะไรไว้กับคนรักของเขาบ้าง

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ”

แววตาของเขานิ่งจนจอมขวัญอดรู้สึกกลัวไม่ได้ ถ้าเขาแสดงอารมณ์ออกมาอีกสักนิดเธอคงจะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งราวกับยอมจำนนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ค่ะ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอคุณที่นี่” เพราะเธอจำได้ว่าธุรกิจของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสินค้าการส่งออกทางการเกษตรเลยแม้แต่น้อย

“ฉันเป็นประธานบริษัทและหวังว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเจริญ รุ่งเรืองขึ้น”

“ค่ะ”

การพบกันครั้งนี้ไม่มีประโยคสนทนาอะไรต่อ ชนวีร์นั่งลงที่เก้าอี้ของตำแหน่งประธานบริษัท ชายหนุ่มมองผู้หญิงหน้าสวยที่ใจเหี้ยมตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเพียงน้อยนิด

“ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน เธอคงไม่โกงบริษัทฉันแน่ใช่ไหม”

“แน่นอนค่ะ”

เมื่อหญิงสาวรับคำด้วยท่าทางแข็งขันเขาก็พยักหน้าช้าๆ  ก่อนจะบอกให้เธอกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

จอมขวัญค้อมตัวก่อนจะเดินออกไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันผสมกันไปหมดจนแยกแทบไม่ออก ทั้งกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งกังวล มันเป็นไปด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน

ต่างจากอีกคนที่นั่งในห้องเขามีความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่มีต่อเธอตอนนี้

“แล้วเธอจะได้เจอนรกที่แท้จริง จอมขวัญ”

[1] Canteen โรงอาหาร

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • กลซ่อนรัก   ตอนพิเศษ ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วน

    ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น

  • กลซ่อนรัก   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต

  • กลซ่อนรัก   ๒๕ จากนี้และตลอดไป

    ๒๕จากนี้และตลอดไปการเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่นของชนวีร์ทำให้เขาเมื่อยล้ากว่าที่คิดมากนัก เขานั่งเครื่องบินบ้างและให้คนขับรถให้บ้างสลับกันไปงานที่บริษัทก็หนัก บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่องานกับลูกค้า เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็จะครบสามเดือน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันนานเหลือเกินอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำงานหลายอย่างก็เป็นได้วันนี้ชนวีร์เคลียร์งานทุกอย่างแล้วขับรถมาขอนแก่นเพียงลำพังไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา“สวัสดีครับ” เขาแวะเข้ามาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อทักทายสวัสดีก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมโล่งซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชินกับมันเสียแล้ว ลมธรรมชาติเย็นสดชื่นเสียยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก“มาเสียค่ำเชียว กินข้าวกินปลาหรือยัง” แม่ยิ้มเอ่ยถามเพราะตอนนี้ครอบครัวของนางกำลังจะรับประทานอาหารจอมขวัญที่ถือข้าวมาก็หันมามองเขาสักครู่ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ชนวีร์มองหน้าหล่อนแล้วก็ชื่นใจ แค่เห็นเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ยังเลยครับ” กะจะพูดต่อว่าขอฝากท้องด้วยแต่พ่อตูมตามก็เดินมามองตาขวางเสียก่อน“งั้นเอ็งก็มากินด้วยกัน จะได้รีบกลับไปอาบน้ำ

  • กลซ่อนรัก   ๒๔ บทพิสูจน์

    ๒๔บทพิสูจน์วันต่อมาชนวีร์ก็ยังกลับมาที่หน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แปลกที่เขาได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ดวงตาเรียวสำรวจรอบบ้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีรูปครอบครัววางไว้บ้างในบางมุม เขาดูรูปจอมขวัญตอนเด็กแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อคิดว่า..ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเพียงใดเพื่อเขา แล้วต่อจากนี้ไปเขาจะตอบแทนด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตเอง“นั่งลงสิ จะยืนอีกนานไหม” ตาเม่นพูดเสียงเข้มแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จอมขวัญขอตัวออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทนที่จะเห็นหน้าเขาในบ้านของตัวเอง ตอนนี้จึงมีตาเม่น ยายขิม พ่อตูมตาม แม่ยิ้ม แล้วก็กองทัพเท่านั้น“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแต่บุรุษสองคนกลับไม่ยอมรับจนเขาอดหน้าเสียไม่ได้“สวัสดีนะครับ ผมกองทัพน้องชายของพี่ขวัญ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นเลย..แน่นอนละถ้าไม่เห็นว่าพี่สาวของเขารักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนคงไม่มีวันที่เขาจะยอมยกจอมขวัญให้หรอก“ครับ ผมชนวีร์” เขาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนที่พ่อตูมตามจะเอ่ยขึ้นมา“เอาละ ที่ผมยอมให้คุณเข้ามาไม่ได้มาจากความเต็มใจเลย”

  • กลซ่อนรัก   ๒๓ จนกว่าเธอจะใจอ่อน

    ๒๓จนกว่าเธอจะใจอ่อน“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงแม่ยิ้มเอ่ยถามสามีตนเองด้วยความผิดหวังหลังจากเพื่อนบ้านมาถามไถ่ถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้านสามีของนางเอาปืนยิงชายหนุ่มตัวสูง เธอเดาได้ทันทีว่าคนที่กล่าวถึงเป็นใครก่อนจะตามมาถามสามีถึงในไร่“ทำอะไรแม่” กำลังคุมคนงานอยู่ก็ต้องหันมาถามภรรยาที่รักว่าเกิดอะไรขึ้น“พ่อยิงคุณชนวีร์ใช่ไหม” ถามเสียงเครียดแต่พ่อตูมตามกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“แค่ถากไม่โดนหรอก” ตอบมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตนเองทำแม้ว่าจริงๆ แล้วจะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ด้วยทิฐิที่มีมากจึงทำเป็นนิ่งเฉย“แล้วถ้าเขาฟ้องพ่อจนติดคุกติดตารางขึ้นมา จะทำยังไง ทำไมไม่คิดบ้างนะ หัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง” ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสียกับสามี..ปกติเป็นคนอ่อนโยนแท้ๆ แต่ทว่ามาคราวนี้กลับมุทะลุจนคนเป็นเมียตามแทบไม่ทัน เข้าใจแล้วก็วันนี้ว่าเหนือพ่อของตนเองยังสามีที่หวงลูกสาวมากขนาดไหน“พ่อขอโทษจ้ะแม่”“คนที่พ่อควรขอโทษไม่ใช่แม่ ไปขอโทษคุณวีร์เขานู่น” ว่าจบก็ไม่ฟังคำตอบอะไรอีกแม่ยิ้มเดินออกมาจากสวนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีปล่อยผู้ใหญ่บ้านมองตามตาละห้อย..ทะเลาะกับเมียไม่เว้นวันจริงๆ ไอ้ตูมตามเอ๊ย“ไม่มีทางหรอก” ว่าแ

  • กลซ่อนรัก   ๒๒ ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหด

    ๒๒ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหดร่างหนาบนเตียงเริ่มขยับ ทำให้คนที่เฝ้าหันไปมองด้วยความสนใจทันที ตาเรียวยาวค่อยๆ ปรือมองบริเวณโดยรอบก่อนจะเห็นคนที่นั่งเฝ้าก็อดถอนหายใจไม่ได้..ไม่เคยได้ญาติดีกันเลยแต่คราวนี้ทำไมคนที่เฝ้าเขาดันเป็นลูกน้องที่แอบหลงรักเมียเขาไปเสียนี่“หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนให้พอ ฉีดยาให้แล้วเพราะคุณเป็นไข้ อ่อนเพลีย”สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับจะหยั่งเชิงกันและกันเป็นปนิธิที่ถอนหายใจออกมาเสียก่อน เขาลุกออกไปทิ้งไว้เพียงชนวีร์ที่มองตามก่อนจะเริ่มสังเกตโดยรอบว่าที่นี่เป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ มีที่นอนเหมือนห้องพยาบาลที่โรงเรียน มีเพียงม่านกั้นเตียง เตียงก็เล็กประมาณสามฟุต อยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับล้าไปหมดเลยทำได้เพียงแค่นั่งพิงหัวเตียง มองด้านข้างก็เห็นน้ำเปล่าเขาจึงดื่มเข้าไปด้วยความกระหาย“ที่ผมมาหาขวัญวันนี้ก็กะว่าจะเอาของสำคัญมาให้เขา แต่ผมคิดว่าคนที่ควรจะได้มันน่าจะเป็นคุณ” สมุดเล่มหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าตักชนวีร์“ขอให้หายเร็วๆ นะครับท่านประธาน แล้วเจอกันที่ทำงาน” ร่างสูงกล่าวจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่กลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ “ขวัญเขารักคุณมากนะ ถ้าคุณได้โอกาสจากเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status