บทนำ
ภายในร้านเวดดิ้งสุดหรู มีคู่รักกำลังมาเลือกลองชุดแต่งงาน ชายหนุ่มนั้นดูหล่อเหลาในชุดทักซิโดสีขาวและหญิงสาวที่สวยพริ้มในชุดเจ้าสาวสีขาวแสนบริสุทธิ์ แววตาที่เจ้าบ่าวมองไปยังเจ้าสาวแสดงถึงความรักที่คนรอบข้างสามารถรับรู้ได้และดูเหมือนทุกคนจะอิจฉายิ่งนัก
“ทรายเหนื่อยไหม” เจ้าบ่าวแสนหล่อของเธอถาม
ทรายทิพย์ส่ายหน้าพร้อมกับนำผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของตนมาซับหน้าให้คนรักทันทีเมื่อเห็นเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าของเขา
“ไม่ค่ะ คนที่เหนื่อยดูจะเป็นพี่วีร์มากกว่านะ ดูสิเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด” เธอว่าพลางอมยิ้มเล่นเอาชนวีร์ถึงกับต้องหอมแก้มเจ้าสาวเป็นรางวัล ทรายทิพย์เขินแก้มแดงแล้วทุบไหล่เขาเบาๆ หนึ่งที
“ใส่พอดีใช่ไหมคะ” เจ้าของร้านที่มาดูแลด้วยตัวเองเข้ามาถาม ซึ่งเจ้าสาวก็ตอบกลับไปว่าได้ จึงต้องพูดคุยเรื่องราคากันต่อไป
ทั้งสองเปลี่ยนชุดแล้วลงไปชั้นล่างของร้านที่เป็นร้านเวดดิ้งที่หรูที่สุด ชนวีร์เดินจับมือเจ้าสาวของเขาตลอดไม่ปล่อย
ทรายทิพย์เป็นเด็กกำพร้าที่แม่เขาซึ่งล่วงลับไปแล้ว นำมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเขาก็เอ็นดูหญิงสาวเหมือนน้องจนเคยชิน แต่เมื่อตอนเรียนปริญญาโทที่อเมริกาเขาคิดถึงน้องน้อยของเขายิ่งนัก จนอยากจะบินกลับมาทุกวันและไม่นานเขาก็ค้นพบว่าภายในใจของเขามีหญิงสาวเต็มไปหมด เมื่อกลับมาเขาก็สารภาพรักและรู้ว่าเธอก็ใจตรงกับเขา ชนวีร์ไม่รอช้าที่จะขอทรายทิพย์เป็นแฟนและเมื่อเขาเรียนจบปริญญาเอกกลับมาบริหารงานเขาก็ได้ขอเธอแต่งงานทันที
สองสัปดาห์ผ่านไป
หลังจากไปลองชุดมา ทรายทิพย์มีอาการป่วย เธอเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยจนชนวีร์กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป จึงมาดูแลอย่างใกล้ชิดและมีเพื่อนของทรายทิพย์มาช่วยดูแลด้วยนั่นก็คือจอมขวัญ ซึ่งเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มหาวิทยาลัย
“พี่วีร์ไปทำงานเถอะค่ะ ทรายอยู่กับขวัญได้”
ชนวีร์จับมือแฟนสาว ก่อนจะจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักทำเอาจอมขวัญต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้ข้างใน แม้อยากจะเบือนหน้าหนีมากแค่ไหนก็ต้องฝืนยิ้มให้เพื่อนและบอกตัวเองในใจว่า
..ไม่เป็นไร เขารักกัน
“เดี๋ยวพี่กลับมาหานะ ทรายรอกินข้าวเย็นกับพี่ด้วย”
ร่างบางพยักหน้ารับเท่านั้น ชนวีร์จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมามองจอมขวัญสักนิด
..เธอน่าจะชินได้แล้วแต่ในใจก็ยังคงจะเจ็บปวดอยู่ดี เจ็บปวดที่นอกจากเขาจะไม่รักเธอ เขายังเกลียดเธอมากอีกด้วย
“ขวัญ ทรายขอบคุณมากนะ”
เพื่อนสนิทที่สุดของทรายทิพย์ก็เห็นจะมีเพียงจอมขวัญไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนไม่ดี แต่เพราะเธอรวยมากจนหาเพื่อนที่จริงใจอย่างจอมขวัญไม่ได้ต่างหาก
“ขอบคุณอะไรแค่นี้เองนะ ขวัญทำให้ทรายได้อยู่แล้วเพราะทรายเป็นเพื่อนที่ขวัญรักมากไง” ยิ้มตาปิดจนทรายทิพย์อดยิ้มตามเพื่อนไม่ได้
หญิงสาวเอามือจับมือจอมขวัญก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ขวัญ ทรายรู้นะว่าขวัญคิดยังไงกับพี่วีร์” น้ำเสียงที่พูดออกมาไม่ได้มีความโกรธอยู่เลยสักนิด ทำเอาจอมขวัญถึงกับตกใจที่เพื่อนรู้เรื่องและดูเหมือนว่าเพื่อนรักจะยอมรับในเรื่องนี้ได้พอสมควรเพราะทรายทิพย์ไม่โกรธหรือโวยวายอะไรออกมาเลย
“ขวัญขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม ทรายไม่ได้โกรธและทรายรู้ว่าตอนนี้ทรายคงไม่ได้ใช้ชีวิตคู่กับพี่วีร์แล้ว” คนพูดเสียงเศร้าอย่างเห็นได้ชัดและความจริงที่ออกมาจากปากของเพื่อนรักทำให้จอมขวัญยิ่งตกใจ
..หมายความว่าอย่างไรกันที่ทรายทิพย์พูด
“ไม่นะ ทรายต้องอยู่กับพี่วีร์ เป็นคู่รักที่รักกันมากที่สุด ทรายต้องไม่เป็นอะไรเชื่อขวัญนะ” แม้เธอจะพูดอย่างนั้นแต่ทรายทิพย์ก็ยังคงส่ายหน้าราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ทรายขี้โรคมาตั้งแต่เด็กแล้ว และทรายคิดว่าตอนนี้ทรายคงอยู่ได้ไม่นาน ขวัญจ๋า” น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอเสียใจที่ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้ไม่นาน
“ขวัญต้องดูแลพี่วีร์แทนทรายนะ รับปากนะ” คำขอร้องของเพื่อนยิ่งสร้างความตกใจให้จอมขวัญเข้าไปอีก
“ทราย ทำไม”
“ไม่มีใครรักพี่วีร์เท่าขวัญหรอก บางครั้งทรายคิดว่าขวัญอาจจะรักพี่วีร์มากกว่าทรายด้วยซ้ำ ขอร้องนะ ดูแลพี่วีร์แทนทรายด้วย”
“ไม่ ทรายต้องไม่เป็นอะไรนะ เชื่อขวัญสิ”
ทรายทิพย์ไม่ตอบแต่น้ำตายังไหลไม่หยุด เธอรู้ตัวเองดีและตอนนี้เธอก็อยากให้เพื่อนรักรับปากว่าจะดูแลคนที่เธอรักให้ด้วยเช่นกัน
“รับปากเถอะนะ ทรายง่วงแล้ว”
“ทราย”
“พูดสิขวัญ รับปากทราย”
ด้วยความที่เพื่อนรักคาดคั้นและเธอไม่อยากทำร้ายน้ำใจทรายทิพย์จึงต้องพยักหน้าตกลง ทรายทิพย์ยิ้มออกมาทันที
“ขอบคุณนะ”
ดูแล้วเพื่อนเธอจะผ่อนคลายมากขึ้น เสียงโทรศัพท์ของจอมขวัญดังขึ้นและเธอก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจเพราะน้องชายที่เป็นญาติห่างๆ ของเธอถูกตำรวจจับ หญิงสาวขอไปหาน้องชาย ทรายทิพย์ก็พยักหน้าแล้วหลับไปทันที
ตกเย็น
เพราะมีประชุมทำให้เลิกงานช้า ชนวีร์รีบเดินลงจากรถอย่างรวดเร็วแล้วยื่นเสื้อสูทให้แม่บ้านที่มารอต้อนรับก่อนจะใส่ สลิปเปอร์เข้าไปภายในบ้าน
“ทราย!” เสียงจอมขวัญดังขึ้นทำให้เขามองไปที่บันไดก็ต้องตกใจ เมื่อร่างของทรายทิพย์กลิ้งตกลงมาและมากองอยู่เบื้องหน้าของเขา ชายหนุ่มชะงักก่อนจะตั้งสติได้แล้วรีบวิ่งไปหาคนรักทันที
“ทราย! พี่มาแล้ว ทรายอย่าเป็นอะไรนะ พี่จะพาทรายไปโรงพยาบาลเอง” เขาช้อนตัวแฟนสาวขึ้นแต่ทรายทิพย์กลับรั้งเขาไว้
จอมขวัญที่ตามมาก็ดูจะตกใจมากเมื่อเห็นเพื่อนรักนอนหายใจแผ่วอยู่ในอ้อมกอดของชายที่รัก
“ไม่ ทราย โดน วาง ยา” เธอพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายบอกกับคนรักแล้วมองไปที่เพื่อนรักของเธอ
ชนวีร์ได้ยินทุกคำก่อนจะมองไปที่จอมขวัญด้วยเช่นกัน
“รัก” คำสุดท้ายที่บอกกับชนวีร์ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะหมดสติไป
“ทราย! ทรายตื่นสิ มาคุยกับพี่ก่อน นายหอม! ! ! ออกรถ พาคุณทรายไปโรงพยาบาล” เขาอุ้มแฟนตัวเองไปโรงพยาบาลทันที แม้ว่าลมหายใจของทรายทิพย์จะแผ่วลงมากแล้วก็ตาม
จอมขวัญขับรถตามไปไม่ห่าง
เมื่อถึงโรงพยาบาลเขาติดต่อหมอและต้องการให้ดูแลแฟนเขาด่วนที่สุด ทีมแพทย์ต่างเข้าทำการรักษาโดยมีชนวีร์ยืนรอด้านนอก พอดีกับที่จอมขวัญวิ่งตามมา ชายหนุ่มหันมองผู้มาใหม่ด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะเดินไปผลักหญิงสาวติดกำแพงทำเอาคนรอบข้างถึงกับสะดุ้ง
“เธอทำอะไรทราย!” เสียงตะคอกที่ดังทำให้พยาบาลต้องเข้ามาแยกเขาออกจากหญิงสาวแต่ด้วยแรงของผู้ชายที่มหาศาลเขาสะบัดหลุดออกมาก่อนจะตรงเข้าหาจอมขวัญ
“เธอเป็นคนฆ่าทราย เธอผลักแฟนฉันตกลงมา!” ดวงตาแดงก่ำเขากำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
จอมขวัญร้องไห้ ใจสั่นทั้งกลัวผู้ชายตรงหน้าและกลัวว่าเพื่อนรักจะเป็นอะไรไป
“ขวัญเปล่า” พูดได้แค่นั้นเขาก็ตรงเข้ามาบีบคอเธอทันทีสร้างความตกใจให้พยาบาลและญาติคนไข้ที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งหมดพยายามเข้ามาแยกชายหนุ่มออกเพราะกลัวว่าผู้หญิงจะได้รับอันตรายจากอารมณ์ในตอนนี้ของเขา
“โกหก! ฉันจะจับเธอเข้าคุกถ้าทรายเป็นอะไรไป ปล่อย!” พูดจบเขาก็สะบัดตัวหลุดแล้วเดินออกห่างจากเธอ
จอมขวัญทรุดตัวลงร้องไห้โดยมีพยาบาลเดินเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเพียงส่ายศีรษะก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” ดูจากสีหน้าของหมอแล้วจอมขวัญก็ได้แต่ภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง
“หมอช่วยสุดความสามารถแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เธอเสียชีวิตแล้ว” สิ้นคำพูดของหมอจอมขวัญก็แทบหมดแรง
“หมอพูดเล่นรึเปล่า วันนี้เธอยังคุยกับผมอยู่เลย เธอยังบอกว่าจะรอกินข้าวพร้อมผม” เขาตะคอกเสียงดัง คุณหมอไม่มีทีท่าโกรธเพราะเข้าใจในความเสียใจที่ไม่ทันตั้งรับของหนุ่มผู้นี้ดี
“เธอมีโรคเยอะ เราพยายามเต็มที่แล้วครับ” พูดจบหมอก็เดินออกไปพร้อมกับที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ร่างไร้วิญญาณที่มีผ้าปิดหน้าไว้ถูกเข็นออกมา
ชนวีร์รีบวิ่งไปหาทันทีก่อนจะเปิดผ้าคลุมออกจากใบหน้าหวานที่เขาคุ้นเคย แต่ตอนนี้ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดกลับซีดเซียว
“ทราย ตื่นขึ้นมาคุยกับพี่สิครับ เรายังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะ” มือหนาไล้ไปตามใบหน้าที่ซีดเซียว
จอมขวัญที่มองอยู่ก็ปิดปากร้องไห้ เพื่อนรักของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้วถ้าเพียงแค่เธออยู่กับเพื่อนเรื่องมันคงไม่เกิดขึ้น
“ฮึก ทราย พี่รักทรายนะ ตื่นมาเร็วคนดี อย่าทิ้งพี่ไป” น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
..แม่ทิ้งเขาไปแล้วผู้หญิงที่เขารักมากสุดอย่างทรายทิพย์ ยังทิ้งเขาไปอีกคน
“เพราะเธอ! เธอเป็นคนฆ่าทราย เธอมันฆาตกร ฉันจะจับเธอเข้าคุก!” ชายหนุ่มหันมาตวาดจอมขวัญที่ยืนหน้าซีดอยู่ก่อนจะเดินตามบุรุษพยาบาลไปโดยไม่ลืมทิ้งสายตาที่อาฆาตไว้
..แค้นนี้เขาต้องชำระผู้หญิงสองหน้าคนนั้นจะต้องตกนรกทั้งเป็น เธอจะต้องไม่พบกับชีวิตที่มีความสุข เขาจะแก้แค้นให้คนรักของเขาเอง
ทรายพี่จะทำให้คนที่ฆ่าทรายรับโทษอย่างสาสม..
ตอนพิเศษ...รักวุ่นๆ ของหนุ่มตัวอ้วนเด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้งอแงเพราะโดนพี่ชายคนกลางแกล้ง แขนเล็กพยายามจะตีพี่ชายแต่อีกฝ่ายก็ทำท่ายึกยักจะโดนก็ไม่โดนพอเธอเอามือออกพี่ชายก็เข้ามาใกล้“กาง กาง ฮือ” ยังพูดเป็นประโยคไม่ได้แต่เธอก็พยายามจะสื่อสารออกมา“ตากลางแกล้งอะไรน้องอีกล่ะลูก” คุณแม่คนสวยเดินเข้ามาหาลูกสาวคนเล็กในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย อันที่จริงเธอกับสามีซื้อให้ลูกไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่เป็นของพี่ๆ ที่ตกทอดมาสู่น้อง และบริษัทคู่ค้าของสามีก็ขยันส่งของมาดีเหลือเกินจนห้องเต็มไปด้วยของเล่นเด็กแทบไม่มีที่จะเดินแล้ว“เปล่านะครับแม่ กลางแค่มาหยอกน้องเอง น้องจะหัวเราะอารมณ์ดีไง” เด็กแสบยิ้มประจบมารดาหลังจากที่เธออุ้มลูกสาวพลางลูบหลังปลอบจนเด็กน้อยคลายความหงุดหงิดที่พี่ชายมากวน“แม่ ตี ตีกาง” ยายน้องหรือคุณหนูลูกจัน จันทนิภา กิจขจรไพศาลเด็กหญิงวัยสองขวบที่เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำบอกแม่ให้ทำโทษพี่ชายตัวเอง“ตีหรือคะ พี่กลางแกล้งหนูใช่ไหม” คุณแม่หันมาถามซึ่งสาวน้อยก็พยักหน้าทันที“อะไรกัน พี่ไม่ได้แกล้งน้องสักหน่อย”“เดี๋ยวเถอะตากลาง แม่จะไม่ทำขนมให้ลูกกินนะครับ”ได้ยินแม่ขู่แบบนั้น
บทส่งท้ายหลังจากผ่านเรื่องร้ายต่างๆ มา ชนวีร์ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัว จอมขวัญอย่างเป็นทางการเมื่อเขาหายจากอาการบาดเจ็บพอที่จะเดินเหินสะดวกแล้ว พร้อมทั้งยังพูดเรื่องแต่งงานกับเธออีกด้วยแต่ครอบครัวจิดากุลบอกว่าทางบ้านถือเรื่องแต่งงานทั้งที่ยังท้องว่าจะทำให้เลิกกันจึงบอกให้รอลูกออกมาเสียก่อนค่อยจัดงานแต่ง ซึ่งก็มีทั้งที่บ้านของฝ่ายหญิงก่อนจะมาฉลองที่บ้านฝ่ายชายด้วยเช่นกัน“ขวัญเป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมา หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าคมเข้มมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มเพราะวิ่งขึ้นบันไดมา รอลิฟต์ก็แสนจะช้าไม่ทันใจคุณพ่อมือใหม่ตอนนี้ครอบครัวจอมขวัญรอหน้าห้องคลอดมีทั้งพ่อตูมตาม แม่ยิ้ม ยายขิม ตาเม่นและกองทัพซึ่งลาหยุดเพื่อมาดูหน้าหลานคนแรกโดยเฉพาะ“ไม่รู้เหมือนกัน รอนานแล้วยังไม่ออกมาเลย” แม่ยิ้มตอบด้วยความกังวล“น้ำไหมพี่” กองทัพเอ่ยทักก่อนยื่นน้ำเปล่าให้ชนวีร์เขารับแล้วกรอกเข้าปากทันทีด้วยความเหนื่อยอีกทั้งตื่นเต้นด้วยว่าลูกจะออกมาหน้าตาอย่างไร แข็งแรงไหม จะหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ ตอนจอมขวัญท้องเขาดูแลไม่ห่างซื้อหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะรอบรู้มากกว่าคุณแม่เสียอีก“ขอบใจมาก” เขาต
๒๕จากนี้และตลอดไปการเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ กับขอนแก่นของชนวีร์ทำให้เขาเมื่อยล้ากว่าที่คิดมากนัก เขานั่งเครื่องบินบ้างและให้คนขับรถให้บ้างสลับกันไปงานที่บริษัทก็หนัก บางครั้งก็ต้องบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่องานกับลูกค้า เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็จะครบสามเดือน แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันนานเหลือเกินอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำงานหลายอย่างก็เป็นได้วันนี้ชนวีร์เคลียร์งานทุกอย่างแล้วขับรถมาขอนแก่นเพียงลำพังไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา“สวัสดีครับ” เขาแวะเข้ามาที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อทักทายสวัสดีก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ที่กระท่อมโล่งซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชินกับมันเสียแล้ว ลมธรรมชาติเย็นสดชื่นเสียยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศเสียอีก“มาเสียค่ำเชียว กินข้าวกินปลาหรือยัง” แม่ยิ้มเอ่ยถามเพราะตอนนี้ครอบครัวของนางกำลังจะรับประทานอาหารจอมขวัญที่ถือข้าวมาก็หันมามองเขาสักครู่ก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ชนวีร์มองหน้าหล่อนแล้วก็ชื่นใจ แค่เห็นเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว“ยังเลยครับ” กะจะพูดต่อว่าขอฝากท้องด้วยแต่พ่อตูมตามก็เดินมามองตาขวางเสียก่อน“งั้นเอ็งก็มากินด้วยกัน จะได้รีบกลับไปอาบน้ำ
๒๔บทพิสูจน์วันต่อมาชนวีร์ก็ยังกลับมาที่หน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แปลกที่เขาได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ดวงตาเรียวสำรวจรอบบ้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีรูปครอบครัววางไว้บ้างในบางมุม เขาดูรูปจอมขวัญตอนเด็กแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อคิดว่า..ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเพียงใดเพื่อเขา แล้วต่อจากนี้ไปเขาจะตอบแทนด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตเอง“นั่งลงสิ จะยืนอีกนานไหม” ตาเม่นพูดเสียงเข้มแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จอมขวัญขอตัวออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทนที่จะเห็นหน้าเขาในบ้านของตัวเอง ตอนนี้จึงมีตาเม่น ยายขิม พ่อตูมตาม แม่ยิ้ม แล้วก็กองทัพเท่านั้น“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแต่บุรุษสองคนกลับไม่ยอมรับจนเขาอดหน้าเสียไม่ได้“สวัสดีนะครับ ผมกองทัพน้องชายของพี่ขวัญ” ลูกชายคนเดียวของบ้านแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรอยู่ในนั้นเลย..แน่นอนละถ้าไม่เห็นว่าพี่สาวของเขารักผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนคงไม่มีวันที่เขาจะยอมยกจอมขวัญให้หรอก“ครับ ผมชนวีร์” เขาเอ่ยแนะนำตัวบ้างก่อนที่พ่อตูมตามจะเอ่ยขึ้นมา“เอาละ ที่ผมยอมให้คุณเข้ามาไม่ได้มาจากความเต็มใจเลย”
๒๓จนกว่าเธอจะใจอ่อน“พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง” เสียงแม่ยิ้มเอ่ยถามสามีตนเองด้วยความผิดหวังหลังจากเพื่อนบ้านมาถามไถ่ถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้านสามีของนางเอาปืนยิงชายหนุ่มตัวสูง เธอเดาได้ทันทีว่าคนที่กล่าวถึงเป็นใครก่อนจะตามมาถามสามีถึงในไร่“ทำอะไรแม่” กำลังคุมคนงานอยู่ก็ต้องหันมาถามภรรยาที่รักว่าเกิดอะไรขึ้น“พ่อยิงคุณชนวีร์ใช่ไหม” ถามเสียงเครียดแต่พ่อตูมตามกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร“แค่ถากไม่โดนหรอก” ตอบมาอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตนเองทำแม้ว่าจริงๆ แล้วจะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ด้วยทิฐิที่มีมากจึงทำเป็นนิ่งเฉย“แล้วถ้าเขาฟ้องพ่อจนติดคุกติดตารางขึ้นมา จะทำยังไง ทำไมไม่คิดบ้างนะ หัวมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง” ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสียกับสามี..ปกติเป็นคนอ่อนโยนแท้ๆ แต่ทว่ามาคราวนี้กลับมุทะลุจนคนเป็นเมียตามแทบไม่ทัน เข้าใจแล้วก็วันนี้ว่าเหนือพ่อของตนเองยังสามีที่หวงลูกสาวมากขนาดไหน“พ่อขอโทษจ้ะแม่”“คนที่พ่อควรขอโทษไม่ใช่แม่ ไปขอโทษคุณวีร์เขานู่น” ว่าจบก็ไม่ฟังคำตอบอะไรอีกแม่ยิ้มเดินออกมาจากสวนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีปล่อยผู้ใหญ่บ้านมองตามตาละห้อย..ทะเลาะกับเมียไม่เว้นวันจริงๆ ไอ้ตูมตามเอ๊ย“ไม่มีทางหรอก” ว่าแ
๒๒ลูกเขยไม่ซ่าเพราะพ่อตาสุดโหดร่างหนาบนเตียงเริ่มขยับ ทำให้คนที่เฝ้าหันไปมองด้วยความสนใจทันที ตาเรียวยาวค่อยๆ ปรือมองบริเวณโดยรอบก่อนจะเห็นคนที่นั่งเฝ้าก็อดถอนหายใจไม่ได้..ไม่เคยได้ญาติดีกันเลยแต่คราวนี้ทำไมคนที่เฝ้าเขาดันเป็นลูกน้องที่แอบหลงรักเมียเขาไปเสียนี่“หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนให้พอ ฉีดยาให้แล้วเพราะคุณเป็นไข้ อ่อนเพลีย”สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับจะหยั่งเชิงกันและกันเป็นปนิธิที่ถอนหายใจออกมาเสียก่อน เขาลุกออกไปทิ้งไว้เพียงชนวีร์ที่มองตามก่อนจะเริ่มสังเกตโดยรอบว่าที่นี่เป็นเพียงสถานีอนามัยเล็กๆ มีที่นอนเหมือนห้องพยาบาลที่โรงเรียน มีเพียงม่านกั้นเตียง เตียงก็เล็กประมาณสามฟุต อยากจะลุกขึ้นแต่ร่างกายกลับล้าไปหมดเลยทำได้เพียงแค่นั่งพิงหัวเตียง มองด้านข้างก็เห็นน้ำเปล่าเขาจึงดื่มเข้าไปด้วยความกระหาย“ที่ผมมาหาขวัญวันนี้ก็กะว่าจะเอาของสำคัญมาให้เขา แต่ผมคิดว่าคนที่ควรจะได้มันน่าจะเป็นคุณ” สมุดเล่มหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าตักชนวีร์“ขอให้หายเร็วๆ นะครับท่านประธาน แล้วเจอกันที่ทำงาน” ร่างสูงกล่าวจบก็หันหลังจะเดินออกไปแต่กลับคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ “ขวัญเขารักคุณมากนะ ถ้าคุณได้โอกาสจากเ