“ตาฉันอะไร” ลี่เหยียนทำเป็นยกกาแฟขึ้นจิบตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่ก ขมปี๋ เธอคงใส่กาแฟเยอะเกินไป
“เรื่องเธอกับพี่ลิ้นดุ อย่าทำไก๋ยัยลี่เหยียน”
“อย่าเรียกเขาแบบนี้”
“เออนั่นแหละ เล่ามาเลย”
ลี่เหยียนถอนหายใจ “ฉันแค่ได้คุยกับเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แล้วคุยว่า…”
“เขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องพี่เมิ่งฉี เขาไม่เคยนอนกับพี่เมิ่งฉี แต่เขายังต้องการจะแต่งงาน”
“เขารักพี่เมิ่งฉีเหรอ” จื่อหานถามด้วยความอึ้ง “เอ๋ เดี๋ยวนะ พวกเขาไม่ยังไม่ได้บ๊ะจั้มบ๊ะกันเหรอ”
“ตอนแรกฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน” ลี่เหยียนบอก ยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งก่อนที่จะทำหน้าแหยแล้ววางลง “เราไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินเรื่องนี้”
“ก็ดีเหมือนกัน” จื่อหานเห็นด้วยและลุกขึ้นยืน
สองเพื่อนซี้ไม่สนใจดื่มกาแฟอีกต่อไป พากันขึ้นไปยังห้องนอนของลี่เหยียน ลี่เหยียนปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียง
“ไม่มาเ
สามเดือนถัดมาฉันรู้ว่าทุกคนสงสัยว่าตกลงฉันท้องรึเปล่า ฉันอยากบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่ได้ท้อง แน่นอนว่าฉันอยากมีลูก แต่ฉันอยากให้พวกเขามาในเวลาที่ฉันพร้อม คือจนกว่าที่ฉันกับหยุนเฟิงจะแต่งงานกัน จนกว่าพวกเราจะรู้จักกันมากกว่านี้ ฉันยอมรับว่าเราสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอและมีอีกเรื่องที่ฉันอยากเล่าให้ฟังคือทั้งหยุนเฟิงและฉันต่างโกหกด้วยกันทั้งคู่ฉันบอกเขาว่าลิ้นปลอมสู้ลิ้นเขาไม่ได้อย่างเทียบกันไม่ติด แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง มันให้ความรู้สึกแทบจะเหมือนที่เขาทำให้ฉันเลยทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันมักจะหลับตาจินตนาการว่าเป็นเขาที่กำลังทำให้ฉัน ฉันคิดว่าเขาจับได้ว่าฉันโกหกเพราะว่าจู่ ๆ ลิ้นปลอมก็หายไป พอฉันถามว่าเขาซื้อมันมาจากไหน เขาก็เฉไฉว่าจำไม่ได้ส่วนหยุนเฟิงเองก็โกหกเหมือนกัน เขาสัญญาว่างานแต่งถัดไปที่เราสองคนจะแอบมีเซ็กซ์กันคืองานแต่งของเรา แต่เราสองคนยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงานกัน และเราได้ไปร่วมงานแต่งมาแล้วสองครั้ง ซึ่งเรามีเซ็กซ์กันในครั้งหลังสุด ฟังดูแล้วเราสองคนค่อนข้างโรคจิตที่แอบมีเซ็กซ์กันในงานแต่งชาวบ้าน แต่มันค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั
“ใช่” เธอได้ยินเสียงหัวเราะรอดมาตามสาย“กู้หยุนเฟิง!” ลี่เหยียนเหลืออดกับความพิเรนทร์ของเขา “คุณ…”“ผมทำไม ผมแค่คิดว่าตอนที่คุณไม่มีลิ้นผมคุณจะได้มีตัวแทน”“อ้อ ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนประชด“ผมดีใจที่คุณโทรหาผม”“ฉันรู้เรื่องคุณกับพี่เมิ่งฉีแล้ว”“ครับ ผมยกเลิกเรื่องหมั้นกับการแต่งงาน”“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องต่าง ๆ และเรื่องที่พี่เมิ่งฉีโกหกคุณด้วย”“ผมยุติทั้งหมดก่อนที่ผมจะรู้ความจริงว่าเมิ่งฉีไม่ได้ท้อง อันที่จริงมันตั้งแต่คุณพาผู้ชายสองคนนั้นมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนแล้ว”“นั่นมันตั้งสองอาทิตย์แล้วนี่คะ” ลี่เหยียนรู้สึกเสียใจที่เขาไม่โทรหาเธอเลย“ผมยอมรับว่าผมโกรธคุณ อาทิตย์นั้นผมต้องการคุยกับคุณ แต่คุณออกไปกับจื่อหานแล้วไม่กลับเข้ามาอีก”“ตอนนั้นฉันเสียใจนี่คะ แล้วก็อิจฉาพี่เมิ่งฉีด้วย”“ผมเข้าใจว่าทำไมคุณถึงเสียใจและผิดหวังในตัวผม ผมทำตัวงี
ลี่เหยียนมองไปยังกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่กลางเตียงหลังจากที่เธอกลับจากทำงาน เธอสงสัยว่าข้างในเป็นอะไร และใครเป็นคนส่งมาให้เธอ นี่ไม่ใช่วันเกิดเธอ และเธอก็ไม่ได้ซื้อของออนไลน์มาเป็นชาติแล้ว ลี่เหยียนยิ้มให้กับความกระหายใคร่รู้ของตัวเอง เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอกลับจากบ้านพ่อแม่และรับรู้ความจริงเรื่องพี่สาวตัวเอง มันเป็นสองอาทิตย์ที่เธอกลับมาใช้ชีวิตราบเรียบเป็นปกติ ไม่มีใครโทรมาหาหรือสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่เธอกับจื่อหานจู่ ๆ ก็หายกันไปเลยลี่เหยียนยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจที่คนในครอบครัวไม่แม้แต่จะถามถึงเธอเลยว่าทำไมถึงกลับก่อน แต่เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าที่กู้หยุนเฟิงขาดการติดต่อเธอไปเลย เธอแอบคาดหวังว่าเย็นวันนั้นเขาจะมาหาเธอ แต่ก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าเขารู้รึยังว่าพี่เมิ่งฉีไม่ได้ท้องจริง แต่เธอมั่นใจว่าพี่เมิ่งฉีไม่มีทางบอกเขาหรอกเพราะคนอย่างพี่เมิ่งฉีเห็นแก่ตัวและไร้จิตสำนึกขนาดนั้นลี่เหยียนนั่งลงบนเตียงและเปิดกล่องปริศนาออกดูอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีลิ้นปลอมอยู่ชิ้นหนึ่งพร้อมกับโน้ตแปะอยู่ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นคนส่งมาโทรหาผมนะลี่เหยียน ผมอยากคุ
“ฉันชอบการชอปปิ้งบำบัดที่สุด” ลี่เหยียนพูดขณะเดินข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์“ฉันก็เหมือนกันแม้เงินในกระเป๋าฉันจะไม่เอื้อเท่าไหร่”“ฉันเองก็แกลบพอกับเธอนั่นแหละจื่อหาน แต่วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันละกัน”“ถูก”ลี่เหยียนและจื่อหานสั่งของว่างมากินคู่กับไวน์ ระหว่างที่รอจื่อหานได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“โลกกลมฉิบ” จื่อหานสบถ“อะไร”“เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันเห็นใคร”“ใคร อย่าบอกนะว่าพี่เมิ่งฉีกับกู้หยุนเฟิง”“เธอทายถูกครึ่งนึง พี่เมิ่งฉีมากับเพื่อนสักครึ่งโหล”“เออดี” ลี่เหยียนกลอกตาแล้วหันหลังไปมองบ้าง“ลี่เหยียน ฉันว่าพี่เมิ่งฉีกำลังดื่มไวน์ คนท้องดื่มไวน์ได้เหรอ” จื่อหานสังเกต“บ้า พี่เมิ่งฉีดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้! ทำไมพี่เมิ่งฉีถึงเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้” ลี่เหยียนพูดและลุกขึ้นยืน“ลี่เหยียนนั่นเธอจะไปไหน”“ก็จะไปหาพี่เมิ่งฉีไง”
ลี่เหยียนกับจื่อหานมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของพ่อแม่“ขอบใจนะจื่อหานที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนฉันทั้งที่เธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้” ลี่เหยียนยิ้มอ่อนให้จื่อหาน“ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจมาเป็นกองหนุนให้เธออยู่แล้วลี่เหยียน อีกอย่างเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงจะพูดอะไร แต่เรามาที่นี่เพราะพ่อแม่ขอร้องให้มาต่างหาก เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นโดยเฉพาะพี่เมิ่งฉี”“อืม ยังไงก็ขอบใจแก”ลี่เหยียนเปิดประตู แล้วเธอกับจื่อหานจึงค่อยเดินเข้าไปในบ้าน ที่ห้องรับแขกทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งกู้หยุนเฟิงกับกู้เทียนอี้ด้วย ลี่เหยียนปั้นยิ้ม เธอตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวโง่งมอย่างเช่นแสดงให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอแคร์ที่เขาไม่โทรหาเธอเลยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว เขาจะตัดสินใจยังไงหรือจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาลืมเธอได้ง่ายขนาดนั้น เธอก็ต้องทำได้เช่นกัน“ลี่เหยียน จื่อหาน” เฮ่าหรานกระโดดเข้าหาน้องสาวแล้วสวมกอด จากนั้นเขาหันไปหาจื่อหานและกอดเธอเช่นกัน ลี่เหยียนเห็นสายตาเย็นชาของพี่ชายคนโตที่
“เธอคิดว่าเจ๋อชวนเป็นพ่อเด็กเหรอลี่เหยียน!”จื่อหานอ้าปากค้างขณะนั่งกินข้าวในร้านอาหารกับลี่เหยียน“ฉันเดาว่างั้นนะ เพราะพอฉันถามถึงเจ๋อชวนเขาก็มีท่าทางแปลก ๆ ทุกครั้ง”“ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่คิดเลยว่าเจ๋อชวนจะเลวได้ขนาดนี้ ฉันสงสัยว่าเจ๋อชวนกับพี่เมิ่งฉีจะเป็นชู้กันตอนที่เขากำลังคงกับฉันด้วยรึเปล่า”“ฉันไม่สงสัยเลยถ้างั้น”“แต่ที่ฉันสงสัยมากกว่าคือทำไมกู้หยุนเฟิงถึงยังจะแต่งงานกับพี่เมิ่งฉีอีกในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก”“ฉันเดาว่าเขากับเจ๋อชวนคงช่วยเหลือกัน”“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่” จื่อหานตั้งข้อสังเกต“ใช่ หลาย ๆ อย่างมันไม่สมเหตุสมผลเลย”“ลี่เหยียน ลี่เหยียน!” จู่ ๆ จื่อหานก็เรียกด้วยสีหน้าแตกตื่น“อะไรจื่อหาน”“พี่เมิ่งฉี! พี่เมิ่งฉีกับกู้เทียนอี้กำลังเดินเข้ามา”“หา! ลี่เหยียนหันหลังไปมองที่ประตูทางเข้า เธอตะลึงเมื่อเห็นว่าพี่สาวตนเองกำล