One night stand อาจเป็นรสนิยมและเรื่องสนุกของใครหลายคน เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกพัน เพราะบางครั้งการผูกพันกับใครบางคนอาจสร้างความเจ็บปวด ประมาณว่ายิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก หลายคนเลยเลือกที่จะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ ลี่เหยียน นางเอกของเรื่องนับว่าค่อนข้างจะโชคดี เธอตัดสินใจมีวันไนต์สแตนด์กับชายหนุ่มคนหนึ่ง และถึงแม้จะเกิดเรื่องราวความไม่เข้าใจผิดมากมาย สุดท้ายเธอกับวันไนต์ของเธอกลับได้ลงเอยกัน
Lihat lebih banyakผู้ชายคนนี้ไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ในบ้านของเธอ หรือเรียกให้ถูกว่าบ้านพ่อแม่ของเธอ เขาส่งยิ้มให้เธอและแกล้งเลียริมฝีปากอย่างจงใจ ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงคำคืนที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน เป็นคืนบาปที่เธอไม่เคยลืม
เธอกับเขา…วันไนต์สแตนด์…มันสมควรเป็นเพียงเรื่องสนุกที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ใช่การที่คู่นอนคืนเดียวจะมาโผล่ในบ้านของพ่อแม่ตัวเองแบบนี้
ลี่เหยียนรู้สึกช็อกเมื่อเห็นผู้ชายวันไนต์ของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเธอ ชายนหนุ่มดูท่าทางสบายราวกับว่าคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ซ้ำร้ายยามที่ได้สบตากับเขา ประกายตายั่วเย้าเช่นนี้เตือนให้เธอนึกถึงคืนนั้น ช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจที่จะมีอะไรกับเขา มันทั้งล่อลวง ลึกลับและมีเสน่ห์จนเธอมิอาจต้าน เธอยืนนิ่งค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนมองตรงมาที่เธอพร้อมส่งยิ้มกว้างให้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่มั่นใจจนน่าหมั่นไหส้
“สวัสดีครับ ผมกู้หยุนเฟิงยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้า
“ฉันฉู่ลี่เหยียนค่ะ” เธอทักเขากลับเสียงเบาก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับกับเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฉู่” เขาพูด แต่ดวงตาเขาแฝงประกายยั่วเย้าอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให้เธอหน้าร้อน
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกันค่ะ” เธอกล้ำกลืนความรู้สึกตอบเขาไป ในใจเต็มไปด้วยความงุนงง สับสน และเป็นกังวล
ถ้าไม่นับสายตายั่วเย้าของชายหนุ่ม การแนะนำตัวของทั้งคู่ช่างดูเป็นทางการเกินกว่าจะคาดคิดว่าเขาและเธอเคยมีความแนบชิดกันมาก่อน
“ขอโทษนะครับ มีอะไรติดผมคุณ” พูดจบร่างสูงก็โน้มตัวมาด้านหน้า ทำท่ายกมือขึ้นปัดผมตรงข้างหูหญิงสาว ลี่เหยียนนิ่งค้าง รู้สึกถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่รินรดอยู่ข้างใบหู ทำให้ขนลุกซู่
“ทีนี้ผมก็จะได้เรียกชื่อของผู้หญิงคนที่ผมนึกถึงคืนนั้นถูก” เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ชิดริมหู
นอกจากลมหายใจที่รินรดแล้ว ลี่เหยียนยังรู้สึกถึงปลายลิ้นที่แตะเบา ๆ บนใบหูของเธอ เธอสะดุ้งตกใจและรีบขยับถอยหนีทันที เธอจ้องหน้าเขาและมองไปรอบ ๆ เกรงว่าใครจะมาเห็น
“คุณมาทำอะไรที่นี่!” เธอถามและต้องการรู้คำตอบเป็นอย่างมาก เพราะนี่มันยิ่งกว่าเรื่องบังเอิญเสียอีก และเธอรู้ดีว่าจะไม่ได้รับคำตอบอย่างที่เธอคาดให้เป็นแน่นอน
กู้หยุนเฟิงทำเพียงยิ้มมุมปากแล้วถามกลับ “แล้วคุณอยากให้ผมมาทำอะไรล่ะ”
ตอนนี้ในหัวของลี่เหยียนมีแต่คำว่าหายนะ หากเธอย้อนเวลากลับไปได้ แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมมีวันไนต์สแตนด์กับผู้ชายตรงหน้าเด็ดขาดแม้ว่าเขาจะหล่อเร้าใจขนาดไหนก็ตาม ตอนนี้เธอรู้จักชื่อเขาแล้ว และเธอรู้ดีเลยว่า กู้หยุนเฟิงเป็นผู้ชายที่อยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้
แล้วเธอจะหลุดรอดเงื้อมือเขาไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอเคยพ่ายแพ้ราบคาบมาแล้วหนหนึ่ง
“เราไม่ได้แค่คิดหรอกค่ะ เราสองคนรู้ดีต่างหากว่าพี่น่ะ...เป็นจอมบงการมากแค่ไหน!”“แต่เธอก็ยังเลือกที่จะมาที่นี่กับฉัน”“ค่ะ ทีนี้ก็ไปเอาไวน์มาให้ฉันได้แล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย“อ้าว...แล้วทีนี้ใครกันแน่ล่ะที่เป็นฝ่ายบงการ” เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินจากไปยังส่วนเตรียมเครื่องดื่ม “อยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ค่ะ” เธอขานรับอย่างว่าง่าย ขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นอย่างสนใจคอนโดของฉู่เฮ่าชวนนั้นใหญ่โตกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือน และเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะหรูหราอลังการถึงเพียงนี้ พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขณะที่เธอลองก้าวเดินไปรอบ ๆ บนพื้นมีพรมขนฟูสีขาวสะอาดตาผืนใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าชุดโซฟาหนังสีดำสนิท โต๊ะกาแฟกลางห้องก็ทำจากกระจกใสทั้งหมด เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่เบื้องล่างผ่านทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน หญิงสาวจ้องมองภาพเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทอด
เธออยากดื่มไวน์สักแก้วไหม” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามทันทีที่ซ่งจื่อหานทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มสบายในห้องของเขา“ค่ะ...ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวตอบรับ ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากจะถือโอกาสสำรวจห้องนั่งเล่นกว้างขวางของเขาโดยไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทสอดรู้สอดเห็น มากกว่าจะอยากดื่มไวน์เพิ่มอีกจริง ๆ“ไวน์ขาวหรือแดงดีล่ะ”“แล้วแต่พี่เลยค่ะ” เธอพูดพลางก้มลงปลดเปลื้องรองเท้าส้นสูงที่บีบรัดเท้ามาทั้งวัน ก่อนจะปล่อยเสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อนิ้วเท้าได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากพันธนาการอันเจ็บปวด“เธอโอเคไหม” ฉู่เฮ่าชวนก้าวเข้ามาใกล้ ก้มลงมองเท้าเล็ก ๆ ของเธอด้วยแววตาเป็นห่วง“ส้นสูงมันทรมานฉันจะแย่อยู่แล้วค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขาแล้วลองขยับนิ้วเท้าไปมา ฉู่เฮ่าชวนขยับเข้ามาใกล้อีกก้าว ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ“แล้วเธอใส่มาทำไมล่ะ”“พี่ไม่เห็นสายตาของผู้ชายทุกคนตอนที่ฉันเดินเข้าร้านอาหารเมื่อกี้นี้เหรอคะ” เธอยิ้มกว้างอย่างมีชัย “สายตาเหล่านั้นน่ะ...มันคุ้มค่ากับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันต้องทนนะคะจะบอกให้”“แล้วฉันล่ะ ตอนที่เห็นเธอใส่ส้นสูงคู่นั้นเดินเข้ามา เธอสังเกตเห็นไหม”“แบบไหนเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเ
“พี่เฮ่าชวนคะ ฉันไม่รู้ว่าพี่ยังจำได้รึเปล่า” เธอพูดพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่ฉันต่างหากที่เป็นคนแอบย่องขึ้นเตียงพี่ในคืนนั้น ไม่ใช่พี่สักหน่อย และฉันก็เป็นฝ่ายที่ต้องการพี่ด้วย”“ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยทำให้เธอเข้าใจผิดไปรึเปล่าน่ะ”“พี่ทำให้ฉันเข้าใจผิดเรื่องอะไรได้ยังไงกันคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้“เธอก็รู้นี่ ตอนที่ฉันเคยเป็นครูสอนพิเศษให้เธอไง” เขาพูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลน“พี่หมายถึง...ตอนที่พี่ช่วยติววิชาคณิตรฯ ให้ฉันน่ะเหรอคะ” เธอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม แล้วเขาได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนทั้งหมดช่วยสอนเรื่องแคลคูลัสเบื้องต้นกับพีชคณิตที่แสนจะน่าปวดหัวให้กับเธอ“ใช่...แล้วก็รวมถึง...ช่วยสอนวิธีจูบที่ถูกต้องให้เธอด้วย” น้ำเสียงของเขาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “บอกตามตรงนะ...ฉันยังรู้สึกผิดเรื่องนั้นอยู่เลยจนถึงตอนนี้”“ทำไมล่ะคะ” เธอมองเขาอย่างตกใจระคนประหลาดใจที่เขายังสามารถจดจำเรื่องราวในวันเหล่านั้นได้ด้วยซ้ำ“เพราะฉันคือจูบแรกของเธอ” เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “และยังเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอยอมมีอะไรด้วย...ฉันรู้สึกเห
“ยอมรับก็ได้ว่าฉันแกล้งเธอเล่น” เขาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “โอเค พร้อมจะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินรึยัง”“ฉันพร้อมมาตั้งนานแล้วค่ะ”“แล้วเข่าเธอเป็นยังไงบ้าง” มือขวาของเขาเอื้อมลงมาสัมผัสที่เรียวขาของเธออย่างแผ่วเบา ผิวเนื้อของเธอรู้สึกซาบซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านผิวเธอเบา ๆ ไปยังสะบ้าหัวเข่าที่มีรอยแผลถลอกอยู่“มันก็โอเคแล้วค่ะ ยังรู้สึกซ่า ๆ อยู่บ้างนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงหายดีแล้วล่ะค่ะ”“ดีแล้ว” ปลายนิ้วของเขาเลื่อนกลับขึ้นไปตามเรียวขาของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะไล้สูงขึ้นไปตามต้นขาอ่อน และเธอก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนนั้นเคลื่อนเข้าไปใกล้จุดกึ่งกลางระหว่างขาของเธออย่างจงใจ “ว่าแต่...คืนนี้ชุดเธอสวยมากนะ” เขาเอ่ยชม ก่อนจะเลื่อนนิ้วกลับไปกุมพวงมาลัยตามเดิม“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำตอบ พลางเบือนหน้าไปมองเขา “พี่เองก็ดูหล่อมากเลยนะคะในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทเนี่ย”“ฉันดีใจที่เธอชอบเนคไทฉัน”“ฉันชอบเนคไทสวย ๆ ตลอดเลยล่ะค่ะ” เธอตอบกลับไป ทำให้เขาหันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก“ในทุกสถานการณ์เลยอย่างนั้นเหรอ”“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว แทบจะกลั้นหายใจขณะที่เขายังคงจ้องม
“แค่นั้นเองเหรอคะ” เสียงใสของฉู่ลี่เหยียนดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง เธอก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังซ่งจื่อหานที่หน้าประตู “ชมเพื่อนฉันว่า ‘ดูดี’ แค่นั้นเองน่ะเหรอ”“ใช่ เธอดูดีออก” ฉู่เฮ่าชวนหันไปมองฉู่ลี่เหยียนด้วยสีหน้าเริ่มจะหงุดหงิด “หรือเธอไม่คิดอย่างนั้นล่ะ”“เพื่อนฉันน่ะ สวยเลิศเลอเพอร์เฟกต์ต่างหาก” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยพลางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “สวยหยาดเยิ้มราวกับมหารานีอย่างนั้นเลย!”“ขอบใจนะจ๊ะ ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะเห็นฉู่เฮ่าชวนส่ายหน้าอย่างระอาใจให้กับน้องสาวตัวเอง“ใช่...จื่อหาน” เขาหันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “คืนนี้เธอดูสวยมากจริง ๆ สวยมาก ๆ เลยล่ะ” เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกนิด ยื่นมือออกมาหมายจะสัมผัส“ค่อยยังชั่วหน่อย” ฉู่ลี่เหยียนพึมพำอย่างพอใจ ทำให้เขาครางออกมาเบา ๆ อย่างจนใจ“จื่อหาน พร้อมจะไปรึยัง” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามเสียงเรียบ พยายามไม่ใส่ใจน้องสาวตัวแสบ “ฉันกลัวว่าถ้าจะต้องฟังยัยน้องสาวฉันบ่นไม่หยุดอีกคืนนี้ ฉันอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้นะ”“คืนนี้ฉันไม่มีเวลามาทำให้พี่ชายสุดที่รักของฉันกลายเป็นบ้าหรอกนะคะ” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มหวาน
“พี่เฮ่าชวนมาแล้วแน่ะ จื่อหาน” เสียงฉู่ลี่เหยียนตะโกนแว่วมาจากโถงทางเดินหน้าห้อง “ฉันเห็นรถเลี้ยวเข้ามาแล้ว”“ฉันดูเป็นยังไงบ้าง” ซ่งจื่อหานรีบพรวดพราดออกจากห้องนอนในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำสนิท ฉู่ลี่เหยียนที่ยืนรออยู่ถึงกับผิวปากหวือด้วยความตะลึง“อืมมม...จะบอกว่ายังไงดีล่ะ...ฮอตยิ่งกว่าเดินอยู่กลางทะเลทรายซาฮาราในตอนกลางวันแสก ๆ เสียอีกนะเนี่ย!”“ฮอตเลยเหรอ” ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างอย่างพอใจ หมุนตัวอวดโฉมในชุดเดรสตัวสวย “ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองร้อนแรงไม่เบาเลยล่ะคืนนี้”“เธอไม่ใช่แค่ร้อนแรงธรรมดา ๆ หรอกนะเพื่อนรัก แต่เธอโคตรร้อนแรงต่างหากล่ะ!” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะร่วน เดินเข้ามาใกล้ เอานิ้วจิ้มที่แขนของซ่งจื่อหานเบา ๆ แล้วแกล้งร้องเสียงหลงออกมา“เป็นอะไรไปน่ะ” ซ่งจื่อหานเลิกคิ้วถามเพื่อนรักอย่างงุนงง“ก็เธอเล่นฮอตซะจนแทบจะเผาฉันให้ไหม้เป็นจุลไปแล้วนี่นา”ทั้งสองคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง“เธอนี่มันบ๊องจริง ๆ เลยนะ ลี่เหยียน ดีนะที่เธอไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงไม่มีวันจีบสาวติดด้วยประโยคแบบนี้แน่ ๆ” ซ่งจื่อหานพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู“ฉันว่าถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงจะ
Komen