“ก็รีบกดยกเลิกไลก์เร็ว ๆ เข้าสิยะ!” ฉู่ลี่เหยียนบอกพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความซุ่มซ่ามของเพื่อนรัก “แล้วก็รีบไปกดไลก์โพสต์อื่นของพี่เขาแทน เผื่อว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะได้รับการแจ้งเตือน เขาก็จะได้เห็นว่าเธอไปกดไลก์ที่อื่น ไม่ได้ตั้งใจจะส่องยัยนั่น!”
“โอ๊ยยยย พี่เฮ่าชวนต้องรู้แน่ ๆ เลยว่าฉันกำลังแอบส่องเขาอยู่! ฉันนี่มันน่าสมเพชตัวเองจริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ!” ซ่งจื่อหานถอนหายใจอย่างท้อแท้สุดขีด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกที่สุดในสามโลก
“จื่อหาน ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าคิดมากไปเลย” ฉู่ลี่เหยียนกระโดดลงจากเตียง เดินมาตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ “ฉันว่าพี่เฮ่าชวนเขาไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยเรื่องแบบนี้หรอกน่า เชื่อฉันสิ”
“เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็แอบมีความหวังเล็ก ๆ ผุดขึ้นในใจ
“ฉันรู้แน่ ๆ ต่างหากล่ะยะ! ผู้ชายอกสามศอกเขาไม่มานั่งวิเคราะห์เจาะลึกเรื่องการกดไลก์การคอมเมนต์เหมือนพวกเราผู้หญิงตาดำๆ หรอกน่า ฉันว่าพี่เฮ่าชวนเขาอาจจะไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำไปว่าเธอไปเผลอกดไลก์อะไรของใครเข้าน่ะ” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มให้กำลังใจเพื่อนอย่างเต็มที่
“อืม...ก็อาจจะจริงของเธอนะ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าอย่างลังเล หัวใจยังคงเต้นระรัวด้วยความกลัวและความประหม่าอยู่ไม่หาย ฉู่ลี่เหยียนพูดจาฉะฉานเหมือนเป็นกูรูผู้รอบรู้ไปเสียทุกอย่าง และตอนนี้เพื่อนซี้ของเธอก็คงจะคิดว่าตัวเองกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และความรักไปแล้วอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เริ่มคบหาดูใจกับคุณกู้หยุนเฟิงสุดหล่อคนนั้น แต่ซ่งจื่อหานรู้ดีอยู่แก่ใจว่า เพื่อนรักของเธอไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งมากมายขนาดนั้นหรอกน่า!
ฉู่ลี่เหยียนเพิ่งจะเริ่มคบกับกู้หยุนเฟิงอย่างจริงจังได้ไม่นาน และที่ผ่านมาตั้งหลายปี ธอนี่แหละที่เป็นคนคอยให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องการออกเดต การวางตัว และกลเม็ดเด็ดพรายต่าง ๆ นานาในการมัดใจชายให้กับเพื่อนรักมาโดยตลอด จนกระทั่งเพื่อนเริ่มคบกับเขาอย่างเป็นทางการนั่นแหละ สรุปก็คือ...ฉู่ลี่เหยียนกำลังให้คำแนะนำแบบเดียวกับที่เธอเคยให้เพื่อนไม่มีผิดเพี้ยน! และเอาเข้าจริง ๆ แล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพล่ามอะไรออกไปบ้างตอนที่ให้คำแนะนำเหล่านั้น!
**********
เคยไหม? ที่ทำอะไรลงไปทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำ? รู้ทั้งรู้ว่ามันคือการเดินเข้าสู่หายนะด้วยตัวเอง แต่สมองส่วนที่ควบคุมความยับยั้งชั่งใจมันดันหยุดทำงานไปเสียดื้อ ๆ
อย่างเช่นการส่งข้อความหาผู้ชายกลางดึก...ดึกสงัด...ตอนห้าทุ่มเป๊ะ! ทั้งที่รู้ตัวดีว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่จะส่งข้อความหาเขาเลย และที่สำคัญคือ...ทำไปตอนที่สติสัมปชัญญะยังครบถ้วนทุกประการ ไม่ได้มีฤทธิ์แอลกอฮอล์มาช่วยให้โทษตัวเองน้อยลงแม้แต่น้อย! การส่งข้อความหรือโทรศัพท์หาใครตอนเมายังพอจะอ้างว่า ‘ขาดสติ’ ได้บ้าง แต่การส่งข้อความตอนมีสติครบถ้วนบริบูรณ์...มันเป็นเรื่องของคนโง่...คนโง่เง่าเต่าตุ่น...อย่างซ่งจื่อหานคนนี้นี่แหละ!
ซ่งจื่อหานรู้ดีเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะรู้ได้ว่าไม่ควรส่งข้อความหาฉู่เฮ่าชวน รู้ว่าควรรอให้เขาเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน นั่นคือสิ่งที่กฎเหล็กสิบแปดข้อของการเดตบอกไว้ใช่ไหม? ถ้าผู้ชายสนใจ เขาจะตามจีบคุณเอง! เธอท่องจำประโยคนี้ขึ้นใจยิ่งกว่าสูตรคูณแม่สองเสียอีก แต่! แต่เธอกำลังจะบ้าตายด้วยความกังวลว่าเขาจะคิดว่าเธอมีใจให้ฉู่เฮ่าหราน น้องชายตัวแสบของเขาน่ะสิ! ก็เขาดันมาเห็นตอนที่เธอ...เอ่อ...ถูกฉู่เฮ่าหรานจูบนี่นา! หรือพูดให้ถูกก็คือ เขาจับได้ว่าฉู่เฮ่าหรานเป็นฝ่ายขโมยจูบเธอต่างหาก! แต่ไม่ว่ายังไง ตั้งแต่คืนเกิดเหตุนั้น ฉู่เฮ่าชวนก็ทำเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดล้ำค่าที่ควรเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ หรือไม่ก็เป็นอากาศธาตุที่มองไม่เห็นไปเลย! และเธอก็ไม่ได้ชอบฉู่เฮ่าหรานเลยสักนิดเดียว! ไม่ได้ชอบแม้แต่ปลายเล็บขบ! ซึ่งเขาควรจะรู้สิ! แต่ก็นั่นแหละนะ...ผู้ชาย! พวกเขาอาจจะแปลกประหลาด งี่เง่า น่ารำคาญ และหยิ่งผยองจนอยากจะหยิกให้เนื้อเขียว! และนั่นก็คือเหตุผล...เหตุผลเดียวเท่านั้นจริง ๆ นะ!...ที่เธอตัดสินใจกดส่งข้อความหาฉู่เฮ่าชวนทางวีแชทตอนห้าทุ่มเป๊ะ!
ซ่งจื่อหาน: สวัสดีค่ะพี่เฮ่าชวน นี่ฉันเอง จื่อหาน (อิอิ ก็แหงล่ะสิยะ! ก็มันส่งจากหน้าวีแชทของฉันเองนี่นา จะเป็นใครไปได้อีก!) แค่อยากจะมาทักทายเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้มีอะไรจริง ๆ นะ!
ซ่งจื่อหานกดปุ่ม ‘ส่ง’ ข้อความนั้นออกไปด้วยนิ้วที่สั่นเทาเล็กน้อยราวกับเจ้าเข้า แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนหมอนอย่างแรง! ศีรษะกระแทกหมอนดังปุ้ก! พลางคร่ำครวญโอดโอยอยู่ในใจเป็นภาษาที่มนุษย์ต่างดาวก็อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง
ทำไม! ทำไมฉันถึงต้องทำเรื่องน่าอายขายขี้หน้าแบบนี้ด้วยนะ! โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย! เขาต้องคิดว่าฉันเป็นยัยโรคจิตแน่ ๆ เลย!
ทันใดนั้น! เสียงแจ้งเตือนสั้น ๆ ติ๊ง! ก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหมอน ซ่งจื่อหานดีดตัวลุกขึ้นนั่งพรวดพราดราวกับติดสปริง! คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กดูทันทีด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ากลองในขบวนพาเหรดโอลิมปิก!
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.