“เรื่อง...เรื่องงานน่ะ! ใช่! เรื่องงาน! เธอ...เธอมีอะไรหรือเปล่าลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโกหกหน้าตาย พยายามทำหน้าให้ตายที่สุด พลางหลบสายตาครุ่นคิดจับผิดของเพื่อนราวกับตัวเองเป็นอาชญากรข้ามชาติ
“เธอต้องหาข้อมูลอะไรเรื่องงานด่วนจี๋ปานนี้เลยเหรอ” ฉู่ลี่เหยียนถามกลับ น้ำเสียงเคลือบแคลงสงสัยเจ็ดแปดระดับ จนซ่งจื่อหานอยากจะมุดหัวลงไปในหมอนแล้วไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย
ก็ไม่แปลกที่เพื่อนจะสงสัย ในเมื่อเธอเป็นแค่ผู้ช่วยแผนกประสานงานทั่วไปในบริษัทอสังหาริมทรัพย์เล็ก ๆ งานที่ออฟฟิศก็มีแค่ชงกาแฟให้เจ้านายกับรับโทรศัพท์ลูกค้า นับประสาอะไรกับการต้องเอากลับมาทำต่อที่บ้านอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้!
“นี่เธอเป็นตำรวจสอบสวนกลางรึไง! ซักฉันอยู่ได้!” ซ่งจื่อหานตวาดกลับไปอย่างหงุดหงิดที่ถูกซักไซ้ไล่เลียงไม่หยุดเหมือนตัวเองเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย เหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ
“โอเค้ โอเค แม่นักสืบคนเก่ง” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรู้จังหวะ “แล้ว...พี่เฮ่าชวนสุดที่รักของเธอเป็นไงบ้างช่วงนี้ล่ะจ๊ะ” ฉู่ลี่เหยียนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหันมามองเพื่อนด้วยแววตารู้ทัน “ฉันไม่ได้โง่นะจื่อหาน ฉันเห็นหมดนั่นแหละว่าเธอกำลังแอบส่องความเคลื่อนไหวของพี่ชายฉันอยู่ เธอไม่เคยต้อง ‘หาข้อมูลเรื่องงาน’ ด้วยสีหน้าจริงจังปานจะขาดใจแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ไม่เคยบอกฉันสักครั้ง!”
“ก็...ก็งานฉันมันง่ายนี่นา ใคร ๆ ก็ทำได้!” ซ่งจื่อหานหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือถือให้เพื่อนดูในที่สุด ไหน ๆ ก็โดนจับได้แล้วนี่นา! “ว่าแต่...เธอรู้จักผู้หญิงที่ชื่อเจิ้งลี่ซาคนนี้บ้างไหมอ่ะ”
“ใครนะ? เจิ้งอะไรนะ?” ฉู่ลี่เหยียนถามด้วยน้ำเสียงงุนงงอย่างแท้จริงราวกับไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในชีวิต
“เจิ้งลี่ซาไง สงสัยจะไม่รู้จักจริง ๆ แฮะ” ซ่งจื่อหานถอนหายใจอย่างผิดหวังปนโล่งอกเล็ก ๆ “แล้ว...แล้วเธอรู้ไหมว่าพี่เฮ่าชวนเขากำลังคบหาดูใจกับใครอยู่รึเปล่าตอนนี้”
“เท่าที่เขาบอกฉันล่าสุดก็ยังไม่มีนะ” ฉู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด “ทำไมเหรอ หรือว่าพี่เฮ่าชวนเขาเพิ่งอัปเดตสเตตัสว่า ‘in a relationship’ กับใครแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอก” จื่อหานส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “แต่ยัยหน้าพลาสติก...เอ๊ย! ยัยคุณเจิ้งลี่ซาคนเนี้ย! ดันมาคอมเมนต์หวานเยิ้มหยดย้อยบนหน้าฟีดของพี่เฮ่าชวนน่ะสิ!”
“อะไรนะ! หน้าพลาสติกเลยเหรอ! ขอดูหน้าหน่อยซิ!” ฉู่ลี่เหยียนตาโตเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น รีบก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ทันทีเพื่อพิจารณาใบหน้าของผู้หญิงที่เพื่อนกำลังกล่าวหาอย่างละเอียด “แล้วเธอรู้ได้ยังไงยะว่าเขาไปทำศัลยกรรมมาน่ะ หรือว่าเธอมีตาทิพย์!”
“เอ่อ...” ซ่งจื่อหานเสียงอ่อยลงทันที รู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิด ๆ ที่เผลอไปเรียกคู่แข่งและศัตรูในจินตนาการของตัวเองด้วยคำพูดร้ายกาจแบบนั้น “ฉัน...ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาไปทำศัลยกรรมมาจริง ๆ รึเปล่า อะ...ยอมรับก็ได้ว่าหล่อนก็สวย...สวยมากด้วย! หน้าตาดีซะจนหมั่นไส้! ว่าแต่เธอช่วยตามเรื่องให้ทันหน่อยสิลี่เหยียน! ฉันกำลังซีเรียสนะ!”
ลี่เหยียนเงยหน้ามองเพื่อนอย่างงุนงงหนักกว่าเดิม “เดี๋ยว ๆ ๆ นะ ฉันตามไม่ทันแล้วจ้ะแม่คุณ สรุปว่าพี่ชายสุดหล่อของฉันเขากำลังเดตอยู่กับยัย...เอ่อ...คุณคนนี้อยู่จริง ๆ หรือว่ามันยังไงกันแน่ยะ!”
“โอ๊ยยยย ลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานครางออกมาอย่างอ่อนใจระคนหงุดหงิด “ฉันกำลังส่อง! ส่องโปรไฟล์พี่เฮ่าชวนอยู่! แล้วก็บังเอิญ! บังเอิญไปเห็นผู้หญิงที่ชื่อเจิ้งลี่ซาคนนี้มาคอมเมนต์ใต้รูปเขาว่า ‘แทบจะรอเจอเขาสุดสัปดาห์นี้ไม่ไหวแล้วค่ะ’ แล้วฉันก็เลยเรียกหล่อนว่ายัยหน้าพลาสติกเพราะว่าฉันอิจฉา! อิจฉาตาร้อน! เพราะฉันต่างหากที่อยากจะเจอเขาสุดสัปดาห์นี้ ไม่ใช่ยัยนั่น!” เธอร่ายยาวอธิบายเสียงอ่อน พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย “แล้วถ้าเธอไม่มัวแต่ฝันกลางวันถึงคุณกู้หยุนเฟิงสุดที่รักของเธออยู่ เธอก็คงจะเข้าใจที่ฉันพูดไปตั้งนานแล้ว!”
“อ๋อ ๆ ๆ เข้าใจแล้วจ้า เข้าใจแล้ว!” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะคิกคักออกมาในที่สุดอย่างนึกสนุก “สรุปก็คือ เธออิจฉาตาร้อนผู้หญิงคนนี้ เพราะหล่อนเป็นนังแมวขโมย...เป็นมารหัวใจ...ที่บังอาจมาตามตอแยผู้ชายในฝันของเธอสินะ!”
“ฉันว่าฉันชอบคำนิยามของฉันเมื่อกี้นี้มากกว่านะ” ซ่งจื่อหานหัวเราะตามเพื่อนอย่างอดไม่ได้ “คำนิยามของเธอเมื่อกี้นี้มันทำให้ฉันดูเหมือนนางร้ายโรคจิตในละครน้ำเน่าไม่มีผิด ฉันเรียกหล่อนว่านังแพศยาเพราะหล่อนมาตามตื๊อผู้ชายของฉันไม่ได้หรอกนะ...เพราะพี่เฮ่าชวนเขายังไม่ได้เป็นผู้ชายของฉันอย่างเป็นทางการสักหน่อย!”
“จื่อหาน เธอนี่มันกำลังทำให้ฉันสับสนงงงวยไปหมดแล้วนะเนี่ย!”
“เธอนั่นแหละที่ทำให้ฉันสับสนยิ่งกว่า! ตกลงว่าเธอรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือไม่รู้จักกันแน่ยะ!”
“สาบานได้เลยเพื่อนรัก ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในชีวิตจริง ๆ ให้ดิ้นตายอยู่ตรงนี้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนบอกอย่างหนักแน่นพร้อมยกมือขึ้นทำท่าสาบาน ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เพื่อน “แล้วจะให้ฉันโทรไปถามพี่เฮ่าชวนให้เอาไหมล่ะ เผื่อเรื่องมันจะกระจ่างขึ้น”
“ไม่ต้อง!” ซ่งจื่อหานรีบร้องห้ามเสียงหลงอีกครั้ง รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนจะลดเสียงลงแล้วพูดอย่างลังเล “เอ่อ...ไม่รู้สิ เธอว่ามันจะดูโจ่งแจ้งไปไหม ถ้าจู่ ๆ เธอโทรไปถามพี่เขาเรื่องนี้” เธอถามเพื่อนขณะก้มลงมองโปรไฟล์ของเฮ่าชวนในมือถือตัวเองอีกครั้ง และแล้ว...ความหายนะระลอกสองก็บังเกิด! หัวใจพลันหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อปลายนิ้วเจ้ากรรมดันเผลอไปกดไลก์คอมเมนต์ของยัยเจิ้งลี่ซาบนโพสต์ของเขาเข้าอย่างจัง! “ซวยแล้วไงล่ะ!” เธอครางออกมาเสียงดังอย่างตกใจสุดขีด “ฉันเพิ่งจะกดไลก์โพสต์ของยัยนั่นไปเมื่อกี้นี้เอง ทำไงดีล่ะทีนี้!”
“ฉันไม่ได้ก้นใหญ่สักหน่อยนะ! ถอนคำพูดของคุณออกมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนแหวเสียงดังลั่น“ถอนคำพูดอะไรกันที่รัก” กู้หยุนเฟิงทำหน้างุนงงซ่งจื่อหานถึงกับหัวเราะลั่นออกมาอย่างสุดจะกลั้น“เงียบไปเลยนะกู้หยุนเฟิง!” ฉู่ลี่เหยียนตวาดใส่คนรักของตัวเองเสียงดัง แล้วหันมามองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง “เธอเห็นไหมจื่อหาน ว่าเขาเพิ่งจะบอกว่าฉันน่ะตูดใหญ่เป็นตุ่มเลย!”“อืมมม...ดูท่าว่างานจะเข้าคุณจริง ๆ แล้วล่ะ” ซ่งจื่อหานส่ายหน้ามองกู้หยุนเฟิงอย่างสมเพชเวทนา“งานเข้าเรื่องอะไรกันครับ” ชายหนุ่มมองสองสาวสลับกันไปมาด้วยสีหน้างุนงงสับสนยิ่งกว่าเดิม “ผมไม่เคยบอกเลยนะว่าคุณตูดใหญ่ ผมบอกว่าคุณก้นใหญ่ต่างหาก ก้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ ที่ผมชอบมาก! รักเลยด้วยซ้ำไป” แล้วเขาก็เผลอครางออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่องเอาราวของฉู่ลี่เหยียน “เอ่อ...ผมว่า...ตอนนี้ผมควรจะเงียบปากไปเลยจะดีกว่า”“ใช่! คุณควรจะเงียบปากไปได้ตั้งนานแล้ว!” ฉู่ลี่เหยียนยืนตัวตรงแหน่ว “จื่อหาน เธอพร้อมจะเล่าให้พ่อแฟนงี่เง่าสมองทึบของฉันฟังรึยังล่ะ ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นบ้างกับพี่เฮ่าชวนน่ะ พวกเราจะไ
“มันก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนี่นา ใช่ไหมล่ะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “ฉันหมายถึง...ในตอนแรกน่ะ...พี่เฮ่าชวนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปนะว่าเป็นเธอน่ะ”“โอ๊ย! ไม่ต้องมาย้ำเรื่องนั้นเลยนะลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความอับอาย “ฉันอายมากเลยนะจะบอกให้ ฉันควรจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปให้หมดเลย ไม่มีทางที่พี่เฮ่าชวนเขาจะสามารถก้าวข้ามเรื่องนั้นไปได้ง่าย ๆ หรอกน่า”“เธอก็ไม่รู้หรอกน่าเพื่อนรัก” ฉู่ลี่เหยียนบอกแล้วส่งยิ้มหวานไปให้กู้หยุนเฟิง ขณะที่เขาโน้มตัวลงมาจูบที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบาแล้วลูบหลังปลอบใจเธออย่างอ่อนโยนซ่งจื่อหานอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ที่เห็นคนทั้งคู่กำลังทำตัวสวีตหวานแหววใส่กันอยู่ตรงหน้า “แล้วคุณว่ายังไงบ้างล่ะคะ คุณกู้หยุนเฟิง”“ผมว่า...ผมก็คงจะต้องรู้ให้ได้ก่อนล่ะครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” เขามองมาที่ซ่งจื่อหาน ดวงตาที่เคยทอประกายขบขันเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ผมรู้ดีว่าคุณอาจจะกำลังรู้สึกอั
“ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะน่า ก็ฉันเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขานี่นา แต่พี่เฮ่าชวนเขาก็มีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเธอเหมือนกันนะ ความรู้สึกที่มันมีอะไรมากกว่าแค่การเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทน่ะ ฉันพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าตอนนี้พี่เฮ่าชวนเขากำลังสับสนหัวใจตัวเองอยู่แน่ ๆ”“สับสน...สับสนเรื่องอะไรกันยะ” ซ่งจื่อหานถามอย่างใคร่รู้“ก็สับสนเรื่องที่เขาเคยเผลอตัวไปนอนกับเธอเมื่อหลายปีก่อนยังไงล่ะ ซึ่งพี่เฮ่าชวนเองก็คงจะมีความสุขกับมันมากเลยทีเดียว แต่มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วตอนนี้เขาก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะทำตัวยังไงต่อไปกับเรื่องนี้น่ะสิ”“เธอ...เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม“ใช่สิ ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือพี่เฮ่าชวนเขายังคงมองว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นกะโปโลคนหนึ่งอยู่เลยน่ะสิ เธอจะต้องทำให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจนเลยนะว่าตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วจริง ๆ”“แล้ว...แล้วการไปตีแบดมินตันมันจะช่วยได้จริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานยังคงไม่เห็นความเชื่อม
“ฉันมีวิธีเด็ดที่จะทำให้เธอกับพี่เฮ่าชวนสุดหล่อของฉันได้กลับมาพูดคุยคืนดีกันอีกครั้งแล้วยังไงล่ะ”“หา?!” หัวใจของซ่งจื่อหานเต้นระรัวราวกับรัวกลองศึกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอมองเพื่อนรักอย่างพิจารณา สำรวจใบหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน “วิธีที่ดี...หรือว่าเป็นวิธีบ้า ๆ บอ ๆ เพี้ยน ๆ ของเธออีกแล้วล่ะยะ”“จื่อหาน!” ฉู่ลี่เหยียนทำปากยื่นเหมือนเด็กโดนขัดใจ ดวงตาคู่สวยมองมาอย่างเจ้าเล่ห์แสนกล “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะ ที่ฉันคนนี้เคยมีความคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ น่ะ”“ก็ตั้งแต่เธอมาเป็นเพื่อนสนิทของฉันยังไงล่ะยะ” ซ่งจื่อหานหัวเราะร่วนออกมาแล้วส่ายหน้าอย่างเอ็นดู น่าเสียดายที่มันเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก พวกเธอทั้งคู่ดูเหมือนจะมีความคิดและแผนการปุบปับสุดเพี้ยนที่มักจะพาตัวเองไปเจอกับปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่เสมอ แต่ถ้าจะพูดให้ยุติธรรมกับฉู่ลี่เหยียนสักหน่อยล่ะก็...ปกติแล้วเธอต่างหากที่เป็นคนมีความคิดอะไรต่อมิอะไรที่มันงี่เง่าหลุดโลกอยู่เรื่อย แต่พักหลังมานี้ดูเหมือนว่าฉู่ลี่เหยียนก็เริ่มจะตามเธอทันแล้วเหมือนกันนะ“พวกเราจะไปสมัครเข้าชมรมแบดมินตันกัน” ฉู่ลี่เหยียนประกาศ
เคยได้ยินสุภาษิตโบราณ (ที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะบัญญัติขึ้นเองสด ๆ ร้อน ๆ) ที่ว่า...ยิ่งจ้องโทรศัพท์ด้วยจิตอธิษฐานแรงกล้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่ยอมดังสักแอะไหม? บอกเลยว่า...ไม่จริงเลยสักนิด! เพราะโทรศัพท์มือถือของซ่งจื่อหานคนนี้ มันดังไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่ไก่โห่! แต่คนเดียว! คนเดียวในจักรวาล! ที่เธออยากให้โทรหาใจจะขาด...กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย!สายแรกที่ถล่มเข้ามาคือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้ากรรมนายเวร ที่พยายามจะเกลี้ยกล่อม (หรือขู่เข็ญ?) ให้เธอเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ให้ได้ ซ่งจื่อหานเลยยื่นข้อเสนอสุดปังกลับไปว่า ‘จะเปลี่ยนให้ก็ได้นะ...ถ้าพวกคุณกล้าสัญญาว่าจะคิดค่าบริการแค่เดือนละไม่กี่หยวนไปอีกสิบปี แถมยังต้องแถมทีวีจอแบน 50 นิ้วเครื่องใหม่เอี่ยมให้เป็นของกำนัลด้วยนะ’ ผลลัพธ์น่ะเหรอ พนักงานสาวเสียงหวานในตอนแรก ถึงกับสบถคำหยาบที่เธอฟังไม่ทัน ใส่หูเธอก่อนจะกดวางสายดังปัง! สะใจเล็ก ๆ!สายต่อมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คลินิกทำฟันเจ้าประจำนั่นเอง พนักงานต้อนรับเสียงใสราวกับนางฟ้าโทรมาแจ้งเตือน ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังจะบอกว่าเธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง ว่าเธอพลาดนัดตรวจสุขภาพฟันและข
“ถูกเผงเลย แล้วพวกเราก็เพิ่งจะอายุยี่สิบสองกันเองนะ ยังไม่แก่เลยสักนิด” ซ่งจื่อหานวางขนมปังปิ้งร้อน ๆ ลงบนจานสวย พร้อมกับชีสหอมกรุ่นน่ากิน “ฉันจะเอาอาหารไปวางรอที่ห้องนั่งเล่นนะ แล้วเธอก็เอาไวน์กับแก้วตามมาก็แล้วกัน”“ได้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับคำอย่างกระตือรือร้นแล้วรีบเดินตามเพื่อนรักเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที แต่แล้วก็ต้องยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแย่ขึ้นมาจับใจ เมื่อเหลือบไปเห็นเทียนหอมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ที่กำลังจุดส่องสว่างอยู่บนโต๊ะกาแฟ พร้อมกับผ้าห่มขนสัตว์เทียมสีครีมอ่อนผืนโปรดของฉู่ลี่เหยียนที่วางพาดอยู่บนโซฟาอย่างตั้งใจ นอกจากนี้ก็ยังมีดอกกุหลาบสีแดงสดดอกเดียววางประดับอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เทียนหอมเล่มนั้นด้วย“โอ๊ยตายแล้ว! แย่จังเลยลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานหันมามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง “ฉัน...ฉันทำลายค่ำคืนสุดแสนจะโรแมนติกของพวกเธอจนพังพินาศหมดเลยใช่ไหมเนี่ย”“ไม่เป็นไรเลยสักนิดน่า อย่าคิดมากไปเลย” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนรักอย่างจริงใจ“เขา...เขาให้ดอกกุหลาบสีแดงกับเธอด้วยอย่างนั้นเหรอ” หัวใจของจื่อหานพลันปวดแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ “น่ารักจังเลยนะ”“