LOGINรถคันหรูจอดนิ่งอยู่บนถนนที่การจราจรสุดแสนจะหนาแน่น แม้ภายในห้องโดยสารจะเปิดแอร์ไว้จนเย็นฉ่ำก็ไม่สามารถดับความร้อนภายในใจของหญิงสาว น้ำหวานยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลาที่หน้าจอด้วยความกังวลใจ เธอมีเรียนตอนเก้าโมง ทว่าตอนนี้เหลืออีกแค่ยี่สิบนาทีก็จะถึงเก้าโมงอยู่แล้ว
ทิวเขาเหลือบมองคนด้านข้างเป็นระยะ ถึงหญิงสาวไม่ได้พูดออกมาแต่เขาก็มองออกว่าเธอกำลังเป็นกังวล แม้ไม่อยากสนใจแต่สุดท้ายคนหน้านิ่งก็อดเอ่ยถามไม่ได้
“เธอมีเรียนเช้าเหรอ”
“ค่ะ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะตอบ นัยน์ตาสวยเอาแต่จ้องมองถนนด้านหน้า วันนี้มีทำแล็บเพราะฉะนั้นเธอจะสายไม่ได้
“ถ้าหลุดจากไฟแดงตรงนี้แล้วก็นั่งดี ๆ ละกัน”
พูดแบบนี้แปลว่าเขาจะพาเธอซิ่งอีกแล้วใช่ไหม
เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวรถคันหรูก็แล่นผ่านสี่แยกด้วยความเร็ว ทิวเขาพาเธอเลี้ยวเข้าซอยที่เขียนป้ายเอาไว้ว่าทางเลี่ยงรถติดแล้วลัดเลาะไปตามซอกซอยเล็ก ๆ
ถนนสองเลนแทบไม่มีรถวิ่งผ่านแม้จะเป็นเส้นทางในเขตเมืองหลวง ถึงจะทำความเร็วได้ไม่มากแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งลุ้นกับรถติด ช่วงเวลาเร่งรีบแบบนี้บีบหัวใจเป็นที่สุด
พอออกจากซอยเปลี่ยวได้ทิวเขาก็เหยียบคันเร่งอย่างแรง เร่งแซงประหนึ่งว่าอยู่ในสนามแข่งฟอร์มูล่าวันอย่างไรอย่างนั้น
น้ำหวานกำเข็มขัดนิรภัยด้วยใจที่เต้นตึกตัก ไม่แน่ใจว่าการที่เขาขับเร็วอย่างนี้กำลังช่วยเธอหรือแกล้งเธอกันแน่
แปดนาฬิกาห้าสิบห้านาทีรถคันงามจอดนิ่งที่หน้าตึกคณะแพทยศาสตร์ หญิงสาวรีบลงจากรถแล้วปิดประตูทันที
ร่างบางวิ่งเข้าไปได้เพียงไม่กี่เก้าก็หยุดชะงักแล้ววิ่งกลับมาที่รถของเขา
น้ำหวานเปิดประตูรถอีกครั้งจากนั้นก็โน้มหน้าลงมาพูดกับคนขับ
“ขอบคุณนะคะ”
พูดจบเธอก็วิ่งหายเข้าไปในตึก
ทิวเขายิ้มขำท่าทางของคนเงอะงะ นัยน์ตาคู่คมมองตามแผ่นหลังบอบบางจนลับสายตา เขามองดูแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกเมื่อคืนแล้วลอบยิ้มมุมปาก
“หึ”
จากนั้นรถคันหรูก็เคลื่อนออกจากคณะแพทยศาสตร์
@คณะวิศวกรรมศาสตร์
ร่างสูงเดินผิวปากมาแต่ไกล ก่อนจะนั่งลงตรงม้านั่งหน้าตึกคณะ มองหน้าเพื่อนในกลุ่มที่กำลังพูดคุยเรื่องสาวแล้วยิ้มให้เพื่อน
“เมื่อวานไปกินข้าวบ้านว่าที่พ่อตามาวันนี้ยิ้มหน้าบานเชียวนะมึง แหมแล้วบอกไม่คิดอะไรกับดาริณ”
นั่งลงก้นยังไม่ทันอุ่นวายุก็ยื่นหน้าเข้ามาเอ่ยแซว เห็นเพื่อนซี้ยิ้มร่าอารมณ์ดีก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะเมื่อวานไปทานข้าวที่บ้านท่านรัฐมนตรีมา
“ไม่เกี่ยวเลย”
“อ้าว! ไม่เกี่ยวกับที่ไปกินข้าวแล้วเป็นเพราะอะไรวะ อะไรที่ทำให้มึงอารมณ์ดีได้ภายในคืนเดียว”
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร จะว่าเป็นเพราะได้แกล้งยัยน้ำหวานก็ไม่ใช่เพราะเขายังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ตั้งใจไว้สักอย่าง ทั้งที่ความจริงแล้ววันนี้เขากะว่าจะแกล้งให้เธอขนของหลังรถลงมาให้ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรีบไปส่งเธอที่หน้าคณะแทนซะงั้น
เขาแค่นหัวเราะเมื่อคิดขึ้นมาคนเดียว ก่อนจะรีบหุบยิ้มทันทีเมื่อถูกไอ้เพื่อนซี้สามตัวจ้องหน้า
“มึงดูมีพิรุธนะ”
ออสตินชี้นิ้วมาที่หน้าของทิวเขาแล้วหรี่ตาเพ่งเล็งราวกับจับผิด
“พิรุธอะไร”
คนร้อนตัวรีบเขยิบหนี พิรุธบ้าบออะไรไม่มีทั้งนั้นแหละ
เวลาต่อมา
วันนี้ไม่มีกิจกรรมรับน้องน้ำหวานเลยไม่ต้องอยู่จนค่ำมืดเหมือนทุกวัน พอเลิกเรียนหญิงสาวก็เดินไปรอรถเมล์ที่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางกลับบ้านทันที
ตอนแรกมิวสิคก็ชวนให้เธอกลับด้วยกันแต่น้ำหวานก็ปฏิเสธเขาไป การจะให้ชายหนุ่มไปส่งบ่อย ๆ นอกจากจะเกรงใจเขาแล้วเธอยังเกรงใจเจ้าของบ้านที่เธออาศัยอยู่อีกด้วย
ทว่าขณะนั่งรออยู่ตรงป้ายรถเมล์ จู่ ๆ ก็มีรถซูเปอร์คาร์คันคุ้นตามาจอดเทียบฟุตบาท ทิวเขาลดกระจกลงแล้วตะโกนเรียกให้เธอขึ้นรถ
หญิงสาวเดินไปยืนด้านข้างแล้วรีบพูดปฏิเสธ
“คุณกลับไปก่อนเลยค่ะ หวานนั่งรถเมล์กลับสะดวกกว่า”
แม้ตอนเช้าเขาจะขับรถไปส่งเธอถึงหน้าคณะ ทว่าก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าตอนเย็นเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวไม่ไว้ใจว่าเขาจะทำอะไรไม่หวังผล
“อย่ามาเยอะ เธอยังต้องรับผิดชอบฉันอยู่นะลืมไปแล้วเหรอ”
นั่งรถไปกับเขามันเกี่ยวอะไรกับการรับผิดชอบ
“เร็วดิ ร้อน” ทิวเขารบเร้า
“ค่ะ”
สุดท้ายก็ยอมขึ้นรถไปกับเขาจนได้
@ห้างสรรพสินค้า
ร่างสูงเดินนำหน้า หาซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นโดยมีหญิงสาวเดินตามหลังคอยหิ้วของให้ ชายหนุ่มเดินเข้าเดินออกร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่น รูดบัตรเครดิตซื้อข้าวของที่ต้องการแล้วยื่นถุงให้โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะถือไหวรึเปล่า
“คุณจะซื้ออีกเยอะไหมคะ”
นิ่วหน้าเอ่ยถามพลางเดินตามอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ข้าวของพะรุงพะรังนอกจากหนักแล้วยังเยอะจนล้นมือจะถือยังไงไหว หญิงสาวหยุดเดินแล้วพักวางข้าวของลงบนพื้นขณะรอคำตอบจากเขา
“ทำไม”
“ก็ถ้าคุณจะซื้ออีกหวานขอเอาของไปเก็บที่รถก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้มันเต็มไม้เต็มมือหมดแล้ว”
เขาพ่นลมหายใจออกมาจากนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอ ก่อนจะแบ่งข้าวของบางส่วนจากหญิงสาวมาถือไว้เอง
“คุณไม่เจ็บมือแล้วเหรอ”
“ฉันเจ็บข้างนี้”
เขายกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือของขึ้นมาโชว์ให้ดู
เออลืมไปว่าเขาเจ็บแค่ข้างเดียว แล้วปล่อยให้เธอถือคนเดียวตั้งนานเนี่ยนะ
หนุ่มสาวเดินเคียงข้างระหว่างซื้อของ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดอยู่ตรงหน้าร้านน้ำหอมแบรนด์ดัง ร่างสูงเดินนำหญิงสาวเข้าไปในร้านจากนั้นก็ลองดมน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ
“เธอว่ากลิ่นไหนหอม”
“หวานไม่รู้ค่ะ”
เหนื่อยหน่ายใจกับคนที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง เขาถามความเห็นแทนที่จะลองดมกลิ่นดูก่อนแต่กลับตอบมาส่ง ๆ
ทิวเขาเอื้อมมือไปดึงแขนเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงแข็ง
“ไม่รู้ก็ลองดมสิ”
ไม่รู้จะอะไรกับเธอนักหนา อยากได้กลิ่นไหนทำไมไม่ลองดมเอง จะมาถามความเห็นจากเธอทำไม
คิดค่อนขอดเขาในใจแต่สุดท้ายก็ยอมดมกลิ่นน้ำหอมให้เขา
“หวานว่ากลิ่นนี้หอมค่ะ”
เธอชี้ไปที่ขวดน้ำหอมกลิ่นที่เธอชอบแต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะชอบหรือเปล่า
“ผมเอากลิ่นนี้ครับ”
ทิวเขาหันไปสั่งพนักงานของร้าน
หลังจากจ่ายเงินค่าน้ำหอมทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน
ทางด้านดาริณ วันนี้เธอมาทานข้าวกับเพื่อนในคณะที่ห้าง ใบหน้าสวยยิ้มระรื่นขณะพูดคุยกับเพื่อนสนิทถึงเรื่องต่าง ๆ ก่อนที่เพื่อนคนหนึ่งจะถามถึงว่าที่หวานใจของดาริณขึ้นมา
“แล้ววันนี้ไม่พาทิวเขามาด้วยเหรอจ๊ะ”
“วันนี้ทิวเขาต้องพาคุณแม่ไปทำธุระน่ะ แต่เห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะพาฉันไปดูหนังอยู่นะ ชดเชยที่วันนี้ไม่ได้มาด้วย”
“แหมหวานจังเลยนะ อิจฉาดาริณจังที่มีแฟนทั้งหล่อทั้งแสนดีอย่างทิวเขาอะ”
“บ้า! เรากับทิวเขาไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย แค่เพื่อนกันน่ะ”
“เพื่อนอะไรจะใส่ใจกันขนาดนี้จ๊ะ ฉันว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมากกว่า”
ดาริณมักสร้างภาพให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเธอกับทิวเขามีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อน พอถูกแซวเธอก็ทำทีเป็นแก้ข่าวอย่างขวยเขินเพื่อให้เพื่อนเข้าใจผิดไปกันใหญ่ และวิธีนี้มันก็ได้ผลทุกครั้ง
ทว่าระหว่างที่กำลังหัวเราะขบขันกันอย่างสนุกสนาน สายตาของเพื่อนคนหนึ่งก็สะดุดเข้ากับคนที่พวกเธอกำลังกล่าวถึง
ทิวเขามาเดินซื้อของที่ห้างกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูกะหนุงกะหนิงราวกับเป็นคู่รัก
“นั่นทิวเขารึเปล่าอะ”
ดาริณหันไปมองตามทิศทางที่ปลายนิ้วชี้ไป นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริก ๆ ไม่คิดว่าทิวเขาจะมาเดินห้างกับเด็กผู้หญิงคนนั้น
ยัยเด็กที่ทิวเขาบอกว่าเป็นแค่เด็กในบ้าน แต่ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อเธอมันเหมือนมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้น
“ผู้หญิงคนนั้นใครอะ น่ารักด้วยนะ”
“อย่ายอมนะดาริณ”
เสียงเพื่อนกระซิบกระซาบเป่าหู ทำให้หญิงสาวยิ่งรู้สึกอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ทั้งเสียหน้าแล้วก็เสียใจ
ดาริณลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากร้านด้วยความโมโห ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าว
“ดาริณไปแล้ว แล้วใครจ่ายอะ”
อุตส่าห์ชวนดาริณออกมาเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวแต่จู่ ๆ เธอก็โมโหเดินออกไป เพื่อนสาวสามคนนั่งถกเถียงกันเพราะหาคนจ่ายเงินค่าข้าวไม่ได้สุดท้ายจึงได้หารสาม
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







