FAZER LOGINไม่ชอบขี้หน้าเธอตั้งแต่เด็ก ๆ จู่ ๆ วันหนึ่งพ่อกับแม่ก็ให้เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านในฐานะน้องสาวของเขา "ขอบคุณพี่ทิวเขานะคะ" "ใครพี่เธอ ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่เคยมีน้องสาว คราวหลังอย่าเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันไม่ชอบ" ใช้สายตาดุดันพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด การมาของเธอทำให้เขาไม่พอใจ มีโอกาสเมื่อไหร่จึงหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอสารพัด วันไหนไม่ได้แกล้งก็แทบนอนไม่หลับ พักหลังชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า 'อยากแกล้ง' หรือ 'อยากใกล้' เธอกันแน่
Ver mais@ สนามแข่งรถ
เสียงเร่งเครื่องของรถซูเปอร์คาร์สองคันดังกระหึ่มอยู่ในสนามแข่งรถตรงจุดออกตัว สองหนุ่มเพื่อนซี้ ทิวเขา และ วายุ กำลังจ้องเขม็งมองกันประหนึ่งว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่
แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งคู่ต่างก็มองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไร
เมื่อไฟสัญญาณให้ออกตัวรถสองคันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทั้งทักษะการขับและประสบการณ์การแข่งทั้งสองหนุ่มถือว่าฝีมือสูสีไม่มีใครดีหรือด้อยไปกว่ากัน
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด สองหนุ่มเชือดเฉือนราวกับเป็นคู่ศัตรูมาแต่ชาติปางไหน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่รอบสุดท้ายรถของทิวเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาจนทิ้งห่างจากรถของวายุอยู่หลายช่วงคัน
“วันนี้ไอ้ทิวเขาแม่งได้ว่ะ แซงหน้าไอ้วายุไปหลายช่วงคันแล้ว เฮ่อ! สงสัยกูจะได้เสียเงินอีกแหง ๆ”
ออสติน หนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์เอ่ยขึ้นขณะยืนลุ้นอยู่บนห้องรับรองลูกค้าวีไอพีของสนามแข่งรถ นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งไปด้านหน้าที่เป็นกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวสนามได้แบบสามร้อยหกสิบองศา
ภายในห้องกว้างมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เอาไว้เพื่อรับชมการแข่งขันในสนาม เพราะฉะนั้นรถทุกคันที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในนั้นจึงไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้ที่อยู่ในห้องนี้ไปได้
เจ้าขุน นั่งไขว่ห้างพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาควงอย่างใจเย็น นัยน์ตาสีเข้มเพ่งไปยังหน้าจอ ก่อนที่มุมปากหนาจะยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าทิวเขาเป็นผู้คว้าชัย
วันนี้เขาเป็นฝ่ายชนะเดิมพัน
“แม่งเอ๊ย!”
ออสตินสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โซฟา มือหนาคว้าแก้วเหล้าของตัวเองมาสาดลงคอด้วยท่าทางหงุดหงิด
เขาลงเดิมพันข้างวายุเอาไว้วันนี้จึงเป็นฝ่ายเสียเงินให้เจ้าขุน
“มึงอย่าพาล จ่ายมาซะดี ๆ”
เจ้าขุนวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วกระดิกนิ้วยิก ๆ
ออสตินหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโอนเงินสามล้านให้แก่ผู้ชนะเดิมพัน
ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ลูกครึ่งหันไปมองหน้าคนที่กำลังหัวเราะเยาะเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“กูเตือนมึงแล้วว่าอย่าพนันตอนไอ้ทิวเขามันกำลังโมโห เสือกไม่เชื่อกูเอง”
เจ้าขุนไหวไหล่อย่างคนเหนือกว่า มองหน้าคนแพ้แล้วยิ้มเย้ยหยัน จู่ ๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ใช้ฟรี ๆ ตั้งสามล้านใครไม่เอาก็โง่แล้ว
“ใครจะไปคิดว่าเวลามันโมโหแล้วจะขับรถไม่กลัวตายแบบนี้วะ รู้งี้เก็บเงินไว้เปย์หญิงดีกว่า”
คนแพ้บ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อน ก่อนจะเทเหล้าใส่แก้วแล้วยกดื่มเพียว ๆ ดับความขุ่นเคือง
ไม่นานนักสองหนุ่มนักซิ่งก็เดินเข้ามาในห้องวีไอพีของสนามแข่งรถที่พวกเขาทั้งสี่คนร่วมทุนกันสร้างขึ้นมา
ทั้งสี่หนุ่มชื่นชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ จึงสร้างสนามแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเป็นหลัก ส่วนเรื่องการหารายได้เป็นเพียงเหตุผลรองลงมาพวกเขาจึงไม่ได้ซีเรียสหากไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้สนาม
“ไอ้ห่าวายุมึงไม่ได้เรื่องเลย ออกตัวอย่างแรงแต่เสือกมาแผ่วปลาย กูเลยแม่งต้องเสียเงินให้ไอ้เจ้าขุนตั้งสามล้านเลยดูดิ”
เพราะยังรู้สึกโมโหไม่หายออสตินจึงบ่นไม่หยุด ใจจริงเขาอยากจะเอาเท้าถีบมันสักทีสองทีเสียด้วยซ้ำ ขับยังไงปล่อยให้คู่ต่อสู้ทิ้งห่างตั้งหลายช่วงคัน
“ก็ไอ้ห่าทิวเขาแม่งเสือกเหยียบมิดไมล์ ใครมันจะไปกล้าเหยียบแข่งกับมันวะ กูก็กลัวตายเว้ย”
คนแพ้พร่ำบ่นให้คนที่เพิ่งลงสนามประลองฝีมือกันมาเมื่อกี้
“เหยียบเต็มตีนขนาดนี้มึงจะรีบไปรับน้องสาวคนใหม่ตามคำสั่งของพ่อมึงเหรอ”
เจ้าขุนเอ่ยแซวคนแข่งชนะ เรื่องที่ผู้เป็นพ่อสั่งว่าวันนี้ตอนหนึ่งทุ่มให้ไปรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สนามบิน ทว่าตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้วแต่ทิวเขากลับยังนิ่งเฉยไม่มีทีท่าว่าจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ
และเป็นเพราะเรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้ทิวเขาทั้งโมโหและหงุดหงิดตั้งแต่เช้า
“น้องสาวพ่องมึงดิ อย่ามาพูดหมา ๆ กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”
ผู้โดนแซวตวาดอย่างไม่สบอารมณ์ คนกำลังหงุดหงิดไอ้พวกเพื่อนสนิทกลับเอาแต่พูดจากวนประสาทอยู่ได้
‘น้องสาวห่าเหวอะไร กูเป็นลูกคนเดียวโว้ย’
“นี่ก็จะสองทุ่มแล้วนะเว้ย ถ้ามึงไม่ไปสักทีเดี๋ยวพ่อแม่มึงก็โทรมาเฉ่งกบาลอีกหรอก เมื่อตอนหัวค่ำก็โทรมาย้ำรอบหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ”
เพราะไม่อยากฟังเพื่อนแพล่มตอนมันถูกพ่อด่า วายุเลยตัดรำคาญโดยการเตือนสติทิวเขาให้ยอมทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อจะดีกว่า
ทิวเขากระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ ไม่อยากไปแต่ขัดคำสั่งของผู้เป็นใหญ่ในบ้านไม่ได้ สุดท้ายจึงหยัดกายลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดไม่กล่าว
“อ้าว! ไอ้ห่า คิดจะไปก็ไปไม่บอกเพื่อนสักคำ” ออสตินบ่นตามหลัง
รถคันหรูขับออกจากสนามแข่งรถด้วยความเร็ว ระหว่างนั้นทิวเขาก็คอยเหลือบมองเวลาบนเรือนไมล์เป็นระยะ ๆ
‘สองทุ่ม’
รอได้ก็รอ ถ้ารอไม่ได้ก็กลับเชียงรายไปสิ
อีกด้าน
น้ำหวาน หญิงสาววัยสิบเก้าปีเต็มนั่งอยู่เพียงลำพังในสนามบิน คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างกังวลใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนที่จะมารับทว่ายังไร้วี่แวว
ร่างเล็กเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งในมือกำสายกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น
ครืด! ครืด! ครืด!
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นพร้อมกับไฟหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมา เธอรีบกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของคุณอาที่เคารพ
“ค่ะ อาขวัญ”
[น้ำหวาน เจอพี่รึยังลูก]
“ยังเลยค่ะ”
[ทำอะไรอยู่นะตาทิวเขา ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ไปรับน้องอีก]
เสียงปลายสายบ่นให้ลูกชายเพียงคนเดียวที่ชอบทำตัวเหลวไหล อุตส่าห์กำชับเอาไว้แล้วเชียวว่าให้ไปรอรับน้องที่สนามบินก่อนหนึ่งทุ่ม จนป่านนี้แล้วยังไปไม่ถึงอีก
[งั้นเดี๋ยวอาโทรหาพี่เขาก่อนนะ น้ำหวานรออยู่ตรงนั้นอย่าเพิ่งไปไหนนะลูก]
“ค่ะ”
หลังจากวางสาย ของขวัญ ก็โทรหาลูกชายตัวดี เสียงสัญญาณดังอยู่ไม่นานเขาก็กดรับสายของผู้เป็นแม่
[ตาทิวเขาอยู่ไหนแล้วทำไมป่านนี้ยังไม่ไปรับน้อง]
“กำลังขับรถอยู่ครับ แม่ก็รู้ว่าทางไปสนามบินรถมันติดแค่ไหน”
เขาทำหน้าเซ็งกะตายระหว่างสนทนา รู้สึกไม่ถูกชะตากับยัยเด็กน้ำหวานนี่เลยสักนิด มาวันแรกก็เริ่มสร้างความวุ่นวายแถมยังทำให้เขาถูกผู้เป็นแม่บ่นอีกต่างหาก
[เร็ว ๆ เลยนะ น้องรอตั้งนานแล้ว]
“รู้แล้วค้าบบบบบบ”
ลากเสียงครับยาว ๆ ราวกับประชดก่อนจะกดวางสาย จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
กะอีแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพ่อแม่ก็ไม่มี เป็นเด็กที่พ่อริวเพื่อนสนิทพ่อของเขาเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ไม่รู้ทำไมพ่อกับแม่ต้องให้ความสำคัญนักหนา
เวลาต่อมา
ร่างสูงประมาณร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเดินหน้าตึงเข้าไปในสนามบิน ดวงตาคู่คมกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณนั้น ทว่ากลับไม่พบกับคนที่มีหน้าตาใกล้เคียงกับยัยน้ำหวานที่เขาเคยเจอเมื่อสมัยเด็ก
เด็กผู้หญิงตัวอ้วน ๆ หน้ากลม ๆ ในตอนนั้น ตอนนี้จะต่างจากเดิมสักเท่าไหร่กันเชียว
ถึงกระนั้นผู้เป็นพ่อก็น่าจะส่งรูปถ่ายปัจจุบันของเธอมาให้บ้าง ไม่ใช่ดีแต่โทรมาสั่งอย่างเดียว
ชายหนุ่มแอบตำหนิบิดาอยู่ในใจระหว่างที่เดินตามหาหญิงสาวจนทั่วอาณาบริเวณของสนามบิน
คนที่เดินสวนไปสวนมาใช่ว่าจะน้อย ๆ ซะที่ไหนจะให้หาเจอง่าย ๆ ได้ยังไงกัน
‘วุ่นวายฉิบหาย’
“พี่ทิวเขารึเปล่าคะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง เขาหันกลับไปมองแล้วชะงักงันเล็กน้อยเมื่อผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ยัยเด็กผู้หญิงตัวอ้วน ๆ หน้ากลม ๆ อย่างที่เขาคิดไว้ แต่กลับเป็นหญิงสาวรูปร่างดีผิวพรรณขาวผ่องสะอาดสะอ้านใบหน้าสวยหวานตราตรึงใจ
เธอเป็นใครทำไมหน้าไม่คุ้นเลย
“เอ่อ...คุณคือ”
ทิวเขาดูเสียอาการ รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเขาระหว่างที่สำรวจใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะรีบหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของเธอ
“น้ำหวานเองค่ะ พี่ทิวเขาจำน้ำหวานไม่ได้เหรอคะ”
คนตรงหน้าเอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
ไม่น่าเชื่อว่ายัยเด็กตัวอ้วนกลมดิ๊กในอดีตคนนั้น พอโตขึ้นมาจะดูดีจนน่าตกตะลึง
ทิวเขายืนอึ้งราวกับโดนสาปอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อได้สติเขาก็ทำหน้าขึงขังใส่แล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ยืนบื้ออยู่ทำไม ตามมาสิ”
ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินตัวปลิวออกไป นอกจากไม่ช่วยถือกระเป๋าเขายังไม่รออีกด้วย น้ำหวานหุบยิ้มแล้วรีบหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางสองใบเดินตามชายหนุ่มด้วยความทุลักทุเล
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาก็ยังเกลียดเธอเหมือนเดิมสินะ
หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างแล้วตัดพ้อในใจ
กลางดึกหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม พอสมองว่างก็เผลอคิดถึงแต่เรื่องเก่า ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อ ๆจะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้เดี๋ยวจะถูกลูกชายเจ้าของบ้านมาต่อว่าเหมือนเมื่อคืน แต่จะให้อดทนอดกลั้นก็คงไม่ไหว หญิงสาวจึงตัดสินใจออกไปนั่งร้องไห้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านฮือ! ฮึก! ฮือ!เสียงผู้หญิงร้องไห้แว่วมาตามสายลม ยิ่งภายในห้องเงียบกริบมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่ยังนอนไม่หลับต้องเดินออกไปตรงระเบียงห้อง แล้วชะเง้อชะแง้มองหาที่มาของเสียงเขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคนอยู่ตรงหลังพุ่มไม้ชายหนุ่มเดินออกจากบ้านแล้วมุ่งไปยังสนามหญ้า ค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ยัยเด็กน้ำหวานอีกแล้วเธอจะกวนโมโหเขาไปถึงไหน“เธอรู้ไหมว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันไปรบกวนการนอนของคนอื่น”“คุณทิวเขา”หญิงสาวสะดุ้งโหยงตกใจพร้อมกับอุทานชื่อคนที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ขนาดหนีมาร้องไห้อยู่ตั้งไกลเขายังได้ยินเสียงอีกเหรอหูเทพหรือยังไงกันหญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน“ขอโทษค่ะ”แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่น้ำเสียงยังเจือปน
เช้าวันต่อมา“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามีทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ““ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเวลาต่อมาหลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำ
@ผับหรูเสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลายภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุมออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หายที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุนเจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้
‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้นหญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆปึก!ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจังใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา“ซุ่มซ่าม”เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถหญิงสาวจึงรีบตามไปหลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะเธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้นรถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาป
@ สนามแข่งรถเสียงเร่งเครื่องของรถซูเปอร์คาร์สองคันดังกระหึ่มอยู่ในสนามแข่งรถตรงจุดออกตัว สองหนุ่มเพื่อนซี้ ทิวเขา และ วายุ กำลังจ้องเขม็งมองกันประหนึ่งว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งคู่ต่างก็มองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรเมื่อไฟสัญญาณให้ออกตัวรถสองคันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทั้งทักษะการขับและประสบการณ์การแข่งทั้งสองหนุ่มถือว่าฝีมือสูสีไม่มีใครดีหรือด้อยไปกว่ากันการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด สองหนุ่มเชือดเฉือนราวกับเป็นคู่ศัตรูมาแต่ชาติปางไหน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่รอบสุดท้ายรถของทิวเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาจนทิ้งห่างจากรถของวายุอยู่หลายช่วงคัน“วันนี้ไอ้ทิวเขาแม่งได้ว่ะ แซงหน้าไอ้วายุไปหลายช่วงคันแล้ว เฮ่อ! สงสัยกูจะได้เสียเงินอีกแหง ๆ”ออสติน หนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์เอ่ยขึ้นขณะยืนลุ้นอยู่บนห้องรับรองลูกค้าวีไอพีของสนามแข่งรถ นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งไปด้านหน้าที่เป็นกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวสนามได้แบบสามร้อยหกสิบองศาภายในห้องกว้างมีจอมอนิเ






Comentários