LOGINเช้าวันต่อมา
เพราะมีเรียนเช้าหญิงสาวจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่ยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดีก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูอยู่หน้าห้อง
ร่างอรชรสวมใส่กระโปรงนักศึกษาโดยที่ท่อนบนยังสวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวบาง ๆ คลุมทับเสื้อชั้นในอีกที เธอรีบไปเปิดประตูให้คนหน้าห้องเพราะคิดว่าเป็นอาขวัญของเธอ
ทว่ากลับไม่ใช่
“มีอะไรคะ”
ทิวเขายืนนิ่งชะงักงัน จ้องมองผิวเนื้อขาวผ่องตรงร่องกลางหน้าอกอย่างลืมตัว พอรู้ตัวก็กระแอมไอเบา ๆ ประหนึ่งว่าคันยุบยิบอยู่ในลำคอจากนั้นก็ปรับสีหน้าเป็นเคร่งขรึมแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ลืมหน้าที่ของเธอไปแล้วรึไง”
“หน้าที่อะไรคะ”
“เรื่องที่เธอต้องรับผิดชอบฉันไง”
หญิงสาวนิ่วหน้าแล้วถอนหายใจ มาก่อกวนกันแต่เช้าเขาคงมีเรื่องมากลั่นแกล้งเธอแหง ๆ
“แล้วหวานต้องทำอะไรบ้างคะ”
“ไม่มีอะไรมาก ก็แค่...ทำแทนฉันทุกเรื่องที่ฉันทำไม่ได้ แค่นั้น”
“แล้วอะไรที่คุณทำไม่ได้แล้วหวานต้องทำแทนบ้างล่ะ”
“นี่ไง”
ทิวเขาบุ้ยปากไปตรงแผงอกของตัวเองที่สวมเสื้อนักศึกษาเอาไว้ทว่ายังไม่ได้ติดกระดุมเลยสักเม็ด
หญิงสาวเลื่อนสายตาลงต่ำตามร่องกล้ามที่เรียงตัวกันเป็นลอน ผิวเนียนขาวผ่องกอปรกับซิกซ์แพ็กผสมผสานกันอย่างลงตัวชวนให้น่าหลงใหล นัยน์ตาหยาดเยิ้มจ้องนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ ดวงตากลมโตเบิกค้างพวงแก้มแดงก่ำราวกับผลสตรอว์เบอร์รีสีแดงฉ่ำ
เมื่อได้สติหญิงสาวก็รีบเงยหน้าสบตากับคนที่กำลังยิ้มร่าขำขัน
“อะไรของคุณเนี่ย”
“ฉันติดกระดุมไม่ได้ ก็เลยจะให้เธอช่วยติดกระดุม แต่เธอสิคิดอะไรอยู่”
“หวานไม่ได้คิดค่ะ”
คนร้อนตัวรีบเอ่ยปฏิเสธ เมื่อกี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ
“ไม่ได้คิดแล้วทำไมถึงหน้าแดง”
"ไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย ก็แค่...ช่างมันเถอะค่ะ คุณอยากให้หวานช่วยติดกระดุมไม่ใช่เหรอ ขยับมาสิคะ”
ทำหน้ามุ่ยแล้วพูดยาวเหยียด มือเล็กจับที่เสื้อของเขาแล้วดึงเบา ๆ เข้าหาตัว จากนั้นก็เริ่มติดกระดุมจากเม็ดล่างไล่ขึ้นไปด้านบนอย่างตั้งอกตั้งใจ
ร่างสูงยิ้มขำท่าทางลนลานของหญิงสาว จากนั้นก็โน้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแอบดอมดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผมนุ่มยาว
อารมณ์ของเขากำลังเคลิบเคลิ้มได้ที่...ทว่า
“เสร็จแล้วค่ะ”
เสียงน้ำหวานเอ่ยขึ้นราวกับเรียกสติ ร่างสูงขยับตัวออกห่างพลางกระแอมไอเบา ๆ อย่างคนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดกับหญิงสาวว่า
“เรื่องที่เธอต้องรับผิดชอบยังไม่หมดแค่นี้นะ”
เธอย่นคิ้วมองใบหน้าเคร่งขรึมของทิวเขา ริมฝีปากบางกดเม้มเข้าหากันราวกับข่มอารมณ์ แผลน้ำร้อนลวกที่มือก็ไม่ได้พุพองถึงขนาดทำอะไรไม่ได้สักหน่อย นี่เขาจงใจกวนประสาทเธอแน่ ๆ
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับความไม่พอใจแล้วฝืนยิ้มให้เขา
“มีอะไรให้ดิฉันรับใช้อีกเจ้าคะ” น้ำหวานประชดประชัน
ทิวเขายิ้มกริ่มก่อนจะยกหลอดยาขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า
“ทายาให้ด้วย”
พูดจบร่างสูงก็ผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาว ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่มอย่างถือวิสาสะแล้วยื่นหลอดยาให้เธอ
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกจากปากนัยน์ตากลอกกลิ้งไปมาอย่างเอือม ๆ จากนั้นก็นั่งลงด้านข้างชายหนุ่ม
เธอยื่นมือไปรับหลอดยามาเปิดฝา จับมือของทิวเขาข้างที่โดนน้ำร้อนลวกขึ้นมาแล้วบีบยาลงบนแผลจากนั้นก็นวดทาเบา ๆ
“โอ๊ย! เจ็บ”
ร่างสูงสะดุ้งโหยงพลางร้องโอดครวญราวกับเจ็บปวด เขาชักมือหนีแต่ถูกหญิงสาวดึงรั้งเอาไว้
เธอจิ๊ปากใส่คนตัวโตแต่ใจเสาะเหมือนปลาซิว แผลเล็กขี้ปะติ๋วทำเป็นร้องเสียงดังไปได้
“นี่เธอเรียนหมอจริงป้ะเนี่ย ทำเบา ๆ ไม่เป็นรึไง”
“นี่หวานก็ทำเบาสุดแล้วนะคะ”
“เบาอะไรล่ะ โอ๊ย! เจ็บ”
“แค่นี้ทำเป็นสำออย”
บ่นเบา ๆ แต่เขากลับได้ยิน ถ้าไม่ติดว่าต้องใช้ให้เธอทายายัยน้ำหวานโดนดีแน่
ทิวเขาจ้องเขม็งคนที่นับวันเริ่มจะเถียงเขาฉอด ๆ อยากงับใบหูเล็ก ๆ ให้รู้แล้วรู้รอดชอบเถียงดีนัก
“เสร็จแล้วค่ะ” พูดพร้อมกับยื่นหลอดยาคืนให้
ทิวเขาลุกขึ้นยืนเต๊ะท่าจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
เวลาต่อมา
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จทุกคนก็เตรียมตัวออกจากบ้าน ผู้เป็นแม่จะไปทำธุระที่ธนาคารจึงติดรถสามีไปด้วย ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านก็แยกย้ายไปขึ้นรถของตัวเอง
เมื่อไหว้ลาคุณอาทั้งสองน้ำหวานก็ตั้งท่าจะเดินออกไปขึ้นรถเมล์ตรงหน้าปากซอยตามปกติ
ทว่าวันนี้ชายหนุ่มเกิดใจดีอยากให้เธอนั่งรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน
“นี่”
เขาเอ่ยเรียกเธอเสียงดังขณะกำลังจะขึ้นรถ แต่เธอกลับไม่สนใจ
ใคร 'นี่' เธอไม่ได้ชื่อนี่จึงไม่จำเป็นต้องหัน
“ยัยน้ำเน่า”
เขาเรียกเธอด้วยสรรพนามเดิมเหมือนตอนเป็นเด็ก ร่างเล็กหยุดกึกแล้วหันกลับไปมองหน้าคนที่ชอบหาเรื่องกวนประสาท ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายขี้คร้านมีเรื่องกับเขาเต็มทน
"คะ"
"เธอยังต้องรับผิดชอบฉันอยู่เลยลืมไปแล้วรึไง"
"ไม่ลืมค่ะ"
"ถ้าไม่ลืมก็ขึ้นรถ"
ว่าเสร็จก็ขึ้นรถไปโดยไม่รอให้เธอได้มีโอกาสพูดค้าน หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมารอบที่ร้อย รู้สึกงวยงงกับคำพูดวกไปวนมาของเขา เมื่อสองสัปดาห์ก่อนยังพูดปาว ๆ ว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอแต่วันนี้กลับสั่งให้เธอขึ้นรถของตัวเอง
ก่อนเปิดประตูขึ้นรถก็ไม่ลืมเบ้หน้าใส่คนที่นั่งอยู่ด้านใน สงสัยช่วงนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับมือกับคนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ราวกับเป็นไบโพลาร์อย่างทิวเขา
อีกด้าน
หลังออกจากบ้านไม่นานของขวัญก็ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ผู้เป็นสามีสังเกตเห็นจึงรีบเอ่ยถาม
"ทำไมดูอารมณ์ดีจัง มีอะไรพิเศษรึเปล่า"
ทิศเหนือเอ่ยถามผู้เป็นภรรยาขณะนั่งอยู่ตรงเบาะหลังของรถคันหรู โดยมีกล้าลูกน้องคนสนิทที่สุดแสนจะรู้ใจเป็นคนขับรถให้
"ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ แต่ที่ขวัญอารมณ์ดีเพราะเห็นว่าช่วงหลังมานี้ลูกชายของเราเริ่มมีทีท่ากับหนูน้ำหวานอ่อนลงจากเมื่อก่อนก็เท่านั้นเอง"
"อะไรทำให้ขวัญแน่ใจอย่างนั้น"
"ก็เมื่อเช้าขวัญได้ยินเด็กสองคนคุยกันอยู่ในห้องของน้ำหวานน่ะสิคะ
“ตาทิวเขาเข้าไปทำอะไรในห้องนอนน้ำหวาน”
ผู้เป็นพ่อสงสัย ผู้ชายเข้าไปในห้องผู้หญิงแล้วอยู่กันสองต่อสองมันเลยคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“ตอนแรกขวัญก็คิดแบบที่พี่เหนือคิดนั่นแหละ แต่เห็นประตูห้องไม่ได้ปิดขวัญก็เลยแอบดู ตาทิวเขาแค่เอายาไปให้น้ำหวานทาให้น่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แล้วไป”
ทิศเหนือพ่นลมหายใจโล่งอก คิดว่าไอ้ลูกชายตัวดีจะแอบย่องเข้าหาหญิงสาวซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงรู้สึกผิดต่อเพื่อนสนิทไปตลอดชีวิตแน่
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







