LOGINหลังกลับมาจากซื้อของน้ำหวานก็เป็นฝ่ายหอบหิ้วทุกอย่างเข้าบ้าน ร่างสูงที่เดินตามหลังเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา มุมปากยกยิ้มอยู่ตลอดเวลาราวกับมีความสุขนักหนา
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะน้ำหวาน”
ของขวัญเอ่ยถามคนที่เดินเข้ามาก่อน
“ไม่ใช่ของหวานหรอกค่ะ ของคุณทิวเขาน่ะค่ะ หวานแค่ไปช่วยหิ้ว”
คนอายุเยอะหรี่ตาแคบมองหน้าเจ้าลูกชายด้วยความประหลาดใจ ทิวเขาชวนน้ำหวานไปเดินซื้อของที่ห้างด้วยกันมันชักยังไง ๆ ปกติลูกชายของเธอยอมอยู่ใกล้หญิงสาวซะที่ไหน
‘แปลกมาก’
ร่างสูงของลูกชายนั่งลงด้านข้างผู้เป็นแม่แล้วโอบกอดออดอ้อน จากนั้นก็หอมแก้มดังฟอดราวกับคนอารมณ์ดี
“ให้หวานเอาของไปเก็บที่ห้องคุณทิวเขาเลยไหมคะ”
เธออยากเข้าห้องเต็มที ครั้นจะทิ้งข้าวของไว้ตรงนี้เดี๋ยวจะถูกเขาดุเอาอีก จึงเอ่ยถามเจ้าตัวก่อนว่าต้องการแบบไหนจะให้เธอถือเข้าไปไว้ให้หรือว่าเขาจะถือไปเอง
“เอาไปไว้ในห้องฉันเลย”
“ค่ะ”
หญิงสาวหอบหิ้วข้าวของทั้งหมดขึ้นบันไดโดยมีชายหนุ่มเดินตามขึ้นไป คนอายุมากมองตามเด็กทั้งสองคนแล้วยิ้มจนแก้มปริ ได้เห็นทั้งคู่สามัคคีกันแบบนี้ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย
ร่างสูงเปิดประตูห้องนอนของตัวเองให้หญิงสาว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของชายหนุ่ม หลังจากวางข้าวของลงบนพื้นน้ำหวานก็หันหลังตั้งท่าจะเดินกลับห้องทันที
“เดี๋ยว”
จู่ ๆ เขาก็เรียกเธอเอาไว้ หญิงสาวจึงหันกลับไปมองเขา
มือหนายื่นถุงกระดาษใบหนึ่งมาให้พร้อมกับพูดว่า
“ฉันให้”
ทิวเขายื่นน้ำหอมแบรนด์ดังที่น้ำหวานเป็นคนเลือกกลิ่นเองให้เธอ หญิงสาวนิ่งชะงักด้วยความแปลกใจยืนอ้ำอึ้งอย่างคนพูดไม่ออก
“รับไปสิ”
เขารบเร้าให้เธอรับของยิ่งเธอเงียบเขายิ่งทำตัวไม่ถูก
“หวานรับไม่ได้หรอกค่ะ”
เหนื่อยใจกับยัยคนเรื่องมาก ผู้ใหญ่ให้ของแทนที่จะรับไว้กลับทำเป็นหยิ่งผยอง ชายหนุ่มมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะขยับเท้าเข้าใกล้แล้วจับแขนของเธอยกขึ้น
เขาห้อยถุงกระดาษหูหิ้วเอาไว้กับแขนของเธอแล้วเอ่ยสั้น ๆ
“ฉันสั่ง”
ไม่อยากรับก็ต้องจำใจรับ
“ขอบคุณค่ะ”
เธอไม่ลืมกล่าวขอบคุณเขาก่อนออกจากห้อง
เมื่อกลับเข้าห้องมาน้ำหวานก็วางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบขวดน้ำหอมออกจากถุงแล้วเปิดฝา โน้มศีรษะดมกลิ่นน้ำหอมที่เป็นคนเลือกเองกับมือ
‘เขาตั้งใจซื้อให้เธอตั้งแต่แรกอย่างนั้นเหรอ’
ริมฝีปากจิ้มลิ้มระบายยิ้มด้วยความดีใจ
วันต่อมา
น้ำหวานตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าครัวช่วยป้าสุทำอาหาร เพราะเป็นวันหยุดหญิงสาวจึงไม่ต้องพะวงกับการเร่งรีบ หลังจากทำอาหารเสร็จเรียบร้อยร่างเล็กก็เดินออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน เดินเล่นรับลมเย็น ๆ ให้สบายอารมณ์ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้า ลุงศักดิ์ ซึ่งเป็นคนดูแลสวนประจำบ้าน
“สวัสดีตอนเช้าค่ะลุงศักดิ์”
“อ้าว! คุณน้ำหวานมาเดินเล่นเหรอครับ”
ชายชราวัยหกสิบปีหันมายิ้มทักทายสาวน้อยของบ้าน น้ำหวานเป็นเด็กอัธยาศัยดี ร่าเริงแจ่มใส แถมยังมีน้ำใจกับทุกคน เธอมักมาช่วยลุงศักดิ์ปลูกดอกไม้ในสวนอยู่บ่อยๆ
“ค่ะ แล้วนี่ลุงศักดิ์กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”
“ลุงว่าจะตัดแต่งกิ่งต้นไทรเกาหลีสักหน่อย ตอนนี้เริ่มไม่เป็นรูปทรงแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นให้หวานช่วยนะคะ”
หญิงสาวอาสาทันควัน เช้า ๆ อากาศดีมีลมเย็นพัดโชยเอื่อย ๆ ถ้าช่วยกันมันน่าจะเสร็จเร็วขึ้น ขืนปล่อยให้ลุงศักดิ์ทำคนเดียวกว่าจะเสร็จก็คงบ่ายแก่ ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนระอุ คนแก่อายุมากทำงานตากแดดนาน ๆ มีหวังคงได้เป็นลมเป็นแล้งไปแน่
“อย่าเลยครับคุณน้ำหวาน ตัดแต่งกิ่งไทรมันต้องปีนบันไดสูง ขืนลุงปล่อยให้คุณน้ำหวานทำแล้วคุณท่านมาเห็นเข้าลุงคงได้โดนไล่ออกจากงานพอดี”
“ให้หวานช่วยเถอะค่ะ หวานรับรองว่าคุณอาไม่ไล่ลุงศักดิ์ออกหรอก”
“จะดีเหรอครับ”
“ดีสิคะ มาค่ะหวานช่วย”
ว่าเสร็จหญิงสาวก็เดินไปหยิบกรรไกรตัดแต่งกิ่งมาถือไว้ จากนั้นก็เดินไปยังต้นไทรเกาหลีที่ปลูกเรียงรายเป็นแนวยาว หญิงสาวใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งที่ยื่นเกินออกมาจากรูปทรงโดยเริ่มตัดรอบ ๆ ต้นด้านล่างจากนั้นก็ปีนบันไดขึ้นไปทีละขั้นแล้วตัดรอบ ๆ ต้นไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายยอด
จากต้นที่หนึ่งย้ายไปยังต้นที่สองและต้นที่สามตามลำดับ
เสียงหัวเราะพูดคุยกันช่วยปลุกให้คนที่ยังนอนหลับตื่นขึ้นมา ทิวเขาหรี่ตาจ้องมองไปทางหน้าต่างแล้วเหยียดกายลุกออกจากเตียงนอน
ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่างแอบมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วที่พูดไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน
เขายิ้มอย่างลืมตัวขณะนัยน์ตาคมเอาแต่จ้องมองเธอ
“เดี๋ยวก็ซุ่มซ่ามตกบันไดหรอก”
ชายหนุ่มพูดพึมพำคนเดียว
เวลาผ่านไป
ร่างเล็กทำงานอย่างคล่องแคล่ว ช่วยลุงศักดิ์ตัดแต่งกิ่งแล้วเสร็จภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เหลือเพียงต้นสุดท้ายที่เธอกำลังจะปีนบันไดขึ้นไปตัดแต่งตรงส่วนปลายเท่านั้นงานวันนี้ของลุงศักดิ์ก็จะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
หญิงสาวก้าวเท้าขึ้นบันไดใกล้ถึงขึ้นสุดท้ายทว่าดันก้าวพลาด
ร่างเล็กลอยละลิ่วหงายหลังลงมาด้านล่างใกล้ตกถึงพื้น ฉับพลันร่างสูงของทิวเขาก็พุ่งเข้ามารับเธอเอาไว้ได้ทัน
มือข้างหนึ่งช่วยประคองตรงศีรษะ ส่วนมืออีกข้างโอบประคองตรงแผ่นหลัง ทั้งสองคนจ้องมองสบตากันราวกับอยู่ในภวังค์ จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มลงมาเรื่อย ๆ
เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของเธอ
นี่มันกลิ่นน้ำหอมที่เขาซื้อให้เธอนี่นา
“หอม”
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นน้ำหอมในกายเธอแล้วเผลอพูดออกมา ตาจ้องตาแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
“คุณน้ำหวานบาดเจ็บรึเปล่าครับ”
เสียงลุงศักดิ์พูดขึ้นขัดจังหวะ
คนฟอร์มจัดรีบปล่อยมือจากหญิงสาวทำให้ร่างเล็กร่วงลงจนก้นกระแทกพื้น
“โอ๊ย! ทำไมจะปล่อยมือไม่บอกก่อนคะ”
หญิงสาวย่นคิ้วร้องโอดครวญ ถ้าจะปล่อยให้เธอร่วงลงพื้นก็ไม่ต้องมารับตั้งแต่แรกก็ได้
น้ำหวานลุกขึ้นยืนพลางใช้มือลูบก้นของตัวเองเบา ๆ
ทิวเขามองเธออย่างกลั้นขำก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่งแล้วพูดเสียงดุ
“ซุ่มซ่าม”
เขาก้มลงไปหยิบกรรไกรตัดแต่งกิ่งที่หล่นอยู่บนพื้นหญ้า จากนั้นก็ปีนบันไดขึ้นไปตัดแต่งกิ่งต้นไทรเกาหลีแทนคนซุ่มซ่าม ขืนปล่อยให้เธอทำต่อนอกจากงานไม่เสร็จลุงศักดิ์จะพลอยโดนดุไปด้วย
น้ำหวานยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม ความจริงทิวเขาก็มีมุมดี ๆ อยู่เหมือนกัน
“ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย”
เธอพูดชื่นชมคนที่ง้างกรรไกรตัดฉับ ๆ ท่าทางทะมัดทะแมง เขาคงลืมไปแล้วว่ามือข้างหนึ่งยังเจ็บอยู่
“พูดมาก”
กิ่งไม้เล็ก ๆ ถูกปาลงมาใส่เธอเพื่อแก้เขิน
ของขวัญมองดูการกระทำของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจากมุมหนึ่งของบ้าน มือสองข้างยกขึ้นมาปิดปากที่อ้าค้างด้วยความตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นลูกชายแสดงความมีน้ำใจต่อผู้อื่น จากนั้นก็กวักมือไว ๆ เรียกผู้เป็นสามีมายืนดูด้วยกัน
“พี่เหนือว่าช่วงนี้ลูกชายของเราดูแปลก ๆ ไหมคะ”
“แปลกยังไงเหรอ”
“ก็นอกจากจะไม่ค่อยออกไปเที่ยวกลางคืน ยังกลับมานอนบ้านทุกวัน แถมยังดูเป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นด้วย”
“อืม! แปลกไปจริงด้วย”
“เห็นอย่างนี้แล้วปลื้มใจจัง”
“ปลื้มใจที่ลูกชายดีขึ้นหรือว่าปลื้มใจที่จะสมหวังเรื่องลูกสะใภ้ฮึ”
“พูดไปเรื่อย”
มองค้อนผู้เป็นสามีแล้วพูดต่อ
“ก็ต้องปลื้มใจเรื่องลูกชายสิคะ”
ผู้เป็นแม่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”“
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







