หลังจากตื่นเช้ามาล้างหน้าล้างตา หญิงสาวในชุดเสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงขาก๊วยก็เดินมายืนด้อมๆ มองๆ โต๊ะไม้ไผ่ที่มีอาหารวางเรียงรายอยู่หน้ากระท่อม บนโต๊ะมีทั้งข้าวต้มกุ้ง และผัดผักกับปลาทอด แม้ตอนนี้จมูกของเธอจะยังไม่ได้กลิ่นดีเพราะเป็นหวัด แต่ก็เชื่อว่าอาหารที่ยังคงมีควันกรุ่นๆ อยู่ตรงหน้าต้องหอมมากแน่ๆ
“มากินข้าวสิ ป้าละไมทำกับข้าวมาให้”
หญิงสาวหันหลังไปมองตามเสียง เห็นรณพีย์เดินถือกระติกน้ำเข้ามาและอนุญาตให้เธอได้รับประทานอาหารบนโต๊ะ พลอยชมพูจึงไม่รีรอที่จะทิ้งตัวนั่งและตักอาหารเข้าปากคำโต
“คิดว่าจะไม่ได้กินข้าวแล้ว” หญิงสาวหลับตาพริ้ม ทั้งอมยิ้มอ่อนเมื่อได้เคี้ยวของอร่อย
“ผมไม่ปล่อยให้คุณตายง่ายๆ หรอกน่า แต่หลังจากคุณแข็งแรงดีแล้วคุณต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง”
ดวงตาคู่สวยมองคนที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เพราะตอนนี้เธอสนใจแต่อาหารตรงหน้ามากกว่า
เดือนแรมค่อนข้างร้อนใจพอสมควรที่รู้ว่ารณพีย์พาผู้หญิงมาอยู่ด้วยกันที่กระท่อมในป่ากลางเกาะ
“เธอเป็นใครทำไมถึงมาอยู่กับคุณโรมที่นี่”
“เธอก็น่าจะเป็นแฟนคุณโรมมั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่พามาอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสอง”
“ไม่ใช่น่าจะ แต่พ่อว่าใช่เลยล่ะแม่” เพิ่มเอ่ยเสริม เพราะปกติแล้วรณพีย์ไม่เคยพาคนนอกมาที่นี่ มีเพียงเพื่อนหรือคนที่สนิทมากๆ เท่านั้นที่รณพีย์ไว้ใจที่จะพามาที่เกาะ
เดือนแรมได้ยินทั้งพ่อและแม่ยืนยันแบบนั้นเธอก็เริ่มไม่สบอารมณ์ อาหารเช้าที่น่ากินมากแค่ไหน เธอก็ไม่อยากจะกลืนลงคอจึงลุกออกไปจากเก้าอี้ดื้อๆ
“แล้วนั่นจะไปไหน ไม่กินข้าวกินปลาหรือไง”
“มันจะไปไหนก็ปล่อยมันไปเถอะแม่ อีกไม่กี่วันก็ต้องส่งมันเข้ากรุงเทพแล้ว” เด่นชัยส่ายหัวน้อยๆ ทั้งบอกให้แม่ตนไม่ต้องไปสนใจ หากน้องสาวของเขาหิวมากๆ ก็คงจะกลับมาหาอะไรเข้าปากเอง ด้วยน้องของเข้าเป็นคนจำพวกยิ่งถูกใส่ใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเรียกร้องความสนใจมากเท่านั้น
หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยพลอยชมพูก็เดินไปดูความเรียบร้อยที่โอ่งน้ำในห้องน้ำและห้องครัว เมื่อเห็นว่ามันเต็มทุกที่แล้วเธอจึงโล่งใจ เพราะจะได้ไม่มีเหตุการณ์ที่เธอถูกลากไปอาบน้ำที่ลำธารจนเกิดเหตุขึ้นอย่างเมื่อวานอีก
“น้ำในโอ่งลุงเพิ่มตักไว้เต็มหมดแล้ว ฉันคงไม่ต้องทำอะไรแล้วใช่ไหม” หญิงสาวชี้ไปยังโอ่งน้ำที่เธอกำลังเปิดฝาให้รณพีย์ได้ดู
ชายหนุ่มยืนแสยะยิ้มอ่อน เขารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าลุงเพิ่มจะมาตักน้ำเอาไว้ให้ตั้งแต่เช้า
“อืม... หน้าที่ของคุณไม่ได้มีแค่นี้นี่” พูดจบก็ลากหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนขึงเธอเอาไว้กับเตียงไม้หลังเล็ก
“คุณจะทำอะไร”
“คุณก็ไม่ได้เป็นเด็กไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรหรอกมั้ง” เขาก้มหน้ากดจมูกดอมดมพวงแก้มนวล ขณะที่เจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆ กำลังนอนตัวเกร็ง
“คุณโรมคะ คุณโรม” จู่ๆ ก็มีเสียงเล็กแหมตะโกนเรียกรณพีย์ พลอยชมพูไม่รู้หรอกว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร ทว่ามันเสมือนเสียงสวรรค์ที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ เพราะยังไม่ทันสิ้นเสียงนั้นรณพีย์ก็รีบผละตัวจากเธอออกไปข้างนอกทันที
รณพีย์เสียอารมณ์เล็กน้อย เมื่อได้สัมผัสเนื้อตัวได้ดอมดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของพลอยชมพู อารมณ์ความเป็นชายข้างในก็เริ่มพลุ่งพล่าน เมื่อถูกขัดจังหวะจึงต้องปรับอารมณ์อยู่พอสมควร แต่เมื่อต้องออกมาต้อนรับคนมาใหม่ก็ต้องพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ
“มีอะไรเหรอเดือน”
“เอ่อ... คือ แม่ให้มาถามจะว่าขาดเหลืออะไรหรือเปล่า” หญิงสาวถามพลางสอดส่องสายตาดูรอบๆ ไม่กี่วินาทีหลังจากนันเธอก็เริ่มมีอารมณ์ขุ่มมัว เมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็กใบหน้าสวยหวานเดินออกมาจากในกระท่อม เธอก็ไม่ได้คิดจะเอ่ยทักทายอะไรคนที่เพิ่งเคยเจอหน้า ทำเหมือนหญิงสาวหน้าหวานคนนั้นเป็นธาตุอากาศไป
“ไม่มีอะไรขาดเหลือหรอก อ่อ... เรามาก็ดี พาแฟนพี่ไปเก็บผักหน่อยสิ เธออยากเอามาทำกับข้าว” รณพีย์ดึงพลอยชมพูให้มายืนข้างตัวของเขา พลอยชมพูได้แต่ยืนนิ่งข่มอาการไม่พอใจ ทว่าในใจก็ก่นด่าชายหนุ่มที่ชอบสั่งอะไรที่เธอไม่ได้ถนัดที่จะทำ
“ได้สิคะ ตามเดือนมาเลยค่ะ” เดือนแรมฝืนยิ้มตอบรับรณพีย์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ ก่อนจะเดินนำหน้าหญิงสาวใบหน้าสวยหวานไปยังทางกลับบ้านของเธอ
ขณะที่เดินตามเดือนแรมพลอยชมพูมองหลังอยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่เห็นว่ารณพีย์ตามมาด้วยเธอจึงคิดอะไรบางอย่างออก เธอมองตามหลังเดือนแรมที่เดินจ้ำอ้าวด้วยสายตามีเลศนัย
เดือนแรมพาพลอยชมพูเดินลัดเลาะตามป่ามายังหลังบ้านจนมาถึงแปลงผักแปลงใหญ่หลายชนิด หญิงสาวก็เดินไปหยิบตระกร้าสานใบใหญ่โยนไปยังด้านหน้าของพลอยชมพูด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่คิดเกรงใจ
“อยากได้ผักอะไรก็เก็บเอาเองแล้วกัน ฉันไม่ช่วยนะ” ว่าจบก็เตรียมหันหลังเดินดุ่มเข้าไปในบ้าน
“เดี๋ยวสิเดือน” พลอยชมพูพอจะมองออกว่าหญิงสาวตรงหน้าน่าจะไม่ค่อยชอบหน้าของเธอ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นตอนนี้เธออยากจะรู้มากกว่าว่าแถวนี้มีบ้านอยู่อีกกี่หลัง เพราะคิดว่าไม่แน่รณพีย์อาจจะขังพ่อของเธอเอาไว้แถวนี้ก็อาจจะเป็นไปได้
“จะเรียกทำไม บอกแล้วไงว่าไม่ช่วย” เดือนแรมหันมาตวัดมองค้อนพลอยขมพูทั้งพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าเดิม
“ที่นี่มีบ้านหลังอื่นอีกไหม”
“มีแค่บ้านที่แม่ของฉันอยู่แล้วก็กระท่อมกลางป่าเท่านั้น ถามทำไมเหรอ หรือว่าคุณอยากอยู่ที่สบายๆ กว่านี้มันไม่มีหรอกนะ”
“เปล่าหรอก เอ่อ... แล้วพอจะรู้ไหมว่าคนที่ชื่อวิษณุพงษ์อยู่ที่ไหน” เธอไม่มั่นใจหรอกว่าเดือนแรมจะรู้จักพ่อของเธอหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากเสียโอกาสที่จะถาม เพราะเธอไม่ค่อยมั่นใจตั้งแต่คราแรก ว่าพ่อของเธออยู่ในกำมือของรณพีย์จริงๆ หรือเปล่า
“วิษณุพงษ์” เดือนแรมยืนเท้าเอวครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็พอจะนึกได้ว่าชื่อนี้คือใคร
“อ๋อ... คนที่สั่งฆ่าพ่อคุณโรมน่ะเหรอ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ถ้ารู้ก็คงบอกตำรวจไปแล้วสิ ฉันไปกินข้าวแล้วนะ กลับเองได้ใช่ไหม”
“อืม”
หลังจากเดือนแรมเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้ว พลอยชมพูนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ถึงคำพูดของหญิงสาว หรือว่าทุกอย่างที่รณพีย์พูดกับเธอไม่ใช่เรื่องจริง หลังจากเก็บผักได้จนพอใจแล้วพลอยชมพูก็รีบเดินดุ่มกลับไปที่กระท่อมด้วยท่าทางร้อนอกร้อนใจ
รณพีย์ออกมายืนรอดูผลงานของพลอยชมพูตั้งแต่หญิงสาวยังเดินมาไม่ถึงหน้ากระท่อมดี
“บ้านคุณเค้าสอนให้เก็บผักแบบนี้เหรอ” เมื่อมองไปยังต้นคะน้าในตระกร้าก็เห็นว่าพลอยชมพูเล่นถอนรากถอนโคนมันออกมาด้วย ไม่รู้ว่าหญิงสาวเก็บผักไม่เป็นหรือต้องการประชดประชันเขากันแน่
“ก็ฉันไม่รู้นี่ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไร”
“ทำไมเดือนบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีคนรู้ว่าพ่อของฉันอยู่ที่ไหน คุณไม่ได้หลอกลวงฉันเรื่องคุณพ่อใช่ไหม”
ข่าวที่มีนานุชได้รับรู้จากแน่งน้อยทำให้เธอเป็นลมแล้วล้มพับครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องหามกันมาที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากที่รอสามีอยู่หลายชั่วโมงสาวหญิงสาวก็ได้รู้ว่าสามีของเธอถูกชรันทรยิงเข้าที่กลางหลังขณะพาเมนิลาหนีหลังจากนั้นตำรวจก็ทำการล้อมจะจับชรันทร จนชายหนุ่มรีบดึงเมนิลาเป็นตัวประกันก่อนจะวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ด้วยความที่ทางแถบนั้นค่อนข้างมือรถบรรทุกข์ที่ขับมาด้วยความเร็วไม่เห็นทั้งสองจึงชนเข้าไปเต็มๆ ทำให้ชรันทรและเมนิลาเสียชีวิตกันคาที่ทั้งคู่มีนานุชถูกสั่งให้นอนอยู่กับเตียงนิ่งๆ เพราะตอนนี้เธอมีภาวะเครียดจนทำให้เลือดออกเสี่ยงที่จะแท้ง“ทำไม ทำไมต้องมีเรื่องร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นด้วย” หญิงสาวยังคงมีน้ำตาพรั่งพรูอยู่ตลอดเวลา จนแน่งน้อยและนาราที่เห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้“ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณมีนเสียใจ แต่ตอนนี้โล่งใจได้อย่างหนึ่งแล้วนะคะว่าคุณเรย์ปลอดภัย ส่วนคุณรันกับคุณเมเค้าไปสบายแล้วนะคะ ตอนนี้คุณมีนต้องห่วงตัวเองกับลูกในท้องก่อนเข้าใจที่ป้าพูดไหมคะ”คนที่นอนอยู่บนเตียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหลับตาภาวนาในใจให้ชรันทรและเมนิลาไปสู่สุคติ และขอให้พระคุ้มครองลูกน้อยในท้องอย่าให้จากเธอไปตอน
กว่ามีนานุชจะหายกลัวและหายตัวสั่นได้รามินทร์ก็ต้องกอดปลอบอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้“คุณแค้นพี่ชายคุณมากเลยเหรอคะ คืนทุกอย่างให้เค้าแล้วปล่อยผ่านทุกอย่างไปได้ไหม ฉันคิดว่าหลังจากนี้ถ้าคุณไม่ถอยคุณได้ทะเลาะกับพี่ชายคุณใหญ่โตแน่” มีนานุชรับรู้ได้ตอนที่อยู่ใกล้กับชรันทร รังสีอำมหิตของเขามันแผ่ไปทั่วตัวของเธอจนทำให้กลัวจนถึงขั้นน้ำตาไหล เธอคิดว่าพี่ชายของสามีไม่จบเรื่องความบาดหมางง่ายๆ แน่ หากสามีเธอไม่เป็นฝ่ายถอยเสียเอง“ผมจะยอมจบทุกอย่างถ้าพี่รันยอมขอร้องผมแค่คำเดียว” รามินทร์ยอมรับว่าเขาอยากจะได้คำขอร้องจากปากของชรันทรเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ เพราะเขาเชื่อว่าหากชรันทรยอมลดศักดิ์ศรีให้เขาได้ ทิฐิในใจของเขาทุกอย่างมันจะถูกขจัดออกไปได้“ดูก็รู้ว่าเค้าไม่ยอมง่ายๆ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคะ ที่คุณโกรธเคืองเค้าเพราะเค้าแย่งพี่เมไปจากคุณใช่ไหม” มีนานุชเงยหน้าจ้องมองคนที่กอดเธอซุกไว้กับอก“ไม่ใช่” รามินทร์เอ่ยเสียงอ่อนทั้งหลบสายตาของภรรยาตัวเล็ก เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังทุกคนเอาไว้“เค้าคือคนที่ขับรถชนมีนกับแม่ใช่
“อะไรนะ” สีหน้าระรื่นคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เมนิลาเริ่มเสียงแข็งเพราะกำลังรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นถูกรามินทร์ปั่นหัว“ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่ผมให้คุณดู ถ้าคุณจะอยู่ก็อยู่ได้นะครับ แต่จ่ายค่าเช่าให้น้องคุณด้วยเพราะบ้านหลังนั้นผมซื้อให้มีน” รามินทร์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ ทั้งใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่ได้สะท้านกับคนที่กำลังเปลี่ยนสีหน้าเป็นยักษ์เป็นมารใส่เขา“แกหลอกใช้ฉันเหรอ!” เมนิลาลุกพรวดจากเด้าอี้ชี้หน้าตวาดลั่นใส่รามินทร์“คุณลองนึกดูดีๆ ว่าผมหลอกอะไรคุณ คุณได้ของมีค่าได้เงินไปจากผมตั้งเยอะ คุณมีแต่ได้กับได้คุณไม่เห็นจะเสียอะไรเลย”“ก็แกหลอกให้ฉันเข้าใจว่าแกยังรักฉันไง ให้ฉันหลอกผัวฉันให้ขายบริษัทให้แก แล้วมาทำกับฉันแบบนี้เนี่ยนะ”“คุณคิดเองเออเองคุณเม ออกไปจากบริษัทผมได้แล้ว หรือจะให้ผมตามคนมาลากคุณออกไป”“อ๊ายยยย...ฉันเกลียดแก” อาละวาดเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องทำงานของรามินทร์ ท่าทีก้าวร้าวของหญิงสาวไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกมีโทสะแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสมเพชเวทนาคนที่อยากได้ใคร่ดีโดยไม่สนหัวใครแม้แต่สามีของตัวเอง สมควรแล้วที่จะรับความผิดหวังกลับไปแบบนี้
และแล้วรามินทร์ก็ต้องรีบถอดกุญแจมือรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับมีนานุช หลังจากได้รับข่าวร้ายว่าตอนนี้พ่อของหญิงสาวกำลังอาการหนักต้องรีเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายในสมองออก เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่รอดภายในคืนนี้“คุณพ่อป่วยหนักแล้วทำไมคุณพ่อกับแม่ใหญ่ไม่เคยบอกมีนคะ” มีนานุชนั่งคุยกับเปรมนภาทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเธอนั้นป่วยด้วยโรคร้าย“ฉันก็อยากบอกแกแต่พ่อแกน่ะสิไม่ให้บอก ที่เค้ารีบยกแกให้เรย์ก็เพราะรู้ว่าจะดูแลแกไปได้ไม่ตลอดไง เค้าเลยอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้างเลยให้แกไปอยู่กับคนที่เค้ามีเงินรักษาดวงตาของแกแล้วก็เลี้ยงแกให้สุขสบายได้” เปรมนภาเห็นว่าไหนๆ เรื่องการป่วยของสามีเธอก็แดงขึ้นมาแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในใจที่ศรุตรู้สึกผิดต่อมีนานุชและดารัณ“คุณพ่อ” สาวเจ้าได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮสะอื้นตัวสั่นจนรามินทร์ต้องรีบกุมมือของเธอเอาไว้ มีนานุชมองย้อนกลับไปในอดีตเธอเองก็ทำตัวดื้อรั้นกับพ่อของตัวเองหลายอย่างเช่นกัน เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจและความเท่าเทียมกับพี่สาวคิดมาตลอดว่าพ่อไม่เคยรักไม่เคยหวังดี แต่มาถึงตอนนี้เธอรู้และเข้าใจทุกอย่างแล้ว ภาวนาในใจอยากให้พ่อของเธอรอดชีว
“อืม... อ่อ อีกสักพักฉันจะพาคุณเรย์ไปหายายพวกแกไปกับฉันนะ ไปเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อย ฉันกลัวว่ายายจะโกรธที่ฉันแต่งงานแล้วเพิ่งจะไปบอก”“ได้... แล้วเอาเหลนไปฝากยายด้วยไหมล่ะ”“ยังไม่มีวี่แววเลย” มีนานุชเอ่ยตอบบราลีด้วยน้ำเสียงและท่าทีขวยเขิน เพราะคำนี้รามินทร์ก็พูดกับเธอด้วยเหมือนกัน“บอกให้คุณเรย์ขยันกว่านี้หน่อยสิ แกจะได้ท้องเร็วๆ” กมลเนตรเอ่ยหยอกมีนานุชเสียงดังจนคนในร้านรวมถึงพนักงานต่างก็ยิ้มกรุ้มกริ่มมองมายังพวกเธอเป็นตาเดียว“ชู่ว...เบาๆ สิ” มีนานุชรีบปรามให้กมลเนตรหลี่เสียงลง อยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่าสามีเธอขยันแค่ไหนแต่ก็อายที่จะพูด แต่เป็นเธอเองที่ไม่มีวี่แววว่าจะท้องเสียที“เฮ้ย...” บราลีสะกิดกมลเนตรขณะเดินนำหน้ามีนานุชออกจากลิฟท์ เพาะเห็นว่าตอนนี้รามินทร์กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิกคู่กับเมนิลาออกจากร้านอาหารหรู“คุณเรย์” มีนานุชยืนตัวชาวาบจ้องสามีของเธอและพี่สาวที่กำลังเดินหันหลังเข้าลิฟท์อีกฝั่งไป“กลับกันเถอะ ฉันไม่อยากกินอะไรแล้ว”กมลเนตรและบราลีรับขนาบข้างอีกคนยกมือลูบหลังอีกคนแตะบ่าเบาๆ ให้กำลังใจและปลอบโยนไม่ให้มีนานุชนั้นคิดมากกับภาพที่เห็น“เค้าอาจจะบังเอิญเจอกันก็ได้ แก
“ฉันพูดความจริงก็ได้ ว่าตอนแรกก็แค่ต้องการดูแลมีนเพื่อไถ่โทษ แต่ฉันก็ดันถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็นก็เลยลองเปรยกับพ่อของเธอดูว่าจะยกให้ไหม เค้าตอบตกลงมาง่ายๆ ฉันก็เลยเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ แล้วตอนนี้ฉันก็รักมีนมากๆ ด้วย”“ตอนนี้รักเมียแกมาก แต่ทำไม่ดีลับหลังเมียแกเนี่ยนะ ฉันว่าแกแต่งงานกับมีนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเมมากกว่า”“เป้าหมายของฉันไม่ใช่เม เธอก็แค่หมากตัวเล็กๆ เท่านั้น ฉันเชื่อว่าถ้าฉันให้เมได้เยอะกว่าที่พี่ฉันให้ คนอย่างเมนิลาก็ต้องคอยดูถูกดูแคลนพี่ฉันแน่ และคนอย่างพี่รันชอบให้ใครมาดูถูกที่ไหน ฉันเชื่อว่าเค้ากำลังจะทำทุกทางเพื่อเอาชนะฉัน ดูสิ ตอนนี้เค้าก็ตั้งใจจะเปิดบริษัทแข่งกับฉัน แต่ดูท่าจะไปไม่รอดแล้วด้วย”เมคินทร์เงียบไปครู่หนึ่งก่นจะคิดอะไรบางอย่างออก “แกต้องการให้พี่แกมาขอความช่วยเหลือจากแกใช่ไหม”“สมกับที่แกเป็นเพื่อนรักฉันเลยเมฆ ฉันต้องการแค่นั้นเลย”“แกก็รู้ว่าเรื่องการแก้แค้นเอาคืนมันมีแต่เรื่องสูญเสียมากแค่ไหน ดูตัวอย่างจากโรมสิ ตอนนี้มันมีความสุขตรงไหน” เมคินทร์หลับตาถอนหายใจอ่อน ทั้งๆ ที่รามินทร์ก็เห็นตลอดว่าครั้งที่ร่วมมือกับรณพีย์แก้แค้นศัตรูมันมีแต่ความสูญเสีย