“คุณไปคุยอะไรกับเดือนฮะ!” เมื่อรู้ว่าพลอยชมพูเริ่มทำอะไรนอกลู่นอกทางที่เขาไม่ชอบ รณพีย์ก็เริ่มมีอาการโทสะปะทุขึ้นมาทันที ชายหนุ่มกระชากแขนหญิงสาวตัวเล็กจนตัวของเธอลอยมากระแทกกับอกของเขา
“ฉันจะคุยอะไรก็เรื่องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าคุณจับตัวคุณพ่อของฉันเอาไว้จริงๆ หรือเปล่า”
“ถ้าไม่เชื่อก็กลับไปตอนนี้ แล้วถ้าผมจะทำอะไรพ่อคุณ ก็รู้ไว้ด้วยว่ามันเป็นเพราะคุณ”
“ขอแค่หลักฐานให้ฉันดูสักนิดได้ไหม ว่าคุณพ่อฉันอยู่กับคุณ”
“บอกแล้วไงว่าคุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น จะยอมทำตามที่ผมสั่งทุกอย่างหรือจะออกไปตอนนี้” รณพีย์ปล่อยให้พลอยชมพูเป็นอิสระ ทั้งยังยืนจ้องคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้างุดไม่วางสายตา
หญิงสาวเริ่มสับสนและมีน้ำตา เพราะเป็นอีกครั้งที่ความเชื่อกับความไม่เชื่อมันกำลังตีกันอยู่ในหัวสมอง
รณพีย์ไม่รีรอให้หญิงสาวได้คิดตก เขาลากเธอกลับเข้าไปในกระท่อม และปิดประตูแน่นหนา หากมีใครมาเรียกอีกเขาก็จะไม่เปิดมันออกมมาต้อนรับใคร
เขาต้องรีบทำอะไรๆ ก่อนที่จะไม่ได้อะไรเลยจากเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่พรากพ่อและพรากอนาคตของเขาไปตั้งปลายปี
“ตกลงจะทำตามที่ผมสั่ง หรือจะเดินออกไปแล้วให้ผมทรมานพ่อคุณเล่น”
คนที่น้ำตาอาบแก้มมองจ้องหน้ารณพีย์ด้วยสายตาโกรธเคือง ถึงตอนนี้เธอยังมีความไม่เชื่อเขาอยู่บ้าง ทว่าจะให้พ่อของเธอปลอดภัยเธอก็ต้องยอมคนเอาแต่ใจและป่าเถื่อนคนนี้ไปก่อน
“ดี” เขาแสยะยิ้มพอใจที่เห็นหญิงสาวยืนแน่นิ่งไม่ตอบอะไร แม้จะยังไม่มีคำตอบว่าจะไปหรือไม่ไป ทว่าความเงียบนี่แหละคือคำตอบอย่างดีที่ทำให้รณพีย์รู้ว่ายังไงพลอยชมพูก็ต้องยอมจำนนต่อเขาโดยไม่มีข้อแม้
พลอยชมพูจำยอมตกเป็นของรณพีย์ทั้งน้ำตา การกระทำของเขาไม่มีความนุ่มนวลให้เธอเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกขาดวิ่นบาดเนื้อตัวจนเป็นรอยแดง ริมฝีปากบางถูกบดจูบดูดดึงจนรู้สึกปวดหนึบ แม้น้ำตาของเธอแทบจะไหลออกมาตลอดเวลาแต่ก็ไม่สามารถเรียกคะแนนความสงสารจากรณพีย์ได้เลย
เธอกรีดร้องเสียงดังลั่นแทบจะขาดใจเมื่อความบริสุทธิ์ได้ถูกทำลายลงไป เลือดบริสุทธิ์หยดที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดทั้งกายและใจแล้วหยดเล่าไหลลงผ้าปูที่นอน เธอทรมานเหลือเกิน ทรมานจนกรีดร้องแทบจะไม่มีเสียงแต่อีกฝ่ายก็ยังมูมมามอยู่บนตัวของเธอไม่คิดจะหยุด
รณพีย์เสมือนมีวิญญาณของสัตว์ป่าเข้าสิง ด้วยไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนไหนมานาน เมื่อได้สัมผัสหญิงสาวที่ผิวขาวผุดผ่อง แม้เธอจะตัวเล็กแต่ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอก็ครบครัน
ทั้งยังมีกลิ่นกายสาวที่น่าหลงไหลจึงทำให้เขายับยั้งชั่งใจและเบามือกับเธอไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยในหัวใจขึ้นมาเป็นทวีคูณจนอยากจะครอบครองร่างเล็กให้อยู่ใต้ร่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แต่แล้วกิจกรรมสวาทก็เกิดขึ้นต่อได้ไม่นานนัก ด้วยเพราะสาวเจ้าทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนสลบเหมือดคาเตียงไป...
รณพีย์รู้สึกตัวตื่นมาในช่วงบ่าย เพราะกำลังรู้สึกว่าคนที่นอนหลับอยู่ข้างกายมีไอร้อนผิดปกติออกมาจากตัว เขาลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะกลับเข้ามาในห้องพร้อมกะละมังน้ำและผ้าขนหนูเพราะรับรู้ได้เลยว่าหญิงสาวน่าจะมีไข้
รณพีย์เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พลอยชมพูพักใหญ่ เขาเห็นรอยแดงตามเนื้อตัวของหญิงสาวทั้งรอยเลือดที่มากจนน่าตกใจจึงหน้าเสียอยู่พอสมควร แต่ก็พยายามทำใจแข็งไม่คิดสงสาร
หลังจากเช็ดตัวให้พลอยชมพูเรียบร้อยแล้วจึงหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมใส่ให้เธอดังเดิมและเดินออกไปตามละไมมาดูแลพลอยชมพูแทนเขา
“ฝากป้าละไมดูแลเธอด้วยนะครับ ผมต้องออกจากเกาะไปทำธุระสักสองสามวัน”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ”
รณพีย์มีธุระที่จะต้องออกงานสังคมเพราะต้องเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นทายาทธุรกิจของคนเป็นพ่อหลังจากพ้นมลทิน
พลอยชมพูตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าของอีกวัน เธอรู้สึกปวดหัวเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเป็นพิเศษ ทั้งยังสังเวชตัวเองที่กลายมาเป็นเครื่องมือบำบัดความไคร่ให้กับรณพีย์โดยที่ไม่มีข้อต่อรอง มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ อยากจะรู้เหลือเกินว่าวันไหนเธอจะพ้นไปจากเขาได้เสียที
ณ ร้านอาหารหรูในโรงแรมระดับห้าดาว ในโซนไพรเวทตอนนี้มีสองหนุ่มสาวกำลังนั่งสีหน้าเคร่งเครียด เพราะกำลังกังวลใจกับเรื่องที่ติดต่อพลอยชมพูไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้าณัฐริกาและกิตติภูมิได้รับข้อความจากพลอยชมพูว่ากำลังจะกลับมาเมืองไทยและจะนัดเจอกัน หลังจากนั้นก็ติดต่อพลอยชมพูไม่ได้เลย
“พลอยไม่ได้มาหาแก้มเหรอครับ” กิตติภูมิเป็นเพียงแค่รุ่นพี่คนสนิทของพลอยชมพูเขาติดต่อหญิงสาวไม่ได้ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก คิดว่าการได้คุยกับเพื่อนสนิทของพลอยชมพูจะได้รับรู้เรื่องราวของพลอยชมพูเพิ่มขึ้นเสียอีก แต่เปล่าเลย ณัฐริกาก็ดูจะไม่รู้เรื่องว่าพลอยชมพูหายไปไหนเหมือนกัน
“ใช่ค่ะ พลอยบอกแก้มว่าถ้ามาเมืองไทยแล้วจะนัดเจอกัน แต่แก้มก็ติดต่อพลอยไม่ได้เลยค่ะ” ณัฐริกาพยายามโทรหาพลอยชมพูจนมือถือแทบจะไหม้ เธอไปหาพลอยชมพูที่บ้านก็แล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบจากแม่บ้านว่าพลอยชมพูยังไม่ได้กลับไปที่นั่น
“ถ้าปล่อยไปสักพักแล้วพลอยไม่ติดต่อมา พี่ว่าจะให้ตำรวจช่วยตามหาพลอย แก้มว่ายังไงครับ”
“เอ่อ...เดี๋ยวแก้มลองติดต่อพลอยก่อนดีกว่าค่ะ บางทีพลอยอาจจะกำลังไปเที่ยวพักผ่อนอยู่ก็ได้ ถ้าติดต่อไม่ได้จริงๆ แก้มจะให้ตำรวจช่วยเองค่ะ ตามนี้นะคะพี่ภูมิ”
“เอาอย่างงั้นก็ได้”
คราแรกณัฐริกาก็เห็นด้วยกับการที่กิตติภูมิจะไปแจ้งความ แต่คิดไปคิดมาเธอควรหยุดความคิดของชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะแอบมีความคิดในหัวว่า หรือตอนนี้พลอยชมพูกำลังหาวิธีการช่วยพ่อของเธอที่หลบหนีอยู่ก็อาจจะเป็นไปได้ เธอจึงไม่อยากจะให้ตำรวจเข้ามารับรู้เรื่องที่พลอยชมพูหายตัวไปอีกคนนึงอีก
เช้านี้เดือนแรมค่อนข้างอารมณ์เสียเป็นพิเศษ เพราะถูกใช้ให้มาดูแลพลอยชมพู คราแรกหญิงสาวไม่ได้เต็มใจมาแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะคนเป็นแม่ให้เลือกว่าอยากจะอยู่ช่วยพ่อของเธอทำปลาที่เพิ่งหาได้จากทะเลหรือจะไปทำกับข้าวให้พลอยชมพูกิน เธอจึงต้องจำใจเลือกอย่างที่สอง เพราะไม่ชอบกลิ่นคาวปลา
“หายดีหรือยัง”
เสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูของเดือนแรมดังขึ้น พลอยชมพูก็รีบพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง
ข่าวที่มีนานุชได้รับรู้จากแน่งน้อยทำให้เธอเป็นลมแล้วล้มพับครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องหามกันมาที่โรงพยาบาล เพราะหลังจากที่รอสามีอยู่หลายชั่วโมงสาวหญิงสาวก็ได้รู้ว่าสามีของเธอถูกชรันทรยิงเข้าที่กลางหลังขณะพาเมนิลาหนีหลังจากนั้นตำรวจก็ทำการล้อมจะจับชรันทร จนชายหนุ่มรีบดึงเมนิลาเป็นตัวประกันก่อนจะวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ด้วยความที่ทางแถบนั้นค่อนข้างมือรถบรรทุกข์ที่ขับมาด้วยความเร็วไม่เห็นทั้งสองจึงชนเข้าไปเต็มๆ ทำให้ชรันทรและเมนิลาเสียชีวิตกันคาที่ทั้งคู่มีนานุชถูกสั่งให้นอนอยู่กับเตียงนิ่งๆ เพราะตอนนี้เธอมีภาวะเครียดจนทำให้เลือดออกเสี่ยงที่จะแท้ง“ทำไม ทำไมต้องมีเรื่องร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นด้วย” หญิงสาวยังคงมีน้ำตาพรั่งพรูอยู่ตลอดเวลา จนแน่งน้อยและนาราที่เห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้“ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณมีนเสียใจ แต่ตอนนี้โล่งใจได้อย่างหนึ่งแล้วนะคะว่าคุณเรย์ปลอดภัย ส่วนคุณรันกับคุณเมเค้าไปสบายแล้วนะคะ ตอนนี้คุณมีนต้องห่วงตัวเองกับลูกในท้องก่อนเข้าใจที่ป้าพูดไหมคะ”คนที่นอนอยู่บนเตียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหลับตาภาวนาในใจให้ชรันทรและเมนิลาไปสู่สุคติ และขอให้พระคุ้มครองลูกน้อยในท้องอย่าให้จากเธอไปตอน
กว่ามีนานุชจะหายกลัวและหายตัวสั่นได้รามินทร์ก็ต้องกอดปลอบอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้“คุณแค้นพี่ชายคุณมากเลยเหรอคะ คืนทุกอย่างให้เค้าแล้วปล่อยผ่านทุกอย่างไปได้ไหม ฉันคิดว่าหลังจากนี้ถ้าคุณไม่ถอยคุณได้ทะเลาะกับพี่ชายคุณใหญ่โตแน่” มีนานุชรับรู้ได้ตอนที่อยู่ใกล้กับชรันทร รังสีอำมหิตของเขามันแผ่ไปทั่วตัวของเธอจนทำให้กลัวจนถึงขั้นน้ำตาไหล เธอคิดว่าพี่ชายของสามีไม่จบเรื่องความบาดหมางง่ายๆ แน่ หากสามีเธอไม่เป็นฝ่ายถอยเสียเอง“ผมจะยอมจบทุกอย่างถ้าพี่รันยอมขอร้องผมแค่คำเดียว” รามินทร์ยอมรับว่าเขาอยากจะได้คำขอร้องจากปากของชรันทรเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ เพราะเขาเชื่อว่าหากชรันทรยอมลดศักดิ์ศรีให้เขาได้ ทิฐิในใจของเขาทุกอย่างมันจะถูกขจัดออกไปได้“ดูก็รู้ว่าเค้าไม่ยอมง่ายๆ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคะ ที่คุณโกรธเคืองเค้าเพราะเค้าแย่งพี่เมไปจากคุณใช่ไหม” มีนานุชเงยหน้าจ้องมองคนที่กอดเธอซุกไว้กับอก“ไม่ใช่” รามินทร์เอ่ยเสียงอ่อนทั้งหลบสายตาของภรรยาตัวเล็ก เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังทุกคนเอาไว้“เค้าคือคนที่ขับรถชนมีนกับแม่ใช่
“อะไรนะ” สีหน้าระรื่นคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เมนิลาเริ่มเสียงแข็งเพราะกำลังรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นถูกรามินทร์ปั่นหัว“ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่ผมให้คุณดู ถ้าคุณจะอยู่ก็อยู่ได้นะครับ แต่จ่ายค่าเช่าให้น้องคุณด้วยเพราะบ้านหลังนั้นผมซื้อให้มีน” รามินทร์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ ทั้งใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่ได้สะท้านกับคนที่กำลังเปลี่ยนสีหน้าเป็นยักษ์เป็นมารใส่เขา“แกหลอกใช้ฉันเหรอ!” เมนิลาลุกพรวดจากเด้าอี้ชี้หน้าตวาดลั่นใส่รามินทร์“คุณลองนึกดูดีๆ ว่าผมหลอกอะไรคุณ คุณได้ของมีค่าได้เงินไปจากผมตั้งเยอะ คุณมีแต่ได้กับได้คุณไม่เห็นจะเสียอะไรเลย”“ก็แกหลอกให้ฉันเข้าใจว่าแกยังรักฉันไง ให้ฉันหลอกผัวฉันให้ขายบริษัทให้แก แล้วมาทำกับฉันแบบนี้เนี่ยนะ”“คุณคิดเองเออเองคุณเม ออกไปจากบริษัทผมได้แล้ว หรือจะให้ผมตามคนมาลากคุณออกไป”“อ๊ายยยย...ฉันเกลียดแก” อาละวาดเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องทำงานของรามินทร์ ท่าทีก้าวร้าวของหญิงสาวไม่ได้ทำให้รามินทร์รู้สึกมีโทสะแม้แต่น้อย กลับรู้สึกสมเพชเวทนาคนที่อยากได้ใคร่ดีโดยไม่สนหัวใครแม้แต่สามีของตัวเอง สมควรแล้วที่จะรับความผิดหวังกลับไปแบบนี้
และแล้วรามินทร์ก็ต้องรีบถอดกุญแจมือรีบไปโรงพยาบาลพร้อมกับมีนานุช หลังจากได้รับข่าวร้ายว่าตอนนี้พ่อของหญิงสาวกำลังอาการหนักต้องรีเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายในสมองออก เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่รอดภายในคืนนี้“คุณพ่อป่วยหนักแล้วทำไมคุณพ่อกับแม่ใหญ่ไม่เคยบอกมีนคะ” มีนานุชนั่งคุยกับเปรมนภาทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเธอนั้นป่วยด้วยโรคร้าย“ฉันก็อยากบอกแกแต่พ่อแกน่ะสิไม่ให้บอก ที่เค้ารีบยกแกให้เรย์ก็เพราะรู้ว่าจะดูแลแกไปได้ไม่ตลอดไง เค้าเลยอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้างเลยให้แกไปอยู่กับคนที่เค้ามีเงินรักษาดวงตาของแกแล้วก็เลี้ยงแกให้สุขสบายได้” เปรมนภาเห็นว่าไหนๆ เรื่องการป่วยของสามีเธอก็แดงขึ้นมาแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในใจที่ศรุตรู้สึกผิดต่อมีนานุชและดารัณ“คุณพ่อ” สาวเจ้าได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮสะอื้นตัวสั่นจนรามินทร์ต้องรีบกุมมือของเธอเอาไว้ มีนานุชมองย้อนกลับไปในอดีตเธอเองก็ทำตัวดื้อรั้นกับพ่อของตัวเองหลายอย่างเช่นกัน เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจและความเท่าเทียมกับพี่สาวคิดมาตลอดว่าพ่อไม่เคยรักไม่เคยหวังดี แต่มาถึงตอนนี้เธอรู้และเข้าใจทุกอย่างแล้ว ภาวนาในใจอยากให้พ่อของเธอรอดชีว
“อืม... อ่อ อีกสักพักฉันจะพาคุณเรย์ไปหายายพวกแกไปกับฉันนะ ไปเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อย ฉันกลัวว่ายายจะโกรธที่ฉันแต่งงานแล้วเพิ่งจะไปบอก”“ได้... แล้วเอาเหลนไปฝากยายด้วยไหมล่ะ”“ยังไม่มีวี่แววเลย” มีนานุชเอ่ยตอบบราลีด้วยน้ำเสียงและท่าทีขวยเขิน เพราะคำนี้รามินทร์ก็พูดกับเธอด้วยเหมือนกัน“บอกให้คุณเรย์ขยันกว่านี้หน่อยสิ แกจะได้ท้องเร็วๆ” กมลเนตรเอ่ยหยอกมีนานุชเสียงดังจนคนในร้านรวมถึงพนักงานต่างก็ยิ้มกรุ้มกริ่มมองมายังพวกเธอเป็นตาเดียว“ชู่ว...เบาๆ สิ” มีนานุชรีบปรามให้กมลเนตรหลี่เสียงลง อยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่าสามีเธอขยันแค่ไหนแต่ก็อายที่จะพูด แต่เป็นเธอเองที่ไม่มีวี่แววว่าจะท้องเสียที“เฮ้ย...” บราลีสะกิดกมลเนตรขณะเดินนำหน้ามีนานุชออกจากลิฟท์ เพาะเห็นว่าตอนนี้รามินทร์กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิกคู่กับเมนิลาออกจากร้านอาหารหรู“คุณเรย์” มีนานุชยืนตัวชาวาบจ้องสามีของเธอและพี่สาวที่กำลังเดินหันหลังเข้าลิฟท์อีกฝั่งไป“กลับกันเถอะ ฉันไม่อยากกินอะไรแล้ว”กมลเนตรและบราลีรับขนาบข้างอีกคนยกมือลูบหลังอีกคนแตะบ่าเบาๆ ให้กำลังใจและปลอบโยนไม่ให้มีนานุชนั้นคิดมากกับภาพที่เห็น“เค้าอาจจะบังเอิญเจอกันก็ได้ แก
“ฉันพูดความจริงก็ได้ ว่าตอนแรกก็แค่ต้องการดูแลมีนเพื่อไถ่โทษ แต่ฉันก็ดันถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็นก็เลยลองเปรยกับพ่อของเธอดูว่าจะยกให้ไหม เค้าตอบตกลงมาง่ายๆ ฉันก็เลยเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ แล้วตอนนี้ฉันก็รักมีนมากๆ ด้วย”“ตอนนี้รักเมียแกมาก แต่ทำไม่ดีลับหลังเมียแกเนี่ยนะ ฉันว่าแกแต่งงานกับมีนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเมมากกว่า”“เป้าหมายของฉันไม่ใช่เม เธอก็แค่หมากตัวเล็กๆ เท่านั้น ฉันเชื่อว่าถ้าฉันให้เมได้เยอะกว่าที่พี่ฉันให้ คนอย่างเมนิลาก็ต้องคอยดูถูกดูแคลนพี่ฉันแน่ และคนอย่างพี่รันชอบให้ใครมาดูถูกที่ไหน ฉันเชื่อว่าเค้ากำลังจะทำทุกทางเพื่อเอาชนะฉัน ดูสิ ตอนนี้เค้าก็ตั้งใจจะเปิดบริษัทแข่งกับฉัน แต่ดูท่าจะไปไม่รอดแล้วด้วย”เมคินทร์เงียบไปครู่หนึ่งก่นจะคิดอะไรบางอย่างออก “แกต้องการให้พี่แกมาขอความช่วยเหลือจากแกใช่ไหม”“สมกับที่แกเป็นเพื่อนรักฉันเลยเมฆ ฉันต้องการแค่นั้นเลย”“แกก็รู้ว่าเรื่องการแก้แค้นเอาคืนมันมีแต่เรื่องสูญเสียมากแค่ไหน ดูตัวอย่างจากโรมสิ ตอนนี้มันมีความสุขตรงไหน” เมคินทร์หลับตาถอนหายใจอ่อน ทั้งๆ ที่รามินทร์ก็เห็นตลอดว่าครั้งที่ร่วมมือกับรณพีย์แก้แค้นศัตรูมันมีแต่ความสูญเสีย