LOGINหลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยดาริณก็แต่งกายด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำเปิดโชว์แผ่นหลังเนียน หญิงสาวมองดูรอยจ้ำตามลำคอแล้วพานนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สัมผัสเร่าร้อนที่เจ้าขุนมอมเมาให้เธอเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์ปรารถนาจนเผลอตัวเผลอใจปล่อยให้เขากระทำกับเรือนร่างตัวเองราวกับเต็มใจมันช่างน่าอายนัก
จู่ ๆ ความรู้สึกวาบหวามก็เกิดขึ้นในใจที่เต้นตึกตัก หญิงสาวเผลอลูบฝ่ามือไปตามลำคอตรงที่มีรอยจ้ำ
“คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย”
พูดพึมพำกับตัวเองจากนั้นก็หยิบคอนซีลเลอร์มาทาตามจุดสีแดงเพื่อปกปิดร่องรอยที่ใครบางคนทำเอาไว้ หลังจากแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยดาริณก็ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปยังสถานที่ที่ได้นัดหมายกับพี่ชาย
@ผับหรูของชวิน
ร่างเล็กเดินเฉิดฉายเข้าไปด้านในของผับหรู เธอพบกับพนักงานคนหนึ่งซึ่งถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคนที่พี่ชายของเธอให้ออกมารอรับอยู่ตรงทางเข้าผับ พนักงานสาวพาดาริณเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งตรงนั้นเป็นพื้นที่สำหรับลูกค้าวีไอพีโดยเฉพาะ
“เชิญคุณดาริณด้านในค่ะ”
พนักงานสาวเดินมาส่งตรงหน้าประตูห้องแล้วเดินจากไป ดาริณผลักประตูเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล
ทว่าคนที่นั่งรออยู่ในห้องกลับไม่ใช่พี่ชายของเธอแต่เป็น...
“พี่ชวิน”
หญิงสาวเอ่ยชื่อคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตาไปรอบห้องมองหาพี่ชายสุดที่รักแต่กลับไม่พบ
“ดาวิทย์ไปธุระน่ะ มันบอกให้พี่อยู่คุยเป็นเพื่อนน้องดาริณไปก่อน”
ชวินบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมกริบไล่สำรวจร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะลอบยิ้มในตอนที่หญิงสาวหันไปมองทางอื่น
เจ้าถิ่นผายมือเชื้อเชิญให้คนมาใหม่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“นั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาริณนั่งลงอย่างประหม่า เธอไม่ได้กลัวชวินแต่รู้สึกเกร็งมากกว่าที่ต้องนั่งอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แม้อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีคุกคามเธอเหมือนเมื่อตอนแรกที่รู้จักกันก็ตาม
เธอยังจำได้ว่าเมื่อก่อนชวินชอบส่งดอกไม้มาจีบเธอทุกวันแถมยังชอบโทรมาชวนไปทานข้าวสองต่อสอง ตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกรำคาญมากจึงตัดสินใจพูดกับเขาไปตามตรงว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนั้นชวินโกรธรึเปล่าเพราะเธอเองก็ไม่ได้สนใจ
นับตั้งแต่วันที่เธอปฏิเสธเขาไปจนถึงตอนนี้ก็น่าจะผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว
บรรยากาศภายในห้องเงียบงัน หญิงสาวนิ่งเงียบประหนึ่งคนไม่รู้จักกันชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น้องดาริณสบายดีไหมครับ”
“สบายดีค่ะ”
ตอบเขาตามมารยาทหลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาพี่ชายรออยู่ไม่นานดาวิทย์ก็รับสาย
“พี่ดาวิทย์อยู่ไหนคะ ดาริณมาถึงแล้วนะ”
[พี่ออกมาทำธุระข้างนอก ดาริณรอพี่อยู่ที่นั่นก่อนนะ อีกสักพักพี่จะกลับเข้าไป]
พอรู้ว่าพี่ชายไม่ได้อยู่ที่นี่ดาริณก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา เธอลุกจากโซฟาแล้วเดินไปยังประตูห้อง ยื่นมือไปเปิดประตูที่ตอนแรกยังใช้งานได้ปกติแต่ตอนนี้มันกลับเปิดไม่ได้
หญิงสาวลองออกแรงอีกครั้ง
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีเขาก็ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเธอเสียแล้ว
ดาริณตกใจรีบถอยออกห่าง
“ประตูมันเปิดไม่ได้ค่ะ”
ชวินยกยิ้มมุมปากแล้วทำทีเป็นลองเปิดประตู
“เป็นอะไรเนี่ย เมื่อกี้ก็ยังเปิดได้อยู่เลย”
ดวงตาคมเหลือบมองคนที่ยืนประหม่าอยู่ด้านข้างแล้วลอบยิ้ม จากนั้นก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาลูกน้องแล้วพูดขึ้นว่า
“ให้คนมาดูประตูห้องหน่อยซิ ไม่รู้ทำไมมันเปิดไม่ได้”
เมื่อสั่งงานเรียบร้อยชวินก็หันมาพูดกับหญิงสาวว่า
“พี่ให้คนไปตามช่างซ่อมประตูมาแล้ว น้องดาริณนั่งรอก่อนนะ”
“ค่ะ”
เธอเดินกลับมาที่โซฟาโดยมีชายหนุ่มเดินตามไม่ห่าง เมื่อดาริณนั่งลงตามเดิมชวินก็เทไวน์ใส่แก้วแล้วยื่นแก้วไวน์ให้หญิงสาว
ดาริณยื่นมือไปรับตามมารยาทจากนั้นก็ทำทีเป็นยกแก้วขึ้นมาจิบ แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้จิบแม้แต่อึกเดียว
ทางด้านดาวิทย์ หลังวางสายจากน้องสาวชายหนุ่มก็เดินผิวปากเข้าไปในห้องน้ำของผับ เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกลูกน้องของเจ้าขุนสะกดรอยตามอยู่ตลอดเวลา
ลูกน้องรายงานการกระทำของดาวิทย์ให้เจ้านายทราบเป็นระยะไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เขาหลอกให้น้องสาวออกมาหาที่ผับ
อีกด้าน
หลังจากได้รับรายงานคนหน้านิ่งก็แทบนั่งไม่ติด พยายามใช้ความคิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะชวนน้องสาวออกมากินเหล้าเป็นเพื่อนเนี่ยนะ
รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลจึงโทรไปสั่งลูกน้องว่าให้เลิกตามดาวิทย์แล้วเปลี่ยนไปจับตาดูน้องสาวของเขาแทน จากนั้นเจ้าขุนก็รีบขับรถออกจากเพ้นท์เฮ้าส์ทันที
คนร้อนใจขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในช่วงเวลาเร่งรีบลูกน้องก็โทรเข้ามารายงานความคืบหน้าเป็นระยะ
“ว่าไง” พูดเสียงเข้ม
[ผมว่ามันชักแปลก ๆ นะครับนายน้อย ห้องที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปถูกล็อกด้วยแม่กุญแจจากทางด้านนอกครับ]
“มึงแน่ใจนะว่าเป็นห้องนั้น”
[แน่ใจครับ พนักงานเสิร์ฟยืนยันว่าเป็นห้องนั้นไม่ผิดแน่ครับ]
เขาจ่ายเงินให้พนักงานเสิร์ฟไปหลายพันจึงได้ข้อมูลมา
นัยน์ตาคมเข้มไหวสั่นมีแววกังวลและความเป็นห่วงคละเคล้ากัน หัวใจแข็งแกร่งเต้นกระตุกรัวแรงรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
“เฝ้าหน้าห้องเอาไว้อย่าให้คาดสายตาและห้ามอยู่ห่างรอจนกว่ากูจะไปถึง แต่ถ้ามึงได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ มึงบุกเข้าไปได้เลยไม่ต้องรอกู แล้วก็จำคำกูเอาไว้ให้ดี ห้ามให้ใครทำอะไรเธอเด็ดขาด”
[ครับ]
เสียงทรงพลังเอ่ยสั่งการกับลูกน้องยาวเหยียด ก่อนจะโทรบอกจรณให้ส่งลูกน้องฝีมือดีตามมา จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งมิดไมล์เพื่อไปถึงที่นั่นให้ไวที่สุด
อีกด้าน
ร่างเล็กเทียวลุกเทียวนั่งและเทียวแต่หันไปมองบานประตูหนา ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไร้วี่แววของช่างซ่อมประตู แล้วพี่ชายสุดที่รักก็หายหัวไปติดต่อไม่ได้เลย
“น้องดาริณไม่ต้องกังวลนะครับอีกเดี๋ยวช่างซ่อมประตูก็คงมา”
พูดขณะย้ายมานั่งข้างหญิงสาว ชวินยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นมาแล้วยื่นให้เธอพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อรบเร้าให้เธอรับแก้วไวน์ไว้
ดาริณยิ้มฝืนก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วไวน์จากเขา
ชวินยกยิ้มแล้วยื่นแก้วไวน์ของเขาเข้ามาชนแก้วกับเธอ
แม้จะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังยอมชนแก้วตามมารยาท ก่อนจะทำทีเป็นจิบเบาเหมือนทุกครั้งทว่าครั้งนี้ชวินกลับคะยั้นคะยอให้เธอดื่มหมดแก้ว
“อุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้งทีต้องดื่มให้หมดแก้วสิครับ”
“คือ...ดาริณดื่มไม่ค่อยเก่งค่ะ” ความจริงเธอดื่มเก่งแต่แค่อ้างไปอย่างนั้น
“ขวดนี้เป็นไวน์ผลไม้ธรรมดา ๆ ปริมาณแอลกอฮอล์ก็แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ดื่มง่ายจะตาย เชื่อพี่สิ”
ดาริณมีสีหน้าลังเล ชวินเห็นอย่างนั้นจึงพูดรบเร้าอีกว่า
“ดื่มหมดแก้วถือซะว่าเป็นการให้เกียรติพี่นะครับ”
ยิ้มฝืน ๆ แล้วยอมดื่มหมดแก้วตามที่อีกฝ่ายขอร้อง
ชวินเพ่งพินิจร่างบางแล้วลอบยิ้ม ในหัวสมองจินตนาการถึงเรื่องที่เขาอยากจะทำกับหญิงสาวในค่ำคืนนี้ แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นเกร็งขึ้นมา แต่ก็ต้องเก็บอาการดีใจจนเนื้อเต้นเอาไว้รอเวลาให้ยาเสียสาวที่เขาแอบใส่ลงไปในแก้วไวน์ออกฤทธิ์เสียก่อน
อากาศยามค่ำของบ้านพักตากอากาศริมทะเลมีลมพัดโชยสร้างความรู้สึกเย็นสบาย แสงไฟสีอบอุ่นส่องสว่างติดตามแนวรั้วไม้ของบ้านช่วยเพิ่มความโรแมนติก ดาริณเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ดวงตาเป็นประกายทอดมองไปยังสุดขอบฟ้า ร่างหนาเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง สันจมูกโด่งคมเคลื่อนไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วหอมเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะถามคนที่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคนเหม่อลอย “คิดอะไรอยู่” พูดชิดแก้มนุ่มจากนั้นริมฝีปากหยักก็ขบกัดตรงใบหูเล็ก ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาสบตากัน “คิดถึงเรื่องของเราน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้” เจ้าขุนคลี่ยิ้ม แววตาลึกล้ำจดจ้องใบหน้าหญิงคนรักแล้วพูดว่า “เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม” “...” หญิงสาวเลิกคิ้วรอฟัง “พรหมลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกับคนที่เราเฝ้าตามหามาสิบปี” “นายหมายถึงใคร” “จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย น่าน้อยใจจัง” พูดพลางดึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากสวยได้รูป จากนั้นก็จับเธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าขอ
ริมฝีปากหยักเคลื่อนไซ้ไปตามท้ายทอยและซอกคอหอมกรุ่น กดจูบและขบเม้มสร้างความกระสันเสียว ร่างเล็กบิดส่ายเร่าร้อนมือสองข้างเกาะอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวรั้งกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมากองอยู่บนพื้น “เสียบเลยได้ไหม” เสียงพูดชิดอยู่ตรงริมแก้มเนียน ก่อนที่ริมฝีปากจะจูบซับพวงแก้มระเรื่อขณะรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ “ไม่ไหวแล้วเหรอ” “ไม่ไหวแล้ว” พูดจบก็ถอดเสื้อยืดออกจากทางศีรษะ มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงแล้วรูดรั้งลงไปพร้อมกับกางเกงในบอกเซอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สลัดมันออกจากปลายขาอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างสูงจะขยับมายืนประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ปลายนิ้วหนาบดบี้ส่วนที่เป็นติ่งเสียวของหญิงสาว นิ้วกร้านแหย่แยงเข้าไปในร่องรักเพื่อเบิกทางเพิ่มน้ำหล่อลื่น ร่องสวาทเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานที่ผลิตออกมาอย่างล้นหลาม เจ้าขุนจับท่อนเอ็นใหญ่ถูไถตรงสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วทำหน้าที่แหวกให้ร่องรูเบิกกว้าง จากนั้นก็เอาส่วนปลายหยักไปจ่อไว้ตรงปากทางแล้วดันเข้าไปรวดเดียวมิดด้าม ปลายลิ้นหนาแลบเลียตามแนวกระดูกสันหลังด้วยความหื่นกระหาย
@โรงพยาบาล ว่าที่คุณพ่อนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเลือด ใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องถูกแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในร่างกาย ลูกผู้ชายตัวโตเรื่องปืนผาหน้าไม้ไม่เคยเกรงกลัว แต่พอเป็นเข็มฉีดยากลับกลายเป็นคนใจเสาะใจปลาซิวขึ้นมาเสียได้ ดาริณหัวเราะกระซิก รู้สึกขบขันมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทว่ากับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กกระจิ๋วหลิ๋ว คนหน้าเข้มใช้สายตาดุดันเพ่งมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากหนาแนบชิดใบหูเล็กแล้วพูดกระซิบ “หัวเราะเยาะเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” “ไม่กลัว” เธอยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเห็นแล้วมันน่าจับฟัดแก้มชะมัด มือหนายกขึ้นบีบแก้มดาริณด้วยความมันเขี้ยว ขณะนั้นคุณพยาบาลก็ออกมาเรียกเขาเข้าห้องเจาะเลือดพอดี “เชิญคุณภัทรดนัยค่ะ” คนถูกเรียกเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนเข้าไปก็ไม่ลืมหันมามองคาดโทษคนที่หัวเราะเยาะเขาไม่หยุด คืนนี้เธอโดนแน่ดาริณ เวลาต่อมา ดาริณนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีเจ้าขุนนั่งอยู่ด้านข้าง ม
“พวกมึงคิดจะทำอะไรหลานกู” คนมีอำนาจตวาดเกรี้ยวกราดมือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อขมับคนที่คุกเข่าอยู่ เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตาสีเทาอ่อน ดวงตาดุดันจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวกับอยากฆ่าให้ตาย ภาพชวินนั่งตัวสั่นเทาทำให้ดาวิทย์เริ่มหวาดกลัว เขานั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าขุนก้มหัวกราบกรานร้องขอชีวิต “เจ้าขุนฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตฉันด้วย สัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ต่อไปนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ไว้ชีวิตฉันด้วยนะ” แค่นหัวเราะให้กับคำพูดของดาวิทย์ เขาไม่เชื่อสักนิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ถ้ามันอยากกลับตัวจริง ๆ มันคงทำไปตั้งนานแล้ว “ยูจะเอาไง” เจ้านายใหญ่หันมาถามหลานเมีย ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำร้ายดาวิทย์ แต่มาคิด ๆ ดูแล้วถ้าปล่อยดาวิทย์ไปอีกครั้งมันต้องสร้างปัญหาอีกแน่ และที่เขากังวลมากที่สุดคือคนอย่างดาวิทย์มันต้องใช้ลูกกับเมียของเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง เจ้าขุนยกยิ้มมุมปากจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องให้ถึงตายนะ ทำให้พิการตลอดชีวิตและพูดไม่ได้ก็พอ” บอกความต้องการเรียบร้อยก็หันหลังให
“ปล่อยตัวประกันมาก่อน แล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะได้หลงเชื่อตั้งแต่แรกว่าดาวิทย์ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงให้ออสตินเป็นคนถือกระเป๋าที่บรรจุเงินสดสามสิบล้านเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นชวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าเหี้ยมโหดแดงก่ำด้วยแรงโทสะ “มึงคิดจะเล่นตุกติกกับกูเหรอ” “ถ้ากูอยากเล่นตุกติกกับมึงกูโทรแจ้งตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ปล่อยตัวประกันออกมาก่อนแล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” ชวินทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางมือขวาคนสนิทแล้วเอ่ยสั่ง “ไปเอาตัวไอ้ดาวิทย์มา” “ครับนาย” ดาวิทย์ถูกลากออกมาจากในตึกร้าง มือสองข้างถูกมัดไพล่หลัง สภาพเหมือนคนปกติไม่ได้ถูกซ้อมจนน่วมเหมือนคนที่ถูกจับตัวมา ลูกน้องคนหนึ่งแกะเชือกให้ดาวิทย์ “ทีนี้มึงบอกกูได้รึยังว่าเงินอยู่ที่ไหน” “เงินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าทางเข้า” เมื่อรู้ที่ซ่อนเงินชวินก็คลี่ยิ้มจนกว้าง เขาส่งซิกให้ลูกน้องสองคนไปเอากระเป๋าเงินตรงจุดที่เจ้าขุนบอก พอรู้ที่ซ่อนเงินแน่ชัดสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หันมาส่
รถสปอร์ตคันงามแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านรัฐมนตรี ร่างสูงโปร่งก้าวฉับ ๆ เข้าไปในบ้านของว่าที่พ่อตาอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นหน้าลูกเขย คนร้อนใจก็รีบร้อนเข้าไปหาทันที “พวกมันติดต่อมารึยังครับ” “ติดต่อมาแล้ว มันบอกว่าให้เอาเงินไปให้มันที่นี่” ท่านรัฐมนตรียื่นกระดาษที่จดสถานที่นัดหมายให้กับเจ้าขุน เขาหยิบมันมาดูแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุมากแล้วเอ่ยถาม “พวกมันต้องการเงินเท่าไหร่ครับ” ความจริงก็ได้ยินที่ดาริณอุทานแล้วล่ะ แต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าหวั่นวิตก ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับพูดเสียงอ่อย “สามสิบล้าน” ได้ยินแค่นั้นเจ้าขุนก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบโทรหาจรณ [ครับนายน้อย] “คุณช่วยเอาเงินมาให้ผมที่บ้านท่านรัฐมนตรีนพดลหน่อย” [ได้ครับ นายน้อยจะเอาเท่าไหร่ครับ] “สามสิบล้าน” [ได้ครับ ผมจะรีบไป] หลังวางสายจากลูกน้องเขาก็กดโทรหาเพื






![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
