LOGINเจ้าขุนจอดรถตรงหน้าผับจากนั้นก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปด้านใน ดวงตาสีเข้มกวาดมองไปทั่วอาณาบริเวณของผับหรู ขณะนั้นลูกน้องที่เขาสั่งให้เฝ้าดูดาริณก็เดินมารับเขาตรงทางเดินเข้าผับพอดี
“ทางนี้ครับนายน้อย”
ลูกน้องเดินนำหน้าพาเจ้านายเดินขึ้นบันไดไปยังโซนห้องรับรองแขกวีไอพี ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่มีแม่กุญแจล็อกไว้อย่างแน่นหนาจากทางด้านนอก
เจ้าขุนแนบหูกับประตูห้องก่อนจะเคาะประตูเพื่อลองเรียกหญิงสาวดูก่อน เขาไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
อีกด้าน
ร่างเล็กค่อย ๆ นอนราบลงบนโซฟาด้วยอาการสะลึมสะลือราวกับคนเมา ร่างกายอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับเขยื้อนทั้งที่เธอเพิ่งจะดื่มไวน์ไปเพียงแก้วเดียวเท่านั้น
คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแสยะยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะกระดกไวน์แก้วสุดท้ายลงคอ จากนั้นเขาก็ย้ายมานั่งข้าง ๆ หญิงสาว
มือหนาลูบไล้ไปตามเรียวขาเนียนแล้วพูดว่า
“เป็นของพี่นะดาริณ พี่สัญญาว่าพี่จะให้ทุกอย่างตามที่เธอต้องการ”
พูดจบชวินก็โน้มตัวลงทันที
เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกหญิงสาวจึงพยายามดันร่างคนที่กำลังคร่อมทับบนตัวเธอเอาไว้ แต่ร่างกายบอบบางแถมยังอยู่ในสภาพเมายาไหนเลยจะสู้เรี่ยวแรงผู้ชายได้
“แกจะทำอะไร ช่วยด้วย”
เสียงร้องแหบแห้งเปล่งออกมาเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน ยิ่งชวินเป็นถึงเจ้าของผับใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามาช่วยเธอ
ดาริณนอนหายใจระเรื่อน้ำตาไหลเอ่อออกมาจนล้นปรี่ ความหวังว่าจะมีคนมาช่วยช่างริบหรี่
ชวินยิ้มพรายสายตาจดจ้องหญิงสาวอย่างหื่นกาม มือหนาสองข้างทำหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองอย่างเร่งรีบก่อนจะถอดออกแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี
โน้มใบหน้าลงตรงลำคอขาวผ่อง มือข้างหนึ่งดึงรั้งชุดเดรสสายเดี่ยวของดาริณลงมาจนเผยให้เห็นร่องตูม ประตูสวรรค์อยู่แค่คืบทว่าขณะนั้นดันมีคนมาเคาะประตูรบกวน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ดาริณ เธออยู่ในนั้นรึเปล่า”
เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้ดาริณพอมีความหวัง เธอพยายามลุกนั่งทว่าร่างกายกลับไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย
ชวินผงกศีรษะขึ้นจ้องมองไปที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์ เขาอุตส่าห์สั่งทุกคนเอาไว้แล้วว่าอย่าให้ใครเข้ามารบกวน
“ใครมาเคาะประตูวะ”
ร่างสูงเหยียดกายลุกนั่ง จากนั้นก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรตามการ์ดให้มาลากคอพวกที่อยู่หน้าห้องออกไป
เมื่อเห็นว่าภายในห้องเงียบเชียบไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน คนร้อนใจจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อพังประตู
เจ้าขุนกวาดตามองไปรอบ ๆ บริเวณนั้น ก่อนจะพบกับตู้เก็บขวานดับเพลิงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้างกำแพงจึงเดินไปเปิดประตูตู้แล้วหยิบขวานออกมาหมายจะทำลายแม่กุญแจ
ทว่าขณะนั้นการ์ดของผับก็มาเห็นเข้าเสียก่อน
“เฮ้ย! พวกมึงเป็นใครวะ”
เจ้าขุนวางขวานลงแล้วหันไปสนใจพวกการ์ด จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ผมมาตามหาเพื่อนครับพี่ มีคนบอกว่าเพื่อนผมอยู่ในนี้”
“ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ทั้งนั้นแหละ พวกมึงออกไปไกล ๆ เลยไป” การ์ดตวัดมือไล่
คนเป็นนายมองหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างรู้กัน จากนั้นก็พยักหน้าส่งสัญญาณแล้วถีบการ์ดทั้งสองคนพร้อมกัน
“นายน้อยรีบพังประตูเลยครับที่เหลือผมจัดการเอง”
ลูกน้องยกมือกำหมัดตั้งการ์ดอย่างเป็นมวย ขณะที่เจ้านายง้างขวานตั้งท่าจะฟันเข้าที่แม่กุญแจอีกครั้ง ทว่าหลังจากที่การ์ดสองคนตั้งหลักได้ก็ชักปืนออกมาข่มขู่สองหนุ่มทันที
“พวกมึงอยากตายมากใช่ไหม”
เจ้าขุนหันกลับมามองหน้าการ์ดร่างใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มน่าเกรงกลัวแล้วพูดขึ้นว่า
“พวกมึงต่างหากที่อยากตาย”
ลูกน้องที่จรณส่งมายืนล้อมการ์ดของผับเอาไว้พร้อมทั้งจ่อปลายกระบอกปืนไปที่ศีรษะของการ์ดนับสิบกระบอก การ์ดร่างใหญ่คุกเข่าลงกับพื้นมือสองข้างยกขึ้นเหนือศีรษะยอมศิโรราบ
คนร้อนใจหันมาจัดการกับประตูอีกครั้ง ขวานด้ามใหญ่ฟันฉับลงเพียงครั้งเดียวแม่กุญแจที่เคยแน่นหนาก็พังอย่างไม่เป็นท่า
เขารีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที
ชวินลุกขึ้นอย่างลนลานพลางตะโกนถามด้วยความตกใจ
“พวกมึงเป็นใครวะ”
“ไอ้ระยำ”
คนเลือดร้อนกระชากตัวชวินออกจากหญิงสาวจากนั้นก็รัวหมัดหนัก ๆ ใส่หน้าไม่ยั้ง จนคนถูกต่อยเสียหลักล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เขาอยากจะกระทืบคนสารเลวซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง แต่พอหันไปเห็นสภาพของดาริณจึงรีบเข้าไปดูเธอก่อน
เจ้าขุนถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองคลุมร่างให้เธอ จากนั้นก็ช้อนร่างเล็กขึ้นแล้วรีบพาออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด
เวลาต่อมา
ชายหนุ่มขับรถพาเธอมาที่เพ้นท์เฮ้าส์ของตัวเอง หลังวางร่างบอบบางลงบนเตียงนุ่มก็ลองเรียกคนที่ยังไม่ได้สติ
“ดาริณ เธอได้ยินฉันไหม”
หญิงสาวนอนนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่าย ๆ
มือหนายกขึ้นมาแตะหน้าผากของเธอ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำบิดจนหมาด ผ้าสะอาดไล่เช็ดไปตามกรอบหน้าสวยเลื่อนไปตามลำคอและแขนทั้งสองข้าง เขาถือวิสาสะถอดเสื้อผ้าของเธอออกเพื่อจะได้เช็ดตามลำตัวได้ถนัดจากนั้นก็เอาเสื้อเชิ้ตในตู้มาใส่ให้เธอแทน
มือกร้านลูบศีรษะของหญิงสาวขณะมองเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเพื่อคุยโทรศัพท์กับจรณ
[ครับนายน้อย]
“ให้คนไปลากคอไอ้ดาวิทย์มาให้ผม”
[ได้ครับนายน้อย]
จรณรับคำสั่งจากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องไปตามหาตัวดาวิทย์
หลังสั่งการกับลูกน้องเสร็จเจ้าขุนก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง มองร่างเล็กที่ยังนอนหลับไม่ได้สติด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากคิดเลยถ้าเขาไปช่วยไม่ทันดาริณจะเป็นอย่างไรบ้าง
ยกมือขึ้นมาปัดเส้นผมนุ่มยาวออกจากใบหน้างดงามเพื่อจะได้เห็นหน้าเธอชัดขึ้น จากนั้นก็จุมพิตบนหน้าผากมนสวยอย่างอ่อนโยน จับมือบอบบางขึ้นมาแนบแก้มตัวเองแล้วพูดพึมพำว่า
“ต่อไปนี้ฉันจะปกป้องเธอเอง”
อากาศยามค่ำของบ้านพักตากอากาศริมทะเลมีลมพัดโชยสร้างความรู้สึกเย็นสบาย แสงไฟสีอบอุ่นส่องสว่างติดตามแนวรั้วไม้ของบ้านช่วยเพิ่มความโรแมนติก ดาริณเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ดวงตาเป็นประกายทอดมองไปยังสุดขอบฟ้า ร่างหนาเดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง สันจมูกโด่งคมเคลื่อนไล้ไปตามแก้มเนียนแล้วหอมเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะถามคนที่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคนเหม่อลอย “คิดอะไรอยู่” พูดชิดแก้มนุ่มจากนั้นริมฝีปากหยักก็ขบกัดตรงใบหูเล็ก ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาสบตากัน “คิดถึงเรื่องของเราน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราสองคนจะมีวันนี้ได้” เจ้าขุนคลี่ยิ้ม แววตาลึกล้ำจดจ้องใบหน้าหญิงคนรักแล้วพูดว่า “เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม” “...” หญิงสาวเลิกคิ้วรอฟัง “พรหมลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกับคนที่เราเฝ้าตามหามาสิบปี” “นายหมายถึงใคร” “จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย น่าน้อยใจจัง” พูดพลางดึงรั้งร่างเล็กเข้ามากอดก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากสวยได้รูป จากนั้นก็จับเธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าขอ
ริมฝีปากหยักเคลื่อนไซ้ไปตามท้ายทอยและซอกคอหอมกรุ่น กดจูบและขบเม้มสร้างความกระสันเสียว ร่างเล็กบิดส่ายเร่าร้อนมือสองข้างเกาะอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวรั้งกางเกงชั้นในตัวจิ๋วลงมากองอยู่บนพื้น “เสียบเลยได้ไหม” เสียงพูดชิดอยู่ตรงริมแก้มเนียน ก่อนที่ริมฝีปากจะจูบซับพวงแก้มระเรื่อขณะรออีกฝ่ายเอ่ยตอบ “ไม่ไหวแล้วเหรอ” “ไม่ไหวแล้ว” พูดจบก็ถอดเสื้อยืดออกจากทางศีรษะ มือหนาเร่งปลดตะขอกางเกงแล้วรูดรั้งลงไปพร้อมกับกางเกงในบอกเซอร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สลัดมันออกจากปลายขาอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างสูงจะขยับมายืนประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ปลายนิ้วหนาบดบี้ส่วนที่เป็นติ่งเสียวของหญิงสาว นิ้วกร้านแหย่แยงเข้าไปในร่องรักเพื่อเบิกทางเพิ่มน้ำหล่อลื่น ร่องสวาทเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวานที่ผลิตออกมาอย่างล้นหลาม เจ้าขุนจับท่อนเอ็นใหญ่ถูไถตรงสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วทำหน้าที่แหวกให้ร่องรูเบิกกว้าง จากนั้นก็เอาส่วนปลายหยักไปจ่อไว้ตรงปากทางแล้วดันเข้าไปรวดเดียวมิดด้าม ปลายลิ้นหนาแลบเลียตามแนวกระดูกสันหลังด้วยความหื่นกระหาย
@โรงพยาบาล ว่าที่คุณพ่อนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจเลือด ใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องถูกแทงเข็มฉีดยาเข้าไปในร่างกาย ลูกผู้ชายตัวโตเรื่องปืนผาหน้าไม้ไม่เคยเกรงกลัว แต่พอเป็นเข็มฉีดยากลับกลายเป็นคนใจเสาะใจปลาซิวขึ้นมาเสียได้ ดาริณหัวเราะกระซิก รู้สึกขบขันมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทว่ากับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กกระจิ๋วหลิ๋ว คนหน้าเข้มใช้สายตาดุดันเพ่งมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากหนาแนบชิดใบหูเล็กแล้วพูดกระซิบ “หัวเราะเยาะเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ” “ไม่กลัว” เธอยิ้มแป้นแล้นล้อเลียนเห็นแล้วมันน่าจับฟัดแก้มชะมัด มือหนายกขึ้นบีบแก้มดาริณด้วยความมันเขี้ยว ขณะนั้นคุณพยาบาลก็ออกมาเรียกเขาเข้าห้องเจาะเลือดพอดี “เชิญคุณภัทรดนัยค่ะ” คนถูกเรียกเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนเข้าไปก็ไม่ลืมหันมามองคาดโทษคนที่หัวเราะเยาะเขาไม่หยุด คืนนี้เธอโดนแน่ดาริณ เวลาต่อมา ดาริณนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีเจ้าขุนนั่งอยู่ด้านข้าง ม
“พวกมึงคิดจะทำอะไรหลานกู” คนมีอำนาจตวาดเกรี้ยวกราดมือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อขมับคนที่คุกเข่าอยู่ เปลวไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตาสีเทาอ่อน ดวงตาดุดันจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวกับอยากฆ่าให้ตาย ภาพชวินนั่งตัวสั่นเทาทำให้ดาวิทย์เริ่มหวาดกลัว เขานั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าขุนก้มหัวกราบกรานร้องขอชีวิต “เจ้าขุนฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตฉันด้วย สัญญาว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ต่อไปนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดี ไว้ชีวิตฉันด้วยนะ” แค่นหัวเราะให้กับคำพูดของดาวิทย์ เขาไม่เชื่อสักนิดว่าคนอย่างดาวิทย์จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ถ้ามันอยากกลับตัวจริง ๆ มันคงทำไปตั้งนานแล้ว “ยูจะเอาไง” เจ้านายใหญ่หันมาถามหลานเมีย ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำร้ายดาวิทย์ แต่มาคิด ๆ ดูแล้วถ้าปล่อยดาวิทย์ไปอีกครั้งมันต้องสร้างปัญหาอีกแน่ และที่เขากังวลมากที่สุดคือคนอย่างดาวิทย์มันต้องใช้ลูกกับเมียของเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง เจ้าขุนยกยิ้มมุมปากจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องให้ถึงตายนะ ทำให้พิการตลอดชีวิตและพูดไม่ได้ก็พอ” บอกความต้องการเรียบร้อยก็หันหลังให
“ปล่อยตัวประกันมาก่อน แล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะได้หลงเชื่อตั้งแต่แรกว่าดาวิทย์ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงให้ออสตินเป็นคนถือกระเป๋าที่บรรจุเงินสดสามสิบล้านเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นชวินก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าเหี้ยมโหดแดงก่ำด้วยแรงโทสะ “มึงคิดจะเล่นตุกติกกับกูเหรอ” “ถ้ากูอยากเล่นตุกติกกับมึงกูโทรแจ้งตำรวจไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าอยากได้เงินก็ปล่อยตัวประกันออกมาก่อนแล้วกูจะบอกว่าเงินอยู่ไหน” ชวินทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางมือขวาคนสนิทแล้วเอ่ยสั่ง “ไปเอาตัวไอ้ดาวิทย์มา” “ครับนาย” ดาวิทย์ถูกลากออกมาจากในตึกร้าง มือสองข้างถูกมัดไพล่หลัง สภาพเหมือนคนปกติไม่ได้ถูกซ้อมจนน่วมเหมือนคนที่ถูกจับตัวมา ลูกน้องคนหนึ่งแกะเชือกให้ดาวิทย์ “ทีนี้มึงบอกกูได้รึยังว่าเงินอยู่ที่ไหน” “เงินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าทางเข้า” เมื่อรู้ที่ซ่อนเงินชวินก็คลี่ยิ้มจนกว้าง เขาส่งซิกให้ลูกน้องสองคนไปเอากระเป๋าเงินตรงจุดที่เจ้าขุนบอก พอรู้ที่ซ่อนเงินแน่ชัดสองหนุ่มเพื่อนซี้ก็หันมาส่
รถสปอร์ตคันงามแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านรัฐมนตรี ร่างสูงโปร่งก้าวฉับ ๆ เข้าไปในบ้านของว่าที่พ่อตาอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นหน้าลูกเขย คนร้อนใจก็รีบร้อนเข้าไปหาทันที “พวกมันติดต่อมารึยังครับ” “ติดต่อมาแล้ว มันบอกว่าให้เอาเงินไปให้มันที่นี่” ท่านรัฐมนตรียื่นกระดาษที่จดสถานที่นัดหมายให้กับเจ้าขุน เขาหยิบมันมาดูแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนอายุมากแล้วเอ่ยถาม “พวกมันต้องการเงินเท่าไหร่ครับ” ความจริงก็ได้ยินที่ดาริณอุทานแล้วล่ะ แต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าหวั่นวิตก ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับพูดเสียงอ่อย “สามสิบล้าน” ได้ยินแค่นั้นเจ้าขุนก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบโทรหาจรณ [ครับนายน้อย] “คุณช่วยเอาเงินมาให้ผมที่บ้านท่านรัฐมนตรีนพดลหน่อย” [ได้ครับ นายน้อยจะเอาเท่าไหร่ครับ] “สามสิบล้าน” [ได้ครับ ผมจะรีบไป] หลังวางสายจากลูกน้องเขาก็กดโทรหาเพื







