ตำหนักคุณหนิง
ซือเมี่ยวก้าวเข้ามายังศาลาขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ภายในศาลามีสตรีสูงศักดิ์ผู้สวมอาภรณ์สีแดงสดเดินดิ้นด้วยด้ายทองคำปักลายพญาหงส์ นิ้วเรียวยาวสวมปลอกเล็บทองอย่างวิจิตรงดงาม สตรีผู้นี้คือมารดาแห่งแผ่นดินผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งวังหลัง แม้พระชนมายุจะล่วงเข้าสู่ 40 พรรษา ทว่ายังคงความงดงามดั่งสตรีแรกแย้มมิแปรเปลี่ยน
"ซือเมี่ยวถวายพระพรฮองเฮาเพคะ ขอฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พัน พันปีเพคะ"
ซือเมี่ยวยอบกายคารวะมารดาแห่งแผ่นดินด้วยความนอบน้อม สตรีผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสีทรงพระสรวลออกมาด้วยความเอื้อเอ็นดู ก่อนจะโบกพระหัตถ์อนุญาตให้ซือเมี่ยวลุกขึ้นยืนได้
"ไยต้องมากพิธีด้วยเล่า รีบลุกมานั่งข้างข้าเร็วเข้า"
'สวีฮุ่ยเหมย' ผู้เป็นฮองเฮาเคียงบัลลังก์ของฮ่องเต้ ทรงทอดพระเนตรซือเมี่ยวบุตรีของสหายสนิทด้วยความเอ็นดู พระนางมองดูซือเมี่ยวที่ดูผิดแปลกไปด้วยความสนพระทัย ทั้งการแต่งกายและกิริยามารยาทดูรู้ความกว่าครั้งก่อนที่พบหน้ากันเสียอีก
"ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ"
"ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะไปได้ยินข่าวลือจากด้านนอกมาหนาหูเหลือเกิน รวมถึงเรื่องของจวิ้นอ๋องกับคุณหนูตระกูลจูผู้นั้นด้วย"
สายพระเนตรของสวีฮองเฮาช่างกว้างไกลนัก เพียงไม่นานเรื่องนี้ก็มาถึงพระกรรณเสียแล้ว เห็นทีนางคงต้องใช้โอกาสจากเรื่องนี้สร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง
'ถือว่านายท่านลู่ผู้นี้ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม! นางคงต้องนัดพบเขาอีกครั้งเสียแล้วสิ'
"เรื่องอะไรหรือเพคะ หม่อมฉันอยู่แต่ในเรือนไม่ได้ออกไปที่ใด เลยไม่ทราบว่ามีข่าวลือเรื่องอะไรเพคะ"
ซือเมี่ยวแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ภายในใจกำลังลอบยิ้มด้วยความยินดียิ่ง
"ความสัมพันธ์ของเจ้ากับจวิ้นอ๋องเป็นอย่างไรบ้างเล่า อีกไม่ถึงหนึ่งขวบปีเจ้าก็ต้องออกเรือนไปกับเขาแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีข่าวลือออกไปว่าจวิ้นอ๋องไปชอบพอกับคุณหนูตระกูลจู เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่"
สวีฮองเฮาทอดสายพระเนตรไปทางซือเมี่ยวด้วยสายตาจับผิด เด็กคนนี้ที่พระองค์รู้จักมีท่าทางสุขุมและเรียบร้อยเกินไป
"หม่อมฉัน... รู้มาสักพักแล้วเพคะว่าท่านอ๋องกับจูหลิ่งฟางผู้เป็นสหายสนิทมีใจให้แก่กันเพคะ"
ใบหน้างามพลันสลดขึ้นมาทันใด ดวงตาคู่สวยพลันเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส ยิ่งพิศก็ยิ่งรู้สึกน่าสงสารยิ่งนัก
"ว่าอย่างไรนะ! เหตุใดเจ้าถึงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเล่า ข้าเคยบอกมิใช่หรือว่าถ้าเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรมหรือทุกข์ใจก็ให้มาบอกข้า อย่างไรข้ากับมารดาของเจ้าก็เป็นสหายกัน ทั้งข้ายังเคยสัญญากับนางก่อนตายว่าจะช่วยดูแลเจ้าเป็นอย่างดี" พระสุรเสียงเอ่ยตำหนิทว่าแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง
"หม่อมฉันซาบซึ้งในน้ำพระทัยอันกว้างใหญ่ของฮองเฮามาโดยตลอดเพคะ แต่จวิ้นอ๋องก็ถือเป็นพระโอรสคนสำคัญของฝ่าบาท ถ้าหม่อมฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฮองเฮาทรงเดือดร้อน หม่อมฉันก็มิอาจมีหน้าไปสู้หน้าท่านแม่ในปรโลกได้เช่นกันเพคะ"
ซือเมี่ยวลอบล้วงมือไปจับหัวหอมที่ซ่อนอยู่ในผ้าคาดเอว ก่อนจะนำมาป้ายตาจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ น้ำตาของนางพลันไหลรินลงมาราวกับสั่งการได้
"โธ่... เจ้าเจ็บแค้นใจถึงเพียงนี้ยังนึกถึงข้าอีก แม้หวังเสียนเฟยมารดาของจวิ้นอ๋องจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ทว่าตัวข้าก็มิใช่คนที่ไร้เขี้ยวเล็บ จนช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ ข้าจะออกหน้าตำหนิจวิ้นอ๋องผู้ไม่รู้ความเอง" สวีฮองเฮารู้สึกสารซือเมี่ยวยิ่งนัก
"แต่จวิ้นอ๋องกำลังช่วยงานองค์รัชทายาทมิใช่หรือเพคะ หากฮองเฮาทรงผิดใจกับจวิ้นอ๋องและพระสนมเสียนเฟยจนไปเข้าฝ่ายชินอ๋องแทน องค์รัชทายาทจะมิทรงลำบากหรือเพคะ"
สวีฮองเฮาพลันชะงักไป เป็นจริงดั่งคำของซือเมี่ยว เวลานี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของพระโอรสพระนางยังไม่มั่นคงดีนัก เนื่องจากถูกคานอำนาจทางการทหารของชินอ๋อง
"เรื่องนั้น..." สวีฮองเฮาถึงกับตรัสอะไรไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
"แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางนะเพคะ" ซือเมี่ยวคลี่ยิ้มหวาน
สวีฮองเฮาผินพระพักตร์มาทันที "อย่างไรเล่า"
"หม่อมฉันรู้ว่าใจจริงของจวิ้นอ๋องนั้นไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะขอหลีกทางให้เอง ให้จวิ้นอ๋องทรงได้แต่งงานกับจูหลิ่งฟางผู้เป็นสหายรักเพคะ เพียงแต่เรื่องนี้คงต้องให้ฮองเฮาทรงออกหน้าแทนหม่อมฉันเสียหน่อยนะเพคะ" ซือเมี่ยวคลี่ยิ้มบาง
นางจะไม่ต่อว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ทว่านางจะหลีกทางให้ทั้งสองได้ครองรักกันอย่างสะดวกเลยต่างหาก!
ตอนพิเศษ 7ความซุกซนของเด็กน้อย "เสด็จพ่อทรงวิ่งเร็ว ๆ สิพ่ะย่ะค่ะ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่เร็ว ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ"'เซี่ยหยางหลง' องค์ชายใหญ่ผู้เป็นแฝดพี่เอ่ยเร่งเร้าพระราชบิดา ขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรก โดยมี 'เซี่ยหยางเฟิ่ง' องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นแฝดน้องจับชายอาภรณ์ของเซี่ยลู่เหวินเดินตามมาไม่ห่าง เหตุเพราะพวกเขาเดินมาอย่างเชื่องช้าเพราะในอ้อมแขนซ้ายขวาของเซี่ยลู่เหวินนั้นได้อุ้ม 'เซี่ยหยางเหวิน' องค์ชายรองผู้เป็นแฝดผู้พี่ กับ 'เซี่ยหยางเจี้ยน' องค์ชายสามผู้เป็นแฝดผู้น้องผู้ใดจะคาดคิดว่าซือเมี่ยวให้กำเนิดฝาแฝดถึงสองคู่ โดยคู่แรกคือคู่หงส์มังกรส่วนคู่ที่สองคือคู่มังกร อายุของฝาแฝดทั้งสองคู่ห่างกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น!"พวกเจ้าช้า ๆ หน่อยเถิด พ่อยังอุ้มอาเหวินกับอาเจี้ยนจะให้ไปเร็วได้อย่างไร" เซี่ยลู่เหวินเอ่ยตอบบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ กายสูงรู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งนัก เพราะต้องอุ้มเจ้าก้อนแป้งที่ตัวหนักจนแขนของเขาแทบจะหลุด และจะไม่อุ้ม
ตอนพิเศษ 6พร้อมหน้าพร้อมตา วันเวลาผ่านไปซือเมี่ยวก็ได้ให้กำเนิดคู่หงส์มังกรแก่เซี่ยลู่เหวินซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่านางกลับสามารถให้กำเนิดเด็กที่สวรรค์ประทานให้มาอย่างง่ายดาย การคลอดก็แสนจะราบรื่น แม้นางจะเจ็บปวดเหมือนกับร่างกำลังจะแตกสลาย ทว่าความเจ็บนี้คงอยู่ไม่นานนัก เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น คงเหลือไว้เพียงความดีใจเท่านั้น..."ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยเพคะ เป็นคู่หงส์มังกรที่สวรรค์ประทานให้เพคะ" รั่วรั่วกับมิ่งจูอุ้มทารกที่อยู่ในผ้าแพรสีแดงไปตรงหน้าของเซี่ยลู่เหวิน การรอคอยที่แสนทรมานได้สิ้นสุดลงเสียที เขาต้องยืนรอนางอยู่หน้าห้องคลอดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความกังวลที่มีพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบหน้าของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน"อ่า... นี่ข้าได้ลูกแฝดชายหญิงเลยหรือนี่" เซี่ยลู่เหวินอุทานออกมาด้วยความตกใจและดีใจ คราแรกเขายังคิดว่าอาจจะได
ตอนพิเศษ 5เจ้าก้อนแป้งมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือกเป็นพระสนมเลยสักคนเดียว นั่นจึงทำให้เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องอับอายเมื่อบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดียังต้องถูกลงโทษโบย 60 ไม้ และต้องสูญเงินอีกกว่า 60,000 ตำลึงทองเลย "ฝ่าบาท นี่มันไม่ยุติธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางหนึ่งในเก้าคนขึ้นมาเป็นพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพหลี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ต้องไปช่วยดูแลคนป่วยนั้นเป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้นะพ่ะย่ะค่ะ หาใช่หน้าที่ของพระสนมไม่ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ" มู่จื้อหยางรีบเอ่ยขึ้นทันที"อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าพวกนางทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ดูอย่างฮองเฮาสิ ทุกวันนี้นางยังอยู่ที่เมืองจิงเพื่อเฝ้าดูแลผู้ป่วยอยู่เลย ทั้งนางยังเป็นคนออกความคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ เจ้าลองบอกกับข้าสิว่าพวกนางนั้นคู่ควรที่จะมาเป็นพระสนมของข้าหรือไ
ตอนพิเศษ 4ผู้ชนะ ด่านที่สองจัดขึ้นในสามวันให้หลัง โดยให้แต่ละคนแสดงความสามารถของศิลปะทั้ง 4 ออกมา เริ่มจากการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ พวกนางจะต้องทำได้ดีทั้ง 4 อย่าง หากพลาดเพียงนิดจะถูกคัดให้ออกทันที โดยครั้งนี้มีสตรีที่ผ่านด่านที่สองทั้งหมด 20 นาง "คุณหนูที่ไม่ผ่านด่านทดสอบเชิญก้าวออกมาข้างหน้าด้วยเจ้าค่ะ" มิ่งจูเอ่ยขึ้นหลังจากประกาศผลแล้ว"..." สตรีทั้งสอบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความอับอาย พวกนางพลาดเพียงนิดเดียวก็ถูกคัดออกโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก"คุณหนูที่ถูกคัดออกจะต้องโทษโบยคนละ 40 ไม้ และจ่ายค่าด่านทดสอบ 2 ด่านรวมเป็น 20,000 ตำลึงทองเจ้าค่ะ""ว่าอย่างไรนะ! มิใช่แค่โดนลงโทษโบย 20 ไม้และเงินอีก 10,000 ตำลึงทองหรือ เหตุใดถึงเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นนี้เล่า"มิ่งจูหันไปยิ้มหวานให้กับบุตรีของท่านรองเสนาบดี "เรียนคุณหนูท่านนี้ โทษโบยจะถูกเพิ่มด่านละ 20 ไม้เจ้าค่ะ เช่นเดียวกับการท
ตอนพิเศษ 3การทดสอบด่านแรก เพียงประโยคเดียวของซือเมี่ยวก็ได้สร้างคลื่นลมให้กับราชสำนักแล้ว หลังจากเซี่ยลู่เหวินจากไปเขาก็ได้นำคำพูดของซือเมี่ยวไปขบคิด ก่อนจะรู้สึกเห็นด้วยกับนางที่อยากจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมมีบุตรชายหญิงได้ เมื่อนี่เป็นความต้องการของนางเขาย่อมไม่คัดค้าน มีแต่จะสนับสนุนเพื่อให้นางมั่นใจแล้วยอมตั้งครรภ์ลูกในท้องของเขาเสียที"เจ้าจงนำสารลับนี้ส่งไปยังเมืองชายแดนทันที" เซี่ยลู่เหวินเขียนจดหมายสำคัญให้ไปส่งเว่ยหมิงจิ้นที่อยู่ชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นซ่ง เวลานี้เขากับถังหนิงหลงได้ร่วมมือกันที่จะตีแคว้นซ่งแล้ว รอเพียงไม่นานจะต้องเอาชัยเหนือแคว้นซ่งเป็นแน่ "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ขันทีข้างกายน้อมรับคำสั่ง"แล้วก็ไปบอกกับจงเหยาด้วยว่าข้าให้ซื้อปืนยาวไฟของพวกตาสีฟ้า มีเท่าไหร่ก็ซื้อทั้งหมดแล้วส่งไปให้แม่ทัพเว่ย การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องพึ่งปืนไฟพวกนี้เสียแล้ว""แต่ปืนไฟพวกนี้มีราคาแพงมากเลยไม่ใช่ห
ตอนพิเศษ 2การแข่งขันของสาวงาม จวนตระกูลเป็นมู่จื้อหยางรีบนำข่าวดีนี้มาบอกบุตรสาวด้วยความยินดียิ่ง ในที่สุดฝ่าบาทก็มิอาจขัดความต้องการของเหล่าขุนนางได้ แม้ในราชโองการจะมีข้อบังคับหลายประการ อีกทั้งพระสนมที่จะถูกแต่งตั้งก็เป็นเพียงพระสนมขั้นผิน หาใช่ขั้นเฟยที่เขาต้องการให้บุตรสาวไม่ ทว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเชื่อว่าเมื่อฝ่าบาทได้ยลโฉมบุตรสาวอีกครั้งจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน และอาจจะมากกว่าฮองเฮาผู้เป็นคนต่างแคว้นนั่นด้วย!"เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดฝ่าบาทก็มีราชโองการรับพระสนมเข้าวังแล้ว เจ้าจะต้องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้จงได้ เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ฝ่าบาทหลุดมือข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง และตำแหน่งฮองเฮาของแผ่นดินจะต้องเป็นของข้าเจ้าค่ะ" 'มู่ซูเมิ่ง' บุตรีเพียงคนเดียวของมู่จื้อหยางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ครั้งนั้นนางพลาดตำแหน่งฮองเฮาไปเพราะฝ่าบาทยังไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปโฉมและความสาม