เข้าสู่ระบบเมื่อเซียงลี่ออกไปแล้ว หลินซูหนานจึงลืมตาขึ้น นางนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ แล้วมองเงาที่สะท้อนใบหน้าตนเองบนผิวน้ำเบื้องหน้า คิ้วของนางขมวดมุ่น แสดงออกว่ามีเรื่องหนักหน่วงซ่อนอยู่ในใจไม่น้อย
สิ่งที่นางกำลังครุ่นคิดกังวลอยู่ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่ตนเองได้ย้อนเวลากลับมา และการเปลี่ยนเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไม่ให้เป็นไปอย่างในชาติที่แล้ว ก็เป็นเรื่องยากยิ่งนัก
และสิ่งสำคัญที่สุดนางต้องหาวิธีที่จะสามารถทำให้แผนการขององค์รัชทายาทล้มเหลวให้จงได้ รวมถึงต้องมองการหาหนทางที่จะปกป้องสกุลหลินไม่ให้เผชิญกับการถูกกล่าวหาหรือถูกลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม
“เวลาของข้ามีจำกัดนัก ข้าต้องทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะถึงวันปักปิ่นของข้าที่จะมาถึงในไม่ช้า และทุกการตัดสินใจในช่วงเวลานี้ย่อมจะต้องมีความสำคัญต่ออนาคตของทั้งข้าและคนในสกุลหลินทุกคน และข้าก็จะต้องเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่เป็นเส้นทางสีเลือดของสกุลหลิน ให้กลับคืนสู่ความราบรื่นและผาสุกให้จงได้”
หลินซูหนานกล่าวกับตัวเองเบา ๆ แต่มั่นคงในทุกคำที่เอ่ยออกมา
จากความทรงจำเดิม วันนี้เป็นวันที่นางต้องไปอารามหลวงกับองค์รัชทายาท และยังเป็นวันที่นางยอมรับไมตรีจากชายคนนั้น ว่าชาตินี้จะขอเป็นชายาของเขาอย่างแน่นอน
“อย่างไรก็ตาม ยามนี้ข้ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้อดีตชาติกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง ข้าจะไม่ยอมให้ชายคนนั้นใช้ความรักเป็นเครื่องมือในการควบคุมข้าและครอบครัวอีกต่อไป ข้าจะต้องใช้สติปัญญาและความเข้มแข็งในการวางแผนเพื่อปกป้องคนที่ข้ารักให้จงได้”
นางครุ่นคิดไปแล้วก็กล่าวออกมาด้วยความแข็งกร้าว มือเรียวขาวกำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธแค้นอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางอยู่ในห้องอาบน้ำนานแล้ว เซียงลี่คิดที่จะเข้ามาตามอีกครั้ง จึงส่งเสียงเรียกเข้าไป
“คุณหนู บ่าวเข้าไปนะเจ้าคะ”
“เข้ามาเถอะ” หลินซูหนานผ่อนความแค้นลงและปรับน้ำเสียงให้ปกติ ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างอ่อนโยน
“คุณหนูเจ้าคะ ใกล้ถึงเวลาแล้วเจ้าค่ะ ข้าว่าคุณหนูรีบไปแต่งตัวดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบไปที่เรือนหลัก”
พอเข้ามาในห้องแล้ว เซียงลี่ก็รีบเตือนคุณหนูของตนอย่างห่วงใย เพราะหากไปที่เรือนหลักสายในวันมงคลเช่นนี้คงไม่ดีแน่
“อืม เช่นนั้นก็รีบเถอะ” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ พลางลุกขึ้นจากอ่างไม้ทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า โดยมีสาวใช้เข้ามาช่วยเช็ดตัวและแต่งตัวให้เหมือนทุกครั้ง
หลังจากสวมชุดเรียบร้อย สาวใช้จึงนำเครื่องประดับมาให้เลือก หลินซูหนานเลือกใช้เครื่องประดับที่เป็นชุดเดียวกัน โดยมีปิ่นปักผมทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าและเขียว
เซียงลี่ช่วยปักปิ่นบนมวยผมที่ถูกเกล้าอย่างสวยงาม จากนั้นก็สวมต่างหูทองคำประดับมุกไปอีกคู่หนึ่ง ซึ่งเข้ากับปิ่นปักผมของนางยิ่งนัก
หลินซูหนานนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อให้สาวใช้อีกคนหนึ่งช่วยแต่งหน้าให้ นางใช้แป้งเนื้อละเอียดทาหน้าให้ขาวนวล จากนั้นใช้ชาดทาแก้มเล็กน้อยให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา
ริมฝีปากถูกทาด้วยชาดสีแดงสด ดวงตาของนางถูกแต่งด้วยดินสอสีดำ ทำให้ดวงตาของหญิงสาวดูคมเข้มและเปล่งประกาย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น หญิงสาวจึงได้ยืนขึ้นและหันมองตัวเองในคันฉ่อง ภาพที่หลินซูหนานเห็นคือสตรีโฉมสะคราญนางหนึ่ง นางมองเงาร่างของตนเองอย่างพึงพอใจ มุมปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย
“งดงามมากเจ้าค่ะ คุณหนูของเซียงลี่”
เซียงลี่กล่าวชื่นชมออกมาอย่างภาคภูมิใจ ไม่คิดมาก่อนว่าคุณหนูของนางจะงดงามได้มากขนาดนี้ ทั้งที่อายุเพิ่งเข้าสู่วัย
สิบสามหนาวเท่านั้น ยามใดที่คุณหนูปักปิ่นคงจะงดงามอย่างมิอาจหาใครเทียบได้แน่“เจ้าก็ชมข้าเกินไป ข้าก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้อาจจะแปลกตาเพราะแต่งให้สมกับวัยและเหมาะสมกับงานวันเกิดเท่านั้น” หลินซูหนานกล่าวออกมาอย่างถ่อมตน แม้ลึก ๆ จะภูมิใจกับความสวยงามของตนเองไม่น้อย
“แต่บ่าวมองแล้ว คุณหนูไม่เหมือนเด็กหญิงในวัยเดียวกันเลยนะเจ้าคะ คุณหนูของเซียงลี่ช่างงดงามยิ่งนัก ซ้ำยังสุขุมกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย”
เซียงลี่เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยขึ้นมา เพราะคุณหนูของนางงดงามเกินใครในวัยเดียวกันจะเทียบจริง ๆ
“เอาเถอะ เจ้าอย่ามัวแต่มาชมข้าอยู่เลย ไม่เช่นนั้นข้าจะสายเอาได้ เรารีบไปกันเถอะ”
กล่าวจบ หลินซูหนานก็เดินออกจากห้องไปทันที โดยมีเซียงลี่เดินตามหลังไปไม่ห่าง
ตอนพิเศษ 2.2ฉู่ตงฟางนั่งลงข้างๆ ฉู่สือ โดยพิจารณาความคิดนี้อย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวขึ้น “แล้วจะมีวิธีการไหนบ้างที่เจ้าจะใช้ในการคำนวณมูลค่าของสินค้าบนเรือ”“ข้าสามารถแบ่งประเภทสินค้าออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้ขอรับ เช่นสินค้าแบบหยกหรืออัญมณี จะมีมูลค่าสูง ในขณะที่สินค้าธรรมดาอย่างอาหารหรือเครื่องใช้ จะมีมูลค่าต่ำกว่า ซึ่งเราจะต้องมีการกำหนดอัตราเทียบเคียงกันด้วย” ฉู่สืออธิบายต่ออย่างเชี่ยวชาญ“ฟังดูดีมีเหตุผลมาก” ฉู่ตงฟางพยักหน้าเห็นด้วยฉู่ตงฟางพิจารณาความคิดของลูกชายก่อนจะถามอย่างจริงจังอีกครั้ง “แล้วเจ้าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ จะทำให้ลูกค้าพอใจหรือไม่”“ข้าเชื่อว่าหากพวกเราชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน พวกเขาจะเข้าใจและเห็นความสำคัญขอรับ เราต้องทำให้เจ้าของเรือรวมถึงลูกค้าอื่น ๆ รู้ว่าวิธีการนี้จะทำให้เขาได้กำไรมากขึ้น เพราะสินค้าบางอย่างที่มูลค่าไม่สูงมาก พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง” ฉู่สือกล่าวอย่างมั่นใจ“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นพ่อจะให้เจ้าไปอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าของเรือและลูกค้าในวันพรุ่งนี้” ฉู่ตงฟางกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจ“ขอรับท่านพ่อ ขอบคุณที่เชื่อมั่นใจตัวลูก” ฉู่สือตอบรับด้วยความตื่นเต้น
ตอนพิเศษ 2.1สิบปีต่อมาฉู่ปิ่งเติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งและกล้าหาญที่สุดในเมืองท่าแห่งนี้ ปีนี้เขาอายุสิบสามแล้ว เป็นเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นและขยันขันแข็งในทุกสิ่งที่ทำ โดยเฉพาะในด้านการเรียนและการฝึกวรยุทธ ฉู่ปิ่งเข้าเรียนที่สถานศึกษาของเมืองท่า โดยมีอดีตราชบัณฑิตเจียงจวนหยางเป็นผู้สอน เขาสอนทั้งวิชาการและการต่อสู้ ทำให้ฉู่ปิ่งเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ จนได้รับการยอมรับจากอาจารย์และสหายร่วมชั้นในแต่ละปีเวลามีงานเทศกาลประจำเมือง ฉู่ปิ่งมักจะเข้าร่วมการประลอง เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของตนอย่างเต็มที่ ในปีนี้ก็เช่นกัน เขาผ่านรอบสุดท้ายโดยมีคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่และดุดันชื่อว่าเหอจิ้ง ซึ่งเป็นนักสู้รุ่นพี่ที่มีฝีมืออันดับต้น ๆ ในเมืองท่าท่ามกลางเสียงร้องของผู้คนในงานเทศกาล ฉู่ตงฟาง หลินซูหนาน และน้องสาวน้องชายของฉู่ปิ่ง นั่งอยู่ในที่นั่งที่ดีที่สุด พวกเขามองไปที่ฉู่ปิ่งด้วยความหวังและความภูมิใจในตัวเขา“ฉู่ปิ่ง ตั้งใจสู้ให้ดี” หลินซูหนานตะโกนให้กำลังใจบุตรชาย ขณะที่ฉู่ปิ่งยืนอยู่ในวงล้อมการประลอง“ใช่ แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราคือใคร” ฉู่ตงฟางเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยความตื่นเต้นฉู่ปิ่งม
ตอนพิเศษ 1.2ก่อนที่หมอจะออกจากห้อง ก็แนะนำเกี่ยวกับยาบำรุงครรภ์ที่จำเป็น และหยิบยาออกมาสองเทียบส่งให้ฉู่ตงฟาง พร้อมกับแนะนำว่า “ให้ฮูหยินใช้ยานี้บำรุงร่างกาย ต้องต้มกินวันละสามเวลา หากหมดก็ให้ไปรับยาได้ที่โรงหมอของข้าได้”“ขอบคุณท่านหมอมาก” ฉู่ตงฟางกล่าวขอบคุณอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข เขารับยาจากหมออย่างระมัดระวังเมื่อหมอกลับออกไปแล้ว ฉู่ตงฟางนั่งอยู่ข้างหลินซูหนานด้วยความรักและเอาใจใส่ นางยังคงนอนอยู่บนเตียงในสภาพร่างกายที่อ่อนเพลีย ทว่าภายใต้สีหน้าที่ซีดขาวนั้น กลับมีความรู้สึกดีใจอยู่เต็มเปี่ยม“ซูหนาน ข้าตื่นเต้นและดีใจมากที่เราจะมีเจ้าก้อนแป้งกันแล้ว” เขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาและอ่อนหวานหลินซูหนานยิ้มอย่างหวานละมุน “ข้าก็รู้สึกดีใจเหมือนกันครอบครัวของพวกเราจะสมบูรณ์แล้วนะเจ้าคะ” นางกล่าวอย่างมีความสุข“ต่อจากนี้ไป ข้าจะดูแลเจ้าตลอดเวลา เจ้าจะต้องพักผ่อนมากๆ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบาก ส่วนเรื่องขายของข้า จะสั่งให้คนมาช่วย” ฉู่ตงฟางก้มลงมองนางอย่างรักใคร่“เจ้าค่ะ” หลินซูหนานตอบอย่างไม่มีปัญหาเพราะนางก็อยากรักษาตนเองให้ดีที่สุดเพื่อเจ้าก่อนแป้ง“พักผ่อนเถอะ ข้าจะอยู่ก
ตอนพิเศษ 1.1หลังจากที่ฉู่ตงฟางและหลินซูหนานได้ล่องเรือเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ จนพอใจแล้ว สุดท้ายทั้งคู่ก็ตัดสินใจปักหลักที่เมืองท่าแห่งหนึ่ง เมืองนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมด้วยท่าเรือที่คึกคัก ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามของแม่น้ำสายใหญ่ จึงทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างชีวิตใหม่ฉู่ตงฟางและหลินซูหนานเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการเปิดร้านค้าเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ร้านค้าของพวกเขาได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม มีบรรยากาศอบอุ่นที่ดึงดูดลูกค้า ทั้งสองจัดทำสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่อาหาร ไปจนถึงสินค้าหัตถกรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะสินค้าที่หลินซูหนานทำด้วยมือซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ร้านของทั้งสองมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว โดยตั้งร้านค้าชื่อซูหนานนอกจากการขายสินค้าแล้ว ฉู่ตงฟางยังให้บริการคุ้มภัยทางเรือแก่พ่อค้าและนักเดินทางที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังเมืองต่าง ๆ โดยตั้งชื่อสำนักคุ้มภัยซูหนานฉู่ตงฟางมีลูกน้องที่มีวรยุทธสูงส่งมากมายที่ลาออกจากการเป็นองครักษ์เพื่อมาติดตามเขา และเขาเองก็มีความสามารถในการจัดการที่ดีเยี่ยม ทำให้ลูกค้าต่างไว้ใจสำนักคุ้มภัยซูหนานของนายท่า
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการ 1.2การสนทนานี้จบลงด้วยความเข้าใจและความรักที่มีต่อกัน ทั้งสองคนลุกขึ้นยืนและโบกมือให้กัน เป็นการกล่าวลาอย่างอบอุ่น ก่อนที่ฉู่ตงฟางจะเดินออกจากห้องทรงพระอักษร ไปสู่วิถีชีวิตใหม่ของเขา ขณะที่ฮ่องเต้ยืนอยู่ในห้องนั้น ด้วยรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ต้องเผชิญในอนาคตหลังจากที่ฉู่ตงฟางและหลินซูหนานออกเดินทางไปท่องเที่ยว ทั้งสองก็ล่องเรือไปตามแม่น้ำที่สวยงาม โดยที่แรกที่ทั้งสองคนมุ่งไปเป็นเทือกเขาหมินซาน ที่นี่เป็นสถานที่ที่หลินซูหนานตั้งใจอยากมาเยี่ยมชมมานาน ด้วยความงดงามของธรรมชาติที่รายล้อมด้วยภูเขาเขียวขจีและดอกไม้ที่บานสะพรั่งเมื่อทั้งคู่มาถึงเทือกเขาหมินซาน ทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ทำให้หลินซูหนานอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ฉู่ตงฟางมองดูนางด้วยความรัก เขาจับมือของนางขึ้นมาจับแล้วกล่าวอย่างหยอกล้อว่า“ดูสิ สถานที่นี้สวยงามไม่แพ้เจ้าเลย”“ท่านพี่ ข้าชอบที่นี่มากจริงๆ” หลินซูหนานกล่าวด้วยเสียงสดใส ยามนี้นางไม่เรียกเขาตำแหน่งอ๋องอีกแล้ว“ข้าดีใจที่เห็นเจ้ามีความสุข” ฉู่ตงฟางกล่าวด้วยรอยยิ้มทั้งสองใช้เวลาหลายวันในการเดินชมธรรมชาติ โดยฉู่ตงฟางพานางไปเก็บดอกไม้ท
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการ 1.1 หนึ่งปีผ่านไปการเมืองในราชสำนักกลับมาสงบเงียบไร้ซึ่งเกลียวคลื่นใต้น้ำ ขุนนางทุกฝ่ายเริ่มเห็นพ้องต้องกัน และต่างรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินฮ่องเต้ต้าเฟยได้แต่งตั้งฮองเฮาคู่กาย ฮองเฮาผู้นี้เป็นญาติห่าง ๆ ของหลินซูหนาน ในช่วงเวลานี้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน ในวันที่อากาศสดใส ฮ่องเต้ต้าเฟยได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวบ้านด้วยพระองค์เอง โดยมีราชครูหลินเจิ้งหานตามเสด็จไปด้วยในฐานะพระอาจารย์ของฮ่องเต้ พวกเขาเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี ความงดงามของธรรมชาติทำให้ฮ่องเต้รู้สึกสดชื่น หลังจากที่ตรากตรำกับราชกิจอยู่ในวังมานานระหว่างที่พระองค์กำลังชมทัศนียภาพอยู่นั้น สายพระเนตรของพระองค์ก็ไปสะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางทุ่งนานั้น ใบหน้าของนางสวยงามราวกับภาพวาด ผมยาวสลวยถูกลมพัดปลิวไสว ดวงตาส่องประกายมีชีวิตชีวา รอยยิ้มอ่อนหวานของนาง ดึงดูดใจพระองค์เป็นอย่างมากหญิงสาวผู้นี้กำลังช่วยชาวบ้านจัดการพืชผลที่เก็บได้ ในมือมีสมุดบัญชีอยู่หนึ่งเล่ม ซึ่งนางกำลังก้มหน้าก้มตาจดรายการพืชผลของช







