เมื่อหยางซีซวนเดินเข้ามาก็พบว่าไป๋หนิงฮวาดูซูบผอมลงไปมาก นางเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนั้นหรือ หนิงฮวามองหน้าของบุรุษที่นางเฝ้ารอมานับปีอย่างดีใจ แม้สีผิวจะคล้ำลงไปบ้างจากการทำสงครามต้องตากแดดตากลมแต่เขาก็ยังคงรูปงามสำหรับนางเสมอ
ไป๋หนิงฮวาลุกขึ้นมาจับมือเขาดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บหนักที่ตรงไหน เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดีนางจึงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หนิงฮวาดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว นางคิดถึงและเป็นห่วงเขาเสียจนกินมิได้นอนมิหลับ ได้แต่คอยสวดมนต์ภาวนาให้เขาปลอดภัยกลับมา
"ซีซวนเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหตุใดหลายเดือนมานี้จึงไม่มีจดหมายมาจากเจ้าเลย รู้หรือไม่ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่" ไป๋หนิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หยางซีซวนนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้ส่งจดหมายมาให้นางจริงๆอย่างที่นางพูด ก็ได้แต่โอบกอดนางไว้ นางซูบผอมลงไปมากจนกระดูกไหปลาร้าปรากฎออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"สงความเคร่งเครียดและยาวนานกว่าที่ข้าคิดนัก ทุกวันข้าเหนื่อยจนไม่มีเวลาได้เขียนจดหมายหาเจ้าเลย ขอเจ้าอย่าขุ่นเคือง ข้ากลับมาหาเจ้าแล้ว" หนิงฮวากอดหยางซีซวนไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหายไปอีก จากนี้คงไม่มีเรื่องใดมาทำให้นางและซีซวนต้องพรากจากกันอีกแล้ว
"หนิงฮวาข้ามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเจ้า" หยางซีซวนผละกอดออกเบาๆ ก่อนจะชวนนางพูดเรื่องจริงจัง แม้ในใจลึกๆก็หวั่นกังวลอยู่บ้าง แต่เขาเชื่อว่าหนิงฮวาจะเข้าใจ
"เจ้ามีสิ่งใดรึซีซวน เหตุใดจึงทำสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้น" หนิงฮวากระพริบตาปริบๆด้วยความสงสัย บัดนี้นางดีใจจนเผลอลืมเรื่องที่ไม่สบายใจไปเสียจนหมด
"ถังเอ๋อร์เข้ามาเถิด" เมื่อสิ้นสุดคำพูดของหยางซีซวนก็ปรากฎภาพสตรีงามคนหนึ่งขึ้นมา นางเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของหยางซีซวน และน้อมคำนับสตรีสูงส่งตรงหน้าเล็กน้อย หนิงฮวาได้แต่นิ่งเงียบ นี่คือสตรีคนเดียวกันกำที่นางเห็นเมื่อวานนี่..
"นี่คือหลิวลี่ถังผู้ที่จะมาเป็นฮูหยินรองของข้า" หยางซีซวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ฮูหยินรอง?เจ้าหมายความว่าอย่างไรซีซวนเจ้ายังไม่ทันได้แต่งกับข้าเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงมีฮูหยินรองเร็วเช่นนี้"
"ข้ากับถังเอ๋อร์พบกับโดยบังเอิญ นางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้านางนับเป็นผู้มีพระคุณ" หยางซีซวนพยายามอธิบายให้ไป๋หนิงฮวาเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
บุรุษไปรบเปล่าเปลี่ยวใจ เจอสตรีงามช่วยเหลือไว้และได้ใช้เวลาร่วมกับนับปีมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีใจต่อกัน เขาไม่จำเป็นต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้ไป๋หนิงฮวาฟังก็ได้ เพราะบุรุษมากเมียมันเป็นเรื่องปกติ
"หากนางเป็นผู้มีพระคุณ เจ้าก็ตอบแทนพระคุณของนางสิ การแต่งงานสำหรับเจ้าคือการตอบแทนพระคุณอย่างนั้นหรือ" ตอนนี้นางควรจะรู้สึกเช่นไรดี นางรอคอยเขานับปี แต่เขากลับพาสตรีที่ใดก็มิรู้มาหยามหน้านางจนถึงในจวน
"ข้ามิได้แต่งกับนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ ข้ารักนางข้าจึงอยากแต่งนางมาเป็นฮูหยินรองของข้า" มิรู้เหตุใดถ้อยคำที่เขาพูดนั้นจึงกรีดลึกลงไปในจิตใจของนาง นี่คือผลตอบแทนของการรออย่างนั้นหรือ
"เจ้ารักนาง แล้วข้าล่ะซีซวน เหตุใดเจ้าไม่นึกถึงใจข้าบ้าง ข้ารอเจ้ามานับปีไม่เคยเหลียวแลผู้ใด แต่เจ้ากลับพาสตรีอื่นมาหยามหน้าข้าถึงจวนเช่นนี้หรือ" บัดนี้ขาทั้งสองข้างของนางอ่อนแรงจนยืนแทบไม่ไหว การฝืนกลั้นน้ำตามิให้ไหลต่อหน้าสตรีอื่นช่างเป็นเรื่องที่ยากนัก แต่นางจะต้องอดทนให้ได้
"ข้าก็รักเจ้าเหมือนเดิมหนิงฮวา มันไม่เคยน้อยลงเลย ข้าจึงให้เจ้าเป็นฮูหยินเอกของข้า เจ้าจะได้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าขอเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องถังเอ๋อร์ ได้หรือไม่ขอเจ้าอย่าได้รังเกียจนางเลย นางน่าสงสารนัก"
คำพูดของเขาราวกับการนำมีดนับพันเล่มมาเสียบลงที่ใจของนาง ตัวนางรู้ดีว่าการเป็นบุรุษที่มีเมียเยอะมันเป็นเรื่องที่ปกติ การต้องกล้ำกลืนฝืนทนเห็นคนที่ตนรักแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น สำหรับตำแหน่งฮูหยินเอกนับเป็นเรื่องที่เลี่ยงมิได้ แต่นี่มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ
"ถ้าหากว่าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ขัดขวาง" นางฝืนยิ้มให้บุรุษผู้เป็นดั่งแสงสว่างและดวงใจของนาง ก่อนจะหันหลังให้ทั้งเขาและสตรีที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"พวกท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าอยากพักผ่อน" ไหล่เล็กสั่นไหว นางพยายามฝืนยิ้มและบอกกับตนเองว่าจงยืนให้ไหว อย่าได้ร้องไห้ออกมาเด็ดขาด
หยางซีซวนแม้จะรู้สึกเป็นห่วงนางอยู่ไม่น้อยแต่ก็ต้องขอตัวกลับก่อน เพื่อให้เวลานางได้อยู่กับตัวเอง แต่ไหนแต่ไรเมื่อมีปัญหานางจะหันหลังให้แล้วบอกว่านางไม่เป็นไรอยู่เสมอ คราวนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น
เขาตั้งใจไว้ว่าจะมีภรรยาเพียงสองคน คือฮูหยินเอกหนิงฮวาและฮูหยินรองลี่ถัง ถ้าหากว่าเมียทั้งสองรักใคร่กันดีเขาคงจะสุขใจมิน้อย เขาจะรักฮูหยินทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกันมิให้ใครต้องน้อยใจ หลิวลี่ถังเข้าใจเข้าดีทุกอย่างเหลือเพียงแค่ให้เวลาไป๋หนิงฮวาเสียหน่อย เดี๋ยวนางก็คงทำใจได้
เมื่อหยางซีซวนและสตรีที่ชื่อหลิวลี่ถังออกไปแล้ว นางก็ทรุดลงนั่งกับพื้น นางนั่งร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดจนกระทั่งเป็นลมหมดสติไป
ยามตื่นขึ้นมานางก็พยายามหลอกตัวเองว่าทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้าย ทั้งหมดมิใช่เรื่องจริง นางทั้งซึมเศร้าและหม่นหมอง นับวันมีแต่แย่ลงราวกับคนตรอมใจ
เมื่อวันแต่งงานของนางมาถึง แม้นางจะรู้สึกดีใจ แต่ลึกๆในใจของนางนั้นกับเศร้าหมอง มันควรจะเป็นงานแต่งที่เธอมีความสุขที่สุดสิ เหตุใดนางจึงรู้สึกหดหู่เช่นนี้
หลังจากจบพิธีไหว้ฟ้าดินแล้วบ่าวสาวทั้งสองก็ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ หนิงฮวาในชุดเจ้าสาวสีแดงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง รอให้เจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้า ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงเปิดประตูและมีเสียงเท้าใกล้เข้ามา
นางก้มมองที่พื้นเห็นเป็นรองเท้าของหยางซีซวน แต่นางกลับรู้สึกสับสน อันที่จริงใจเขาคงอยากให้แต่งเจ้าสาวพร้อมกัน แต่เห็นแก่หน้าของตระกูลไป๋ จึงให้นางได้แต่งก่อนเพียงหนึ่งวัน เช่นนั้นเท่ากับว่า คืนนี้เขามาเข้าหอกับนางแล้วพรุ่งนี้ก็คงไปเข้าหอกับหลิวลี่ถัง..
นางไม่มีญาติครอบครัวที่ไหนจึงไม่ได้มีพิธีใหญ่โตเช่นหนิงฮวา เพียงแต่หนิงฮวานึกสงสัยว่า แม่นางหลิวยอมได้หรือ การเป็นฮูหยินรองย่อมมีอำนาจน้อยกว่าฮูหยินเอก หากเป็นเช่นนั้นแล้วนางจะยอมจริงๆหรือ..
หยางซีซวนใช้มือเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงออกก็พบกับหนิงฮวาผู้เป็นรักแรกของเขา นางยังคงงดงามแม้ตอนนี้ร่างกายจะซูบผอมลงไปมาก หยางซีซวนลดตัวลงนั่งข้างๆกับเจ้าสาวของเขา
มือทั้งสองประคองใบหน้าเล็กของนางให้หันมาสบตา ดวงตาของนางสั่นไหวคล้ายคนจะร้องไห้ เมื่อเขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้นางขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆบรรจงจูบนางอย่างอ่อนโยน สักพักหยางซีซวนกลับรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่สัมผัสอยู่ตรงใบหน้า เขาผละจูบออกมาก่อนจะเห็นว่านางร้องไห้
"เจ้าเป็นอะไรไปหนิงฮวา เจ้าร้องไห้ทำไม"หยางซีซวนเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน เหตุใดนางจึงร้องให้ในคืนเข้าหอกัน หรือเขาทำให้นางกลัว
"เปล่าหรอก ข้าเพียงแค่ดีใจ" นางฝืนยิ้มให้เขา นางก็ไม่ได้อยากร้องไห้ต่อหน้าซีซวน เพียงแต่นางกลับคิดว่าน่าเสียดายที่จูบนี้ไม่ได้มีนางคนเดียวที่ได้ครอบครอง
"ข้านึกว่าข้าทำให้เจ้ากลัว เจ้าไม่ต้องกลัวนะฮวาเอ๋อร์ของข้า ข้าจะรักและทะนุถนอมเจ้าที่สุด" พูดจบเขาก็จูบไปที่หน้าผากมนสวยของนาง หนิงฮวาทำได้เพียงหลับตาลงเบาๆข่มน้ำตาเอาไว้พลางคิดในใจว่า สักวันความรู้สึกแย่ๆนี้มันคงหายไป
ขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นผืนผ้าใบที่มีเฉดสีอบอุ่นอย่างสีส้ม แดง และชมพู อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สายลมเอื่อย ๆ พัดผ่านต้นไม้ใบหญ้า เสียงนกร้องและจิ้งหรีดร้องแว่วมาแต่ไกลหนิงฮวานั่งจมอยู่ในห้วงความคิด จิตใจของนางล่องลอยไปยังที่แสนไกล ฉินอ๋องหายหน้าไปสามเดือนแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเขาจากไปเลยโดยที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา หนิงฮวาได้แต่คิดถึงเหตุการณ์วันนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน หากนางไม่พูดเช่นนั้นออกไป ตอนนี้จะเป็นเช่นไร.. มันจะต่างจากตอนนี้หรือไม่อย่างน้อย นางก็ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต แม้จะเป็นเพียงสหายกันก็ยังดี ป่านนี้ฉินอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงนางบ้างหรือไม่ หรือตอนนี้เขาเปลี่ยนใจจากนางไปแล้ว หัวใจของนางปวดร้าวเมื่อนึกถึงหน้าของฉินอ๋อง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีผลต่อความรู้สึกของนางเช่นนี้ "เขาคงไม่มาแล้วจริง ๆ" หนิงฮวาถอนหายใจและหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม นางรู้ว่านางต้องละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อฉินอ๋องและเดินหน้าต่อไป พูดง่ายแต่ทำยากยิ่งนางจะสามารถตัดใจจากคนที่ดีกับนางมาตลอดได้อย่างไร เขาและนางมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน
ณ จวนสกุลหยางสุริยันปรากฎจันทราลับ คิมหันต์เหมันต์ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน สองปีแล้วที่เจ้าจากไป หยางซีซวนนั่งเหม่อลอยอยู่ใต้ต้นเหมยที่เขาและหนิงฮวาเคยปลูกร่วมกันเมื่อวัยเยาว์ สายตาเศร้าหมองทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย สีหน้านิ่งเฉยเสมือนคนที่ไร้ซึ้งความรู้สึก ราวกับว่ามันเป็นคำสาปจากนาง ซีซวนใช้ชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิด และความคะนึงหาราวกับร่างไร้วิญญาณหลิวลี่ถังที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอดถอนหายใจ ปีที่สองหลังจากหนิงฮวาจากไป หลิวลี่ถังก็ยังคงเป็นเพียงฮูหยินรองที่ทำหน้าที่ของฮูหยินเอก แม้ว่าหนิงฮวาจะจากไปแล้วก็ตาม ที่ตรงนั้นยังคงเป็นของนางเสมอมาหลิวลี่ถังคอยดูแลหยางซีซวนที่ตอนนี้กลายเป็นคนวิกลจริต เขาจำต้องพ้นสภาพของแม่ทัพเพราะไม่สามารถควบคุมสติหรืออารมณ์ได้ภาระหน้าที่ต่างๆภายในจวนจึงตกมาเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่หยางซีซวนเริ่มเสียสติ บรรดาบ่าวไพร่ก็ต่างพากันหนีหายไป บ้างก็ขโมยทรัพย์สินของมีค่าไปขาย ไม่ว่าจะเป็นแจกันหรือถ้วยชาม ล้วนถูกขโมยไปทั้งสิ้นจวนสกุลหยางที่ไร้ซึ่งหยางซีซวนคอยปกครองบรรยากาศนั้นดูอึมครึมและเงียบเหงา ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน หลิวลี่ถังอดทนดูแลเขามาเป
สองปีต่อมาดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ ส่องแสงอันอบอุ่นเหนือโลกเบื้องล่าง ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยเฉดสีชมพูและส้ม อากาศสดชื่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่หนิงฮวาตื่นมารดน้ำแปลงผักตั้งแต่เช้า นางปลูกผักมากมายหลายชนิด ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้กินเอง และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปขายในตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน โดยส่วนใหญ่แล้วซิงอีเป็นคนนำผักและสมุนไพรที่เก็บได้ไปขาย อันที่จริงไม่ใช่ว่านางไม่มีสมบัติติดตัวเลย บิดาของนางมาหาเดือนละครั้ง และทุกครั้งที่มาก็มักจะนำเงินทองและสมบัติมากมายมาให้ รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับซึ่งภายหลังนางก็ปฏิเสธไปบ้างเพราะในบ้านไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับสิ่งของฟุ่มเฟือยเช่นเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าส่วนข้าวสารอาหารแห้งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญหนิงฮวาก็จะรับไว้ด้วยความยินดี "เจ้าตื่นเช้าเสียจริง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานเดี๋ยวข้าจะทำเอง" ฉินอ๋องเอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามาแย่งบัวรดน้ำออกไปจากมือหนิงฮวา "ข้าทำเองได้" หนิงฮวาพยายามที่จะแย่งบัวรดน้ำกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล ฉินอ๋องส
สามเดือนก่อนสายลมเย็นพัดพาม่านหน้าต่างปลิวไสว ไป๋เฉิงที่นั่งเฝ้าร่างบุตรสาวที่ไม่ไหวติงมาหลายวัน รีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างโดยพลัน อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หากเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ มีหวังบุตรสาวของตนคงไม่หายป่วยเป็นแน่วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่หนิงฮวายังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา นางนอนนิ่งเช่นนี้มาหลายวันแล้ว นับวันร่างกายนางยิ่งซูบผอม หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่ฟื้นกลับขึ้นมาดังท่านหมอได้กล่าวไว้เป็นแน่"หากเจ้ายอมลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด พ่อจะทำให้เจ้าทุกอย่าง.."ไป๋เฉิงได้แต่นั่งภาวนาขอให้หนิงฮวาฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยไม่นานนักร่างกายของหญิงสาวที่นอนนิ่งสนิทไม่ไหวติงมาหลายวันกลับมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย หนิงฮวาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทราอันยาวนาน "ฮวาเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว!!" ไป๋เฉิงดีใจเสียจนนั่งไม่ติด เขาได้แต่ขอบคุณฟ้าดินที่เมตตาบุตรสาวของตน ขอบคุณจริงๆที่นางมีชีวิตอยู่"น้ำ.." หนิงฮวาพยายามเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เสียงของนางแหบแห้งเสียจนฟังไม่รู้ความ"น้ำ..น้ำหรอ เจ้าหิวน้ำใช่หรือไม่" ไป๋เฉิงตาลีตาลานหาเหยือกน้ำมารินใส่แก้วให้หนิงฮวาด้วยความดีใจ ในที่สุดการสวดภาวนาของเขาก็เป็
"ร้องไห้หรือ เจ้าอย่ามาบีบน้ำตาต่อหน้าข้า มันช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก นับแต่นี้ไป เจ้าอย่าได้คิดจะมาเคารพศพลูกสาวข้า อย่าคิดแม้แต่จะมาเยี่ยมหลุมศพของนาง อย่าแม้แต่จะมาร้องไห้ให้นาง เจ้ามันไม่คู่ควร!!"เมื่อพูดจบไป๋เฉิงก็เดินกลับเข้าไปในจวนโดยไม่หันหลังกลับมามองหยางซีซวนอีกเลย.."ข้าขอร้องท่าน ให้ข้าได้อยู่ในงานศพของนางเถิดข้าของร้องท่านจริงๆ" หยางซีซวนก้มหน้าลงหมอบกับพื้น แต่เสนาบดีไป๋ก็หาได้สนใจไม่ บัดนี้เขารู้ซึ้งแล้วจริงๆ ว่าชีวิตเขาขาดนางไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจของเขาแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ชีวิตจากนี้ที่ไม่มีหนิงฮวาเขาจะอยู่ได้อย่างไร"ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ หนิงฮวาข้าขอโทษข้าผิดไปแล้ว อย่าทิ้งข้าไปนะ ข้าขอร้องอย่าทิ้งข้าไป ข้ายอมเจ้าแล้ว ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง เพราะงั้นลืมตาขึ้นมาสิ เจ้าจะให้ข้าหย่ากับนางข้าก็ยอม หนิงฮวาข้าผิดไปแล้ว"หยางซีซวนร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดนี้มากเกินกว่าที่เขาจะรับไหวหยางซีซวนกลับมายังจวนสกุลหยางของตนอย่างล่องลอย เขาสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องนอนหนิงฮวาทันที เขาภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน เขาเปิดประตูห้องเข้า
ณ จวนสกุลไป๋"เปิดประตูจวนเดี๋ยวนี้!!" เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตู เสนาบดีไป๋เฉิงจึงรีบรุดไปดูทันทีว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อเขาวิ่งมาถึงหน้าจวนก็เห็นว่าฉินอ๋องอุ้มลูกสาวตนเข้ามาด้วยท่าทีที่รีบร้อน "นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" เสนาบดีไป๋เอ่ยถามฉินอ๋องด้วยความร้อนใจ"ตามหมอให้ข้าก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน ห้องนางอยู่ที่ใด!!" ฉินอ๋องแผดเสียงดังขึ้น ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาอธิบายสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการห้ามเลือดให้นาง"ซิงอีเจ้ารีบไปตามหมอมารักษาลูกข้า!!" เมื่อพูดจบเขาก็วิ่งนำฉินอ๋องไปยังห้องของหนิงฮวา ฉินอ๋องเห็นเช่นนั้นแล้วจึงได้วิ่งตามบิดาของนางไป"เจ้าค่ะ" ซิงอีได้ยินผู้เป็นนายสั่งเยี่ยงนั้น นางจึงรีบวิ่งออกไปตามหมอมาทันที "ข้าขอผ้าสะอาดหน่อย เร็วเข้า!" ฉินอ๋องพูดขึ้นไป๋เฉิงเห็นโลหิตที่ไหลอาบอาภรณ์ของลูกสาว เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ภาพชายชราที่วิ่งหาผ้ามาเพื่อห้ามเลือดให้ลูกสาวด้วยความรนรานและสั่นเทาช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ยิ่งนัก เสนาบดีไป๋เฉิงยื่นผ้าสะอาดให้กับฉินอ๋องอย่างรวดเร็วฉินอ๋องดึงเศษอาภรณ์ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานออก ก่อนจะนำผ้าพื้นใหม่มา