แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: นลพรรณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-29 10:52:45

ณิชาจอดพาหนะคู่ใจตรงด้านข้างของห้างสรรพสินค้าที่กันไว้สำหรับจักรยานและมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ ก่อนจะเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่หมายตา แต่พอถึงประตูร้าน สิ่งที่พบเจอเมื่อสิบนาทีก่อนก็ทำให้ลังเล

หญิงสาวหมุนตัวกลับเพื่อจะตั้งหลักและชั่งใจถามตัวเอง

หากหลายนาทีผ่านไป หัวใจที่ว้าวุ่น ตัดสินใจไม่ขาดทำให้เธอไม่อาจบอกตัวเองได้ว่าจะถอยกลับหรือเดินหน้าต่อดี

มือเรียวล้วงกระเป๋าสะพาย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทร.หาเพื่อนสนิท โดยไม่ต้องรอนาน อีกฝ่ายก็รับสาย แต่ณิชากลับลังเลที่จะพูดธุระเสียอย่างนั้น จึงได้แต่อ้ำอึ้งถาม

“บัว ทำอะไรอยู่” 

“ทำงานสิยะ มีอะไรว่ามา อย่าชักช้า ตอนนี้ลูกค้าเต็มร้าน” ถ้อยคำรัวเร็วบอกชัดว่าคนปลายสายกำลังยุ่งสักแค่ไหน ณิชาตัดสินใจในวินาทีนั้นว่าจะข้ามผ่านสิ่งที่อยู่ข้างหน้าด้วยตัวเอง

“โทร.มาคุย ไม่มีอะไร ทำงานไปเถอะ ไว้จะโทร.หาใหม่”

“ได้ๆ แล้วฉันจะโทร.หาเธอเอง ตอนนี้ขอดูแลลูกค้าก่อน นานๆ กลุ่มทัวร์ถึงจะเข้า ไม่ปล่อยให้ฉันนั่งตบยุงเฝ้าร้านคนเดียว”

“จ้ะ”

วางสายจากกันแล้ว ณิชาสูดลมหายใจลึก เดินไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรู ทุกย่างก้าวที่เดินดุ่มก็นึกประดิษฐ์ถ้อยคำไปพร้อมกัน...แต่แค่เปิดประตูร้าน เสียงทักทายหวานใสก็ดังขึ้น 

“น้องณิชานี่เอง ยังสนใจสมัครงานอยู่ใช่ไหมคะ วันนี้คุณแหววอยู่ร้าน จะได้คุยกันเลย พี่รับรองว่าคุณแหววต้องรับน้องเข้าทำงานแน่นอนค่ะ”

ณิชาแทบตั้งตัวไม่ทันเมื่อพนักงานขายของร้านที่พบหน้ากันครั้งเดียวในวันที่เธอมาพร้อมกับบัวบูชาเข้ามาทักถาม มิหนำซ้ำยังบอกอย่างมั่นใจว่าหากจะสมัครงานตามที่เคยถามข้อมูลกันไว้ ‘คุณแหวว’ ที่คงเป็นเจ้าของร้านจะต้องรับเธออีกด้วย

“มาค่ะ พี่จะพาไปพบคุณแหววข้างใน” คนพูดปรี่มาจับมือณิชา แต่ก็ชะงัก ยิ้มเก้อ เมื่อต้องถาม “ว่าแต่วันนี้น้องณิชามาเรื่องงานที่ถามกันวันก่อนใช่ไหมคะ ไม่ได้มาดูเสื้อผ้าในร้านเรา”

“ไม่ค่ะ นิดมาสมัครงาน” 

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ณิชาคงไม่เฉียดเข้ามาชมเสื้อผ้าสวยงาม แถมด้วยคุณภาพโดนใจแต่ราคาสูงลิบให้เกิดกิเลสแบบเอื้อมไม่ถึงให้ทรมานใจเล่นหรอก

ณิชาเดินตามแรงจูงเข้าไปในห้องด้านในซึ่งกั้นผนังเป็นสัดส่วนด้วยกระจกใสและมีผ้าม่านสีเบจปิดทับพรางตา จนพบกับหญิงสาวหน้าตาสวยจัด ท่าทางประเปรียวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะกลางห้อง หล่อนเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มนั้นทำให้ณิชาหายใจทั่วท้อง...และนั่นก็ทำให้รู้สึกตัวว่าได้กลั้นหายใจลุ้นรับสถานการณ์อยู่นานเหมือนกัน

เกือบครึ่งชั่วโมง ณิชาถึงเดินออกจากร้านเสื้อผ้าแห่งนั้นพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้า มือบางกำกระเป๋าสะพายสีดำไว้แน่น หล่อนกำลังข่มกลั้นอารมณ์ดีใจไม่ให้หลุดเสียงกรี๊ดออกมาให้ผู้คนที่เดินสวนกันตกใจเล่น 

เธอล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูอีกรอบ เมื่อสักครู่ปิดเสียงมันไว้ จึงไม่ได้ยินสายเรียกเข้าของบัวบูชา

ณิชามองเครื่องมือสื่อสารแล้วยิ้มซุกซน ก่อนเก็บมันไว้ในกระเป๋าดังเดิม แล้วจ้ำออกจากห้าง ตรงไปยังสกูตเตอร์เพื่อบังคับพามันไปยังเป้าหมายอีกแห่งในวันนี้

ไม่ถึงสิบนาที รถมอเตอร์ไซค์สีส้มสดก็มาจอดด้านข้างตึกแถวสองชั้นติดกันสามคูหา หญิงสาวพาตัวเองไปยังคูหากลางอย่างคุ้นเคย เดินผ่านสินค้าหัตถกรรมที่แขวนห้อยย้อยอย่างจะใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้คุ้มค่า จนถึงด้านในสุด จึงพบกับคนที่ต้องการมาหาสนทนากับลูกค้าด้วยภาษาจีนกลางให้วุ่นอยู่ 

ณิชารอเพื่อนรักอย่างใจเย็น จนเห็นว่าลูกค้าได้สินค้าที่ต้องการ แล้วเดินออกจากร้าน เจ้าของสถานที่ถึงได้หันมาเห็นเธอ

“โอ๊ย เหนื่อย กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ฉันเมื่อยมือไปหมดเลย” บัวบูชาทำท่าหมดแรง อิงสะโพกกับขอบโต๊ะแคชเชียร์ จนณิชาต้องหัวเราะแล้วบอก

“เธอพูดภาษาจีนกลางได้คล่องดีนี่ พัฒนาขึ้นเยอะ สงสัยมีลูกค้ามาให้ฝึกบ่อยสิท่า”

“เหรอ ฉันพูดได้คล่องเหรอ แล้วทำไมยายสองหมวยเมื่อกี้ถึงไม่ยอมเข้าใจว่าพรมถักรูปช้างสีเงินเป็นงานทำด้วยมือ งานประณีต จะให้ตั้งราคาถูกเท่าสินค้าโรงงานที่ผลิตทีเป็นร้อยเป็นพันชิ้นไม่ได้”

“เขาไม่อยากเข้าใจมากกว่า แม่ค้ามืออาชีพอย่างเธอน่าจะรู้ทัน”

“ก็ว่าสิ ฉันก็หลงอธิบายอยู่ตั้งนาน” แม่ค้าหน้าใสหัวเราะแห้ง ก่อนพยักพเยิดถาม “วันนี้มีอะไรหรือเปล่าถึงออกจากหอคอยมาลุยดงสลัมของฉันได้”

“เธอก็พูดเกินไป” ณิชาหัวเราะ คุ้นเสียแล้วกับถ้อยคำกระแนะกระแหนของเพื่อนคนนี้ 

“เธอยิ้ม แต่หน้าตาไม่สดใสเลย เสียดายความสวยจริงๆ อย่างนี้สิเล่า ฉันถึงไม่เข็นให้ลงเวทีประกวดนางงามแห่งเชียงราช ล่ารางวัลมาตั้งตัวกัน เพราะขืนส่งไปก็เข้าเนื้อ นางงามคงไปยืนทำหน้างอ ตีหน้าเศร้ากลางเวที กรรมการจะหงอยเสียเปล่า”

“เพ้อเจ้อ ฉันไม่เอาด้วยหรอก” ณิชาค้อนให้เมื่อได้ยินบัวบูชาเล่าความคิดมาเป็นฉากๆ 

“ไม่ต้องออกตัวแรงขนาดนั้น เพราะฉันเลิกคิดจะเป็นพี่เลี้ยงนางงามให้เธอตั้งนานแล้ว หลังจากดีดลูกคิดแล้วพบว่าขาดทุนแหงๆ นอกจากจะได้นางงามคนใหม่ให้ดันแทนเธอ” 

บัวบูชาเคาะนิ้วกับปลายคางอย่างครุ่นคิดจริงจัง จนณิชาต้องหรี่ตามอง ไม่มั่นใจแล้วสิว่าเมื่อกี้เจ้าตัวพูดเล่นหรือพูดจริง

“อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่เลิกคิดจะเป็นเจ๊ดันส่งคนประกวดนางงาม”

“ฉันเอาจริง ใครว่าฉันคิดเล่นๆ ฉันจริงจังตั้งแต่สมัยเราเรียนปีสี่ ถ้าไม่เป็นเพราะ...เอ่อ” 

บัวบูชาหยุดตัวเองเมื่อเผลอพูดถึงชีวิตช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เธอเกือบจะเข็นณิชาเข้าประกวดนางงามแห่งเชียงราชสำเร็จ ถ้าไม่เพราะมีอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คร่าชีวิตของพ่อและแม่เลี้ยงของณิชาเกิดขึ้นเสียก่อน นับจากนั้นแผนนี้ก็ถูกพับเก็บ ไม่เคยพูดถึงอีกเลย เพิ่งจะได้เท้าความถึงก็เมื่อกี้แหละ

“จะว่าไป อย่างเธอเหมาะเป็นนักเขียน นักแปลนิยายนั่นละ เพราะช่างคิด ช่างเขียนและชอบอยู่ในโลกส่วนตัว” บัวบูชารีบดึงการสนทนาออกจากหัวข้อเดิม หวังไม่ให้กระทบจิตใจและความทรงจำอันเลวร้ายของเพื่อน และดูว่าสำเร็จเมื่ออีกฝ่ายยิ้มอ่อน

“เธอว่าอย่างนั้นหรือ ฉันเหมาะกับงานหนังสือจริงหรือ แต่เราก็ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้เลยนะ”

“อ้าว เธอทำมันได้ไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องเรียนให้ตรงสายถึงจะทำงานนั้นได้ดี ดูอย่างฉันสิ เป็นแม่ค้าขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ทั้งที่เราสองคนก็เรียนบริหารการโรงแรมมาด้วยกันแท้ๆ”

“ความจริงฉันก็กำลังจะได้ใช้ชีวิตอย่างเธออยู่นะ” ณิชาเกริ่น แล้วปิดปากเงียบ อมยิ้มแก้มตุ่ย ทำหน้าตามีเลศนัย จนคนรอฟังต้องเร่งถาม เจ้าหล่อนถึงยอมเปิดปากเฉลย “วันนี้ฉันไปสมัครงานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าในห้างมา เจอเจ้าของร้านพอดี เขาเลยให้เข้าไปคุย”

“ฮ้า! นี่ตกลงว่าเธอเอาจริง ร้านในห้างวันนั้นที่เราเข้าไปถามกันอ่ะนะ”

“จริงสิ แล้วทำไมต้องทำเสียงประหลาดใจขนาดนั้นด้วยล่ะ คิดว่าฉันทำไม่ได้หรือไง”

“ก็...ไม่รู้สินะ” เจ้าของคำพูดเกาศีรษะแกรก เหล่มองคนหน้านวลใส...ท่าทางต้วมเตี้ยมเตาะแตะเป็นคุณหนูอย่างนี้นี่หรือจะเป็นพนักงานขายของในห้าง! 

และเหมือนว่าคนโดนปรามาสจะอ่านความในใจเธอออก สีหน้าหล่อนจึงงอง้ำทันตา

“ดูถูกฉัน เดี๋ยวจะทำให้ดูว่างานแค่นี้ฉันทำได้ ไม่ได้ติดนิสัยคุณหนูเหยาะแหยะอย่างที่เธอชอบค่อนแคะสักหน่อย”

“เปล่า ไม่ใช่นะ ฉันแค่คิดว่าเธอจะไปทางสายงานหนังสือเต็มตัว เพราะเริ่มต้นได้ดีแล้ว งานแปลก็มีพิมพ์ออกมาเป็นเล่มแล้วด้วย กลายเป็นนักแปลมีผลงานการันตี เลยเข้าใจว่าจะเดินในเส้นทางนี้แล้วซะอีก...คิดไม่ถึงว่าจะทำงานขายของ”

“งานหนังสือฉันก็ไม่ทิ้งหรอก ทำกลางคืนได้ ส่วนงานขายของก็ทำกลางวัน มันสะดวกดีด้วย เพราะห้างอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ขี่รถไม่กี่นาทีก็ถึง”

“บ้านเหรอ ตกลงว่าเธอจะอยู่บ้านหลังนั้นต่อไปใช่ไหม”

“บ้านหลังนั้นก็เคยเป็นบ้านของฉัน ทำไม...ฉันจะอยู่ไม่ได้”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 79 (จบ)

    ครบรอบแต่งงานปีที่สามของไรวินทร์กับณิชา ครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยสามีภรรยาและลูกน้อยสองคนเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้บ้าน วันนี้ผู้คนบางตาด้วยเป็นวันธรรมดาณิชายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแม้ธุรกิจของไรวินทร์จะประสบความสำเร็จเป็นที่กล่าวถึง ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบัตรเชิญจากวงสังคมมาถึงหล่อนอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ว่าปฏิเสธเด็ดขาดคงไม่เป็นการดี ดังนั้นจึงเดินในเส้นทางที่พอดี เลือกตอบรับเฉพาะงานที่ดูแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นสำหรับงานแปลหนังสือนิยายโรมานซ์ ณิชายังคงมีผลงานออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ แถมยังได้กลับไปทำงานในร้านคุณแหววเหมือนเดิมการเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้ ณิชาทำในตำแหน่งผู้ช่วยของคุณแหวว ไรวินทร์ยินยอมเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเข้าร้านทุกวัน เพียงคอยดูแลเป็นหูเป็นตาอยู่เท่านั้นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเรียบหรูด้วยเดรสสีขาว มีผ้าลูกไม้เนื้อดีสีครีมคลุมทับกำลังเดินจูงมือเด็กชายวัยสองขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง เนื้อกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบ ใบหน้าคม

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 78

    ไรวินทร์เอนกายนอนบนเตียงนอน ในมือมีหนังสือนิยายโรมานซ์ภาคภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ เขาเพิ่งรู้ว่าณิชายังมีงานแปลหนังสือเป็นอาชีพสำรองอยู่ และเจ้าตัวดูจะทำได้ดี เขาเห็นหนังสือภาพปกสวยงาม มีชื่อ ‘ณิชา’ ที่เขียนกำกับในฐานะคนแปลชายหนุ่มพลิกเปิดต้นฉบับอ่านแล้วอมยิ้ม นึกอยากเรียนเขียนอ่านภาษาไทยขึ้นมาตงิดๆ“คุณแอบอ่านอีกแล้ว”หญิงสาวมาหยุดยืนปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำหน้ายู่ใส่เขา ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้นัก จะด้วยเหตุผลอะไร ไรวินทร์ก็อยากรู้เหมือนกัน“คุณแม่ผมเคยเป็นครูสอนภาษาไทย เสียดายจริงๆ สมัยเด็กผมเกเร โดนจับเข้าห้องเรียนที่บ้านทีไรก็ตั้งท่าหนีอยู่เรื่อย กลายเป็นแพทที่เข้าไปเรียนแทน ไม่อย่างนั้นคงได้อ่านหนังสือแปลฝีมือคุณไปแล้ว”“นึกแล้วเชียว” ณิชาคลานขึ้นเตียงหาเขา แล้วแย่งหนังสือไปจากมือ “ยังไงนิดก็ไม่ให้คุณอ่านหรอก”“อายละสิ แต่ผมว่าหลังจากนี้คุณน่าจะแปลงานได้ลื่นไหลขึ้นนะ ผมเห็นบางตอนมันตรงกับประสบการณ์จริงของคุณ”เขา

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 77

    ไรวินทร์พาหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ใกล้กับซุ้มกล้วยไม้ ดอกคัทลียาสีขาวกำลังห้อยย้อยเป็นพวง มีเกล็ดน้ำหลงเหลืออยู่เหมือนเพิ่งมีใครมาพ่นให้มันณิชาถอนหายใจจนอีกฝ่ายต้องถาม“เป็นอะไรไป”“นิดไม่ได้ดูแลกล้วยไม้เลยค่ะ ถ้าไม่คนมารดน้ำให้ สงสัยคงแย่ คนในครัวคงช่วยดูแลให้”ไรวินทร์เลิกคิ้ว เขาไม่ใช่พวกชอบทำดีเอาหน้า แต่การจะปล่อยให้ณิชายกความดีความชอบให้คนอื่นอยู่ร่ำไป มันก็ไม่ถูกนัก“ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่นล่ะ”“ใครคะ หมายถึงลูกน้องของคุณหรือ”“บ้านหลังนี้มีแค่พวกในครัวกับในศาลาหรือไง”“อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” ณิชาหรี่ตาถาม ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จนอีกคนหน้าบูด“แล้วทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ กว่าผมจะรู้ว่าต้องรดน้ำยังไง ใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ช่วงไหน ต้องอ่านตำราตั้งกี่เล่ม แถมยังต้องเปิดหาจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก นี่คุณไม่คิดจะชื่นชมผมบ้างหรือไง”“คุณวินทร์” ณิชาโถมเข้ากอดอย่างไม่อายใคร ทำไมผู้ชายที่ดูภาพพจน์ร้ายๆ ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ “นิดไม่เคย

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 76

    รัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 75

    ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 74

    “คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status