Share

บทที่ 5

last update Huling Na-update: 2025-04-29 10:52:59

“อือ...” บัวบูชาเออออตาม หากเห็นสีหน้าและแววตาที่อ่านไม่ออกของเพื่อน แม้จะคาใจในความคิด แต่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากพูดถึงนัก จึงรีบกลับมาคุยเรื่องเดิม “เป็นพนักงานในร้านขายเสื้อผ้านั่นก็ดี เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก เธอพูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลางได้คล่องยังกับเจ้าของภาษา เจ้าของร้านคงชอบ เธอก็จะได้ฝึกฝนด้วย”

“คงอย่างนั้น เมื่อกี้คุณแหววก็บอกว่าพอใจที่ฉันพูดสองภาษานี้ได้ ที่ร้านกำลังต้องการอยู่พอดี คงเพราะเหตุนี้ฉันถึงได้งานทำ”

“คุณแหววงั้นหรือ”

“ใช่ คุณแหววเป็นเจ้าของร้าน เธอสวยมากเลยนะ ฉันชอบเธอจัง” ดวงตาของณิชาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงหญิงสาวสวย ท่าทางมั่นใจและประเปรียวคนนั้น 

“อ๋อ ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านเป็นคนจากกรุงเทพฯ แต่ไปเรียนเมืองนอกหลายปี คงเก๋ไก๋ ทันสมัยน่าดูนะ แถมเป็นภรรยาของคุณรัชภาคย์ เจ้าของเหมืองทองคำด้วย คงรวยมากทีเดียว”

“ใครนะ เธอว่าคุณแหววเป็นภรรยาของใคร”

“อ้าว ก็คุณรัชภาคย์หรือคุณเล็ก แฝดคนน้องของคุณใหญ่ คนดังแห่งเมืองเชียงราชไง อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก”

 “จริงเหรอ” ณิชาครางถาม หล่อนทรุดนั่งบนเก้าอี้คล้ายหมดแรง ดวงตาทอความสับสน ก่อนจะถูกความหม่นหมองฉาบทับ...อย่างที่คนคอยสังเกตอยู่บอกได้ทันทีว่าไม่อยากเห็นเพื่อนในอารมณ์นี้เลยจริงๆ

“มีอะไรหรือนิด เธอมีอะไรกับพวกเขาหรือ”

“เปล่า ไม่มี อย่างฉันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับคนระดับนั้น”

“แต่...เอ๊ะ! ฉันจำได้ว่าเธอรู้จักกับคุณลดา ภรรยาของคุณใหญ่ใช่ไหม เธอเคยเล่าให้ฉันฟังว่าพวกเขาเป็นเพื่อนนักธุรกิจกับคุณพ่อเธอ ตอนคุณพ่อรักษาตัว พวกเขาก็ไปเยี่ยมบ่อยๆ แถมยังช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วย”

“อืม...คุณใหญ่เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เขาให้การช่วยเหลือดี แต่ฉันก็ไม่ถึงขั้นสนิทสนมกับพวกเขา ยิ่งเป็นตอนนี้ฉันยิ่งไม่กล้าคุ้นเคยใหญ่เลย เขากับเราคนละระดับกันแล้ว”

“แล้ว...ไม่มีผลกับงานร้านคุณแหววใช่ไหม”

“ไม่มี” ณิชาบอกทันควัน จนคนฟังรู้สึกได้ว่าช่างรีบตอบเหมือนกำลังกลัวบางอย่าง แต่ไม่ได้ทักถาม “คุณแหววให้เริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ เพราะร้านขาดคน ฉันก็ตกลงไปตามนั้น”

ณิชาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ไม่ว่าจะอย่างไร เธอควรเดินหน้าต่อไป โลกใบนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอหรอกนะ ถ้าเธอมัวแต่คิดหนี หวั่นกลัวต่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือคิดน้อยใจในโชคชะตาและผู้คนที่เพียงผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วเมื่อไหร่จะยืนได้สักที 

“ฉันต้องกลับแล้ว สัญญากับป้าสดใสไว้ว่าจะกลับไปกินมื้อเที่ยง แกเตรียมขนมจีนแกงไตปลาไว้ให้ แล้วบ่ายๆ จะให้พ้อหวานจัดปิ่นโตมาให้บัวชุดหนึ่งนะ เก็บไว้กิน ฉันจำได้ว่าเธอก็ชอบขนมจีนแกงไตปลาเหมือนกัน”

ณิชาเปิดรอยยิ้มกว้าง แม้ดวงตาจะยังไม่อาจยิ้มตามก็เถอะ

“ได้ ขอบใจ ฉันจะรอ” 

เพราะเดาว่าในเวลาอย่างนี้ แขกของไรวินทร์ยังอยู่ในบ้าน ณิชาจึงพารถคู่ใจอ้อมไปทางประตูรั้วด้านหลัง แล้วเข็นเข้ามาในเส้นทางขรุขระ ขนาดแค่พอคนเดินผ่าน

ด้วยอากาศร้อนจัด แม้จะเดินมาในระยะไม่กี่สิบเมตรจนถึงประตูห้องครัวที่เปิดแง้มก็ทำให้ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำด้วยไอแดด แถมเม็ดเหงื่อซึมจนทั่ว ดังนั้นเมื่อเจอกับป้าสดใสที่สาละวนอยู่กับงานครัว เจ้าตัวจึงถึงกับอุทานถามให้วุ่น 

“กลับมายังไงคะคุณนิด แล้วเมื่อเช้าเอารถไปไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงได้เข้ามาทางหลังบ้านเงียบๆ”

“โน่นไง รถจอดอยู่ข้างนอก นิดเข็นเข้ามา ไม่อยากรบกวนเจ้าของบ้านกับบรรดาแขกพิเศษ”

“ใครที่ไหนกัน คุณนิดรู้หรือเปล่าว่าแขกของคุณไรวินทร์เป็นใคร เสียดายที่เมื่อเช้าคุณนิดรีบออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้เจอกัน”

“มีอะไรหรือคะป้า”

“คุณลดาน่ะสิคะ มากับคุณใหญ่ ตอนตั้งโต๊ะทานข้าวช่วงใกล้เที่ยง เธอยังมาถามหาคุณนิดถึงในครัว แต่เหมือนจะรู้นะว่าคุณนิดออกไปข้างนอก เธอถามว่าคุณนิดกลับมาหรือยัง...คุณนิดได้คุยกับคุณลดาไว้ก่อนหรือเปล่าคะ”

“ปละ...เปล่าค่ะ ไม่ได้คุย” 

ณิชาอ้ำอึ้ง เธอไม่อยากเจอปิ่นลดา เพื่อนใหม่ที่เคยคุยถูกคอในช่วงสั้นๆ ในเวลานี้ แม้จะรู้สึกดีกับเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ตลอดมา เพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งในชีวิตที่คล้ายกัน จึงไม่ยากที่จะคุยกันได้ แต่พอเช้านี้เมื่อเผชิญหน้ากันตรงประตูรั้วใหญ่ซึ่งทำให้ณิชารู้ว่าปิ่นลดาและสามีนั่นเองที่มาเป็นแขกของไรวินทร์ เธอจึงถึงกับเบรกตัวเองจนตัวโก่ง

เธอควรทบทวนความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับปิ่นลดาใหม่แล้วใช่ไหม 

“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ไหนกันคะ”...หรือยังสังสรรค์อยู่ในห้องรับประทานอาหารโอ่โถงที่บิดาเคยใช้รับรองแขก ซึ่งภายหลังไรวินทร์ยึดไว้ใช้เอง

“กลับกันแล้วค่ะ นี่บ่ายโมงกว่าแล้ว คุณนิดเพิ่งมา ว่าแต่ทานอะไรมาจากข้างนอกหรือยังคะ ถ้ายังป้าจะตั้งโต๊ะให้”

“นิดยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย ตั้งใจหิ้วท้องกลับมากินขนมจีนแกงไตปลากับผักลวกกะทิของป้า ตอนนี้หิวมากเลยค่ะ”

ณิชาบอกเสียงออด แม้จะมีอาหารตกถึงท้องแค่ข้าวต้มไม่กี่ช้อนในมื้อเช้า แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าหิว หากเพียงอยากให้แม่ครัวใหญ่ถอนความสนใจจากแขกของเจ้าของบ้านคนใหม่เท่านั้นเอง

ณิชายอมรับว่า...ยังไม่อาจทำใจรับฟังด้วยหัวใจที่เปรมปรีดิ์ได้

ลำแสงเรื่อเรืองเคลียเส้นขอบฟ้า ยามตะวันเคลื่อนคล้อยใกล้จะลาลับ อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว สายลมหนาวพัดวูบมา ทำให้คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงลานสนามหญ้าหลังบ้านต้องห่อไหล่ มือบางดึงผ้าคลุมพลิ้วนุ่มกระชับแน่นขึ้น หากสายตาก็ยังจดจ่อกับสิ่งที่วางบนตัก

หล่อนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งซึ่งยืนอิงกรอบหน้าต่างชั้นสองทางปีกซ้ายของบ้าน ดวงตาคมคู่นั้นหรี่ลงอย่างประเมินและครุ่นคิด

เป็นครู่ใหญ่เขาถึงขยับยืน สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ สายตายังจับจ้องตรงภาพเดิม นึกอยากรู้ขึ้นมาว่าผู้หญิงคนนั้นทนอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยเหตุผลอะไร เพราะเห็นชัดว่าหล่อนไม่ได้รู้สึกดีกับเขา...แถมยังแสดงชัดว่าไม่แม้จะอยากเฉียดใกล้ด้วยซ้ำ

แล้วเสียงหัวเราะก็ดังในลำคอหนา เมื่อความคิดแล่นมาหยุดตรงนี้

ณิชา...มีสิทธิ์อะไรที่จะคิดและทำอย่างนั้นเล่า ในเมื่อเขากับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย หล่อนเองต่างหากที่ทู่ซี้อยู่ ไม่ยอมย้ายออกไปเอง เท่าที่เขายอมให้อยู่ ก็นับว่าใจดีมากพอแล้ว

ควรหรือที่คนอาศัยอย่างหล่อนจะมาทำท่าทีรังเกียจเจ้าของบ้านอย่างเขาได้!

เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่กลางลานหญ้าลุกยืน คนร่างสูงใหญ่ตรงบานหน้าต่างชั้นสองก็ขยับตัว ถอยหลบเข้ามาข้างใน ด้วยไม่ต้องการให้เจ้าหล่อนรู้ว่าเขาเฝ้าจับตามองอยู่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 79 (จบ)

    ครบรอบแต่งงานปีที่สามของไรวินทร์กับณิชา ครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยสามีภรรยาและลูกน้อยสองคนเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้บ้าน วันนี้ผู้คนบางตาด้วยเป็นวันธรรมดาณิชายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแม้ธุรกิจของไรวินทร์จะประสบความสำเร็จเป็นที่กล่าวถึง ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบัตรเชิญจากวงสังคมมาถึงหล่อนอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ว่าปฏิเสธเด็ดขาดคงไม่เป็นการดี ดังนั้นจึงเดินในเส้นทางที่พอดี เลือกตอบรับเฉพาะงานที่ดูแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นสำหรับงานแปลหนังสือนิยายโรมานซ์ ณิชายังคงมีผลงานออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ แถมยังได้กลับไปทำงานในร้านคุณแหววเหมือนเดิมการเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้ ณิชาทำในตำแหน่งผู้ช่วยของคุณแหวว ไรวินทร์ยินยอมเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเข้าร้านทุกวัน เพียงคอยดูแลเป็นหูเป็นตาอยู่เท่านั้นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเรียบหรูด้วยเดรสสีขาว มีผ้าลูกไม้เนื้อดีสีครีมคลุมทับกำลังเดินจูงมือเด็กชายวัยสองขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง เนื้อกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบ ใบหน้าคม

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 78

    ไรวินทร์เอนกายนอนบนเตียงนอน ในมือมีหนังสือนิยายโรมานซ์ภาคภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ เขาเพิ่งรู้ว่าณิชายังมีงานแปลหนังสือเป็นอาชีพสำรองอยู่ และเจ้าตัวดูจะทำได้ดี เขาเห็นหนังสือภาพปกสวยงาม มีชื่อ ‘ณิชา’ ที่เขียนกำกับในฐานะคนแปลชายหนุ่มพลิกเปิดต้นฉบับอ่านแล้วอมยิ้ม นึกอยากเรียนเขียนอ่านภาษาไทยขึ้นมาตงิดๆ“คุณแอบอ่านอีกแล้ว”หญิงสาวมาหยุดยืนปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำหน้ายู่ใส่เขา ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้นัก จะด้วยเหตุผลอะไร ไรวินทร์ก็อยากรู้เหมือนกัน“คุณแม่ผมเคยเป็นครูสอนภาษาไทย เสียดายจริงๆ สมัยเด็กผมเกเร โดนจับเข้าห้องเรียนที่บ้านทีไรก็ตั้งท่าหนีอยู่เรื่อย กลายเป็นแพทที่เข้าไปเรียนแทน ไม่อย่างนั้นคงได้อ่านหนังสือแปลฝีมือคุณไปแล้ว”“นึกแล้วเชียว” ณิชาคลานขึ้นเตียงหาเขา แล้วแย่งหนังสือไปจากมือ “ยังไงนิดก็ไม่ให้คุณอ่านหรอก”“อายละสิ แต่ผมว่าหลังจากนี้คุณน่าจะแปลงานได้ลื่นไหลขึ้นนะ ผมเห็นบางตอนมันตรงกับประสบการณ์จริงของคุณ”เขา

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 77

    ไรวินทร์พาหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ใกล้กับซุ้มกล้วยไม้ ดอกคัทลียาสีขาวกำลังห้อยย้อยเป็นพวง มีเกล็ดน้ำหลงเหลืออยู่เหมือนเพิ่งมีใครมาพ่นให้มันณิชาถอนหายใจจนอีกฝ่ายต้องถาม“เป็นอะไรไป”“นิดไม่ได้ดูแลกล้วยไม้เลยค่ะ ถ้าไม่คนมารดน้ำให้ สงสัยคงแย่ คนในครัวคงช่วยดูแลให้”ไรวินทร์เลิกคิ้ว เขาไม่ใช่พวกชอบทำดีเอาหน้า แต่การจะปล่อยให้ณิชายกความดีความชอบให้คนอื่นอยู่ร่ำไป มันก็ไม่ถูกนัก“ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่นล่ะ”“ใครคะ หมายถึงลูกน้องของคุณหรือ”“บ้านหลังนี้มีแค่พวกในครัวกับในศาลาหรือไง”“อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” ณิชาหรี่ตาถาม ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จนอีกคนหน้าบูด“แล้วทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ กว่าผมจะรู้ว่าต้องรดน้ำยังไง ใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ช่วงไหน ต้องอ่านตำราตั้งกี่เล่ม แถมยังต้องเปิดหาจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก นี่คุณไม่คิดจะชื่นชมผมบ้างหรือไง”“คุณวินทร์” ณิชาโถมเข้ากอดอย่างไม่อายใคร ทำไมผู้ชายที่ดูภาพพจน์ร้ายๆ ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ “นิดไม่เคย

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 76

    รัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 75

    ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“

  • กล้วยไม้ล้อมตะวัน   บทที่ 74

    “คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status