ดวงตาหวานของเจ้าของความคิดเหลือบขึ้นมองชั้นบนของบ้าน มั่นใจว่าเขาคงอยู่ในอาณาจักรส่วนตัว ชั้นบนของบ้านกึ่งตึกที่สมัยพ่อกับแม่ยังอยู่จะแบ่งพื้นที่เป็นปีกซ้ายและขวา ทั้งอาณาเขตของปีกซ้ายจะเป็นของหล่อน ส่วนพ่อกับแม่จะยึดครองอีกฝั่ง
ณิชายังจำบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไอความรัก บางคืนเธอหอบหมอนกับผ้าห่มไปเคาะประตูห้องนอนของพ่อแม่ ความอบอุ่นและปลอดภัยที่มีท่านสองคนคอยปกป้องคุ้มครอง ทำให้ณิชาไม่เคยหวั่นถึงอนาคตว่าหากมันเปลี่ยนไปแล้วเธอจะเดินต่ออย่างไร จนเมื่อแม่เสียชีวิตลงโดยโรคมะเร็งเต้านมตอนเธออายุสิบสามปี เด็กหญิงที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเธอถึงกับเสียหลัก ณิชายึดพ่อเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว กระนั้นพ่อที่เธอเห็นว่าเป็นคนเก่งและมั่นคงพร้อมจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับทุกคนนั้นกลับเปลี่ยนไป พ่อกลายเป็นคนไม่สนใจอะไรอีกเลย พ่อเมาเหล้ากลับมาบ้านทุกวัน ไม่ไยดีกับเธอเหมือนก่อน วันทั้งวันพร่ำหาแต่แม่ที่จากไปอย่างไม่หวนคืน แต่ไม่นาน...แม่ของเธอขึ้นสวรรค์ไม่ทันครบขวบปี พ่อกลับมีผู้หญิงคนใหม่ นัยว่ารู้จักเพราะติดต่องาน สุดท้ายผานิตม่ายสาวที่มีลูกติดหนึ่งคนก็เข้ามาแทนที่แม่ของเธอโดยสมบูรณ์ เข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับแพทริเซีย นักศึกษาแพทย์หญิงที่ดูงดงามและสมบูรณ์แบบ อย่างที่ณิชามองแล้วรู้สึกว่าตัวเองด้อยลง กลายเป็นแค่ฝุ่นผงในพริบตา พ่อกลับมาเป็นเหมือนก่อน คงเพราะมีกำลังใจให้หยัดยืนได้เหมือนเดิม ต่างกับณิชา เธอเริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่เหลือกำลังใจ พ่อที่เคยเป็นของเธอเพียงหนึ่งเดียวกำลังมีคนอื่นเข้ามาแบ่งปันความสำคัญ นับจากนั้นความสุขก็ไม่เคยทอประกายให้เห็นในแววตาของณิชาอีกเลย ช่วงวัยนั้น ณิชาเป็นแค่เด็กมัธยมต้น หลังเลิกเรียนแต่ละวันเธอจะยื้อเวลากลับบ้าน โดยไปหมกตัวอยู่ในหอพักนักเรียนของบัวบูชา เพื่อนซี้ที่ยอมเปิดใจคบหาเพียงคนเดียว แต่ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ก็ยังหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ยอมหยุดนิ่ง เมื่อณิชาจบมัธยมปลายก็เข้าเรียนในวิทยาลัยนานาชาติแห่งเชียงราชที่ค่าเรียนแพงลิบลิ่ว ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา ณิชาก็ต้องพบข่าวร้ายที่ทำให้หัวใจแตกสลายอีกครั้ง รถที่พ่อกับแม่เลี้ยงนั่งประสบอุบัติเหตุตกเหวระหว่างเดินทางไปติดต่อกับลูกค้าทางฝั่งพม่า เนื่องจากคนรถเลือกใช้เส้นทางลัดแทนที่จะเป็นเส้นทางปกติอย่างที่ใช้ประจำอยู่ เพราะหวังจะให้ทันนัดลูกค้าสำคัญ แม่เลี้ยงเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ขณะที่พ่ออยู่ในอาการโคม่า รักษาตัวในห้องไอซียูของโรงพยาบาลชั้นนำของเชียงราช...นานนับเดือนก็สิ้นลมตาม แพทริเซียโศกเศร้ากับการจากไปของสองคน แต่ไม่นานก็ยืนขึ้นมาได้ใหม่เพราะมีญาติสนิททางกรุงเทพและแพทย์หนุ่มคู่หมายคอยประคับประคองจิตใจ ทำให้ผ่านพ้นช่วงชีวิตที่ยากลำบากได้ ต่างกับณิชา...เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนแปลกหน้า ไม่มีใครยื่นมือมาให้คว้าเป็นหลักเลย “เป็นอะไรไปคะคุณนิด ทำไมไม่กินข้าวต้ม เย็นชืดจะไม่อร่อยนะคะ” เสียงทักของป้าสดใสทำให้คนที่หลุดอยู่ในภวังค์ต้องสะดุ้งรู้สึกตัว ตักข้าวต้มเข้าปากอีกคำ ก่อนวางช้อนลงเมื่อรู้สึกว่าฝืดคอเกินจะฝืนกลืนได้อีก “หรือวันนี้ป้าทำไม่อร่อย ทำไมทานแค่นี้” หญิงชราถามพร้อมสีหน้าสีตาที่ทำให้ณิชาต้องพยายามหาคำพูดมาบอกเพื่อรักษาน้ำใจ “อร่อยค่ะป้า ฝีมือป้าไม่ตกหรอก ระดับนี้เป็นเชฟมือหนึ่งสำหรับนิดเลย แต่เช้านี้นิดรู้สึกตื้อ กินไม่ลงจริงๆ ค่ะ” “ตายจริง ถ้าอย่างนั้นป้าจะเร่งมือทำขนมจีนแกงไตปลาให้เสร็จนะคะ กินมันมื้อเช้านี่แหละ ดีกว่าปล่อยท้องว่าง” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้อง” ณิชารีบคว้าแขนแม่ครัวเอกไว้ อ้ำอึ้งจะหาเหตุผล หากคราวนี้เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าเธอชัดเจนก็ถอนหายใจยาว “คิดมากพานเครียดอีกน่ะสิ ไม่ดีเลยนะคะ” หญิงชราว่าอย่างอ่อนใจ และพอสังเกตเครื่องแต่งกายของณิชาว่าอยู่ในชุดแปลกตากว่าทุกวัน จึงถาม “คุณนิดจะออกไปข้างนอกหรือ แต่งตัวสวย ดูเรียบร้อยเชียวค่ะ” “แสดงว่าทุกวันนิดแต่งตัวดูไม่ได้เลยใช่ไหมคะป้า” ณิชายังมีแก่ใจกระเซ้าพร้อมรอยยิ้มที่เปิดกว้าง ทำให้คนถามรู้สึกดีขึ้น “นิดจะออกไปสมัครงาน เมื่อสองวันก่อนเดินเล่นในห้างกับบัว เห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานขายในร้านเสื้อผ้า” เธอบอกชื่อแบรนด์เสื้อผ้าหรู คุณภาพสมกับราคาที่แพงลิบลิ่วซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาววัยทำงาน เชียงราชแม้จะมีพื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ด้วยความเป็นเมืองเปิดใหม่ ทำเลเป็นประตูการค้า จึงทำให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ เงินตราสะพัดในพื้นที่ค่อนข้างสูง รายได้ต่อหัวของคนทำงานในเชียงราชมากเกินสองเท่าเมื่อเทียบกับผู้คนในตัวเมืองจังหวัดซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่า ดังนั้นทั้งสินค้าและเครื่องใช้ราคาแพง แบรนด์ดังคุ้นหูก็แห่กันมาเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าประจำเมือง ที่สำคัญกิจการของแต่ละร้านก็ไปได้สวยด้วยสิ แต่ดูว่าสิ่งที่เธอบอกจะทำให้คนฟังรู้สึกคาใจอยู่ “คุณนิดจะไปเป็นพนักงานขายของในห้างหรือคะ คุณนิดจะทำได้ยังไง แล้วงานอื่นที่สมัครไปล่ะ” “ยังไม่มีที่ไหนเรียกเลยจ้ะ” ณิชาถอนหายใจอย่างนึกปลง แต่แม้จะตกงาน ก็ถือว่าโชคยังเข้าข้างอยู่ตรงที่มีงานแปลนิยายโรมานซ์ให้ทำ ไม่แน่ว่าหากต้องตกงานยาว เธออาจหันมายึดงานนี้เป็นอาชีพจริงๆ ก็ได้ “แปลกดีนะ ใครๆ ก็ว่าเมืองเชียงราชเศรษฐกิจดี จีดีพีสูงกว่าเมืองอื่น แต่ทำไมถึงมีคนเตะฝุ่นอยู่ในบ้านนี้ได้เนอะ ป้า” “เดี๋ยวงานก็มาค่ะ ของทุกอย่างมันมีจังหวะของมัน รออีกหน่อยนะคะ ใจเย็นๆ” “จังหวะของนิดนานจัง ตั้งปีกว่าแล้ว” ณิชาลุกขึ้นยืน ฝืนยิ้มให้แม่ครัวเก่าแก่ ไม่อยากให้ใครต้องกังวลไปกับตน...หากทำได้เพียงยกมุมปากแย้มนิดเดียว คนร่างเพรียวบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเนื้อผ้าสีดำเข้ารูปเดินออกจากห้องครัว โดยมีสายตาของหญิงชรามองตาม แววตาคู่นั้นทอความห่วงใยอยู่เสมอ และเวลานี้ยังเพิ่มความลังเลและเคร่งเครียดปนเข้ามาด้วย ป้าสดใสถอนใจยาว บ่นพึมกับตัวเอง “เฮ้อ! ไม่มีโอกาสบอกคุณนิดกันสักที”ณิชาเปิดประตูรั้วเล็กด้านข้าง แล้วจูงสกูตเตอร์สีส้มคู่ใจออกไป นึกขัดใจกับสายตาของผู้ชายตัวใหญ่ในชุดสีดำแลดูทะมึนสองคนที่จ้องเขม็งมา พวกเขายืนนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมกำแพงสูง หากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แรกๆ ณิชารู้สึกอึดอัด บางขณะก็นึกหวั่นว่าคนแปลกหน้าท่าทางดุดันจะเข้ามาคุกคามถึงในบ้าน แต่พอนานวันเข้าก็ค่อยๆ เบาใจเมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ย่างกรายเข้าไปใกล้เขตแม้สักครั้งเดียว...ซึ่งคงด้วยคำสั่งเด็ดขาดของเจ้านายพวกเขานั่นละ
นายไรวินทร์...ผู้ชายที่เธอรู้เพียงชื่อเท่านี้! เมื่อผ่านพ้นประตูรั้ว ณิชาก็ต้องหยุดตัวเองเมื่อรถหรูคันสีดำมันปลาบแล่นมาจ่อใกล้ประตูรั้วใหญ่ โดยไม่เสียเวลารอ ประตูรั้วบานนั้นก็เคลื่อนออกอัตโนมัติ ณิชาเขม้นมองหวังจะให้ทะลุผ่านฟิล์มหนาทึบ เพราะมั่นใจว่าคนในรถต้องเป็นแขกของนายไรวินทร์นั่นเอง ณิชาไม่ต้องพยายามเลย เมื่อกระจกตอนหน้าฝั่งผู้โดยสาร ฝั่งที่เธอยืนอยู่ถูกลดลง เผยให้เห็นคนในรถที่ส่งยิ้มมาให้ และทำให้ณิชาถึงกับยืนตัวแข็ง... หล่อนไม่ได้ยิ้มรับการทักทายนั้นเพราะกำลังจุกแน่นในอก จนกระจกรถเลื่อนปิดและรถก็เคลื่อนผ่านประตูรั้วเข้าไปข้างใน สู่ตัวบ้านที่ตั้งตระหง่านด้วยระยะทางนับร้อยเมตร เรียวปากของหญิงสาวเม้มแน่น หล่อนกำลังสกัดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวและอ่อนแอไม่ให้หลุดออกมา...รอกระทั่งคิดว่าตนเข้มแข็งพอ พร้อมจะเดินหน้าต่อในเส้นทางที่เลือกแล้ว จึงขึ้นนั่งบนพาหนะคู่ใจ ขับเคลื่อนออกไปยังเป้าหมายครบรอบแต่งงานปีที่สามของไรวินทร์กับณิชา ครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยสามีภรรยาและลูกน้อยสองคนเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้บ้าน วันนี้ผู้คนบางตาด้วยเป็นวันธรรมดาณิชายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแม้ธุรกิจของไรวินทร์จะประสบความสำเร็จเป็นที่กล่าวถึง ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบัตรเชิญจากวงสังคมมาถึงหล่อนอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ว่าปฏิเสธเด็ดขาดคงไม่เป็นการดี ดังนั้นจึงเดินในเส้นทางที่พอดี เลือกตอบรับเฉพาะงานที่ดูแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นสำหรับงานแปลหนังสือนิยายโรมานซ์ ณิชายังคงมีผลงานออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ แถมยังได้กลับไปทำงานในร้านคุณแหววเหมือนเดิมการเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้ ณิชาทำในตำแหน่งผู้ช่วยของคุณแหวว ไรวินทร์ยินยอมเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเข้าร้านทุกวัน เพียงคอยดูแลเป็นหูเป็นตาอยู่เท่านั้นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเรียบหรูด้วยเดรสสีขาว มีผ้าลูกไม้เนื้อดีสีครีมคลุมทับกำลังเดินจูงมือเด็กชายวัยสองขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง เนื้อกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบ ใบหน้าคม
ไรวินทร์เอนกายนอนบนเตียงนอน ในมือมีหนังสือนิยายโรมานซ์ภาคภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ เขาเพิ่งรู้ว่าณิชายังมีงานแปลหนังสือเป็นอาชีพสำรองอยู่ และเจ้าตัวดูจะทำได้ดี เขาเห็นหนังสือภาพปกสวยงาม มีชื่อ ‘ณิชา’ ที่เขียนกำกับในฐานะคนแปลชายหนุ่มพลิกเปิดต้นฉบับอ่านแล้วอมยิ้ม นึกอยากเรียนเขียนอ่านภาษาไทยขึ้นมาตงิดๆ“คุณแอบอ่านอีกแล้ว”หญิงสาวมาหยุดยืนปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำหน้ายู่ใส่เขา ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้นัก จะด้วยเหตุผลอะไร ไรวินทร์ก็อยากรู้เหมือนกัน“คุณแม่ผมเคยเป็นครูสอนภาษาไทย เสียดายจริงๆ สมัยเด็กผมเกเร โดนจับเข้าห้องเรียนที่บ้านทีไรก็ตั้งท่าหนีอยู่เรื่อย กลายเป็นแพทที่เข้าไปเรียนแทน ไม่อย่างนั้นคงได้อ่านหนังสือแปลฝีมือคุณไปแล้ว”“นึกแล้วเชียว” ณิชาคลานขึ้นเตียงหาเขา แล้วแย่งหนังสือไปจากมือ “ยังไงนิดก็ไม่ให้คุณอ่านหรอก”“อายละสิ แต่ผมว่าหลังจากนี้คุณน่าจะแปลงานได้ลื่นไหลขึ้นนะ ผมเห็นบางตอนมันตรงกับประสบการณ์จริงของคุณ”เขา
ไรวินทร์พาหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ใกล้กับซุ้มกล้วยไม้ ดอกคัทลียาสีขาวกำลังห้อยย้อยเป็นพวง มีเกล็ดน้ำหลงเหลืออยู่เหมือนเพิ่งมีใครมาพ่นให้มันณิชาถอนหายใจจนอีกฝ่ายต้องถาม“เป็นอะไรไป”“นิดไม่ได้ดูแลกล้วยไม้เลยค่ะ ถ้าไม่คนมารดน้ำให้ สงสัยคงแย่ คนในครัวคงช่วยดูแลให้”ไรวินทร์เลิกคิ้ว เขาไม่ใช่พวกชอบทำดีเอาหน้า แต่การจะปล่อยให้ณิชายกความดีความชอบให้คนอื่นอยู่ร่ำไป มันก็ไม่ถูกนัก“ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่นล่ะ”“ใครคะ หมายถึงลูกน้องของคุณหรือ”“บ้านหลังนี้มีแค่พวกในครัวกับในศาลาหรือไง”“อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” ณิชาหรี่ตาถาม ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จนอีกคนหน้าบูด“แล้วทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ กว่าผมจะรู้ว่าต้องรดน้ำยังไง ใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ช่วงไหน ต้องอ่านตำราตั้งกี่เล่ม แถมยังต้องเปิดหาจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก นี่คุณไม่คิดจะชื่นชมผมบ้างหรือไง”“คุณวินทร์” ณิชาโถมเข้ากอดอย่างไม่อายใคร ทำไมผู้ชายที่ดูภาพพจน์ร้ายๆ ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ “นิดไม่เคย
รัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน
ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“
“คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่