ดวงตาหวานของเจ้าของความคิดเหลือบขึ้นมองชั้นบนของบ้าน มั่นใจว่าเขาคงอยู่ในอาณาจักรส่วนตัว ชั้นบนของบ้านกึ่งตึกที่สมัยพ่อกับแม่ยังอยู่จะแบ่งพื้นที่เป็นปีกซ้ายและขวา ทั้งอาณาเขตของปีกซ้ายจะเป็นของหล่อน ส่วนพ่อกับแม่จะยึดครองอีกฝั่ง
ณิชายังจำบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไอความรัก บางคืนเธอหอบหมอนกับผ้าห่มไปเคาะประตูห้องนอนของพ่อแม่ ความอบอุ่นและปลอดภัยที่มีท่านสองคนคอยปกป้องคุ้มครอง ทำให้ณิชาไม่เคยหวั่นถึงอนาคตว่าหากมันเปลี่ยนไปแล้วเธอจะเดินต่ออย่างไร จนเมื่อแม่เสียชีวิตลงโดยโรคมะเร็งเต้านมตอนเธออายุสิบสามปี เด็กหญิงที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเธอถึงกับเสียหลัก ณิชายึดพ่อเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว กระนั้นพ่อที่เธอเห็นว่าเป็นคนเก่งและมั่นคงพร้อมจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับทุกคนนั้นกลับเปลี่ยนไป พ่อกลายเป็นคนไม่สนใจอะไรอีกเลย พ่อเมาเหล้ากลับมาบ้านทุกวัน ไม่ไยดีกับเธอเหมือนก่อน วันทั้งวันพร่ำหาแต่แม่ที่จากไปอย่างไม่หวนคืน แต่ไม่นาน...แม่ของเธอขึ้นสวรรค์ไม่ทันครบขวบปี พ่อกลับมีผู้หญิงคนใหม่ นัยว่ารู้จักเพราะติดต่องาน สุดท้ายผานิตม่ายสาวที่มีลูกติดหนึ่งคนก็เข้ามาแทนที่แม่ของเธอโดยสมบูรณ์ เข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับแพทริเซีย นักศึกษาแพทย์หญิงที่ดูงดงามและสมบูรณ์แบบ อย่างที่ณิชามองแล้วรู้สึกว่าตัวเองด้อยลง กลายเป็นแค่ฝุ่นผงในพริบตา พ่อกลับมาเป็นเหมือนก่อน คงเพราะมีกำลังใจให้หยัดยืนได้เหมือนเดิม ต่างกับณิชา เธอเริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่เหลือกำลังใจ พ่อที่เคยเป็นของเธอเพียงหนึ่งเดียวกำลังมีคนอื่นเข้ามาแบ่งปันความสำคัญ นับจากนั้นความสุขก็ไม่เคยทอประกายให้เห็นในแววตาของณิชาอีกเลย ช่วงวัยนั้น ณิชาเป็นแค่เด็กมัธยมต้น หลังเลิกเรียนแต่ละวันเธอจะยื้อเวลากลับบ้าน โดยไปหมกตัวอยู่ในหอพักนักเรียนของบัวบูชา เพื่อนซี้ที่ยอมเปิดใจคบหาเพียงคนเดียว แต่ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ก็ยังหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ยอมหยุดนิ่ง เมื่อณิชาจบมัธยมปลายก็เข้าเรียนในวิทยาลัยนานาชาติแห่งเชียงราชที่ค่าเรียนแพงลิบลิ่ว ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา ณิชาก็ต้องพบข่าวร้ายที่ทำให้หัวใจแตกสลายอีกครั้ง รถที่พ่อกับแม่เลี้ยงนั่งประสบอุบัติเหตุตกเหวระหว่างเดินทางไปติดต่อกับลูกค้าทางฝั่งพม่า เนื่องจากคนรถเลือกใช้เส้นทางลัดแทนที่จะเป็นเส้นทางปกติอย่างที่ใช้ประจำอยู่ เพราะหวังจะให้ทันนัดลูกค้าสำคัญ แม่เลี้ยงเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ขณะที่พ่ออยู่ในอาการโคม่า รักษาตัวในห้องไอซียูของโรงพยาบาลชั้นนำของเชียงราช...นานนับเดือนก็สิ้นลมตาม แพทริเซียโศกเศร้ากับการจากไปของสองคน แต่ไม่นานก็ยืนขึ้นมาได้ใหม่เพราะมีญาติสนิททางกรุงเทพและแพทย์หนุ่มคู่หมายคอยประคับประคองจิตใจ ทำให้ผ่านพ้นช่วงชีวิตที่ยากลำบากได้ ต่างกับณิชา...เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนแปลกหน้า ไม่มีใครยื่นมือมาให้คว้าเป็นหลักเลย “เป็นอะไรไปคะคุณนิด ทำไมไม่กินข้าวต้ม เย็นชืดจะไม่อร่อยนะคะ” เสียงทักของป้าสดใสทำให้คนที่หลุดอยู่ในภวังค์ต้องสะดุ้งรู้สึกตัว ตักข้าวต้มเข้าปากอีกคำ ก่อนวางช้อนลงเมื่อรู้สึกว่าฝืดคอเกินจะฝืนกลืนได้อีก “หรือวันนี้ป้าทำไม่อร่อย ทำไมทานแค่นี้” หญิงชราถามพร้อมสีหน้าสีตาที่ทำให้ณิชาต้องพยายามหาคำพูดมาบอกเพื่อรักษาน้ำใจ “อร่อยค่ะป้า ฝีมือป้าไม่ตกหรอก ระดับนี้เป็นเชฟมือหนึ่งสำหรับนิดเลย แต่เช้านี้นิดรู้สึกตื้อ กินไม่ลงจริงๆ ค่ะ” “ตายจริง ถ้าอย่างนั้นป้าจะเร่งมือทำขนมจีนแกงไตปลาให้เสร็จนะคะ กินมันมื้อเช้านี่แหละ ดีกว่าปล่อยท้องว่าง” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้อง” ณิชารีบคว้าแขนแม่ครัวเอกไว้ อ้ำอึ้งจะหาเหตุผล หากคราวนี้เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าเธอชัดเจนก็ถอนหายใจยาว “คิดมากพานเครียดอีกน่ะสิ ไม่ดีเลยนะคะ” หญิงชราว่าอย่างอ่อนใจ และพอสังเกตเครื่องแต่งกายของณิชาว่าอยู่ในชุดแปลกตากว่าทุกวัน จึงถาม “คุณนิดจะออกไปข้างนอกหรือ แต่งตัวสวย ดูเรียบร้อยเชียวค่ะ” “แสดงว่าทุกวันนิดแต่งตัวดูไม่ได้เลยใช่ไหมคะป้า” ณิชายังมีแก่ใจกระเซ้าพร้อมรอยยิ้มที่เปิดกว้าง ทำให้คนถามรู้สึกดีขึ้น “นิดจะออกไปสมัครงาน เมื่อสองวันก่อนเดินเล่นในห้างกับบัว เห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานขายในร้านเสื้อผ้า” เธอบอกชื่อแบรนด์เสื้อผ้าหรู คุณภาพสมกับราคาที่แพงลิบลิ่วซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาววัยทำงาน เชียงราชแม้จะมีพื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ด้วยความเป็นเมืองเปิดใหม่ ทำเลเป็นประตูการค้า จึงทำให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ เงินตราสะพัดในพื้นที่ค่อนข้างสูง รายได้ต่อหัวของคนทำงานในเชียงราชมากเกินสองเท่าเมื่อเทียบกับผู้คนในตัวเมืองจังหวัดซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่า ดังนั้นทั้งสินค้าและเครื่องใช้ราคาแพง แบรนด์ดังคุ้นหูก็แห่กันมาเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าประจำเมือง ที่สำคัญกิจการของแต่ละร้านก็ไปได้สวยด้วยสิ แต่ดูว่าสิ่งที่เธอบอกจะทำให้คนฟังรู้สึกคาใจอยู่ “คุณนิดจะไปเป็นพนักงานขายของในห้างหรือคะ คุณนิดจะทำได้ยังไง แล้วงานอื่นที่สมัครไปล่ะ” “ยังไม่มีที่ไหนเรียกเลยจ้ะ” ณิชาถอนหายใจอย่างนึกปลง แต่แม้จะตกงาน ก็ถือว่าโชคยังเข้าข้างอยู่ตรงที่มีงานแปลนิยายโรมานซ์ให้ทำ ไม่แน่ว่าหากต้องตกงานยาว เธออาจหันมายึดงานนี้เป็นอาชีพจริงๆ ก็ได้ “แปลกดีนะ ใครๆ ก็ว่าเมืองเชียงราชเศรษฐกิจดี จีดีพีสูงกว่าเมืองอื่น แต่ทำไมถึงมีคนเตะฝุ่นอยู่ในบ้านนี้ได้เนอะ ป้า” “เดี๋ยวงานก็มาค่ะ ของทุกอย่างมันมีจังหวะของมัน รออีกหน่อยนะคะ ใจเย็นๆ” “จังหวะของนิดนานจัง ตั้งปีกว่าแล้ว” ณิชาลุกขึ้นยืน ฝืนยิ้มให้แม่ครัวเก่าแก่ ไม่อยากให้ใครต้องกังวลไปกับตน...หากทำได้เพียงยกมุมปากแย้มนิดเดียว คนร่างเพรียวบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเนื้อผ้าสีดำเข้ารูปเดินออกจากห้องครัว โดยมีสายตาของหญิงชรามองตาม แววตาคู่นั้นทอความห่วงใยอยู่เสมอ และเวลานี้ยังเพิ่มความลังเลและเคร่งเครียดปนเข้ามาด้วย ป้าสดใสถอนใจยาว บ่นพึมกับตัวเอง “เฮ้อ! ไม่มีโอกาสบอกคุณนิดกันสักที”ณิชาเปิดประตูรั้วเล็กด้านข้าง แล้วจูงสกูตเตอร์สีส้มคู่ใจออกไป นึกขัดใจกับสายตาของผู้ชายตัวใหญ่ในชุดสีดำแลดูทะมึนสองคนที่จ้องเขม็งมา พวกเขายืนนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมกำแพงสูง หากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แรกๆ ณิชารู้สึกอึดอัด บางขณะก็นึกหวั่นว่าคนแปลกหน้าท่าทางดุดันจะเข้ามาคุกคามถึงในบ้าน แต่พอนานวันเข้าก็ค่อยๆ เบาใจเมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ย่างกรายเข้าไปใกล้เขตแม้สักครั้งเดียว...ซึ่งคงด้วยคำสั่งเด็ดขาดของเจ้านายพวกเขานั่นละ
นายไรวินทร์...ผู้ชายที่เธอรู้เพียงชื่อเท่านี้! เมื่อผ่านพ้นประตูรั้ว ณิชาก็ต้องหยุดตัวเองเมื่อรถหรูคันสีดำมันปลาบแล่นมาจ่อใกล้ประตูรั้วใหญ่ โดยไม่เสียเวลารอ ประตูรั้วบานนั้นก็เคลื่อนออกอัตโนมัติ ณิชาเขม้นมองหวังจะให้ทะลุผ่านฟิล์มหนาทึบ เพราะมั่นใจว่าคนในรถต้องเป็นแขกของนายไรวินทร์นั่นเอง ณิชาไม่ต้องพยายามเลย เมื่อกระจกตอนหน้าฝั่งผู้โดยสาร ฝั่งที่เธอยืนอยู่ถูกลดลง เผยให้เห็นคนในรถที่ส่งยิ้มมาให้ และทำให้ณิชาถึงกับยืนตัวแข็ง... หล่อนไม่ได้ยิ้มรับการทักทายนั้นเพราะกำลังจุกแน่นในอก จนกระจกรถเลื่อนปิดและรถก็เคลื่อนผ่านประตูรั้วเข้าไปข้างใน สู่ตัวบ้านที่ตั้งตระหง่านด้วยระยะทางนับร้อยเมตร เรียวปากของหญิงสาวเม้มแน่น หล่อนกำลังสกัดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวและอ่อนแอไม่ให้หลุดออกมา...รอกระทั่งคิดว่าตนเข้มแข็งพอ พร้อมจะเดินหน้าต่อในเส้นทางที่เลือกแล้ว จึงขึ้นนั่งบนพาหนะคู่ใจ ขับเคลื่อนออกไปยังเป้าหมายณิชาคิดจะลงมานั่งอ่านหนังสือข้างล่าง ความก้าวหน้าของงานแปลดูท่าจะช้ากว่าแผน ถ้ายังไม่เดินหน้าทำจริงจัง ปล่อยให้อนาคตถูกโยงด้วยเส้นด้ายเปราะบางอย่างนี้คงไม่ดีแน่ไม่ว่าจะมีเรื่องราวสักกี่ร้อยพันเข้ามา แต่หน้าที่ของเธอหลังจากสิ้นพ่อและแม่แล้ว นั่นคือการดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แม้จะพลั้งพลาดในบางเรื่อง ถลำลึกเกินกว่าจะหันหลังกลับ แต่คงไม่มีใครอยากให้ชีวิตพลาดซ้ำอยู่เรื่อยไปหญิงสาวเดินเข้าโถงบ้าน คิดจะครองโซฟามุมสงบนั่งทำงานตลอดวัน ก็เห็นพ้อหวานยิ้มแป้นมาแต่ไกล“ตอนเที่ยงกินอะไรดีคะ หนูทำให้”“กินอะไรดีล่ะ พ้อหวานทำอะไรได้บ้าง นอกจากต้ม ทอดและผัด”“แหม คุณนิด หนูกำลังพยายามอยู่นะคะ ตอนนี้ฝึกทำเครื่องแกงอยู่ ป้าสดใสบอกว่าเราทำเองมันจะหอมอร่อยกว่าซื้อที่เขาปั่นขายสำเร็จในตลาด”“อ๋อ เลยจะให้ฉันเป็นหนูทดลอง”ณิชายิ้มกริ่ม ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กรับใช้อย่างอารมณ์ดี เมื่อสำเหนียกว่าอีกฝ่ายมีความปรารถนาดีและจริงใจให้อยู่“ไม่ใช่สักหน่อย หนูจะทำสุดฝีมือแล้วให้คุณนิดช่วยบอกต่างหากล่ะคะว่าเป็นยั
สงครามดุเดือดผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มพลิกกายห่างจากร่างนุ่มนิ่ม หล่อนนอนหลับตา ผ้าห่มผืนนุ่มคลุมถึงเนินอก เผยให้เห็นผิวผ่องตรงลาดไหล่งามและซอกคอขาวเนียนที่มีรอยแดงเป็นจ้ำด้วยฝีมือเขาไรวินทร์มองหญิงสาว ความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ แม้บางขณะความน้อยใจและขัดใจจะแทรกเข้ามาเพราะยังเรื่องที่คาใจอยู่ แต่เขาก็ไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่เขายอมให้เธอพักผ่อน จนเลยมาหลายสิบนาที นึกหมั่นไส้คนยังนอนนิ่งทั้งที่รู้ว่าไม่ได้หลับชายหนุ่มเคลื่อนกายหาอีกรอบ ยกมือโอบรอบร่างน้อยกระชับแน่น หล่อนตัวแข็งจนเขารู้สึกได้ นึกอยากแกล้งนัก จึงโฉบใบหน้าสากระคายลงไซ้ตรงซอกคอ สูดกลิ่นหอมกรุ่นเข้าเต็มปอด แถมก่อนจะผละยังไม่ลืมขบเม้มซ้ำรอยเดิม จนณิชาต้องห่อกายหนี“หายสงสัยหรือยังว่าผมไปมั่วกับใครมาทั้งคืน หืม...ณิชา”เสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ณิชาอยากทุบเขาให้ตาย“ฉันเกลียดคุณ”“แต่ผม...อยากรักคุณ รักคุณทั้งวันทั้งคืน”ถ้อยคำกำกวมและสื่อความนัยทำให้คนนอนตัวแข็งนึกหวั่นผวา พอเขาขยับหาอีก หล่อนก็รีบร้อง
จนท้องฟ้าด้านนอกสว่างเรืองรอง ณิชาปรือตาเปิดเมื่อแสงส่องเข้ามา กะพริบตามองเพดานห้อง สัมผัสความคุ้นเคย กระทั่งไออุ่นที่โอบรัด วินาทีนั้นเธอยังไม่อยากจากความอบอุ่นนี้ไป เรียวปากอิ่มแย้ม เปลือกตาบางปรือปิด ตั้งท่าจะหลับต่อหากแค่เสี้ยววินาทีดวงตาหวานกลับเบิกโพลง หันมองเจ้าของอ้อมกอด เขากำลังหลับสนิท ใบหน้าคมสันซุกนิ่งอยู่ข้างแก้มเธอ ณิชาเม้มริมฝีปากแน่น สูดหายใจลึก...เช้ามาอย่างนี้ไม่อยากเริ่มต้นด้วยอารมณ์บูดเลยแต่เขาก็ทำกับเธอเกินไป ออกไปหาความสุขนอกบ้าน พอคิดจะกลับก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่หล่อนคงกลายเป็นคู่นอนหมอนข้างของเขาอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ มีประโยชน์ก็แค่บนเตียงนอนร่างน้อยดิ้นขลุกขลัก ออกแรงผลักร่างใหญ่โต หนักอึ้งปานหินผา ทั้งผลักทั้งดันอย่างไรก็ไม่เป็นผล ซ้ำร้ายยังขยับเข้ามาแนบชิด ท่อนแขนกำยำปานเหล็กกล้ายังออกแรงรัดจนหล่อนแทบจมหายเข้าไปในอ้อมกอดนั้น...ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยที่เจ้าของร่างใหญ่นั้นยังหลับอยู่ณิชาหยุดตัวเอง หายใจหอบ เหลือบมองชายหนุ่มอย่างเคืองๆหญิงสาวปล่อยให้ตัวเองนอนอยู่นิ่งๆ เพื่อรอให้หายเหนื่อย แต่แค่นาทีผ่านไป ร่างหนาให
เกือบเที่ยงคืนไรวินทร์ยังไม่กลับมา ณิชานอนพลิกกายอยู่บนเตียง พยายามคิดว่าเขาจะออกไปไหนและพบกับใคร ยิ่งคิดความระแวงก็ยิ่งถามหา พานผุดเป็นใบหน้าของคนที่เธอไม่อยากนึกถึง...อรุณวดี“ไม่หรอก เขาไม่มีทางทำกับเราอย่างนั้น”เมื่อนอนไม่หลับจึงลุกขึ้นเปิดไฟจนสว่างโร่ เดินวนเวียนอยู่ในห้องนอน ทะลุไปถึงห้องเสื้อผ้า สายตาเจ้ากรรมชำเลืองไปทางมุมหนึ่งแล้วใบหน้าก็ร้อนวาบ ภาพยามเช้าตรู่วันนั้นที่เธอหลบมาซุกนั่งด้วยไม่อาจทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างกัน จนเขาตามเข้ามา จากนั้นณิชาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงกระโจนหาหล่อนรวดเร็วตั้งตัวไม่ทัน แล้วทุกอย่างก็เกิดตามครรลองอีกรอบบ่อยครั้งเมื่ออยู่ใกล้ไรวินทร์ หล่อนรู้สึกเหมือนว่าตัวเขามีแรงลึกลับที่จะดึงดูดให้เอนเข้าหา ณิชาเคยต่อต้านแต่ก็ไม่เคยสำเร็จหล่อนหันกายจะกลับ แต่แล้วก็เห็นถุงกระดาษแปะโลโก้โรงแรมคุ้นตาวางกองสุมอยู่ เหมือนไม่มีใครใส่ใจจัดเก็บมันให้เข้าที่เข้าทางหญิงสาวตรงไปหยิบ ตั้งใจจัดให้เรียบร้อยด้วยไม่อาจปล่อยให้รกหูรกตา เสื้อเชิ้ตสไตล์ที่ไรวินทร์ใช้หลายตัว ณิชาหยิบมาจะเข้าตู้ของเขา แต่กระดาษชิ้น
ณิชามองหน้าจอมือถืออย่างตัดสินใจหลังจบการติดต่อผ่านโปรแกรมสนทนา เธอยังไม่ยอมรับสาย ไม่พูดคุยกับคนที่เพียรติดต่อหาโดยตรงนัดหมายของพีระ...ทำให้ณิชาลังเล สองจิตสองใจ ทั้งที่ก่อนนี้ตั้งใจจะตัดขาด ไม่ยอมพบหน้าเขาอีก“นิดไม่อยากได้บ้านคืนแล้วเหรอ ทางพีชช่วยได้นะ คุณพ่อจัดการให้ได้ นายไรวินทร์มันมีจุดอ่อนให้เราเล่นงานตั้งหลายจุด คุณพ่อรู้ดี คุณพ่อเล็งจะเล่นงานมันนานแล้ว’พ่อของพีระเป็นนายตำรวจใหญ่ในเชียงราช มีอิทธิพลและคนรู้จักอย่างกว้างขวาง การจะหาจุดอ่อนเพื่อเล่นงานนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เข้ามาในเชียงราชสักคน ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ“จะทำยังไง บอกได้ไหม”“ออกมาคุยกันสิ คุยอย่างนี้ไม่สะดวก ไม่ปลอดภัยทั้งพีชและนิด”“นิดขอคิดดูก่อนนะ”“ทำไม รักมันแล้วใช่ไหมถึงลังเล เปลี่ยนใจยกบ้านให้มันแล้วสิ”“นิดอยู่ในบ้าน มีคนของเขาจับตามองอยู่ การออกไปพบพีชไม่ใช่เรื่องง่าย”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง พีชเข้าใจนิดแล้ว พีชจะรอนะ”การพูดคุยผ่านโปรแกรมจบลงเท่านั้น ณิชาก้มหน้าก้มตาอ
น้ำเสียงจริงจังแต่ไม่อาจทำให้คนฟังเชื่อ!“ผมไม่อยากขวางคุณทำงานหรอกนะ คุณทำงานกับคุณแหวว ผมชอบและยินดีกับคุณ คุณแหววก็ดูเชื่อมั่นคุณไม่น้อย”คนที่ล่วงรู้ความคิดเธอบอก แต่ณิชากลับรู้สึกแย่“พูดอะไรตอนนี้ คุณทำลายมันหมดแล้วนี่”“ให้ผมหาคนที่แกล้งคุณได้ก่อนแล้วจะพาสมัครงานใหม่ รับรองคุณแหววไม่มีทางกล้าปฏิเสธผม”“ไม่ต้องมาอวดตัว คุณแหววรับฉันเข้าทำงานเพราะตัวฉันเอง ถ้าจะรับกลับอีกก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”แค่รู้ว่าจะได้กลับไปทำงาน มีลู่ทางสร้างความหวังเป็นของตัวเองอีก ณิชาก็อารมณ์ดีพอจะโต้เขาด้วยการจิกกัดพอให้เจ็บๆ คันๆ เล่น...แต่พอได้ยินคำพูดเนิบช้าคล้ายกำลังเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศ ณิชาก็ถึงกับอึ้ง มึนงง ไม่รู้ว่าควรไปอย่างไรต่อดี“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามองผมในแง่ร้ายเกินไป เผื่อใจไว้บ้าง รู้จักตัวจริงของผมเมื่อไหร่คุณจะหลงรักผมหัวปักหัวปำ”ไรวินทร์มองคนนั่งข้าง เรียวปากอิ่มขยับเหมือนจะพูดบางอย่างแต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมา เขานึกอยากหัวเราะคนเก่งเสียจริง...แต่ก็สงสาร กลัวว่าจะยิ่งทำตัวไ