Share

บทที่ 1

last update Huling Na-update: 2025-10-31 17:29:44

“วันนี้ผมไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด คงค้าง ไม่ต้องรอนะ”

“ค่ะ” ข้าวหวานยืนฉีกยิ้มพร้อมส่งกล่องข้าวให้กับสามีอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน

นายแพทย์กันต์ธียื่นมือรับอาหารกลางวันไปวางไว้ในตำแหน่งเบาะหลัง ก่อนจะผลุบหายไปในรถเมอร์เซเดสเบนซ์คันงาม และขับออกจากเรือนหอเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาล

ชีวิตหลังแต่งงานของเขากับไฮโซสาวที่คู่ควร… ข้าวหวาน

ผู้หญิงที่ครอบครัวเลือกมาให้ ผู้หญิงที่ถูกจับคู่ใส่พานให้เขามาตลอดหลายปี และหลายครั้งที่กันต์ธีเพียรปฏิเสธ ทว่าสุดท้ายเขาก็มาจบกับเธอคนนี้จนได้

แต่คิดดูอีกที อยู่กับผู้หญิงที่เราไม่ได้รักใคร่ชอบพอก็ดีเหมือนกัน ดีไปอีกแบบ เขาไม่เคยต้องมาสนอกสนใจ ไม่ต้องมาคอยพะเน้าพะนอ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียใจแบบที่เคยได้สัมผัสมาก่อน

กันต์ธีกดเปิดเพลงเสียงแผ่วเบา เขาไม่รู้จักนักร้องหรือชื่อเพลงที่กำลังโด่งดังอยู่ในยุคนี้เท่าไรนัก เอาจริงๆ กลับชื่นชอบการฟังข่าวหรือพอดแคสต์สาระความรู้เสียมากกว่า เพียงแต่เมื่อวานภรรยาสาวนั่งมาในรถด้วย เธอเลื่อนมือหาคลื่นวิทยุช่องดังเพื่อฟังเพลง และวันนี้เมื่อเขาเปิดขึ้นอีกครั้ง ช่องข่าวพอดแคสต์เดิมจึงถูกแทนที่ด้วยเสียงนักร้องดีเจ

ข้าวหวานเป็นนักดนตรี...

ส่วนเขาก็ไม่ได้มีอารมณ์สุนทรีอะไรเทือกนั้น

เราไม่มีความชื่นชอบหรือกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้สักอย่าง

สิ่งเดียวที่เหมือนกันของเราทั้งคู่ คือต่างเป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่และมีเงินเหมือนกัน

น่าตลกดี...

ครั้นจะพูดว่ามีเงินเหมือนกันก็ไม่ได้อีก ที่ถูกคือผู้หญิงอย่างข้าวหวานร่ำรวยมากกว่าครอบครัวเขาเยอะ บ้านเขาถึงปล่อยให้ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำอย่างเธอ หลุดลอยไปไม่ได้เด็ดขาด

หากมองจากภายนอกเราสมกันราวกิ่งทองใบหยก ผู้คนต่างก็อิจฉาที่นายแพทย์หนุ่มได้แต่งงานกับภรรยาสาวแสนสวย ร่ำรวย และอยู่ในโอวาท การได้ครอบครองผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนได้เพชรน้ำงามขึ้นประดับเรือนแหวน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าคนอย่างนายแพทย์กันต์ธีไม่ชอบอัญมณีใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่นิยมวัตถุปลอมเปลือก หรือต่อให้เป็นเพชรแท้เพชรจริงเพชรสูงค่าอย่างข้าวหวาน ก็ยังคิดว่ามันไม่มีความหมายใดๆ อยู่ดี

ถ้าเขาชอบแค่ลูกปัดมีรอยราคาถูกเขาก็พร้อมที่จะหยิบมาสวมติดข้อมือ

ตรงกันข้ามถึงเป็นเพชรเม็ดงามราคาแพง มันก็เป็นแค่เพียงของในกล่องและเก็บเข้าตู้อย่างมิดชิด ไม่เคยคิดจะหยิบไว้ข้างตัวหรือข้างใจ

ข้าวหวานก็เป็นแบบนั้น…

เธออาจจะมีคุณค่าสำหรับครอบครัวเขา เธออาจจะมีคุณค่าสำหรับฐานะทางสังคม แต่เธอไม่มีคุณค่าทางจิตใจใดๆ ต่อเขาเลย

ฟังดูอาจเป็นเรื่องโหดร้าย แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว แม้ไม่ได้ให้หัวใจ เขาก็ยังให้เกียรติเธอที่สุดในฐานะภรรยา นี่คือสิ่งที่คนอย่างนายแพทย์กันต์ธีจะพอมอบให้ผู้หญิงที่เข้ามาร่วมใช้นามสกุลเดียวกันได้

รถยุโรปคันหรูหักเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็มีสาย

เรียกเข้าจนเจ้าของต้องปัดรับ

“ว่าไงครับ”

“พี่กันต์ไปสัมมนาที่ไหนเหรอคะ”

“พัทยาครับ”

“ถ้างั้นหวานขอไปด้วยได้ไหมคะ ไม่ไกลมากด้วย”

“นี่ผมไม่ได้ไปเที่ยวนะ” เสียงเย็นชาของกันต์ธีเหมือนใบมีดที่ทำมาจากน้ำแข็ง ข้าวหวานเป็นผู้หญิงน่ารำคาญจนคนหน้านิ่งแบบเขายังอยากจะระเบิดอารมณ์ใส่ ออกรถมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็โทร.มาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียแล้ว เด็กนี่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะถือสิทธิ์ในการเป็นภรรยา ทว่าเขาไม่ได้ถูกอกถูกใจเธอมากพอจะมาพะเน้าพะนอกันอยู่ ตรงข้ามเขาคิดว่าเธอเด็กเกินไปที่จะมีครอบครัวเสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญพฤติกรรมของข้าวหวานก็ไม่ได้จัดอยู่ในไทป์ผู้หญิงที่เขาจะมีโอกาสชื่นชอบในอนาคตได้เลย

ถ้าอยากอยู่ร่วมกันเธอควรอยู่ให้นิ่งที่สุด เขาจะได้พยายามอดทนอยู่กับเธอให้ได้นานที่สุดเช่นกัน

“งั้นพี่กันต์ขับรถดีๆ นะคะ” เสียงที่ออกมาจากปลายสายยังฟังดูระรื่นอยู่

“ครับ”

“วันนี้หวานลองทำหมี่คลุก ไม่รู้พี่กันต์จะชอบหรือเปล่า ยังไงก็ฟีดแบ็กด้วยนะคะ”

“ครับ” พูดจบนายแพทย์หนุ่มก็ตัดสายภรรยาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

บางทีความเพียรพยายามมันก็สร้างความอึดอัดใจให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัว อย่างไอ้เรื่องอาหารกลางวันนี่ก็ยังสามารถทำให้จุกขึ้นมาถึงคอหอย โดยที่เขายังไม่ได้แตะมันเลยสักคำ ถือเป็นความสามารถพิเศษของภรรยาผู้ไม่เป็นที่รักสินะ

ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูข้าวหวาน ถึงได้ลุกขึ้นมาทำ

ข้าวกล่องให้สามี และครั้งแรกที่ได้ลองชิมเขาก็รู้ว่าฝีมือของเธอน่ากลัวอยู่พอสมควร

ก็แน่นอนล่ะ หลานสาวคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังและบริษัทนำเข้าเครื่องมือแพทย์รายใหญ่สุดในประเทศ แม้แต่ฉีกซองบะหมี่ก็มีคนพร้อมจะทำให้ แล้วอยู่ๆ วันที่เธอมาวุ่นวายที่โรงพยาบาล และพบว่าเขามัวแต่ยุ่งกับเคสผ่าตัดจนไม่มีเวลากินข้าว สาวเจ้าก็ทึกทักไปดื้อๆ ว่าเขาหาซื้ออาหารกินเองไม่เป็น เลยตั้งหน้า

ตั้งตาทำข้าวกล่องมาให้ทุกวัน

นี่แหละข้าวหวาน

ลูกคุณหนูที่ถูกประคบประหงม เธอคิดอะไรไม่เคยไกลไปกว่าหัวแม่ตีนตัวเอง

ถ้าลองว่าเขาอยู่ในห้องผ่าตัด ต่อให้หญิงสาวจะทำอาหารเหลาครบชุดใส่ปิ่นโตจักรพรรดิมาให้ คนเป็นหมอก็ไม่สามารถทิ้งชีวิตคนไข้ออกมากินได้อยู่ดี เรื่องแค่นี้เธอยังไม่เข้าใจ แล้วเขาจะไปหวังอะไรต่อได้อีก

ทุกวันนี้ก็เหมือนใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงสวย รวย แต่เราไม่สามารถพูดคุยกันด้วยเหตุผล พูดให้ตรงประเด็นกว่านั้นก็คือเธอไม่ใช่ผู้หญิงฉลาด ปราดเปรียวแบบที่เขาต้องการ

สิ่งหนึ่งที่ประคับประคองความสัมพันธ์ไม่ให้จืดจางกันไปคงเป็นเซ็กซ์ นั่นเป็นอย่างเดียวที่เราใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด ในเมื่อ

ข้าวหวานไม่สามารถเป็นคู่คิดคู่ปรึกษาให้กันได้ แต่เธอก็ยังเป็นคู่นอนที่ดีของเขาเสมอมา

ช่วงเวลาของความมืดมนบนเตียง บางครั้งในหัวใจเขากลับผุดภาพผู้หญิงอีกคนขึ้นมาอย่างเลือนราง

นายแพทย์หนุ่มเหยียดยิ้ม…

ได้แต่งกับผู้หญิงที่ไม่รัก มันไม่ทรมานเท่ากับถูกผู้หญิงที่รักทิ้งไปแบบไม่ใยดีหรอก

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • กังวานหวาน    ตอนพิเศษ 2 ความทรงจำ

    แซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอด เพราะทุกครั้งที่ได้ยินข้าวหวานเป่าเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ เธอใส่อารมณ์ ใส่ความรู้สึกรวมถึงเสน่ห์ของเธอลงไปด้วย เธอเซ็กซี่เสมอยามเมื่อยืนอยู่บนฟลอร์และสะกดคนด้วยเสียงเพลงอย่างเช่นคืนที่เราอยู่บนเรือสำราญด้วยกันจริงอยู่คนอื่นอาจจะเห็นเธอในมุมของนักดนตรี ไฮโซสาวพราวเสน่ห์แต่เสน่ห์อย่างอื่นของเธอมีมากมายกว่านั้นถึงแม้ครั้งหนึ่งผมจะหลับหูหลับตา มองเธอผ่านหน้ากากแห่งอคติ แต่ได้โปรดเข้าใจกันบ้าง ตอนนั้นผมคือผู้ชายที่จำใจแต่งงานโดยไม่ได้รักผมไม่ถึงกับโกรธเกลียดข้าวหวาน แค่ขวางหูขวางตานิดหน่อย ผมทำนิสัยแย่ เธอก็ยังยิ้มอ่อน ผมเย็นชา เธอก็ยังทำข้าวกล่องให้ไปกินที่ทำงานทุกเช้า บอกตรงๆ ผมค่อนข้างได้ใจข้าวหวานเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอรักผมมาก รักแบบที่ไม่มีทางไปไหนรอดน่าขำ…ผมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนตลอดเวลาที่ผมเย็นชา เธออดทนเพราะหวังว่าผมคงอ่อนโยนขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้าเวลาที่ผมทำนิสัยแย่ เธอมักจะยิ้มหรือนิ่งเงียบ นั่นเพราะเธอคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันจนบานปลายการใช้ชีวิตคู่ที่เธอพยายามและเฝ้าทะนุถนอมมันเพียงฝ่ายเดีย

  • กังวานหวาน   ตอนพิเศษ 1 ความอบอุ่น

    แสงอาทิตย์อ่อนแสงลงจนดูอ่อนโยนกับท้องทะเล เด็กน้อยหลายคนและนกนางนวลหลายตัวกำลังเล่นลมอย่างสนุกสนาน ฉันมองภาพงดงามซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงภาพอันสว่างไสวเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคนเราล้วนมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำหรับฉันมันเกิดขึ้นตอนอายุสิบห้าคืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว เศษกระจกแตกกระจัดกระจาย รถที่พลิกคว่ำ เลือดของฉัน พ่อและแม่ นองไปกับสายฝน กระดูกแขนขาหัก มันเจ็บปวดที่ต้องนอนมองคนที่รักตายอยู่ตรงหน้า แต่กระนั้นฉันก็ยังกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมากัดกินฉันอีกคนความอบอุ่นของฝ่ามือมนุษย์แตะเบาๆ ที่ข้างคอของฉัน ผู้ชายที่เปียกโซกไปทั้งตัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืดและคาวเลือด นับแต่นั้นฉันฝังรอยยิ้มสว่างไสวของเขาไว้ในความทรงจำ“ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ น้องจะปลอดภัยแน่นอน” เขาพูดแบบนั้นและฉันก็ปลอดภัยจริงๆ แม้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของคุณปู่อยู่เกือบปีอาการทางกายของฉันดีวันดีคืนเพราะอยู่ในวัยที่ร่างกายแข็งแรง ทว่าอาการทางใจมันกลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆฉันมักหายใจไม่ออกเสมอ หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ฝนตก

  • กังวานหวาน   บทที่ 65

    สถานตากอากาศบางปูในวันสุดสัปดาห์ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเข้าใกล้ปลายปีแบบนี้กันต์ธีหยิบหมวกปีกกว้างสวมบนศีรษะของภรรยาสาวที่กำลังท้องแก่ อีกมือก็ก้มลงจูงเด็กชายเขตต์วัยสามขวบกว่าที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว ที่สำคัญคือลูกเขาซนมากอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ หมอหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์เย็นชาที่ไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย ทว่าเขากลับรักเด็กคนนี้จับจิตจับใจ“เดินรอแม่ด้วยสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากเตือน หนูน้อยที่อยู่ในช่วงพลังงานล้นเหลือก็ก้าวเท้าช้าลง ปล่อยมือจากบิดาและหันไปประคบประหงมมารดาแทน“คับ” เด็กชายเขตต์ยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเดินอุ้ยอ้าย ฝีเท้าเล็กๆ ก็ขยับช้าลงฉับพลันกันต์ธีมองความอ่อนโยนของลูกชาย โชคดีที่เขตต์ได้รับนิสัยน่ารักแบบนี้มาจากฝั่งของข้าวหวาน เขาจำได้ วันที่รู้ว่าในท้องของภรรยาเป็นลูกสาวเขาก็บอกกับลูกชายคนโตว่าต่อไปจะมีน้องน้อยที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาออกมาเป็นเพื่อนเล่นอีกคน เด็กชายเขตต์ก็ดีอกดีใจ ทุกวันนี้พี่ชายตัวโตก็มักจะวิ่งเข้าโอบกอดท้องกลมเหมือนลูกแตงโมของมารดาอยู่ทุกวัน“น้องเขตต์จับมือคุณพ่อไว้นะคะ” คุณแม่ยังสาวรีบเตือนบุตรชายเมื่อเดินพ้นระยะจากลานจอดร

  • กังวานหวาน   บทที่ 64

    พ้นจากช่วงงานยุ่งติดพันมาพักใหญ่ ในที่สุดคู่สามีภรรยานักบริหารก็หาเวลาว่างมาล่องเรือสำราญกันได้สำเร็จแม้จะเป็นการมาพักผ่อนเพียงช่วงสั้นๆ ราวสามสี่คืน แต่นายแพทย์กันต์ธีก็เปี่ยมไปด้วยสุขที่เห็นภรรยาสาวผ่อนคลายลง เธอดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นจนเขารู้สึกได้ ผิวขาวน้ำนมของหญิงสาวเหมือนจะเปล่งรัศมีเรืองแสง ยิ่งยามที่เธอเฉิดฉายอยู่ในชุดสีแดงแบบนี้ด้วย เขาไม่เหลือสายตาไปมองใครเลยแม้แต่วินาทีเดียว“เรือลำเดิมเลยค่ะพี่กันต์ จำได้หรือเปล่า”“จำได้สิครับ” ชายหนุ่มเดินโอบไหล่บอบบางพาไปยังบริเวณราวเหล็กด้านข้างเรือ ตั้งใจว่ารอให้แดดร่มลมตกกว่านี้ก่อนค่อยชักชวนภรรยาสาวขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำ“ที่บอกว่าจำได้เนี่ย คือจำว่ามากับหวาน หรือมากับดีเทลยาคนนั้นที่พากันเข้าห้องไปคะ” หญิงสาวเปิดปากกระแนะกระแหน ในใจก็นึกว่าจะไม่จิกกัดเขาเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว แต่เมื่อก้าวขามาอยู่บนเรือสำราญ หัวใจมันคันยุบยิบ ปล่อยไปกันต์ธีก็เหมือนจะลอยตัว วันนี้เลยขอเคลียร์สิ่งที่ค้างคาสักหน่อย แล้วเธอจะมูฟออนจากเรื่องสาวๆ ของเขาเสียที“โธ่ หวาน”“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกลบเกลื่อนค่ะพี่กันต์ มันไม่ได้ผล” ไฮโซสาวยกแข

  • กังวานหวาน   บทที่ 63

    ทริปล่องเรือสำราญล่มไม่เป็นท่าเพราะนายแพทย์หนุ่มป่วยจนไข้ขึ้นถึงแม้กันต์ธีจะพยายามผงกหัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหบพร่า บอกกับหญิงสาวว่าให้เตรียมตัวไปทริป แต่ด้วยสภาพของเขาที่มันตรงกันข้าม พอเริ่มงอแงหนักข้อขึ้น ไฮโซสาวก็เปลี่ยนมายืนเท้าเอว พลิกจากลูกโอ๋เป็นดุเสียงเข้มแทน“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ยืนยันจะไปล่องเรือ หวานจะได้ไม่ต้องขนของกลับมาที่นี่”“ทำไมล่ะ” คนป่วยเบิกตาโต เสียงแห้งไปกว่าเดิมอีกพันเท่า พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง“ก็หวานจะเอาวันหยุดของเรา ย้ายของซะหน่อย ถ้าพี่กันต์อยากไปเที่ยวมาก งั้นเรื่องขนของกลับมาที่นี่ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ค่ะ”ได้ยินเหตุผลของหญิงสาว คนดื้อก็เด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีเลือดพร้อมกับทำเสียงจริงจัง จนคนที่แอบมองอยู่ต้องอมยิ้ม “ได้ยินกรมอุตุบอกว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง เราอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”“พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยค่ะ”“แล้วรักไหม” ไม่ใช่เพราะพิษไข้นี่หรอกที่ทำให้เขาอยากออดอ้อน แต่เพราะความรักที่ท่วมท้นล้นเอ่อ ในหัวใจมันรู้สึกหวานๆ คล้ายอยากให้เธอเติมคำว่ารักเข้ามาเพิ่ม อยากได้ยินอยู่แบบนั้นราวกับมันเป็นเสียงดนตรีบรรเลงที่อยา

  • กังวานหวาน   บทที่ 62

    หลังส่งมารดาขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็เดินเข้าครัวเพื่ออุ่นซุปเยื่อไผ่กระดูกอ่อน เดือดพลุ่งทั่วหม้อเขาก็ยกลงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง พยายามฝืนกลืนให้ตัวมีแรง ในใจคิดไปว่าฝีมือมารดาคงอร่อยมากหากได้กินในช่วงเวลาปกติ ทว่าตอนนี้ปากของเขาเริ่มขมปร่าไม่รู้รสชาติเสียแล้ว กลิ่นที่ควรหอมฟุ้งจากน้ำต้มซุปกระดูกหมูก็ไม่พาเข้าสู่โสตประสาทใดๆเมื่อท้องอุ่นขึ้น คนใกล้ป่วยก็พาตัวเองไปยังห้องนอนกว้างข้าวหวานมักหาเวลามานอนค้างด้วยที่นี่เป็นบางครั้ง แต่หลังจากค่ำคืนที่หญิงสาวกลับไป เขาจะยิ่งทุรนทุรายด้วยความคิดถึงกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง เฉกเช่นคืนนี้ที่หลานสาวเจ้าสัวต้องควงปู่เพชรไปงานเลี้ยงที่สมาคม ส่วนเขาเร่งมือเคลียร์งานจึงไปกับเธอไม่ได้ ช่วงเวลาของการได้พบหน้าในตอนกลางวันมันไม่เพียงพอ ทั้งที่รู้สึกอ่อนเพลียขนาดนี้ แต่กันต์ธีก็ยังหลับไม่ลง‘นอนหรือยังคะ’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชันสนทนา ทำให้คนที่กำลังน้อยอกน้อยใจเปิดปากยกยิ้ม เขารีบพิมพ์กลับไปทันทีแบบไม่เล่นตัว‘ยังไม่นอน คิดถึงข้าวหวานจัง’ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้น ชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงยกขึ้นปัดรับด้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status