LOGIN***ตอนอยู่ไม่เห็นค่า ตอนบอกลาอย่าเสียดาย นายแพทย์กันต์ธีจำใจต้องแต่งงานกับข้าวหวาน ไฮโซสาวนุ่มนิ่มที่รักเขาแบบถวายหัว เขาตั้งใจจะอยู่กับเธอแบบกัลยาณมิตรคนหนึ่งไปถึงวันที่ต่างทนไม่ไหว แต่ใครจะรู้ว่าคนที่หมดความอดทนก่อน อาจเป็นเธอ...
View Moreแซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...
เสียงเครื่องเป่าที่ลอดออกมาสะท้อนอารมณ์ของเพลงได้อย่างลึกซึ้ง เสียดแทงและชวนให้ใจสั่น นายแพทย์กันต์ธีเลือกนั่งอยู่บนลานเอาต์ดอร์ของเรือสำราญชื่อดัง ถึงกระนั้นคลื่นลมก็ยังไม่อาจข่มเสน่ห์ของเสียงเพลงบลูจากมือแซ็กโซโฟนบนเวทีลง หลายคนฟังที่จิตใจละเอียดอ่อนถึงกับนั่งน้ำตาคลอ
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินเพลงจากแซ็กโซโฟนที่หวานหูคล้ายกันแบบนี้ เพียงแต่ผู้ชายตื้นเขินกลับไม่รู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของความเศร้าและการบอกลา กว่าจะเข้าใจทุกสิ่งอย่าง เขาก็ไม่เคยได้ยินเสียงเพลงใดๆ จากผู้หญิงคนนั้นอีก
“หมอกันต์ เข้าไปสนุกด้านในด้วยกันไหมคะ” ผู้แทนยาคนสวยจากบริษัทยาเอ่ยปากชักชวนนายแพทย์ชื่อดังที่ช่วยให้ยอดขายปีนี้ของเธอทะลุเป้า แม้จะรู้ว่าคุณหมอท่านนี้สั่งซื้อยาตามจำนวนที่ต้องใช้ ไม่ได้มีนอกในก็จริง ทว่าการที่หนุ่มเนื้อหอมแบบเขาตกลงมาร่วมทริปเรือสำราญทั้งที่ไม่เคยไปร่วมงานเอนเตอร์เทนใดๆ มันก็ทำให้ตัวเธอเองค่อนข้างตื่นเต้น แอบคิดว่าเขาอาจมีใจให้
แต่ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มี...หมดทริปนี้ มันก็ควรจะมี...
“เชิญเลยครับ แล้วก็ขอบคุณมาก แต่ผมอยากนั่งฟังแซ็กโซโฟนอยู่ข้างนอกมากกว่า”
“งั้นรินขอนั่งเป็นเพื่อน อยู่ดูแลอาจารย์นะคะ”
“...”
“รินก็เคยเป็นมือแซ็กโซโฟนนะคะ ชอบเสียงมันเหมือนกันเลยค่ะ” ดีเทลสาวรีบเอ่ยปาก เมื่อเดาท่าทีของนายแพทย์หนุ่มที่เหมือนจะไล่กันกลายๆ ทางสายตา “แต่ถ้าอาจารย์กันต์อึดอัด...”
“นั่งด้วยกันสิครับ” คำว่าเคยเป็นมือแซ็กโซโฟนกระมังที่ดึงสายตาของชายหนุ่มกลับมายังผู้หญิงตรงหน้า และเมื่อเขายิ้ม เธอก็นั่งลงด้านข้าง น้ำหอมราคาแพงที่แสนจะเกลื่อนกลาดโชยเข้าในจมูก พร้อมๆ กับบริกรของเรือสำราญที่เข้ามาดูแลแขกคนใหม่
ไวน์หวานถูกรินเสิร์ฟแก้วแล้วแก้วเล่า กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง รอบตัวก็ไม่มีเสียงคลื่น น้ำค้าง และแซ็กโซโฟนอีกต่อไป ร่างกายร้อนผ่าวของกันต์ธีกลายเป็นเบาะให้เรือนร่างอวบอิ่มทาบทับ เธอกอดจูบและรุกเขาอย่างเผ็ดร้อน มือหนากว้างบีบเคล้นอกอวบที่ยังมีบราโอบอุ้มอยู่ ส่วนด้านล่างเธอขยับสะโพกเบียดกล้ามท้องแน่นของเขาอย่างเป็นงาน
การเสียดสีแม้ยังมีเสื้อผ้าของแต่ละฝ่ายขวางกั้น แต่มันก็ทำให้ดีเทลสาวถึงกับหลุดเสียงครางหวิว...
นายแพทย์หนุ่มชะงักงัน...เสียงที่เล็ดลอดจากริมฝีปากสีสดเรียกสติสัมปชัญญะให้กลับมา นี่ไม่ใช่น้ำเสียงออดอ้อนที่เคยข่วนเกาหัวใจเขาจนเป็นรอย เสียงอันกังวานหวานยากจะลืมเลือน
ชายหนุ่มพลิกตัวของอีกฝ่ายลงด้านล่าง ก่อนจะเท้าแขนยันตัวขึ้น ดวงตาที่พร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และความใคร่เริ่มกระจ่าง
หญิงสาวตาปรือเยิ้มฉ่ำด้วยความปรารถนา วาดเรียวแขนขึ้นคล้องคอหวังดึงร่างกำยำลงมาแนบชิด ทว่าเขากลับผละออก ผุดลุกขึ้นจากเตียงเหมือนอารมณ์เร่าร้อนก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น
“หมอกันต์คะ” ผู้แทนยามึนงงกับท่าทางของชายหนุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดตรงไหน เมื่อครู่ท่อนเนื้อของเขาก็แข็งขึงโป่งนูนจนใจแอบวาดหวังความเผ็ดร้อนในฉากต่อไปด้วยซ้ำ
“ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มกลัดกระดุมเสื้อบางเม็ดให้เข้าที่ ก้มหัวลงคล้ายสำนึกผิดทั้งกับผู้หญิงบนเตียงคนนี้ และผู้หญิงที่เคยลั่นปากว่าไม่รักคนนั้น
แต่เมื่อไม่มีเธอ เตียงนอนของเขาก็เหมือนแผ่นน้ำแข็ง มันเหน็บหนาวและทรมานเกินไปสำหรับมนุษย์ธรรมดาที่มีเลือดเนื้อและหัวใจ
“รินทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ ให้รินแก้ตัว” หญิงสาวลนลานมาสวมกอดอาจารย์หมอกันต์ธีไว้จากด้านหลัง รู้ดีว่าถ้าปล่อยชายหนุ่มก้าวพ้นจากประตูห้องไปครั้งนี้ มันจะปิดประตูบานอื่นของเธออย่างถาวร
มือหนายกจับข้อมือทั้งสองข้างที่โอบรอบลำตัว ดันร่างอวบอิ่มให้ออกห่าง
“หมอกันต์” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือจนน่าสงสาร สายตาบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ เธอโสดและเขาเองก็โสด การหาความสุขร่วมกันด้วยความเต็มใจไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่การที่เขาลุกขึ้นจากเตียงไปเสียดื้อๆ มันทำลายความมั่นใจของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเลือดเย็น
“ผมมีภรรยาแล้ว” กันต์ธีเอ่ยปากเสียงหนักแน่น
“แต่ที่รินรู้มา...”
“ผมมีภรรยาแล้วครับ ขอโทษสำหรับทุกอย่างในคืนนี้ ผมผิดเอง” นายแพทย์หนุ่มก้าวออกมาจากห้อง ลัดเลาะกลับไปยังดาดฟ้าเรืออีกครั้ง...
เสียดายที่เสียงแซ็กโซโฟนจบลงแล้ว ลมทะเลพัดไอชื้นพาดผ่านใบหน้า คล้ายกับว่าที่หางตาจะมีละอองน้ำปลิวไปในอากาศ
ครั้งหนึ่งเขาเคยทระนงตัว เดี๋ยวนี้ก็ยังทระนงอยู่ไม่ต่างจากเดิม นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าเขาเจ็บช้ำแค่ไหน นายแพทย์กันต์ธีหลับตาลง และลืมตาขึ้นมาใหม่ช้าๆ คล้ายได้ยินเสียงของแซ็กโซโฟนจากที่ไหนสักแห่ง ทว่าเมื่อตั้งใจฟังจริงๆ รอบตัวกลับเงียบสงัด
ชายหนุ่มยิ้มขื่น...ไม่มีอีกแล้ว เขาทำความรักหลุดลอยพร้อมๆ กับเสียงเพลงเศร้าสร้อยในคืนที่ไม่รู้คุณค่า
เสียงกังวานหวานแว่วในหูเมื่อครู่ ที่แท้มันคือความทรงจำ แม้จะไม่มีโอกาสได้ยินอีกแล้ว...แต่มันยังอึงคะนึงอยู่ในหัวใจรักของเขาเสมอ เสียงของผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงที่ชื่อข้าวหวาน...
แซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอด เพราะทุกครั้งที่ได้ยินข้าวหวานเป่าเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ เธอใส่อารมณ์ ใส่ความรู้สึกรวมถึงเสน่ห์ของเธอลงไปด้วย เธอเซ็กซี่เสมอยามเมื่อยืนอยู่บนฟลอร์และสะกดคนด้วยเสียงเพลงอย่างเช่นคืนที่เราอยู่บนเรือสำราญด้วยกันจริงอยู่คนอื่นอาจจะเห็นเธอในมุมของนักดนตรี ไฮโซสาวพราวเสน่ห์แต่เสน่ห์อย่างอื่นของเธอมีมากมายกว่านั้นถึงแม้ครั้งหนึ่งผมจะหลับหูหลับตา มองเธอผ่านหน้ากากแห่งอคติ แต่ได้โปรดเข้าใจกันบ้าง ตอนนั้นผมคือผู้ชายที่จำใจแต่งงานโดยไม่ได้รักผมไม่ถึงกับโกรธเกลียดข้าวหวาน แค่ขวางหูขวางตานิดหน่อย ผมทำนิสัยแย่ เธอก็ยังยิ้มอ่อน ผมเย็นชา เธอก็ยังทำข้าวกล่องให้ไปกินที่ทำงานทุกเช้า บอกตรงๆ ผมค่อนข้างได้ใจข้าวหวานเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอรักผมมาก รักแบบที่ไม่มีทางไปไหนรอดน่าขำ…ผมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนตลอดเวลาที่ผมเย็นชา เธออดทนเพราะหวังว่าผมคงอ่อนโยนขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้าเวลาที่ผมทำนิสัยแย่ เธอมักจะยิ้มหรือนิ่งเงียบ นั่นเพราะเธอคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันจนบานปลายการใช้ชีวิตคู่ที่เธอพยายามและเฝ้าทะนุถนอมมันเพียงฝ่ายเดีย
แสงอาทิตย์อ่อนแสงลงจนดูอ่อนโยนกับท้องทะเล เด็กน้อยหลายคนและนกนางนวลหลายตัวกำลังเล่นลมอย่างสนุกสนาน ฉันมองภาพงดงามซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงภาพอันสว่างไสวเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคนเราล้วนมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำหรับฉันมันเกิดขึ้นตอนอายุสิบห้าคืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว เศษกระจกแตกกระจัดกระจาย รถที่พลิกคว่ำ เลือดของฉัน พ่อและแม่ นองไปกับสายฝน กระดูกแขนขาหัก มันเจ็บปวดที่ต้องนอนมองคนที่รักตายอยู่ตรงหน้า แต่กระนั้นฉันก็ยังกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมากัดกินฉันอีกคนความอบอุ่นของฝ่ามือมนุษย์แตะเบาๆ ที่ข้างคอของฉัน ผู้ชายที่เปียกโซกไปทั้งตัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืดและคาวเลือด นับแต่นั้นฉันฝังรอยยิ้มสว่างไสวของเขาไว้ในความทรงจำ“ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ น้องจะปลอดภัยแน่นอน” เขาพูดแบบนั้นและฉันก็ปลอดภัยจริงๆ แม้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของคุณปู่อยู่เกือบปีอาการทางกายของฉันดีวันดีคืนเพราะอยู่ในวัยที่ร่างกายแข็งแรง ทว่าอาการทางใจมันกลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆฉันมักหายใจไม่ออกเสมอ หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ฝนตก
สถานตากอากาศบางปูในวันสุดสัปดาห์ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเข้าใกล้ปลายปีแบบนี้กันต์ธีหยิบหมวกปีกกว้างสวมบนศีรษะของภรรยาสาวที่กำลังท้องแก่ อีกมือก็ก้มลงจูงเด็กชายเขตต์วัยสามขวบกว่าที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว ที่สำคัญคือลูกเขาซนมากอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ หมอหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์เย็นชาที่ไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย ทว่าเขากลับรักเด็กคนนี้จับจิตจับใจ“เดินรอแม่ด้วยสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากเตือน หนูน้อยที่อยู่ในช่วงพลังงานล้นเหลือก็ก้าวเท้าช้าลง ปล่อยมือจากบิดาและหันไปประคบประหงมมารดาแทน“คับ” เด็กชายเขตต์ยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเดินอุ้ยอ้าย ฝีเท้าเล็กๆ ก็ขยับช้าลงฉับพลันกันต์ธีมองความอ่อนโยนของลูกชาย โชคดีที่เขตต์ได้รับนิสัยน่ารักแบบนี้มาจากฝั่งของข้าวหวาน เขาจำได้ วันที่รู้ว่าในท้องของภรรยาเป็นลูกสาวเขาก็บอกกับลูกชายคนโตว่าต่อไปจะมีน้องน้อยที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาออกมาเป็นเพื่อนเล่นอีกคน เด็กชายเขตต์ก็ดีอกดีใจ ทุกวันนี้พี่ชายตัวโตก็มักจะวิ่งเข้าโอบกอดท้องกลมเหมือนลูกแตงโมของมารดาอยู่ทุกวัน“น้องเขตต์จับมือคุณพ่อไว้นะคะ” คุณแม่ยังสาวรีบเตือนบุตรชายเมื่อเดินพ้นระยะจากลานจอดร
พ้นจากช่วงงานยุ่งติดพันมาพักใหญ่ ในที่สุดคู่สามีภรรยานักบริหารก็หาเวลาว่างมาล่องเรือสำราญกันได้สำเร็จแม้จะเป็นการมาพักผ่อนเพียงช่วงสั้นๆ ราวสามสี่คืน แต่นายแพทย์กันต์ธีก็เปี่ยมไปด้วยสุขที่เห็นภรรยาสาวผ่อนคลายลง เธอดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นจนเขารู้สึกได้ ผิวขาวน้ำนมของหญิงสาวเหมือนจะเปล่งรัศมีเรืองแสง ยิ่งยามที่เธอเฉิดฉายอยู่ในชุดสีแดงแบบนี้ด้วย เขาไม่เหลือสายตาไปมองใครเลยแม้แต่วินาทีเดียว“เรือลำเดิมเลยค่ะพี่กันต์ จำได้หรือเปล่า”“จำได้สิครับ” ชายหนุ่มเดินโอบไหล่บอบบางพาไปยังบริเวณราวเหล็กด้านข้างเรือ ตั้งใจว่ารอให้แดดร่มลมตกกว่านี้ก่อนค่อยชักชวนภรรยาสาวขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำ“ที่บอกว่าจำได้เนี่ย คือจำว่ามากับหวาน หรือมากับดีเทลยาคนนั้นที่พากันเข้าห้องไปคะ” หญิงสาวเปิดปากกระแนะกระแหน ในใจก็นึกว่าจะไม่จิกกัดเขาเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว แต่เมื่อก้าวขามาอยู่บนเรือสำราญ หัวใจมันคันยุบยิบ ปล่อยไปกันต์ธีก็เหมือนจะลอยตัว วันนี้เลยขอเคลียร์สิ่งที่ค้างคาสักหน่อย แล้วเธอจะมูฟออนจากเรื่องสาวๆ ของเขาเสียที“โธ่ หวาน”“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกลบเกลื่อนค่ะพี่กันต์ มันไม่ได้ผล” ไฮโซสาวยกแข
ทริปล่องเรือสำราญล่มไม่เป็นท่าเพราะนายแพทย์หนุ่มป่วยจนไข้ขึ้นถึงแม้กันต์ธีจะพยายามผงกหัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหบพร่า บอกกับหญิงสาวว่าให้เตรียมตัวไปทริป แต่ด้วยสภาพของเขาที่มันตรงกันข้าม พอเริ่มงอแงหนักข้อขึ้น ไฮโซสาวก็เปลี่ยนมายืนเท้าเอว พลิกจากลูกโอ๋เป็นดุเสียงเข้มแทน“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ยืนยันจะไปล่องเรือ หวานจะได้ไม่ต้องขนของกลับมาที่นี่”“ทำไมล่ะ” คนป่วยเบิกตาโต เสียงแห้งไปกว่าเดิมอีกพันเท่า พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง“ก็หวานจะเอาวันหยุดของเรา ย้ายของซะหน่อย ถ้าพี่กันต์อยากไปเที่ยวมาก งั้นเรื่องขนของกลับมาที่นี่ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ค่ะ”ได้ยินเหตุผลของหญิงสาว คนดื้อก็เด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีเลือดพร้อมกับทำเสียงจริงจัง จนคนที่แอบมองอยู่ต้องอมยิ้ม “ได้ยินกรมอุตุบอกว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง เราอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”“พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยค่ะ”“แล้วรักไหม” ไม่ใช่เพราะพิษไข้นี่หรอกที่ทำให้เขาอยากออดอ้อน แต่เพราะความรักที่ท่วมท้นล้นเอ่อ ในหัวใจมันรู้สึกหวานๆ คล้ายอยากให้เธอเติมคำว่ารักเข้ามาเพิ่ม อยากได้ยินอยู่แบบนั้นราวกับมันเป็นเสียงดนตรีบรรเลงที่อยา
หลังส่งมารดาขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็เดินเข้าครัวเพื่ออุ่นซุปเยื่อไผ่กระดูกอ่อน เดือดพลุ่งทั่วหม้อเขาก็ยกลงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง พยายามฝืนกลืนให้ตัวมีแรง ในใจคิดไปว่าฝีมือมารดาคงอร่อยมากหากได้กินในช่วงเวลาปกติ ทว่าตอนนี้ปากของเขาเริ่มขมปร่าไม่รู้รสชาติเสียแล้ว กลิ่นที่ควรหอมฟุ้งจากน้ำต้มซุปกระดูกหมูก็ไม่พาเข้าสู่โสตประสาทใดๆเมื่อท้องอุ่นขึ้น คนใกล้ป่วยก็พาตัวเองไปยังห้องนอนกว้างข้าวหวานมักหาเวลามานอนค้างด้วยที่นี่เป็นบางครั้ง แต่หลังจากค่ำคืนที่หญิงสาวกลับไป เขาจะยิ่งทุรนทุรายด้วยความคิดถึงกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง เฉกเช่นคืนนี้ที่หลานสาวเจ้าสัวต้องควงปู่เพชรไปงานเลี้ยงที่สมาคม ส่วนเขาเร่งมือเคลียร์งานจึงไปกับเธอไม่ได้ ช่วงเวลาของการได้พบหน้าในตอนกลางวันมันไม่เพียงพอ ทั้งที่รู้สึกอ่อนเพลียขนาดนี้ แต่กันต์ธีก็ยังหลับไม่ลง‘นอนหรือยังคะ’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชันสนทนา ทำให้คนที่กำลังน้อยอกน้อยใจเปิดปากยกยิ้ม เขารีบพิมพ์กลับไปทันทีแบบไม่เล่นตัว‘ยังไม่นอน คิดถึงข้าวหวานจัง’ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้น ชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงยกขึ้นปัดรับด้






Comments