Share

บทที่ 4

last update Huling Na-update: 2025-10-31 17:30:02

เช้าวันรุ่งขึ้นนายแพทย์กันต์ธีก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับภรรยา

ข้าวหวานเบนหน้าเหลือบตามองสามี ตั้งแต่ซีกหน้าคมชัดสะอาดตา ไล่ลงมาถึงไหล่กว้างแบบคนที่หมั่นออกกำลังกาย ท่อนแขนและข้อมือที่จับพวงมาลัยมีเส้นเลือดเรียงตัวสวย นิ้วยาวเรียวพวกนั้น มันคงเท่สุดๆ เมื่อจับมีดผ่าตัด ไม่แปลกใจสักนิดที่เขาจะเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล

“ไม่รู้คุณพ่อมีเรื่องอะไรนะคะ”

“อืม นั่นสิ” เซ็กซ์ที่เผ็ดร้อน และการนอนหลับลึกตลอดทั้งคืนทำให้อารมณ์ของนายแพทย์หนุ่มสดชื่นขึ้นเป็นกอง มือที่กำพวงมาลัยหักเลี้ยวรถยนต์สีสดแวะเข้าไดรฟ์ทรูร้านกาแฟเจ้าโปรดของภรรยา

สั่งชาเขียวและครัวซองต์อัลมอนด์มาส่งให้หญิงสาวที่นั่งยิ้มแป้นมาตลอดทาง

“ขอบคุณนะคะ”

“อืม” ดีใจง่ายจริงๆ แค่ขนมกับน้ำสักแก้ว ข้าวหวานก็หน้าบานเป็นจานเชิง เมียไฮโซของเขาบางทีก็เลี้ยงง่ายน่ารักดีเหมือนกัน

ชั่วโมงต่อมารถพอร์เชอสีเหลืองก็เลี้ยวเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ ที่มีพ่อกับแม่ของนายแพทย์กันต์ธีรออยู่

บ้านของกำพลกับนิตยา หรูหราทันสมัยสมเป็นเจ้าของบริษัทสถาปนิกและตกแต่งภายในชื่อดัง แต่ด้วยมีช่วงหนึ่งที่บิดานายแพทย์ลองเบนเข็มไปจับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สถานการณ์การเงินของครอบครัวประสบปัญหาอย่างร้ายแรง

เป็นที่รู้กันดีว่าสายงานรับเหมาก่อสร้างก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจปราบเซียน แม้กำพลจะมีความรู้ความสามารถทางด้านการออกแบบมากขนาดไหน แต่เล่ห์เหลี่ยมในการควบคุมผู้รับเหมามันเป็นคนละเรื่องกัน สุดท้ายก็เกิดหนี้สินมหาศาล และคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคุณปู่ของไฮโซข้าวหวานคนนี้นั่นแหละ

“มากันแล้วเหรอลูก” คุณนายของบ้านเดินมาจับมือลูกสะใภ้คนโปรด โปรดที่โปรดไปเสียทุกอย่าง ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกทั้งนิสัย

ใจคอ กระทั่งฐานะทางการเงิน สอบถามสารทุกข์สุกดิบข้าวหวานสักครู่ ก็เหลือบสายตาไปมองบุตรชายคนเดียวที่ยืนหน้านิ่งไม่สนฟ้าสนดิน ตั้งแต่ครั้งที่มีเรื่องการบังคับแต่งงาน ลูกชายที่เคยน่ารักช่างเอาอก

เอาใจ ก็เย็นชาหน้าตึงเหมือนดินแดนแอนตาร์กติกาแห่งขั้วโลกใต้

“คุณพ่อมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้เรียกผมกับข้าวหวานมา ความจริงวันนี้เราอยู่พัทยากัน” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามกับมารดา เมื่อไม่เห็นผู้เป็นพ่อนั่งอยู่บริเวณห้องโถงรับแขกเช่นที่ควรจะเป็น

“อ้าวมากันแล้วเหรอ” ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงประมุขของบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน บิดาเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับแฟ้มสารพัดเอกสารในอ้อมแขน “มาลูก มานั่งกันก่อน” เอ่ยปากชวนและพยักหน้าเรียกทุกคนให้มานั่งรวมกันที่โซฟา

กันต์ธีขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ผู้เป็นพ่อก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“นี่หนูหวาน สนใจจะมาเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของพ่อไหมลูก”

“ทำไมข้าวหวานต้องมาเป็นหุ้นส่วนด้วยล่ะครับ” นายแพทย์กันต์ธีเสียงแข็งทันควัน บริษัทสถาปนิกของบิดาอยู่ในภาวะง่อนแง่นไม่มั่นคง อีกอย่างข้าวหวานเองก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อน ที่พ่อเขาอยากให้มาลงทุนซื้อหุ้นไปก็ไม่ได้หวังให้ภรรยาของเขาไปช่วยงานบริหาร มีแต่อยากได้เงินทุนเสียมากกว่า

“ก็บริษัทมันกำลังเพิ่มทุน พ่อไม่อยากให้เป็นคนอื่นที่เข้ามาร่วมถือหุ้น คนกันเองจะสบายใจซะกว่า”

“พ่อพูดเหมือนว่ามีคนอื่นที่สนใจเข้าร่วมทุนกับพ่อ” น้ำเสียงของบุตรชายไม่ปกปิดอาการเย้ยหยัน

“งั้นหวานขอเอกสารไปดูก่อนได้ไหมคะ จริงๆ บริษัทสถาปนิกก็น่าสนใจอยู่ค่ะ” หญิงสาวพยายามเข้าประนีประนอมสถานการณ์ของพ่อลูก ทว่าคำพูดต่อมาของสามีก็ทำให้เธอหน้าเสีย

“จะดูทำไม คุณสนใจอะไร ผมไม่เห็นว่าคุณจะสนใจทำงาน

ทำการอะไรเลยหวาน”

“ตากันต์” เป็นนิตยาที่ขึ้นเสียงใส่ลูกชายหัวดื้อ “แกพูดแบบนี้ได้ยังไง น้องแต่งงานมาเป็นแม่บ้านให้แก แล้วคิดว่าการดูแลบ้านดูแลคนอย่างแกมันง่ายนักเหรอ”

“ผมไม่เคยเรียกร้องครับ”

“หึ เสื้อผ้าที่แกใส่ ข้าวที่แกกิน เตียงที่แกนอน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตแกน่ะ พ้นจากแม่ไปก็เป็นหนูหวานทั้งนั้น แกเคยต้องมาวุ่นวายเรื่องพวกนี้เหรอ” นิตยาเป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูกมาทั้งชีวิต ทำไมเธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกสะใภ้กำลังเผชิญ ที่สำคัญข้าวหวานไม่ได้อยู่ในสถานะที่ลูกชายจะมานั่งตวาดหรือตะคอกเป็นกระโถนเสียด้วยซ้ำ

เด็กสาวไฮโซคนนี้ยอมสงบปากสงบคำให้กันต์ธีมาโดยตลอด เพียงเพราะว่ารักบุตรชายของเธอมาก ไม่อย่างนั้นคนรวยระดับเจ้าสัวเพชรผู้เป็นปู่ของเด็กสาวคงไม่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เกิดพิธีแต่งงานของทั้งสองคน

“พอๆ เอาเป็นว่าพ่อฝากหนูหวานลองไปคิดดูก่อนนะ”

“ได้ค่ะ คุณพ่อ”

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายงวดนี้ พ่อจะขอดึงเอาไว้ก่อนเนอะ เผื่อหนูหวานตัดสินใจจะลงทุนกับบริษัทของพ่อ ก็จะได้เอาเงินที่พ่อต้องใช้หนี้งวดนี้ตัดกันซะเลย”

“เหอะ แบบนี้นี่เอง” นายแพทย์กันต์ธีพอจะเข้าใจความต้องการของบิดาขึ้นมารางๆ ความจริงไอ้บริษัทออกแบบนี่ไม่ได้จะสามารถขายหุ้นให้ใครได้หรอก เพียงแต่ความร่อแร่ของเจ้าของบริษัทที่ไม่มีเงินหมุนพอให้ไปใช้หนี้ ถึงได้คิดวิธีบ้องตื้นมาแยกหุ้นขายให้ลูกสะใภ้ ว่าก็ว่าเถอะต่อให้มีชื่อของภรรยาเขาอยู่ในฐานะหุ้นส่วนจริง เธอจะเข้ามาวุ่นวายยุ่งอะไรกันขนาดไหนเชียว แค่บริษัทนำเข้าเครื่องมือแพทย์และโรงพยาบาลชื่อดังที่คุณปู่เธอครอบครองอยู่

ข้าวหวานก็ยังไม่เคยเข้าไปจัดการดูแลเลย

พ่อเขานี่ฉลาดเป็นกรด ส่วนยายลูกสะใภ้ก็เหมือนไม่เคยกินปลาที่มีโอเมกาสามมาก่อนในชีวิต

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวหวานขอไปอ่านรายละเอียดดูก่อนนะคะคุณพ่อ”

“ลองดูนะลูก บริษัทนี้พ่อสร้างมันขึ้น ถึงไอ้เจ้ากันต์มันจะไม่ได้คิดเข้ามาดูแล แต่วันข้างหน้าก็อาจจะตกทอดไปเป็นของหลานพ่อก็ได้”

“ค่ะๆ” ได้ยินพ่อสามีพูดถึงเลือดเนื้อเชื้อไขและอนาคตร่วมกับกันต์ธี ข้าวหวานก็หน้าแดงซ่าน และเหมือนจะคล้อยตามขึ้นมาเหมือนกัน

“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมกับหวานมีธุระต่อคงต้องกลับก่อน”

“ไม่อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันเหรอลูก”

“คือ…”

หญิงสาวยังไม่ทันขยับปากสามีก็ผุดลุกขึ้นก่อน คว้าเรียวแขนฉุดเธอให้ลุกตาม “ผมมีเคสผ่าตัดต่อครับแม่”

“งานยุ่งแบบนี้เมื่อไหร่จะมีลูกกันล่ะ อยู่กันมาตั้งสามปีแล้วไม่ใช่เหรอ” กำพลยังไม่วายออกความเห็น นึกขัดใจความโง่เง่าของ

ไอ้ลูกชายเป็นที่สุด ผู้หญิงเพียบพร้อมแสนดีขนาดนี้มันยังทำตัวหยิ่งยโสเหมือนไม่แยแส ถ้าวันหนึ่งข้าวหวานเกิดเบื่อมันขึ้นมา ครอบครัวเขาก็ไม่รู้จะลำบากขนาดไหน แทนที่จะมีลูกสักคนสองคนเพื่อเป็นหลักประกันก็ยังดี

“ไม่มีหรอกครับ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็ก”

“ถึงไม่ชอบแค่ไหน แต่แกก็จะรักเด็กที่เป็นลูกของแกอยู่ดี ไอ้โง่” กำพลเอ็ดตะโรลั่นตามหลังบุตรชายที่จับจูงลูกสะใภ้ไปถึงประตูบ้านแล้ว นึกขัดใจอยู่เป็นกำลัง

“สงสารหนูหวานจังนะคะ”

“ตอนนี้คุณหันมาสงสารผมก่อนเถอะ ถ้าหนูหวานไม่มาลงหุ้นหรือผ่อนผันหนี้ให้ในงวดนี้ คุณกับผมได้ไปขอข้าววัดกินแน่”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • กังวานหวาน    ตอนพิเศษ 2 ความทรงจำ

    แซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่มีชีวิต...ผมรู้สึกแบบนั้นมาตลอด เพราะทุกครั้งที่ได้ยินข้าวหวานเป่าเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้ เธอใส่อารมณ์ ใส่ความรู้สึกรวมถึงเสน่ห์ของเธอลงไปด้วย เธอเซ็กซี่เสมอยามเมื่อยืนอยู่บนฟลอร์และสะกดคนด้วยเสียงเพลงอย่างเช่นคืนที่เราอยู่บนเรือสำราญด้วยกันจริงอยู่คนอื่นอาจจะเห็นเธอในมุมของนักดนตรี ไฮโซสาวพราวเสน่ห์แต่เสน่ห์อย่างอื่นของเธอมีมากมายกว่านั้นถึงแม้ครั้งหนึ่งผมจะหลับหูหลับตา มองเธอผ่านหน้ากากแห่งอคติ แต่ได้โปรดเข้าใจกันบ้าง ตอนนั้นผมคือผู้ชายที่จำใจแต่งงานโดยไม่ได้รักผมไม่ถึงกับโกรธเกลียดข้าวหวาน แค่ขวางหูขวางตานิดหน่อย ผมทำนิสัยแย่ เธอก็ยังยิ้มอ่อน ผมเย็นชา เธอก็ยังทำข้าวกล่องให้ไปกินที่ทำงานทุกเช้า บอกตรงๆ ผมค่อนข้างได้ใจข้าวหวานเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอรักผมมาก รักแบบที่ไม่มีทางไปไหนรอดน่าขำ…ผมไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนตลอดเวลาที่ผมเย็นชา เธออดทนเพราะหวังว่าผมคงอ่อนโยนขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้าเวลาที่ผมทำนิสัยแย่ เธอมักจะยิ้มหรือนิ่งเงียบ นั่นเพราะเธอคงไม่อยากให้เราทะเลาะกันจนบานปลายการใช้ชีวิตคู่ที่เธอพยายามและเฝ้าทะนุถนอมมันเพียงฝ่ายเดีย

  • กังวานหวาน   ตอนพิเศษ 1 ความอบอุ่น

    แสงอาทิตย์อ่อนแสงลงจนดูอ่อนโยนกับท้องทะเล เด็กน้อยหลายคนและนกนางนวลหลายตัวกำลังเล่นลมอย่างสนุกสนาน ฉันมองภาพงดงามซึ่งเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงภาพอันสว่างไสวเช่นนี้เพียงอย่างเดียวคนเราล้วนมีช่วงเวลาที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำหรับฉันมันเกิดขึ้นตอนอายุสิบห้าคืนที่ฝนตกกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว เศษกระจกแตกกระจัดกระจาย รถที่พลิกคว่ำ เลือดของฉัน พ่อและแม่ นองไปกับสายฝน กระดูกแขนขาหัก มันเจ็บปวดที่ต้องนอนมองคนที่รักตายอยู่ตรงหน้า แต่กระนั้นฉันก็ยังกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมากัดกินฉันอีกคนความอบอุ่นของฝ่ามือมนุษย์แตะเบาๆ ที่ข้างคอของฉัน ผู้ชายที่เปียกโซกไปทั้งตัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืดและคาวเลือด นับแต่นั้นฉันฝังรอยยิ้มสว่างไสวของเขาไว้ในความทรงจำ“ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ น้องจะปลอดภัยแน่นอน” เขาพูดแบบนั้นและฉันก็ปลอดภัยจริงๆ แม้ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของคุณปู่อยู่เกือบปีอาการทางกายของฉันดีวันดีคืนเพราะอยู่ในวัยที่ร่างกายแข็งแรง ทว่าอาการทางใจมันกลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆฉันมักหายใจไม่ออกเสมอ หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ฝนตก

  • กังวานหวาน   บทที่ 65

    สถานตากอากาศบางปูในวันสุดสัปดาห์ผู้คนหนาแน่นกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเข้าใกล้ปลายปีแบบนี้กันต์ธีหยิบหมวกปีกกว้างสวมบนศีรษะของภรรยาสาวที่กำลังท้องแก่ อีกมือก็ก้มลงจูงเด็กชายเขตต์วัยสามขวบกว่าที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งรอบตัว ที่สำคัญคือลูกเขาซนมากอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ หมอหนุ่มยังคงเป็นมนุษย์เย็นชาที่ไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย ทว่าเขากลับรักเด็กคนนี้จับจิตจับใจ“เดินรอแม่ด้วยสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากเตือน หนูน้อยที่อยู่ในช่วงพลังงานล้นเหลือก็ก้าวเท้าช้าลง ปล่อยมือจากบิดาและหันไปประคบประหงมมารดาแทน“คับ” เด็กชายเขตต์ยิ้มแฉ่งให้กับผู้เป็นแม่ที่ยังเดินอุ้ยอ้าย ฝีเท้าเล็กๆ ก็ขยับช้าลงฉับพลันกันต์ธีมองความอ่อนโยนของลูกชาย โชคดีที่เขตต์ได้รับนิสัยน่ารักแบบนี้มาจากฝั่งของข้าวหวาน เขาจำได้ วันที่รู้ว่าในท้องของภรรยาเป็นลูกสาวเขาก็บอกกับลูกชายคนโตว่าต่อไปจะมีน้องน้อยที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาออกมาเป็นเพื่อนเล่นอีกคน เด็กชายเขตต์ก็ดีอกดีใจ ทุกวันนี้พี่ชายตัวโตก็มักจะวิ่งเข้าโอบกอดท้องกลมเหมือนลูกแตงโมของมารดาอยู่ทุกวัน“น้องเขตต์จับมือคุณพ่อไว้นะคะ” คุณแม่ยังสาวรีบเตือนบุตรชายเมื่อเดินพ้นระยะจากลานจอดร

  • กังวานหวาน   บทที่ 64

    พ้นจากช่วงงานยุ่งติดพันมาพักใหญ่ ในที่สุดคู่สามีภรรยานักบริหารก็หาเวลาว่างมาล่องเรือสำราญกันได้สำเร็จแม้จะเป็นการมาพักผ่อนเพียงช่วงสั้นๆ ราวสามสี่คืน แต่นายแพทย์กันต์ธีก็เปี่ยมไปด้วยสุขที่เห็นภรรยาสาวผ่อนคลายลง เธอดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นจนเขารู้สึกได้ ผิวขาวน้ำนมของหญิงสาวเหมือนจะเปล่งรัศมีเรืองแสง ยิ่งยามที่เธอเฉิดฉายอยู่ในชุดสีแดงแบบนี้ด้วย เขาไม่เหลือสายตาไปมองใครเลยแม้แต่วินาทีเดียว“เรือลำเดิมเลยค่ะพี่กันต์ จำได้หรือเปล่า”“จำได้สิครับ” ชายหนุ่มเดินโอบไหล่บอบบางพาไปยังบริเวณราวเหล็กด้านข้างเรือ ตั้งใจว่ารอให้แดดร่มลมตกกว่านี้ก่อนค่อยชักชวนภรรยาสาวขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าสำหรับดินเนอร์มื้อค่ำ“ที่บอกว่าจำได้เนี่ย คือจำว่ามากับหวาน หรือมากับดีเทลยาคนนั้นที่พากันเข้าห้องไปคะ” หญิงสาวเปิดปากกระแนะกระแหน ในใจก็นึกว่าจะไม่จิกกัดเขาเรื่องนี้อยู่แล้วเชียว แต่เมื่อก้าวขามาอยู่บนเรือสำราญ หัวใจมันคันยุบยิบ ปล่อยไปกันต์ธีก็เหมือนจะลอยตัว วันนี้เลยขอเคลียร์สิ่งที่ค้างคาสักหน่อย แล้วเธอจะมูฟออนจากเรื่องสาวๆ ของเขาเสียที“โธ่ หวาน”“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกลบเกลื่อนค่ะพี่กันต์ มันไม่ได้ผล” ไฮโซสาวยกแข

  • กังวานหวาน   บทที่ 63

    ทริปล่องเรือสำราญล่มไม่เป็นท่าเพราะนายแพทย์หนุ่มป่วยจนไข้ขึ้นถึงแม้กันต์ธีจะพยายามผงกหัวแล้วร้องโวยวายเสียงแหบพร่า บอกกับหญิงสาวว่าให้เตรียมตัวไปทริป แต่ด้วยสภาพของเขาที่มันตรงกันข้าม พอเริ่มงอแงหนักข้อขึ้น ไฮโซสาวก็เปลี่ยนมายืนเท้าเอว พลิกจากลูกโอ๋เป็นดุเสียงเข้มแทน“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ยืนยันจะไปล่องเรือ หวานจะได้ไม่ต้องขนของกลับมาที่นี่”“ทำไมล่ะ” คนป่วยเบิกตาโต เสียงแห้งไปกว่าเดิมอีกพันเท่า พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง“ก็หวานจะเอาวันหยุดของเรา ย้ายของซะหน่อย ถ้าพี่กันต์อยากไปเที่ยวมาก งั้นเรื่องขนของกลับมาที่นี่ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ค่ะ”ได้ยินเหตุผลของหญิงสาว คนดื้อก็เด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีสีเลือดพร้อมกับทำเสียงจริงจัง จนคนที่แอบมองอยู่ต้องอมยิ้ม “ได้ยินกรมอุตุบอกว่าช่วงนี้คลื่นลมแรง เราอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”“พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อยค่ะ”“แล้วรักไหม” ไม่ใช่เพราะพิษไข้นี่หรอกที่ทำให้เขาอยากออดอ้อน แต่เพราะความรักที่ท่วมท้นล้นเอ่อ ในหัวใจมันรู้สึกหวานๆ คล้ายอยากให้เธอเติมคำว่ารักเข้ามาเพิ่ม อยากได้ยินอยู่แบบนั้นราวกับมันเป็นเสียงดนตรีบรรเลงที่อยา

  • กังวานหวาน   บทที่ 62

    หลังส่งมารดาขึ้นรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์หนุ่มก็เดินเข้าครัวเพื่ออุ่นซุปเยื่อไผ่กระดูกอ่อน เดือดพลุ่งทั่วหม้อเขาก็ยกลงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง พยายามฝืนกลืนให้ตัวมีแรง ในใจคิดไปว่าฝีมือมารดาคงอร่อยมากหากได้กินในช่วงเวลาปกติ ทว่าตอนนี้ปากของเขาเริ่มขมปร่าไม่รู้รสชาติเสียแล้ว กลิ่นที่ควรหอมฟุ้งจากน้ำต้มซุปกระดูกหมูก็ไม่พาเข้าสู่โสตประสาทใดๆเมื่อท้องอุ่นขึ้น คนใกล้ป่วยก็พาตัวเองไปยังห้องนอนกว้างข้าวหวานมักหาเวลามานอนค้างด้วยที่นี่เป็นบางครั้ง แต่หลังจากค่ำคืนที่หญิงสาวกลับไป เขาจะยิ่งทุรนทุรายด้วยความคิดถึงกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง เฉกเช่นคืนนี้ที่หลานสาวเจ้าสัวต้องควงปู่เพชรไปงานเลี้ยงที่สมาคม ส่วนเขาเร่งมือเคลียร์งานจึงไปกับเธอไม่ได้ ช่วงเวลาของการได้พบหน้าในตอนกลางวันมันไม่เพียงพอ ทั้งที่รู้สึกอ่อนเพลียขนาดนี้ แต่กันต์ธีก็ยังหลับไม่ลง‘นอนหรือยังคะ’ ข้อความที่เด้งขึ้นจากแอปพลิเคชันสนทนา ทำให้คนที่กำลังน้อยอกน้อยใจเปิดปากยกยิ้ม เขารีบพิมพ์กลับไปทันทีแบบไม่เล่นตัว‘ยังไม่นอน คิดถึงข้าวหวานจัง’ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้น ชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงยกขึ้นปัดรับด้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status