หลายเดือนต่อมา
นริยากับนารินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ทั้งคู่เลือกเรียนบัญชีและการเงิน และเลือกวิชาโทเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากบ้านของพวกเธอค่อนข้างมาก นริยาจึงเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนนารินมีคนคอยรับส่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่เมื่อวันไหนนารินขี้เกียจกลับบ้านก็จะมาอยู่ค้างกับนริยา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ภาคินต้องการพอดี
คอนโดของนริยาเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนแยกออกจากโซนครัวและห้องรับแขก จึงไม่ได้คับแคบมากนัก นารินมักจะมานอนเล่นระหว่างรอภาคินมารับหรือรอคนรถมารับเธอ
“ขออาบน้ำก่อนนะ ร้อน” นริยาบอกนารินทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ระหว่างถอดเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจว่านารินเดินตามเข้ามานอนเล่นบนเตียง
“ทำไมไม่ไปอยู่บ้านฉันวะ ไหนๆ ก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว”
“ไม่ไปอะ”
“กลัวพี่คินเหรอ”
“ก็ประมาณนั้น”
“แกมีเบอร์พี่คินไหม” นารินถามนริยาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“มี พี่คินเคยขอเบอร์ฉันไปแล้วโทรเข้ามา ทำไม”
“มีกี่เบอร์”
“2”
“ยินดีด้วย แกมีป้ายตำแหน่งพี่สะใภ้ของฉันคล้องคอเอาไว้แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงวะ”
นริยาชะงักไปหลังจากที่เธอถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในติดตัว เธอถามนารินด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวหลังจากนึกขึ้นได้ว่าผืนที่เธอใช้เธอใส่ลงตะกร้าไปแล้ว
“ก็เบอร์พี่คิน มี 3 เบอร์ มีเบอร์สำหรับครอบครัว เบอร์สำหรับทำงานหรือคนนอก กับเบอร์ที่ฉันเดาว่าแกไม่มี คือเบอร์ที่เอาไว้ใช้สำหรับพวกคู่นอนคู่ขาของพี่คิน”
“…..”
“เบอร์สำหรับครอบครัว จะมีแค่คนในบ้านที่รู้ แม้แต่ญาติพี่น้องยังไม่มีใครรู้เลย แต่นี่พี่คินเอาเบอร์นี้ให้แกด้วย แกหนีพี่คินไม่พ้นหรอก”
“เว่อร์ย่ะ คิดอะไรมาก เขาอาจจะเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทแกก็ได้”
“เสื้อผ้าของพี่คิน ไม่เคยมีใครได้ยืมหรือได้ใส่นะ ถ้ามีคนใส่พี่คินจะทิ้งเลย ยิ่งตัวที่แกใส่มันเป็นตัวโปรด…..”
“…..” นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเตรียมจะออกไปอาบน้ำ
“เอางี๊ เสื้อพี่คินยังอยู่ไหม”
“อยู่ในตู้นั่นแหละ”
“งั้นเรามาพิสูจน์กัน ว่าเสื้อที่แกใส่ไปแล้ว เขาจะใส่ไหม”
“แล้วแต่”
นารินมองตามหลังนริยาที่เดินออกจากห้องนอนไปแล้วก็เอื้อมคว้ากระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังมาเปิด หยิบโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบมากดส่งข้อความหาพี่ชายของเธอ
ทางด้านภาคิน วันนี้เขามารับนารินเอง เพราะมีนัดกับลูกค้าแถวนี้พอดี แต่ตั้งใจว่าจะเข้าไปรับมืดๆหน่อย ปล่อยให้ทั้งสองสาวพักผ่อนกันไปก่อน แต่ระหว่างที่กำลังจะลงจากรถก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ เมื่อมันดังแจ้งเตือนมาจากเครื่องส่วนตัว
‘วันนี้รินอยากกินหมูกระทะ พาไปกินหน่อย ค่อยกลับมาส่งน้ำตอนกลับ’
‘อือ ขอทำงานก่อน เดี๋ยวเข้าไปรับประมาณ 4 โมง’
หลังจากส่งข้อความตอบกลับน้องสาวเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวลงจากรถเพื่อไปหาลูกค้าตามที่นัดหมายเอาไว้
ปกติภาคินจะมีผู้ช่วยส่วนตัวเวลาไปไหนมาไหนเขาจะไม่ต้องขับรถเอง แต่หากวันไหนที่เขาตั้งใจจะมารับนารินก็จะออกมาเองคนเดียว
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”
เมื่อเข้ามาในร้านอาหารและพบกับลูกค้าสาวที่เขาได้นัดเอาไว้ ร่างสูงก็หย่อนตัวนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนที่จะเข้าสู่เวลาทำงานอย่างเป็นทางการ
หลังจากพูดคุยกันจบลงชายหนุ่มก็ขอตัวเพื่อจะได้ไปรับน้องสาวและได้ไปพบกับสาวน้อยของเขาหลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน
“จะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ”
“พอดีผมมีธุระต่อครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“งั้นวันไหนว่างเราจะได้เจอกันไหมคะ”
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนในหน้าหล่อเหลา เขาทำเพียงยิ้มให้หล่อนโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเดินออกไป
“แก เดี๋ยวพี่คินมารับออกไปกินหมูกระทะนะ”
“ไหนว่ากลัวอ้วน”
“ไม่สนละ เรื่องกินสำคัญกว่า”
นริยาไม่ได้พูดอะไร เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดชั้นในออกมาใส่ ก่อนจะมองหาเสื้อยืดตัวหลวมสีเข้มกับกางเกงขาสั้นสีขาวออกมาใส่
“ฉันอยากหุ่นแบบแกบ้างว่ะ ดูหุ่นฉันดิ อย่างกับเด็กอนุบาล” นารินมองนริยาที่ยืนใส่เสื้อผ้าต่อหน้าเธอด้วยแววตาอิจฉา
“ฉันก็ผอมเหมือนแกนั่นแหละ”
“เหมือนตรงไหน แกมีนม มีตูด มีสะโพก หุ่นแกนี่คือสเปคของผู้ชายเลยนะ ผอมบาง แต่มีของ”
“…..”
“แถมขาวสว่างอีกต่างหาก”
“แกก็ขาว” นริยาเถียงนารินระหว่างที่เธอกำลังมัดผม
“ฉันขาวเหลือง แต่แกขาวแบบขาวเลย”
“บ้าบอ”
นริยาบ่นแบบไม่ได้จริงจังนัก เพราะเธอรู้ดีว่านารินชอบพูดเล่นไปเรื่อย แต่วันนี้แปลกตรงที่อยู่ๆนารินก็พูดถึงพี่ชายกับเธอ ทั้งที่พวกเธอไม่ได้คุยกันเรื่องภาคินมาตั้งแต่หลังจากที่เธอไปค้างที่บ้านของนารินวันนั้น
“ฉันอาบน้ำบ้างดีกว่า ดีนะที่ฉันเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี่” นารินรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวของเธอก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำไป เพราะเธอตั้งใจว่าตอนที่พี่ชายเธอมาถึง นริยาต้องเป็นคนลงไปรับด้วยตัวเอง
นานหลายนาทีนารินก็ยังไม่ออกมา นริยาไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
“…..ค่ะ”
“ทำไมยัยรินไม่รับโทรศัพท์พี่”
“อาบน้ำอยู่ค่ะ”
“งั้นลงมารับพี่หน่อย พี่มาถึงแล้ว”
“…..ค่ะ”
นริยาถอนหายใจ เมื่อคนที่เธอตั้งใจลืมเลือนมาตลอดหลายเดือนเป็นฝ่ายก้าวข้ามโซนเข้ามาหาเธอก่อน
ร่างบอบบางก้าวออกจากห้องช้าๆ เธอลงลิฟต์ไปรับผู้เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอที่หน้าอาคารอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“สวัสดีค่ะ”
เมื่อลงมาถึงหน้าอาคาร ดวงตากลมโตก็มองเห็นร่างสูงกำยำสมส่วนอยู่ในชุดสูทเต็มยศ ก็ยกมือไหว้อย่างคนอายุน้อยกว่าหลายปี
“ทำไมใส่ขาสั้นลงมา”
“พี่คิน ที่นี่คือคอนโดนะคะ นิสิตนักศึกษาเยอะแยะค่ะ การใส่ขาสั้นหรือถ้าจะใส่เสื้อผ้าออกไปเที่ยวบาร์มาเดินก็ไม่มีคนสนใจหรอกค่ะ”
“…..นำไป”
“ค่ะ”
หญิงสาวเดินนำภาคินเข้าไปในลิฟต์เงียบๆ เธอรู้สึกได้ว่าเขามองเธอไม่วางตา แต่ก็แกล้งทำเฉยไป จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปก็พบว่านารินนั่งรออยู่ที่โซฟา
“ไปหรือยัง”
“ไปทั้งชุดสูทเหรอคะ หมูกระทะนะ” นารินย้อนถามพี่ชายสีหน้าเรียบเฉย
ภาคินชะงักไป ถึงเขาจะตามใจน้องสาวมากไหน แต่การให้กลิ่นควันมาติดเสื้อสูทก็คงไม่ไหวสำหรับเขา
“น้ำ ได้เอาเสื้อพี่มาที่นี่ด้วยไหม”
“เอามาค่ะ อยู่ในตู้”
“เอามาให้พี่ใส่ก่อน”
นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินเข้าไปในห้องนอนโดยมีภาคินเดินตามหลังมาด้วย ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ก่อนที่มือเรียวสวยจะหยิบเสื้อยืดของเขาออกมาส่งให้
“เอาเสื้อสูทมาค่ะ น้ำแขวนให้”
เสื้อสูทราคาแพงถูกส่งให้กับเจ้าของห้องหลังจากที่ชายหนุ่มถอดมันออก นริยาจัดการแขวนใส่ไม้แขวนสำหรับเสื้อสูทเสร็จแล้วเธอก็แขวนเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนอนไปเพื่อปล่อยให้เขาเปลี่ยนเสื้อ
“แผนแกใช่ไหม”
“ใช่ แกมีป้ายสถานะพี่สะใภ้ฉันแขวนคอแล้วล่ะ”
“ไม่มีทาง พี่แกแค่ไม่อยากให้เสื้อสูทเหม็นเฉยๆเหอะ”
“รอดูต่อไปเหอะน่า”
หลังจากที่เจ้าของหัวข้อสนทนาเดินออกมา สองสาวก็เปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนที่จะพากันออกจากห้องไป
หลังจากกินหมูกระทะเสร็จ ภาคินก็กลับมาส่งนริยาที่คอนโด ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะขึ้นไปเอาเสื้อสูทกลับด้วยเลย แต่ในเมื่อมันมีข้ออ้างในการที่เขาจะมาหาเธอหลังจากนี้ แล้วทำไมเขาต้องทิ้งโอกาสนั้นไป
“ฉันไปนะ”
“อือ วันจันทร์เจอกัน”
สองสาวโบกมือให้กัน ก่อนที่ภาคินจะเคลื่อนตัวรถออกไป นริยามองตามจนลับตาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในอาคารเพื่อกลับขึ้นห้องพักของเธอ
“รู้นะว่าพี่ทำอะไรไว้อะ”
“ทำอะไร?”
“ก็หลายเดือนก่อนไง จองเพื่อนรินไว้เหรอ”
“อือ”
“แล้วไงต่อ?”
“อยากได้ไหมล่ะ พี่สะใภ้คนนี้น่ะ”
“ของจริงใช่ไหม ไม่ใช่เล่นๆเหมือนคนอื่นนะ”
“รู้อยู่แล้วนี่ จะถามทำไม”
ภาคินรู้ดีว่าน้องสาวรู้ เพราะเรื่องที่เขาใช้โทรศัพท์ทั้งหมด 3 เครื่อง มันเป็นสิ่งที่ครอบครัวรับรู้มาตลอดไม่เว้นแม้แต่บิดามารดาของเขาก็ตาม เพียงแค่พวกเขาไม่เข้ามาก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัว ขอแค่ตัวเขาไม่พลาดทำใครท้องนอกจากตัวจริงของเขาก็พอ
นารินถอนหายใจก่อนจะหยิบคีย์การ์ดเข้าคอนโดกับกุญแจสำรองของห้องนริยาออกจากกระเป๋าส่งให้พี่ชาย
“รหัสคือวันเรียนจบมัธยมปลายของพวกเรา ส่วนกุญแจปั๊มแล้วเอามาคืนด้วย คีย์การ์ดให้ยืมเอาไปใช้เท่านั้น แล้วห้ามทำอะไรน้ำเด็ดขาด”
“เออ รู้แล้วน่า เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย”
“พี่ไม่ใช่คน พี่เป็นเสือ จ้องจะงาบลูกแมวน้อย”
“บ่นมาก อยากได้ไหม พี่สะใภ้อะ”
“หึ ถ้ายัยน้ำเสียใจรินเอาพี่ตายแน่”
“ไม่มีทาง”
สองพี่น้องเถียงกันจนกลับมาถึงที่บ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง นารินวางของลงบนโซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความบอกนริยาว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว และเมื่อนริยาตอบกลับมาเธอถึงได้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาขึ้นเตียงนอน
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่นริยาอ่านหนังสือจนค่อนรุ่ง เธอจึงเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน แต่สัญชาตญาณของคนที่อยู่คนเดียวมาตลอดมันบ่งบอกเธอว่าตอนนี้มีคนอยู่ในห้อง
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการงัวเงีย เธอเปิดประตูห้องนอนโดยไม่ได้ระวังตัวเพราะคิดว่าเป็นนารินที่มาหาเธอแต่เช้า เพราะมีเพียงนารินเท่านั้นที่มีคีย์การ์ดเข้าคอนโดและมีรหัสห้องของเธอ
“!!!!” เสียงหวานใสหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องเธอไม่ใช่นาริน แต่เป็นภาคิน
“ร้องทำไม”
“พี่เข้ามาได้ยังไง”
“รินให้รหัสกับคีย์การ์ดมา”
“…..” นริยาหน้าเหวอไปหลังจากได้ยินคำตอบของภาคิน
“จะยืนอยู่ในชุดนี้จริงเหรอ” ภาคินถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงล้อเลียนพลางปรายตามองชุดนอนกระโปรงผ้าซาตินสีชมพูอ่อนที่บางเบาจนเห็นทรวดทรงผู้ใส่
“ให้ตาย!!!”
หลังจากนริยาสบถออกมาอย่างลืมตัวแล้วรีบหันหลังกลับเข้าห้องนอนไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังตามหลังมา
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา