นริยา ไปบ้านของเพื่อนสนิทเพื่อไปติวหนังสือก่อนเรียนจบมัธยมปลาย จนได้พบกับพี่ชายของเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจจับจองเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ถึงกับมอบรอยตีตราเอาไว้บนลำคอ แล้วเธอจะหนีเขาได้อย่างไร
ดูเพิ่มเติม“ไปค้างบ้านเราไหม”
“ไม่เป็นไรเหรอ”
“อื้ม ไม่เป็นไร เราอยู่กับพี่เรา พ่อแม่เราไปทำงานต่างประเทศ”
“…..ไปก็ไป”
หลังจากคุยตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองสาวก็พากันนั่งรถที่หน้าโรงเรียน ตรงไปยังบ้านของผู้ชักชวน ซึ่งก็คือนาริน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของนริยา
นริยา หรือ น้ำ เด็กสาวผิวขาวจัด ดวงตากลมโต ขนตายาวงอนเป็นแพ ผมตรงยาวดำสนิทเป็นเงาสวยงาม เธอสูง 165 เซนติเมตร แต่หนักเพียงแค่ 43 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอม
หญิงสาวเป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะ อาจจะเพราะเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด และไม่เข้าหาใครก่อน นั่นจึงทำให้เธอมีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันเพียงคนเดียวก็คือนาริน
“เข้ามาสิ ยังไม่มีใครกลับมาหรอก”
เมื่อเดินทางมาถึง นารินก็เปิดประตูเล็กข้างรั้วก่อนจะเรียกให้นริยาตามเธอเข้าไปด้านใน หญิงสาวเดินตามเพื่อนเข้าไปด้วยอาการอึ้ง เมื่อบ้านของนารินมีขนาดไม่ต่างกับคฤหาสน์เลย
“เรามีพี่ชายกับน้องชาย พี่เราอยู่มหาวิทยาลัยปี 4 กับน้องชายเราอยู่มัธยม 2 ห่างกันคนละ 4 ปี”
“ดีจัง เราลูกคนเดียว เหงาจะแย่”
“อย่างน้อยก็ไม่ต้องทะเลาะกันนะ”
“ก็คงงั้น”
“ขึ้นไปเถอะ”
เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน สองสาวก็พากันเดินขึ้นไปชั้นสอง ที่มีห้องนอนของนารินอยู่ บนชั้นนี้จะมีห้องนาริน พี่ชาย และน้องชาย อยู่บนชั้นเดียวกัน
“ไปอาบน้ำก่อนไป ใส่เสื้อผ้าเราไปก่อน”
“เราจะใส่ได้เหรอ รินตัวเล็กนิดเดียว”
“เออ จริงด้วย น้ำสูงกว่าเราเยอะเลย งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวเราไปเอาเสื้อพี่เรามาให้”
“เอ่อ งั้นเราใส่ของรินดีกว่า”
“ไม่น่าใส่ได้ เราชอบใส่เสื้อผ้าพอดีตัว ที่สำคัญเราแบน น้ำมีหน้าอก ไม่น่าใส่ได้”
“…..”
นารินพูดจบก็เดินหายออกไปจากห้อง นริยาจึงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง อันที่จริงวันนี้เธอกับนารินตั้งใจจะมาอ่านหนังสือกันเพราะสอบอาทิตย์หน้า และห้องที่พวกเธอเรียนเป็นห้องพิเศษ วิชาเรียนจึงจะมากกว่าห้องเรียนปกติอยู่หลายวิชาและหลายหน่วยกิต
“มาแล้ว เอาเสื้อพี่เราไปใส่ก่อนนะ กางเกงน่าจะใส่ของเราได้อยู่ มีบางตัวที่มันหลวม เราใส่ไม่ได้ น้ำน่าจะใส่ได้”
นารินเดินนำนริยาไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงขาสั้นกับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาส่งให้นริยา ก่อนจะชี้ไปที่ห้องน้ำเพื่อบอกทาง
นริยาพยักหน้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งและกางเกงขาสั้น
“เราส่งข้อความไปบอกพี่เราแล้วว่าเรายืมเสื้อให้น้ำใส่ รอเราอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินแล้วค่อยติว”
“อือ”
นารินหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมา หล่อนเป็นคนตัวเล็ก สูง 155 เซนติเมตร จึงไม่ได้ดูโตเป็นสาวเหมือนกับนริยา
“ลงไปหาอะไรกินกัน”
ทั้งสองสาวเดินลงมาชั้นล่างก็พบกับแม่บ้านที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ เมื่อแม่บ้านเห็นว่ามีแขกมา จึงจัดการเตรียมผลไม้และน้ำอัดลมให้กับทั้งสองสาวและกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
นารินพานริยาไปนั่งที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะหยิบหนังสือกับสมุดในส่วนที่ต้องสอบในวันแรกขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อช่วยกันทบทวนในสิ่งที่จะออกข้อสอบ
ไม่นานก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเด็กผู้ชายที่สูงราว 170 เซนติเมตร จะเดินเข้ามาพร้อมกับอาการชะงักไปเมื่อเห็นว่ามีแขกอยู่ในบ้าน
“วิน นี่เพื่อนพี่ ชื่อน้ำ”
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มที่เสียงเริ่มแตกเอ่ยทักก่อน
“สวัสดีค่ะ” นริยาทักทายกลับ เธอไม่ได้คิดว่าน้องชายของเพื่อนจะสูงขนาดนี้จึงอึ้งไปเล็กน้อย
“ผมขึ้นห้องก่อนนะ เจอกันตอนกินข้าว”
นารินพยักหน้ารับ และเมื่อพ้นหลังเด็กหนุ่มไปแล้ว นารินก็หันมาหานริยา ก่อนจะอธิบายให้นริยาฟังถึงน้องชายของเธอ
“ธาวิน ชื่อเล่นวิน สูงใช่ไหม”
“ใช่”
“พี่คินสูงกว่านี้อีก พี่คินสูง 188 เซนติเมตร”
“…..” นริยาอึ้งหลังจากที่ได้ฟังเพื่อนบอก
“น่าจะกลับดึกๆ พี่คินจะเป็นคนนิ่งๆ ดุๆ เอาแต่ใจตัวเองสูง คงเพราะเขาต้องดูแลน้องๆ ด้วยมั้ง เลยเป็นแบบนั้น เพราะพ่อแม่ของเราส่วนใหญ่ทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆ จะกลับมาที พี่คินเลยต้องช่วยดูแลที่บริษัทตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว”
นริยาพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร พวกเธอจึงเข้าสู่ช่วงเวลาติวหนังสืออย่างเป็นทางการ
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จทั้งสามคนก็แยกย้ายกันขึ้นห้องนอน นารินกับนริยาที่ติวหนังสือกันตั้งแต่บ่ายจึงใช้เวลาหลังอาหารในการพักผ่อน ก่อนที่จะช่วยกันติวหนังสือต่อ จนกระทั่งใกล้สี่ทุ่ม นารินจึงขอตัวไปนอนก่อน ปล่อยให้นริยานั่งอ่านหนังสือเรียนและหนังสือที่นำไปสร้างหนังชื่อดังอยู่เพียงลำพัง
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามา
นริยามองผู้มาใหม่ด้วยอาการตกใจ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน เพิ่งซักตากไปเมื่อตอนขึ้นมาบนห้องนอน และที่สำคัญเวลานี้เจ้าของห้องได้หลับไปแล้ว
“รินหลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ” นริยาที่เพิ่งได้มองเขาเต็มตาก็อึ้งไป
ภาคิน เป็นชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างกำลังดี ไม่ได้ผอมแห้ง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตจนน่าเกลียด เขาหล่อระดับเดือนของมหาวิทยาลัย อีกทั้งฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดีมาก จึงทำให้เขากลายเป็นที่หมายปองของสาวๆเกือบทั้งมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ครองตัวโสดมาจนใกล้จะเรียนจบ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว เขาเองก็ผู้ชายแบดๆ คนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่จะมีคนที่รู้อยู่แค่ไม่กี่คน หลักๆก็จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนที่ใกล้ชิด
หญิงสาวหลายคนที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วยจะรู้จักเขาเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ถ้าคนที่เป็นคู่ขากันก็จะรับรู้รสนิยมและนิสัยของเขามากพอสมควร เพียงแต่เขาไม่ได้คบใครเป็นจริงเป็นจังเท่านั้น ซึ่งพวกหล่อนก็รู้และยินดีที่จะมีความสัมพันธ์ชั่วคราวกับเขาไปเรื่อยๆแบบนี้
“รินไปเอาเสื้อพี่มาให้เธอใส่เหรอ”
“ค่ะ”
“อืม เหมาะดีนะ เอาไปสิ พี่ให้”
ดวงตาคมดุมองไปที่ร่างบอบบางปราดเดียวก็รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ใส่ปราการด้านใน เธอห่อตัวตามสัญชาตญาณ เขาจึงไม่ได้ก้าวเข้าไปใกล้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูเช่นเดิม
นริยามีท่าทางกระอักกระอ่วน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาบอกเธอมันเป็นเพราะเขามองว่าเสื้อเขาเหมาะกับเธอจริงๆ หรือแค่ประชดประชันเธอที่เอาเสื้อเขามาใส่โดยไม่ได้ขออนุญาต
“อย่าคิดเยอะ พี่บอกว่าให้ก็คือให้”
“…..ค่ะ”
“แล้วทำไมยังไม่นอน”
“อ่านหนังสือค่ะ”
“อืม อย่านอนดึกล่ะ แล้วก็ล็อกประตูห้องด้วย”
“ค่ะ”
ภาคินถอยหลังเดินออกจากห้องไปหลังจากที่พูดจบ นริยาแอบถอนหายใจเบาๆ เธอแอบเกร็งเล็กน้อยตอนที่เขายืนอยู่ภายในห้อง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ตามลำพังและไม่ได้ปิดประตูก็ตาม บุคลิกเขาดูดุและน่าเกรงขามอย่างที่นารินบอกเธอจริงๆ
หญิงสาวอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านพ้นวันใหม่ไปหลายนาที มือเล็กวางหนังสือลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดร่างกายคลายความเมื่อยขบ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาขวดน้ำดื่ม แต่เมื่อไม่เห็นมีจึงเปิดประตูห้องอย่างเบามือ มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครก็ปิดประตูแล้วค่อยๆเดินลงบันไดไป
บริเวณโถงบันไดไม่ได้มืด เพราะจะเปิดไฟที่โถงเอาไว้ตลอด หญิงสาวจึงไม่ลำบากในการมองเห็น
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างร่างบอบบางก็เดินมาที่ห้องครัว ซึ่งไกลจากโถงในบ้านพอสมควร ก่อนที่มือเล็กจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เปิดไฟด้านในห้องครัว อาศัยเพียงแสงไฟจากโถงบันไดเพียงเท่านั้น
ตู้เย็นถูกเปิดออกพร้อมกับที่ขวดน้ำถูกหยิบออกมารินใส่แก้ว ก่อนที่แก้วใบขนาดพอดีมือจะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง ไม่กี่นาทีน้ำที่อยู่ด้านในก็หายไป แก้วจึงถูกล้างแล้วคว่ำลงที่เดิม ขวดน้ำที่วางอยู่ข้างๆถูกเก็บเข้าในตู้เย็น เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ร่างบอบบางก็หมุนตัวกลับเพื่อที่จะออกจากห้องครัว
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอชนเข้ากับใครบางคนที่มายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วงแขนแข็งแรงโอบกอดรอบเอวคอดเล็กเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างทำท่าจะหงายหลัง เสียงหวีดร้องดังขึ้นเบาๆ เมื่อเธออยู่ในอาการตกใจ
“ร้องทำไม”
“พี่!!!”
“ก็ฉันน่ะสิ คิดว่าใครล่ะ”
“…..”
“ลงมาทำอะไรดึกดื่น”
“มาดื่มน้ำค่ะ”
ทั้งสองคนต่างยืนนิ่งไม่มีใครพูดอะไรจนนริยารู้สึกอึดอัด เมื่อเธอยืนทรงตัวได้แล้วแต่อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธออยู่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยจากเอวของเธอ
“ปล่อยเอวน้ำก่อนได้ไหมคะ”
“ทำไมต้องปล่อย” เสียงห้าวทุ้มราวกระซิบดังขึ้นข้างใบหูเล็ก
“…..” นริยาสะดุ้งอีกคำรบเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายใหญ่โตสมบุรุษเพศเบียดเรือนกายเข้าหาร่างเธอ ร่างกายที่มีเพียงเสื้อยืดของเขากับกางเกงขาสั้นไร้ปราการด้านใน!!
มือเล็กยกขึ้นตั้งใจจะผลักร่างสูงใหญ่ออก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้แตะโดนตัวเขาด้วยซ้ำ มือใหญ่ก็ปล่อยออกจากเอวคอด จับรวบข้อมือเรียวไปข้างหลังแล้วรวบมันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะใช้อีกมือสอดเข้าที่เอวคอดแล้วดึงให้ร่างบอบบางแนบชิดกับตัวเอง
“พี่!!”
“เสียงดังทำไม อยู่แค่นี้”
“ปล่อยน้ำ”
“หืม ก็น่าปล่อยดีนะ แต่ถ้าปล่อยน้ำนั้นแล้วก็คงจะปล่อยน้ำนี้ไปไม่ได้” เสียงแหบห้าวกล่าวชิดข้างใบหูเล็ก
“!!!” ระหว่างที่กำลังเหวอ ลำคอระหงก็รู้สึกอุ่นวาบ ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักเตรียมโวยวาย
“ร้องไปก็เท่านั้น ป่านนี้คงหลับกันหมดแล้ว แล้วที่นี่ก็เป็นห้องเก็บเสียงทุกห้องนะ”
“แล้วพี่ลงมาทำไมคะ” นริยาอึ้งจนถามเสียงตะกุกตะกัก
“เพิ่งทำงานเสร็จ กำลังจะกลับเข้าห้องนอนก็เห็นเธอออกมาพอดี เลยเดินตามลงมา”
หญิงสาวที่หายอึ้งเริ่มดิ้นขลุกขลักอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามือเขาจะใหญ่เกินไป เพราะข้อมือของเธอทั้งสองข้างถูกเขารวบจับเอาไว้แน่น
“อย่าดิ้นสิ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง” เสียงกัดฟังดังกรอด เมื่อหญิงสาวดิ้นรนจนลืมไปว่าตอนนี้ร่างกายของเธอและเขากำลังแนบชิดกันอยู่
นริยาชะงักไป ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันนูนขึ้นเป็นลำบริเวณท้องน้อยของเธอ หญิงสาวถึงกับนิ่งไป
“มัดจำเอาไว้ก่อน อย่าให้ใครมาซ้ำรอยล่ะ อ้อ อย่าให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวอย่างที่พี่ทำ ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองนั่นแหละที่จะไม่ปลอดภัย”
“มัดจำอะไรคะ ไม่เข้าใจ…..”
ยังไม่ทันที่จะจบประโยค ลำคอระหงก็อุ่นวาบพร้อมกับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบสลับกับขบกัด ดูดเม้มให้มันเกิดรอย
“ขอแค่รอยเดียว สัญญาว่าจะไม่จับต้อง”
“…..”
“ไม่ต้องกลัว พี่จะไม่จับต้อง พี่สัญญาแล้ว”
ร่างเล็กถูกพาหมุนตัว ร่างกายกำยำใช้เรือนกายของตัวเองดันร่างขาวผ่องเอนกายลงไปนอนบนโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้องครัว ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอจะถูกรวบกดลงกับโต๊ะเอาไว้
เรียวขาสวยถูกดันให้แยกออกจากกันเมื่อร่างหนาของบุรุษเพศขยับเข้ามายืนตรงกลางแล้วโน้มตัวไปอยู่เหนือร่างบอบบาง โดยที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอมากกว่านั้นตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้
ปากอุ่นร้อนแนบลงบนริมฝีปากบางอย่างเรียกร้อง ฟันเรียงสวยกัดลงไปบนกลีบปากบางเบาๆ
“อ๊ะ!!!” เสียงหวานใสร้องออกมาเบาๆ เมื่อเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นได้แทรกเข้าไปกวาดชิมภายใน
นริยาอึ้งไปเมื่ออยู่ๆ เธอก็ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัว มันไม่ใช่การจูบแบบผิวเผิน แต่เป็นการจูบที่ลึกซึ้ง และที่สำคัญ…..มันเป็นจูบแรกของเธอ
“แค่นี้น่าจะพอแล้วล่ะ”
ข้อมือเล็กได้รับอิสระ หลังจากที่ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก และสร้างร่องรอยบนลำคอของเธอหลายรอย ฝ่ามือใหญ่ช่วยพยุงแผ่นหลังบอบบางขึ้นจากโต๊ะเพื่อให้เธอทรงตัวได้
“ไปนอนเถอะ ล็อกห้องดีๆ ล่ะ”
“…..ค่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวก่อน ลืมอะไรบางอย่าง”
“คะ?”
ริมฝีปากนุ่มถูกแนบจุมพิตแผ่วเบา โดยไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น ก่อนที่ตัวเธอจะได้รับการปล่อยแล้วถูกดันให้เดินออกจากห้องครัวไป
“ฝันดีนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นตามหลังมาเบาๆ ซึ่งเขามั่นใจว่าหญิงสาวได้ยิน ก่อนที่มือใหญ่จะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำแล้วเดินกลับขึ้นห้องไปเช่นกัน
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้
ความคิดเห็น