ก๊อก ก๊อก ก๊อก
อิงดาวรัวข้อนิ้วเคาะลงบนบานประตูห้องของน้องชาย เธอรอจนกระทั่งแน่ใจว่าแม่หลับสนิทแล้ว จึงออกมาหาน้องชายที่อยู่ห้องข้าง ๆ
แกร่ก
บานประตูไม้แง้มออกเพียงครึ่งเดียว ดวงหน้าสะลึมสะลือของน้องชายเพียงคนเดียวของเธอก็โผล่ออกให้เห็น อิงดาวถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“อาทิตย์หน้า พี่ต้องไปจัดงานนิทรรศการที่จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงที่พี่ไม่อยู่เธอต้องรีบกลับบ้านมาช่วยแม่ทำงาน เพราะแม่แก่มากแล้ว ร่างกายของแม่ไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน”
“ถ้าพี่ห่วงมากนะพี่ก็ไม่ต้องไปสิ”
ตะวันขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วง รู้สึกหงุดหงิดที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึก ปากเขาจึงโพล่งออกไปโดยที่ไม่ได้คิด
อิงดาวกัดริมฝีปากของตนเองแน่น จากนั้นก็ค่อย ๆ คลายออก แล้วเอ่ยกับน้องชายอย่างใจเย็นอีกครั้งว่า
“ตะวัน พี่ไปทำงานนะ พี่ไม่ได้ไปเที่ยว เธอเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน เป็นความหวังของทุกคนในบ้าน”
“พอ ๆ เลย หยุดเทศนากันได้แล้ว นี่มันเวลาไหนแล้วพี่อิง ตะวันง่วง ! ตะวันจะนอน !”
ตะวันตะโกนขัดขึ้น สีหน้าหงุดหงิดเต็มที่ ขนาดแม่ยังไม่เคยบ่นเขาสักคำ แต่หล่อนเป็นแค่พี่สาวมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนเขา
“ตะวันเบา ๆ หน่อย แม่กำลังนอนอยู่นะ ถือว่าพี่ขอร้องก็ได้ ช่วงที่พี่ไม่อยู่อาทิตย์หนึ่ง เธอรีบกลับมาช่วยแม่เก็บร้านที่ตลาด แล้วช่วยแม่ทำงานบ้านช่วงเย็นได้ไหม”
อิงดาวพยายามอธิบายให้น้องชายเธอเข้าใจอย่างใจเย็น เธอกับแม่เผชิญความลำบากมาด้วยกัน เพื่อหาเงินและเลี้ยงดูน้องชายให้สุขสบายที่สุด เพราะเขาเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ที่จะสานความฝันให้แม่ได้ คือ สอบเข้าโรงเรียนนายร้อย แล้วรับใช้ชาติปกป้องบ้านเมืองเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา
“พี่ ! พี่ก็รู้ว่าตะวันต้องติวหนังสือกับเพื่อน กลับมาไม่ทันหรอก”
ตะวันขึ้นเสียงอย่างไม่ลดละ เขาเห็นว่าแม่ก็ขายของที่ตลาดไปเองมาเองได้ทุกวัน ทำไมเขาจะต้องไปช่วย ในเมื่อแม่ก็บอกเขาให้ตั้งใจเรียนเท่านั้นก็พอ
“ตะวัน ! แม่กำลังป่วยนะรู้ไหม?”
อิงดาวตะคอกออกมาอย่างเหลืออด
“เสียงดังอะไรกัน”
นางจันทร์ส่งเสียงถามขึ้น อิงดาวหันหลังกลับมามองด้วยความตกใจ แล้วรีบบอกผู้เป็นมารดาทันทีว่า
“ไม่มีอะไรแม่ แค่อิงมาบอกน้องว่าอาทิตย์หน้าอิงจะไปราชการ ที่เชียงใหม่ อยากให้น้องกลับบ้านเร็วหน่อย”
เรื่องทะเลาะกันในบ้านเป็นเรื่องใหญ่ เธอไม่อยากให้แม่ไม่ สบายใจ
นางจันทร์มองใบหน้าบุตรชายที และลูกสาวที เพราะเสียงเอะอะของทั้งคู่จึงทำให้เธอต้องลุกจากที่นอนขึ้นมาดู
“เอาเถอะ ถ้าไม่มีอะไรก็รีบ ๆ นอนกันเถอะ น้องก็ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงตีสามอิงก็ต้องตื่นมาช่วยแม่ทำกับข้าวไปขายที่ตลาดไม่ใช่เหรอ ไป ๆ ไปนอน”
สิ้นคำบอกของแม่ ตะวันปิดประตูห้องนอนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว อิงดาวได้แค่ลอบถอนหายใจ เอาเถอะยังมีเวลาอีกมากที่เธอจะค่อย ๆ สอนน้อง
การเดินทางไกลมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมาจัดงานนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยนั้น แม้ว่าจะทำให้อิงดาวเป็นห่วงแม่อยู่มาก แต่เมื่อถึงเวลาทำงาน เธอก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จนกระทั่งถึงวันกลับ
“อิง นี่จ๊ะ ตั๋วเครื่องบิน”
พี่มุตายื่นตั๋วเครื่องบินให้สาวน้อยที่กำลังเข็นรถที่บรรจุกล่องสัมภาระที่นำมาจัดงานนิทรรศการจนเต็มคันรถ แม้ว่าบนหลังของเด็กสาวจะสะพายเป้ขนาดใหญ่ไว้บนหลังอีกใบ แต่ก็ไม่ทำให้แรงเข็นรถไปข้างหน้าลดลงแม้แต่น้อย
“ขอบคุณค่ะ พี่ตา”
อิงดาวรับตั๋วเครื่องบินมาใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กอย่างระมัดระวัง เพราะตั๋วนี้ราคาแพงมาก เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าคนจน ๆ อย่างเธอจะมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินกับคนอื่นเขาสักครั้งในชีวิต
“อิงนั่งคนเดียวได้นะ”
มุตาถามอย่างเป็นห่วง เพราะตอนมานั้นเธอนั่งคู่มากับเด็กสาว ส่วนหัวหน้าสำนักงานนั่งกับพี่นก แต่พอตอนขากลับ หัวหน้าถูกรองอธิการบดีเรียกตัวให้กลับก่อน ดังนั้น จึงต้องมีคนใดคนหนึ่งไปนั่งคนเดียว
“ได้ค่ะ พี่ตา ไม่ต้องห่วงอิงนะคะ แค่นั่งแยกกันตอนขึ้นเครื่องเท่านั้นเอง”
อิงดาวตอบพร้อมกับระบายยิ้มออกมาเต็มหน้าให้พี่ร่วมงานสบายใจ และให้มั่นใจว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้
“เหรอ อะ โอเค ตามใจเธอละกัน”
มุตาพยักหน้ารับรู้ จากนั้นทั้งคู่ก็เร่งฝีเท้าให้ทันพี่นก ที่เดินตัวปลิวเกือบจะถึงจุดที่ต้องเช็กอินก่อนขึ้นเครื่องแล้ว
เมื่อขึ้นมาบนเครื่องบิน อิงดาวพบว่าที่นั่งของเธออยู่ห่างจากพี่ ๆ ค่อนข้างมาก เพราะที่นั่งของเธออยู่เกือบจะส่วนท้าย ส่วนพี่ตากับพี่นกอยู่ค่อนไปทางด้านหน้า
อิงดาวเก็บกระเป๋าไว้ที่ช่องไว้สัมภาระด้านบน จากนั้นก็เข้าไป นั่งด้านในสุด ชิดริมหน้าต่าง ตามหมายเลขที่นั่งที่ระบุบนตั๋ว ระหว่างที่รอผู้โดยสารคนอื่น ๆ ขึ้นมาครบ เธอจึงหยิบหนังสือนิตยสารชั้นนำที่มีรูปสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ขึ้นมาดูเพื่อฆ่าเวลา โดยเฉพาะภาพท้องทะเล สีครามที่ทำให้สายตาของเธอหยุดอยู่ที่มันนานที่สุด เพื่อซึมซับเอาความสวยงามของมันเก็บไว้ในใจ แม้ว่าหล่อนจะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเล จริง ๆ แต่อย่างน้อยแค่ได้เห็นภาพเธอก็มีความสุขแล้ว
และแล้วความฝันของอิงดาวก็หยุดชะงักลงเมื่อแอร์โฮสเตสประกาศให้รัดเข็มขัด และปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เธอจึงเก็บนิตยสารเข้าที่ แล้วหางตาของเธอก็เหมือนกับเห็นเงาร่างของใครบางคนที่คุ้นตา เธอจึงหันไปมองยังคนที่นั่งข้าง ๆ
“เอ๊ะ”
เสียงอุทานแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง อิงดาวต้องกะพริบตาถึงสองครั้งเพื่อปรับสายตาให้มองเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และดวงตาของเธอก็ลุกวาวยิ่งขึ้นเมื่อพบว่า ผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ เธอ คือ รศ.ดร.ธาวิน ไตรสุวรรณ คนที่เธอพยายามจะบอกขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกไปสักที บัดนี้เขานั่งอยู่ใกล้เธอเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น !
อิงดาวรีบหันหน้ากลับมาพร้อมกับก้มหน้าลง ร่างกายเกร็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน หัวใจของหล่อนเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ มือไม้เย็นเฉียบไปหมด แค่ได้นั่งใกล้ ๆ เขา คนที่เป็นที่กล่าวขานทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ก็ทำให้เธอแทบจะหยุดหายใจตายลงไปเสียตรงนั้น เธอต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่สองสามรอบ เพื่อระงับความตื่นเต้น
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ